บททีี่ 13
ทั้งตังเมและธันวามองหน้าพิภพที่เข้ามาในห้องพร้อมช่อดอกกุหลาบสีขาวขนาดเหมาะมือ เขายิ้มให้ ทั้งคู่ผละออกจากกันตังเมแก้มแดงระเรื่อหัวใจเต้นแรงไปกับสายตาของธันวาเมื่อกี้
" ขอตัวก่อนนะคะ " ตังเมพูดเบาๆ แล้วก้มหัวลงเล็กน้อยตอนที่กำลังจะเดินผ่านพิภพออกจากห้อง แต่อีกฝ่ายกลับขยับตัวมาขวางหน้าประตูไว้ ธันวาเดินตามมา
" ขอโทษนะครับ คุณธัน " พิภพเอ่ยกับธันวา ร่างสูงยืนปักหลักหน้าประตูไม่ปล่อยให้ตังเมเดินออกไป " เด็กคนนี้ใช่มั้ยครับที่ถูกน้องสาวผม -- "
" ถ้าหมายถึงทำโทษเกินกว่าเหตุ ใช่ครับ " ธันวายืนประกบตังเมไว้มองช่อดอกไม้ทีมองหน้าพิภพที " คุณพิภพมีอะไรหรือเปล่าครับ "
พิภพยิ้มให้ธันวาก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ให้ตังเม " ดอกไม้แทนคำขอโทษที่น้องสาวผมทำเกินกว่าเหตุนะครับ -- เออ-- คุณ "
" ขอโทษนะครับ คุณพิภพ -- ผู้ช่วยของผมต้องกลับไปทำงานแล้ว " ธันวาดันหลังตังเมเบาๆ ก่อนจะหยิบช่อดอกไม้ออกจากมือของพิภพ " ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้ -- เชิญข้างในห้องครับ " ธันวาเบี่ยงตัวให้พิภพเดินเข้ามาในห้อง พิภพหันหลังมามองตังเมที่เดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองแล้ว ธันวากระแอมทีหนึ่ง
" เชิญนั่งครับ คุณพิภพ "
พิภพนั่งลงตามคำเชิญของธันวา แต่ในสมองยังคงคิดถึงใบหน้าหวานของหญิงสาวคนเมื่อกี้อยู่ ขณะที่อีกคนจู่ๆก็รู้สึกไม่ชอบหน้าพิภพขึ้นมา ไม่ชอบสายตาที่มองตังเม ไม่ชอบรอยยิ้มที่ยิ้มให้ตังเม ท่าทางนั่นก็ด้วยรวมถึงดอกไม้นี่เห็นแล้วอยากจะโยนมันทิ้งถังขยะชะมัด
" คุณพิภพมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ " เพราะความหงุดหงิดที่บอกไม่ได้ว่ามาจากไหน ทำให้ธันวาถามน้ำเสียงเกือบห้วน พิภพไม่ทันฟังเลยจับน้ำเสียงห้วนของธันวาไม่ได้
" อ่อ ครับ " พิภพรับคำ " ผมอยากมาคุยกับคุณธันเรื่องใบเสนอราคาของผู้รับเหมาก่อสร้างหน่อยครับ "
" ติดขัดตรงไหนหรือเปล่าครับ " ธันวากลับเข้าโหมดทำงาน
" จะเรียกว่าติดก็คงไม่ซะทีเดียวครับ ผมมาเพื่อคลายข้อสงสัยเล็กน้อย "
ธันวายกคิ้วสูงมอง " เชิญครับ "
" รายชื่อของผู้รับเหมา ผมเห็นว่ามีชื่อของท็อปฟอร์มรวมอยู่ในนั้นด้วย เท่าที่ทราบท็อปฟอร์มเป็นบริษัทของเพื่อนคุณ " พิภพว่า " อีกอย่างทำไมถึงไม่เสนอรายชื่อซีเอ็นเอ็กซ์ บิลด์ครับ ก่อนหน้านี้ทางคุณพิชาญเคยใส่รายชื่อลงไปในรายงานด้วย แต่คุณกลับให้เขาถอนรายชื่อออกทั้งๆที่อีกฝ่ายเสนอราคาได้ดีกว่าท็อปฟอร์ม ผมอยากทราบเหตุผลของการใส่ชื่อท็อปฟอร์มเข้ามากับถอนรายชื่อของซีเอ็นเอ็กซ์ออกครับ "
