5 ปีผ่านไป
กรุงเทพมหานคร
“แม่ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวเกียร์จัดของเอง”
ฉันบอกแม่ในระหว่างที่รับกล่องใบสุดท้ายมาถือเอาไว้
“แม่จะไปพักได้ยังไง ในเมื่อทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย”
“แต่แม่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะคะ”
“เกียร์ก็เหนื่อยเหมือนกันมั๊ยลูก”
“เกียร์ไหวค่ะแม่”
“อย่าเอาแต่บอกให้แม่พักซิเกียร์ แม่ว่าเราช่วยกันจัดบ้านให้เสร็จ แล้วเราก็ไปพักพร้อมกันดีกว่านะ”
“เกียร์รู้แล้วค่ะว่าเกียร์ดื้อได้ใคร”
“เดี๋ยวเถอะ”
ฉันหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะลงมือจัดข้าวของให้เข้าที่ต่อ
“บ้านหลังไม่เล็กไปใช่มั๊ยคะแม่”
“ไม่เล็กหรอกลูก”
“แม่ชอบมั๊ยคะ ถ้าไม่ชอบ เกียร์หาบ้านหลังใหม่ให้ได้นะ”
“มีเหตุผลอะไรที่แม่จะไม่ชอบ มันอยู่ที่คนอยู่ด้วยต่างหาก ที่ทำให้แม่มีความสุข”
“ขอบคุณนะคะแม่ ขอบคุณที่อยู่ข้าง ๆ เกียร์มาตลอด”
ฉันกอดแม่แน่น พร้อมกับซบหน้าลงที่อกอุ่น ๆ ของแม่เหมือนเด็ก
“อ้อนเหมือนเด็กอีกแล้วนะเกียร์”
“ก็เกียร์อยากกอดแม่นี่คะ”
“แม่ว่าเรารีบจัดของให้เสร็จก่อนที่ตัวป่วนจะตื่นดีกว่านะ”
“ค่ะแม่”
ฉันนึกขำกับสรรพนามที่แม่ใช้เรียกหลานชายตัวน้อยของตัวเอง
‘ออกัส’ เด็กชายตัวน้อยวัยสี่ขวบ เด็กชายที่ทำให้ฉันไม่สามารถลืมเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับฉันได้ลงแม้แต่วินาทีเดียว ใช่เค้าคือลูกของฉันที่เกิดกับผู้ชายคนนั้น
หลังจากที่กลับไปลอนดอนได้ไม่กี่เดือน ฉันก็รู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ฉันท้องกับผู้ชายที่ฉันรู้จักแค่ชื่อเล่น ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นชื่อของเค้าจริง ๆ มั๊ย
เมื่อมันไม่สามารถอยู่ในการควบคุมของฉันได้ ฉันเลยต้องเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คนเป็นแม่ฟัง แต่ไม่ทั้งหมด
แม่ไม่โกรธฉันเลยแม้แต่น้อย แม่ให้กำลังใจฉันและช่วยฉันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนฉันผ่านพ้นช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิตมาได้
แม่แต่งงานกับคุณลงไมเคิล ท่านทั้งสองอยู่กินกันฉันสามีภรรยาได้เพียงสามปีเศษ คุณลุงไมเคิลก็ประสบอุบัติเหตุจนต้องจบชีวิตลง
หลังจากที่ลุงไมเคิลเสียชีวิต ฉันทนเห็นแม่เศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ไหว ฉันเลยชวนแม่ย้ายกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่เมืองไทย
ทรัพย์สมบัติที่ลุงไมเคิลทิ้งไว้ให้ มันมากพอที่จะทำให้ครอบครัวของฉันไม่ต้องลำบาก แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะอยู่เฉยหรอกนะ
“แม่คะ พรุ่งนี้เกียร์จะหาโรงเรียนให้ออกัสนะคะ”
“ให้แม่ไปด้วยนะ”
“ได้ซิคะ เกียร์ว่าจะหางานทำด้วยค่ะแม่”
“เกียร์ไม่เห็นต้องลำบากเลยนะลูก บ้านเราไม่ได้ลำบากขนาดนั้นนะ”
“เงินใช้ไปมันก็มีวันหมดค่ะแม่ อีกอย่าง เกียร์ไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ด้วยค่ะ”
“ดื้อตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะเรา แม่ห้ามอะไรไม่เคยได้เลย”
“ดื้อเหมือนแม่ไงคะ แล้วแม่อยากทำอะไรเป็นพิเศษมั๊ยคะ”