" เหตุผลก็ง่ายๆครับ บริษัทของคุณศรันย์ทำได้ดีกว่าอีกเจ้า เราเปิดราคากลางให้ผู้รับเหมาเจ้าไหนก็ได้เสนอราคาเข้ามา ท็อปฟอร์มเองก็เสนอราคาได้ตามที่เราตั้ง เรื่องของการทำงานผมเห็นควรว่าท็อปฟอร์มทำได้ดีกว่าซีเอ็นเอ็กซ์ครับ ผมจึงส่งรายชื่อที่พิจารณาแล้วว่าเห็นควรจึงให้คุณได้พิจารณาต่อครับ "
" ไม่ใช่เพราะว่าเป็นบริษัทเพื่อนของคุณใช่มั้ยครับ -- ขอโทษนะครับที่ต้องถามกันตรงๆ "
" ไม่เป็นไรเลยครับ คุณพิภพ เพื่อความโปร่งใสผมยินดีให้คุณสอบถาม " ธันวายิ้ม " ผมกับพีทหรือคุณศรันย์เราเป็นเพื่อนสมัยมหาลัยก็จริงแต่ในเรื่องธุรกิจเราไม่ได้ใช้ความเป็นเพื่อนมาเพื่อหาผลประโยชน์กันนะครับ การเลือกผู้รับเหมามารับงานต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ ราคา การเอาใจใส่งาน หน้าที่ความรับผิดชอบ ทัศนคติ รายชื่อบริษัทที่ส่งให้คุณได้ดูคือรายชื่อที่เหมาะสมตามองค์ประกอบครับ "
พิภพพยักหน้าอย่างเข้าใจ
" มีตรงไหนสงสัยเพิ่มมั้ยครับ " ธันวาถาม พิภพส่ายหน้า
" ไม่แล้วครับ คุณธันเคลียร์ข้อสงสัยของผมได้หมดเลยครับ " พิภพว่า
" ยินดีครับ "
พิภพนั่งคุยกับธันวาอีกไม่นานเขาก็ขอตัวกลับ แต่เมื่อเขาเดินไปที่ประตู พิภพก็หันกลับมาถามธันวา " เออ ขอโทษนะครับ คุณธัน -- เด็กคนเมื่อกี้ชื่อว่าอะไรเหรอครับ "
" ม่านมุกครับ " ธันวาตอบไม่เต็มเสียง
" ชื่อเล่นล่ะครับ " พิภพถามยิ้มๆ ธันวาไม่ชอบใจรอยยิ้มของพิภพเลย " ถ้าคุณธันไม่สะดวกตอบ ผมเดินไปถามเธอเองก็ได้นะครับ "
" ตังเมครับ " ธันวารีบตอบ
พิภพพยักหน้ารับ " ขอบคุณครับ ถ้ายังไงรบกวนฝากช่อดอกไม้นั่นให้ตังเมด้วยนะครับ แทนคำขอโทษในนามมหากิจครับ ครั้งหน้าผมจะมาในนามของผมเอง -- คุณธันไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ "
คิ้วของธันวากระตุกเล็กน้อยกับประโยคของพิภพ เขาฝืนยิ้มออกมา " ตามสบายเลยครับ คุณพิภพ "
" ครับ ไว้เจอกันครับ " พิภพเดินออกจากห้องธันวาไปแล้ว ธันวาลุกออกจากโต๊ะเดินไปที่มูลี่เปิดมันออกกวาดตามองเห็นตังเมกำลังวุ่นวายอยู่กับงานที่ต้องทำ เธอเดินไปท่ัวออฟฟิศเห็นสีหน้าและท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นธันวาก็รู้สึกผิดอยู่ในใจกับเรื่องที่เขาพูดออกไป แต่ช่วยไม่ได้ยัยหน้าจืดนั่นอยากท้าเขาเองนิ ธันวาปิดมูลี่ลงเดินกลับไปที่โต๊ะสายตาเหลือบเห็นช่อดอกกุหลาบสีขาวของพิภพที่เอามาให้ตังเมก่อนจะหยิบมันขึ้นมาก่อนจะทิ้งลงถังขยะด้วยความหงุดหงิด
******
ครืด ครืด
ธันวายื่นมือไปหยิบมือถือที่กำลังสั่นอยู่ข้างประตูออกมาดู เขากดรับ " ฮัลโหลครับ คุณพะยูน แค่ก -- แค่ก "
" อ้าว ไม่สบายเหรอคะ บอส " พะยูนส่งเสียงทักทายมา
" เจ็บคอนิดหน่อยครับ -- พะยูนมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ ถึงโทรมาหาผม " ธันวาถาม " เรื่องงานเหรอครับ "
" ไม่ค่ะ ฉันมีเรื่องขอความช่วยเหลือจากบอสค่ะ -- ฉันอยากคุยกับคุณสิงหาพี่ชายของบอสน่ะค่ะ เรื่องเกี่ยวกับอาติณ "
" คุยกับพี่สิงห์เรื่องพี่ติณเหรอครับ " ธันวาทวนความเข้าใจ ปลายสายรับคำ " บอกตรมตรงนะครับ ถ้าให้ผมไปพูดว่าคุณอยากคุยกับเขาเรื่องพี่ติณ คนหัวแข็งอย่างพี่สิงห์คงไม่มาแน่ " ธันวารับรู้ความผิดหวังได้จากปลายสาย
" เอาแบบนี้ล่ะกันครับ พะยูน -- เย็นวันนี้พี่สิงห์เค้ามีนัดแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนเขาที่ร้าน xxx ผมพาคุณไปเจอพี่เค้าได้นะครับ ถ้าคุณต้องการ "
พะยูนตอบตกลงทันที ธันวากดวางสายแล้วขับรถเลี้ยวเข้าไปในออฟฟิศตัวเอง ทันทีที่เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานตัวเอง อรุณรุ่งผู้ช่วยคนเก่งของเขาก็เดินฉับๆเข้ามา
" บอสไล่ตังเมออกเหรอคะ! " อรุณรุ่งที่กลับมาทำงานหลังจากป่วยไปสามวัน ยืนทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออยู่ในห้องทำงานของธันวา มีทีมสถาปนิกที่ยืนเป็นกำลังใจให้อรุณรุ่งอยู่หน้าห้องพวกเขาต้องผจญกับความหายนะในออฟฟิศหลังไร้อรุณรุ่งและตังเมไปถึงสองวัน ถึงตังเมจะยังเป็นน้องใหม่อยู่แต่อย่างน้อยเธอก็ยังช่วยเหลือพวกเขาได้ในยามที่ต้องการแม้จะไม่เท่ากับอรุณรุ่งก็เถอะ แต่การที่พวกเขากลับมาทำงานในรุ่งขึ้นแล้วพบว่าตังเมถูกบอสของพวกเขาไล่ออกไปแล้ว ทำให้พวกเขาแทบจะไปต่อไม่ถูก งานของพวกเขาก็ต้องทำ งานของบอสก็ต้องทำ ไหนจะงานเอกสารที่ทั้งอรุณรุ่งและตังเมช่วยพวกเขาทำ ทุกคนก็ต้องทำเองทั้งหมด
กิ่งดาวถึงกับโอดครวญว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้หมายความว่าต้องไล่ตังเมออก แค่ทำโทษเบาๆก็พอ
" ใช่ครับ " ธันวายอมรับ " มีอะไรหรือเปล่าครับ " สายตามองไปที่ทีมสถาปนิกของตัวเอง พวกเขายืนออกันที่หน้าประตู
" มีค่ะ " อรุณรุ่งตอบ " ความผิดของตังเมต้องถึงขั้นไล่ออกเลยเหรอคะ บอส -- บอสไม่คิดว่ามันออกจะเกินกว่าเหตุไปหน่อยมั้ยคะ งานของกิ่งดาวเองก็ทำขึ้นใหม่ได้แล้ว ลูกค้าเองก็พอใจกับงานที่ทำใหม่และดีกว่างานเก่า บอส! แค่ลงโทษสถานเบาก็พอมั้ยคะ " อรุณรุ่งโอด
" ตังเมไม่ใช่ผิดแค่งานเดียวนะครับ งานที่ผมสั่งก็ยังผิดซ้ำๆ ไม่รู้จักปรับปรุง ทำงานล่าช้า คนอื่นเองก็เจอปัญหานี้ไม่ใช่เหรอครับ "