“แม่อยากเปิดร้านดอกไม้ เกียร์ว่าไง”
“เกียร์แล้วแต่แม่ค่ะ แต่แม่จะไหวรึเปล่า ไหนจะเลี้ยงเจ้าตัวแสบ ไหนจะดูแลร้าน”
“เกียร์ไหว แม่ก็ไหว”
“ตกลงตามนี้ค่ะแม่ งั้นพรุ่งนี้เราหาช่างต่อเติมร้านเลยดีมั๊ยคะ”
“แม่ว่าก็ดีนะ”
แค่แม่ยิ้มได้ แค่นี้ฉันก็สุขใจแล้วหละ
ชีวิตของฉันมันไม่ได้สวยหรูเหมือนเจ้าหญิงหรอกนะ ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ฉันใช่ชีวิตค่อนข้างลำบากจริง ๆ
ที่เป็นแบบนั้นเพราะตัวฉันเลือกเองทั้งหมด ฉันก็แค่อยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่แข็งแกร่ง ฉันเลยต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อให้มีวันนี้
ร่างกายน่ะใช่ แต่ว่าจิตใจของฉันนี่ซิ มันไม่เข้มแข็งเอาซะเลย
ทุกครั้งที่มองหน้าลูกชายตัวน้อย มันก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมาทุกที
15:25 น.
“Mom”
“หืม?”
เสียงเล็กดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากโน๊ตบุ๊ค ที่ฉันกำลังกรอกประวัติสมัครงานไว้
“ตื่นแล้วหรอครับ”
ฉันหันหลังกลับไปพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ แล้วลูบลงที่เส้นผมเบา ๆ
“กัสหิว”
“ตื่นมาก็หิวเลยหรอ จะกลายเป็นเด็กอ้วนแล้วนะเรา”
“อ้วนแล้วมัมจะไม่รักกัสหรอคับ”
“รักซิครับ มัมรักกัสที่สุดเลยนะ”
“กัสรักมัมที่สุดเหมือนกันคับ”
“ไปชวนคุณยายออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า”
“เย้!!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ร่างเล็กก็กระโดดโลดเต้น แล้ววิ่งป๋อออกไปจากห้องนอนทันที
“ดื้อได้ใครนะ”
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาจัดการกับประวัติของตัวเองจนเสร็จ แล้วหยิบกระเป๋าตามออกไป
@ห้างสรรพสินค้า
ฉันทำหน้าที่ขับรถพาคนทั้งสองมาที่ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง
“แม่อยากซื้ออะไรเข้าบ้านเพิ่มมั๊ยคะ”
“ก็หลายอย่างอยู่นะ”
“กัสอยากได้ขนม”
“จะกินข้าวอยู่แล้ว ยังอยากกินขนมอยู่อีกหรอเราน่ะ”
คนเป็นยายเอ่ยถามแบบติดตลก
“เอาไว้กินตอนหิวไงครับคุณยาย”
“ได้ครับแต่ว่าเราต้องไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวยายซื้อขนมให้เยอะ ๆ เลย”
“คุณยายใจดีที่สุดในโลกเลยคับ”
“แม่คะ”
ฉันกำลังจะเอ่ยปากห้ามคนเป็นแม่เรื่องที่ตามใจออกัสมากเกินไป แต่เหมือนแม่จะรู้ทันฉัน
“แม่รู้เกียร์ แค่นี้มันไม่ทำให้ออกัสเสียคนหรอกลูก”
“ก็ได้ค่ะแม่ เกียร์ยกให้แม่เลยค่ะ”
จริง ๆ แม่ของฉันก็ไม่ได้ตามใจออกัสทุกเรื่องหรอกนะ ทุกครั้งที่แม่ยอม แม่มักจะมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ แต่ฉันก็ไม่อยากให้แม่โอ๋ออกัสมากเกินไป
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ เราทั้งสามคนก็เดินซื้อของใช้และของกินอีกหลายอย่างจนครบ จากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน
“เกียร์”
“คะแม่”
ฉันหันไปมองแม่เล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสนใจมองทางข้างหน้าต่อ
“เรื่องพ่อของออกัส”
ฉันไม่รอให้แม่พูดต่อ ฉันตัดจบประโยคโดยที่ไม่ได้สนใจว่าแม่จะมีสีหน้ายังไง
“แม่คะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีกค่ะ”