" มันก็ใช่ค่ะ แต่บอสต้องเข้าใจนะคะ ว่าตังเมพึ่งมาทำงานได้อาทิตย์เดียวเธอเป็นเด็กใหม่ต้องให้โอกาสเธอ " อรุณรุ่งว่า " ค่อยๆสอนไป ตังเมเป็นเด็กหัวไว เรียนรู้เร็ว แต่อาจจะหลงๆลืมๆไปบ้าง มันก็เท่านั้นเอง "
ประโยคของอรุณรุ่งทุกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูพยักหน้าสนับสนุน ธันวายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมอง " แต่ผมไล่เธอออกไปแล้ว ถ้าคุณอุ่นอยากได้คนใหม่ก็ลงประกาศใหม่ก็ได้นิครับ "
" อุ่นไม่ได้อยากได้คนใหม่ค่ะ บอส " อรุณรุ่งว่า " อุ่นสอนงานตังเมไปแล้ว ตังเมกำลังเรียนงานที่อุ่นสอน และคงดีกว่าค่ะถ้าตังเมจะกลับมาสานงานต่อ ถ้ารับคนใหม่ทุกอย่างก็ต้องนับหนึ่งใหม่หมด มันเสียเวลานะคะ บอส และกว่าจะได้คนใหม่มาทุกคนก็ต้องกลับไปเหมือนเดิม " เธอถอนหายใจออกมาแรงๆ ทั้งๆที่พึ่งหายป่วยแท้ๆ พอกลับมาเจอบอสหนุ่มจอมเฮี้ยบที่ไล่บี้ผู้ช่วยคนใหม่อย่างกับเกลียดกันก็เหมือนตัวเองกำลังจะไข้ขึ้นอีกรอบ " เรียกให้ตังเมกลับมาทำงานเถอะนะคะ บอส "
ธันวาทำหน้าเหมือนถูกอรุณรุ่งบีบคอ " ไม่ครับ "
" บอสต้องเรียกกลับค่ะ "
" คำสั่งผมถือว่าเป็นสิทธิ์ขาดครับ "
" บอส! "
" คุณอุ่นครับ! "
" ถ้าบอสไม่เรียกตังเมกลับ ตารางงานของบอสต้องทำเอง ไม่มีใครช่วยบอส พวกเราจะบอยคอตบอสจนกว่าตังเมจะกลับมาค่ะ " พูดจบอรุณรุ่งก็เดินสะบัดออกจากห้องไป ธันวาเอาลิ้นดุนแก้มอย่างไม่ชอบใจที่ถูกลูกน้องตัวเองกดดันแบบนี้เลย แต่ที่ไม่ชอบใจมากกว่าคือเขาต้องกลับไปง้อให้ยัยตังเมเหนียวแน่นหนึบกลับมาทำงานทั้งๆที่เขาเองไม่ได้จะลงโทษเธอแบบนั้น แต่ตังเมต่างหากที่เป็นคนพูดเรื่องไล่ออกๆมาเอง
อรุณรุ่งไม่ใช่แค่ขู่แต่เธอทำจริงๆ รวมถึงคนอื่นด้วยที่บอยคอตธันวา
" เรียกตังเมให้ผมหน่อยครับ คุณอุ่น " ธันวากดโทรศัพท์หาอรุณรุ่ง
" ลืมแล้วเหรอคะ บอส -- ตังเมไม่อยู่แล้วค่ะ "
ธันวายกมือขึ้นกุมขมับตัวเองรู้สึกปวดตุบๆพิกล " งั้นคุณอุ่นช่วยมาที่ห้องผมได้มั้ยครับ ผมมีเรื่องอยากให้คุณอุ่นช่วย "
" ขอโทษค่ะ บอส อุ่นมีงานที่ตังเมต้องทำแต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้วทำก่อนน่ะค่ะ ทางทีมเร่งมา รบกวนบอสทำเองก่อนได้มั้ยคะ " พูดจบอรุณรุ่งก็ตัดสายทิ้งไป ธันวาถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการต่อต้านของลูกน้องตัวเอง เขาเอนหัวพิงไปกับพนักด้านหลัง พอดีกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
" เชิญครับ "
" สวัสดีค่ะ บอส " พะยูนยกมือไหว้ ธันวารับไหว้พลางส่งยิ้มที่ดูเหนื่อยๆให้ อีกฝ่ายยกคิ้วเรียวสวยมอง " วันนี้ดูเหนื่อยนะคะ บอส "
" นิดหน่อยครับ --- แล้วนี่เรามีนัดกันตอนเย็นใช่มั้ยครับ "
" ค่ะ อีกอย่างพะยูนจะเข้ามาดูงานเอกสารกับพี่อุ่นด้วยน่ะค่ะ " พะยูนตอบพลางมองสีหน้าซีดเซียวของธันวา " บอสโอเคมั้ยคะ เหมือนจะไม่ค่อยสบายเลยนะคะ "
ธันวาส่ายหัวยิ้มๆ " ผมสบายดีครับ " พะยูนมองธันวาอย่างไม่แน่ใจก่อนจะออกไปหาอรุณรุ่ง ปล่อยให้ธันวาที่กำลังปวดหัวขึ้นเรื่อยๆอยู่ตามลำพัง เขาไม่รู้ว่าอาการปวดหัวตอนนี้มาจากอาการป่วยหรือเพราะเค้ากำลังคิดถึงเรื่องของตังเมอยู่กันแน่
" บ้าจริง! "
เมื่อถึงตอนเย็นธันวาพาพะยูนไปที่ร้านเพื่อพบกับสิงหา สีหน้าของพี่ชายตัวเองไม่บอกก็รู้ว่าคงอยากบีบคอเขาจะแย่หลังจากที่แนะนำพะยูนให้รู้จัก
" คุยกับเธอเถอะครับ พี่สิงห์ -- ผมอุตส่าห์พาเธอมาแล้ว " ธันวาบอกกับสิงหา
" แล้วนายถามฉันสักคำมั้ยว่าฉันอยากคุยด้วยหรือเปล่า "
" เถอะน่า พี่สิงห์ -- ถ้าคุยกันถูกคอกับหลานพี่ติณบางทีเรื่องบาดหมางในอดีตจะได้จบลงยังไงล่ะครับ " ธันวาพูดยิ้มๆ " ผมไปกินเหล้ากับเพื่อนพี่ก่อนนะครับ " ว่าแล่วเจ้าตัวก็เดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนของสิงหา
" ไง! ไอ้ธัน " หนึ่งในนั้นทักทาย " สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ งานหนักเหรอ "
" นิดหน่อยครับ พี่แบงค์ " ธันวานั่งลงพลางชงเหล้าของตัวเองดื่ม เพราะความคุ้นเคยกับกลุ่มเพื่อนพี่ชายตัวเองพวกเขาเลยได้นั่งคุยกันเหมือนกับคุยกับกลั่มเพื่อนตัวเอง
" ได้ข่าวว่าได้งานโปรเจคของมหากิจเหรอ ไอ้ธัน " หนึ่งในกลุ่มถาม ธันวาพยักหน้า คนอื่นในกลุ่มพากับร้องฮือ
" เจ๋งนิหว่า ได้โปรเจคใหญ่เลย "
" หืดขึ้นคอเหมือนกันครับ พี่เม่น "
" แล้วได้ดีลงานกับน้องสาวเจ้าของมั้ยวะ เห็นว่าสวยน่าดูเลยนิ "
" สวยครับ พี่แบงค์ " ธันวายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
" จีบมั้ย " แบงค์ออกปากแซวเพราะพอรู้นิสัยของน้องชายเพื่อนคนนี้ดี ธันวายิ้มฮึ
" ไม่ไหว พี่แบงค์ ผมไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับงาน กลัวครับ " ประโยคของธันวาทำเอาเพื่อนของสิงหาฮาครืนออกมา นั่งคุยกันไม่นานธันวาก็แยกตัวออกไปคุยกับสาวๆที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ กลับมาอีกทีพี่ชายตัวเองกับพะยูนก็ไม่อยู่แล้ว
" อ้าว พี่สิงห์กับเพื่อนผมล่ะครับ ไปไหนแล้ว " ธันวาถาม
" ไอ้สิงห์พากลับบ้านไปแล้ว -- แล้วนี่ไม่พากลับด้วยเหรอ " เม่นถามพยักเพยิดไปที่กลุ่มสาวๆตรงเคาน์เตอร์บาร์ ธันวาส่ายหน้า
" วันนี้ไม่ดีกว่า พี่เม่น -- หนักหัวพิกล " ธันวาว่า " ผมกลับก่อนนะครับ " เขายกมือไหว้ลาเพื่อนของสิงหาในโต๊ะจากนั้นตัวเองก็เดินออกมาจากร้านได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นที่ลานจอดรถ ธันวายักไหล่กะว่าจะไม่ใส่ใจเพราะเห็นว่าเป็นวัยรุ่นแต่สายตาเห็นว่าหนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นข้าวตูที่ถูกเพื่อนหิ้วปีกไว้ทั้งสองข้าง
" พวกผมขอโทษจริงๆครับพี่ " เพื่อนข้าวตูยกมือขอโทษ " เพื่อนผมมันเมามากเลยไม่รู้ตัว อภัยให้เพื่อนผมนะครับ"
" เวรเอ้ย! ถ้ารู้ว่าไม่ไหวก็อย่าแดกสิวะ!! เห็นมั้ยนี่มาอ้วกใส่กูเนี่ย " อีกฝ่ายออกอาการเดือดดาลที่ข้าวตูอ้วกใส่เสื้อตัวเอง
" ขอโทษจริงๆครับ -- เพื่อนผมมันโดนสาวหักอกเลยเฮิร์ทหนัก พวกผมบอกให้มันหยุดแล้วแต่มันไม่ยอม " เพื่อนอีกคนของข้าวตูบอกหน้าซีด
คนถูกอ้วกใส่ทำหน้าเหมือนอยากจะบีบคอเด็กหนุ่มทั้งสาม สายตามองข้าวตูด้วยความสมเพช " พวกมึงรีบออกไปเลยนะก่อนกูจะเปลี่ยนใจ " ทั้งหมดพยักหน้าหงึกหงักรีบลากข้าวตูออกไปทันที ธันวาเดินเข้ามาหา
" มีเรื่องอะไรกัน "
" พี่เป็นใครครับ "
" ดีคับ พี่ธัน " ข้าวตูผงกหัวขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้ธันวา ใบหน้าของเขาแดงก่ำนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม ธันวายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองก่อนจะบอกกับเพื่อนข้าวตูว่าเขาจะอาสาไปส่งข้าวตูที่บ้านเอง
" นี่ไหวป่ะเนี่ย ข้าวตู " ธันวาถามพลางหันไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งหันมาส่งตาเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกฮอลล์ให้เขา
" ไหวดิ พี่ธัน ซาบายมาก "
ธันวาส่ายหัวเห็นอาการน้องชายแล้วก็นึกถึงพี่สาวที่ปากบอกว่าไหวแต่สุดท้ายก็เมาไม่ได้สติ
" เนี่ยนะไหว ให้บวกเลขจะทำได้หรือเปล่าเหอะ "
" ได้สิ พี่ -- ถามมาเล้ย " ข้าวตูท้า
" หนึ่งบวกหนึ่งได้เท่าไร "
" ง่าย! -- สาม!! "
ธันวาพ่นลมฮึออกมา " เมาหนักแล้ว ข้าวตู หนึ่งบวกหนึ่งจะเป็นสามได้ไง "
" ได้ดิ ก็ผมนี่แหละ -- คบกันสองคนอยู่ดีๆ ก็มีคนที่สามงอกมาเฉย ปากก็บอกว่ารักผมแต่จริงๆก็คบกับอีกคนหนึ่งอยู่ -- โคตรเจ็บเลยพี่ธัน! " ธันวาไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยให้ข้าวตูพูดต่อ " ผมก็รู้นะว่าเค้ามีคนอื่นด้วย แต่ผมก็ยอมหลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แม่งโคตรทรมานอะ ตอนอยู่กับผมก็แอบส่งข้อความหากัน ผมทนเจ็บต่อไม่ไหวเลยขอเลิกแต่แม่งเสือกเจ็บหนักกว่าเดิม " ข้าวตูโวยวาย " เป็นผู้ชายที่ดีที่รักเดียวใจเดียวแต่ผู้หญิงไม่เลือก แม่งก็เป็นผู้ชายเลวคบไม่เลือกแบบพี่ธันไปเลยดีกว่า " ธันวาหันกลับมามองข้าวตู รู้สึกตะหงิดใจกับประโยคท้ายของอีกฝ่าย " ผู้หญิงที่ไหนก็ชอบผู้ชายเลว "
" ผู้หญิงไม่ได้โง่นะ ข้าวตู " ธันวาพูดเสียงเรียบ " ไม่มีผู้หญิงที่ไหนฝากชีวิตไว้กับผู้ชายเลวที่คบผู้หญิงไม่เลือกหรอกนะ ใครๆก็อยากได้ผู้ชายดีๆทั้งนั้น เพราะงั้นอย่าหาทำ เป็นแบบที่นายเป็นนั่นแหละ "
" แล้วไมพี่ธันถึงไม่ทำตัวเป็นผู้ชายที่ดีล่ะคับ "
คำถามของข้าวตูทำเอาธันวาพูดไม่ออก " เค้าบอกว่าผู้ชายจะเปลี่ยนนิสัยก็ตอนที่เจอกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก พี่ว่าจริงป่ะ " ธันวาขมวดคิ้ว ถ้าไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเมาอยู่เขาก็คงนึกว่ากำลังคุยกับข้าวตูในสภาพปกติ
" คงงั้น "
" แอะ ~ ตอบแบบนี้แสดงว่ามีแล้วอ่ะดิ "
" พูดจาเลอะเทอะ!! " ธันวาแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะเหยียบคันเร่งๆความเร็วเพิ่มขึ้นอีก จู่ๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะไข้ขึ้น เมื่อมาถึงหน้าปากซอยทางเข้าชุมชนบ้านริมแม่น้ำธันวาก็ต้องห่ามข้าวตูที่เดินไม่ตรงทางไปส่งถึงบ้าน
" ตายจริง!! ข้าวตู คุณธัน เป็นยังไงมายังไงคะเนี่ย " แม่จุกถามหลังเห็นสภาพลูกชายเมาและตอนนี้ก็หลับไปแล้วพ่อแป้นเข้าไปช่วยธันวาพาข้าวตูเข้ามาในบ้าน
" บังเอิญเจอกันน่ะครับ เลยพามาส่ง " ธันวาตอบสีหน้าดูเหนื่อยล้า เขามองแม่จุกเลยไปที่ตังเม ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอหน้ากันหลังจากผ่านไปสามวัน ทั้งคู่ไม่รู้จะปั้นหน้ายังไง ตังเมเป็นฝ่ายหลบหน้าเขาไปก่อน
" ตังเมไปเอาน้ำมาเช็ดตัวข้าวตูนะคะ แม่ "
" จ้ะ -- แม่ฝากเอาน้ำมาให้คุณธันด้วยนะ ตังเม "
" ไม่เป็นไรครับ แม่จุก -- ผมจะกลับแล้ว " ธันวาปฏิเสธ เขาเองก็ทนเห็นตังเมหลบหน้าเขาไม่ได้เหมือนกัน แต่ตอนที่เขาหันหลังกลับร่างกายของเขาก็ไม่เป็นไปตามที่สมองสั่ง อาการปวดหัวตัวร้อนทำให้เขาเซจะล้มโชคดีที่มือจับวงกบประตูไว้ได้ทัน ทั้งแม่จุกและตังเมเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
" คุณธัน/พี่ธัน "
ทั้งตังเมและแม่จุกรีบถลาเข้าไปดู ธันวายกมือขึ้น " ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เวียนหัวนิดหน่อย " ธันวาพูดรู้สึกถึงมือที่จับมาที่หน้าผากของเขากลิ่นหอมแบบเดียวกับกลิ่นแก้มที่เขาเคยได้กลิ่น เขาหันไปมองหน้าตังเม
" แม่คะ ตัวร้อนจี๋เลยค่ะ " ตังเมร้องบอกสีหน้าร้อนรน
" งั้นเราช่วยพาคุณธันเข้าไปพักทข้างในก่อน -- พ่อมาช่วยทางนี้หน่อย คุณธันไม่สบาย " แม่จุกเรียกพ่อแป้นออกมาช่วยประคองธันวาเข้าไปนอนข้างใน
" ผมไม่เป็นไรครับ แค่นั่งพักเดี๋ยวก็หายครับ " ธันวาพูด ทั้งๆที่ร่างกายของเขาแทบอยากจะล้มตัวลงนอนให้ได้อยู่แล้ว
" ไม่ไหวหรอกคะ พี่ธัน -- ตัวร้อนขนาดนี้ " ตังเมว่า " เดี๋ยวตังเมไปเอาเจลเย็น น้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้นะคะ " พูดจบคนร่างบางในเสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงชาวเลก็วิ่งหายไปหลังบ้าน แม่จุกกับพ่อแป้นช่วยกันพาธันวาไปนอนบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ใช้หมอนสามสี่ใบหนุนหัวให้ธันวานอน
" ขอบคุณครับ " ธันวาเอ่ยขอบคุณกับทั้งสอง
" ยินดีครับ คุณธัน -- คืนนี้ก็นอนพักที่นี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าก็ค่อยกลับแล้วกันนะครับ " พ่อแป้นว่า
" ครับ " ธันวาพยักหน้า ตอนนี้เขายอมแพ้กับร่างกายที่ไม่สู้ต่อแล้ว เขาหลับตาลงรู้สึกเพลียเต็มที แม่จุกกับพ่อแป้นปล่อยให้ธันวานอนอยู่ตรงนั้น ส่วนพวกเขาก็ไปดูลูกชายที่นอนอยู่อีกมุมหนึ่งต่อ ธันวาที่ยังพอรู้สึกตัวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ข้างตัว เขาลืมตามองตังเม เธอกำลังบิดผ้า
" เดี๋ยวฉันเช็ดเอง " ธันวาบอกกับตังเม สายตาเห็นพ่อแป้นกับแม่จุกอยู่ด้วย ตังเมพยักหน้ารับรู้สึกเก้อเขิน เธอส่งผ้าให้ธันวาที่ลุกขึ้นมาเช็ดตัวเอง ตังเมนั่งอยู่ข้างๆคอยชุบน้ำแล้วบิดผ้าส่งให้ " พอหรือยัง " เขาถาม
" พอค่ะ " ตังเมตอบ " พี่ธันกินยาพาราฯ นี่ก่อนนะคะ แล้วค่อยนอน ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นค่อยไปหาหมอกัน " ตังเมส่งแก้วนำ้กับแผงยาให้ธันวา เขาพยักหน้าแล้วจัดการกับยาและน้ำดื่มมันจนหมดแก้วก่อนจะล้มตัวลงนอน ตังเมเอาเจลเย็นวางบนหน้าผากของธันวา ช่วงจังหวะหนึ่งที่ทั้งคู่มีโอกาสได้สบตากัน ดวงตากลมใสเป็นประกายไร้แว่นตากลมมาปิดบังดูน่ามอง ธันวาชอบมองดวงตาคู่นี้และมักเผลอมองจนลืมตัวเหมือนกับเพื่อนในกลุ่มบางคนของเขาที่พูดว่าตังเมตาสวย แต่เพราะไม่อยากเห็นด้วยกับเพื่อนเขาเลยต้องพูดแย้งไปว่าตังเมตาโตน่าเกลียดนับแต่นั้นมาตังเมก็ใส่แว่นมาตลอดทั้งๆที่ตัวเองก็สายตาปกติ
" ไปนอนเถอะ ฉันจะนอนแล้วเหมือนกัน " ธันวาพูดเสียงเรียบ ตังเมพยักหน้ารับแล้วกำลังจะลุกออกไป ธันวาคว้าปลายมือของตังเมไว้ เธอหันมามอง สีหน้าดูฉงนแต่ถึงอย่างนั้นแก้มของเธอก็แดงระเรื่อ " ขอบคุณ " ธันวาพูดแค่นั้นเขาก็ปล่อยมือตังเมก่อนจะพลิกตัวไปอีกด้านปล่อยให้ตังเมยืนนิ่งกับหัวใจที่วูบไหวไปมา
**********
สวัสดีค่ะ รี้ดที่น่ารักทุกคน ^^
กลับมาอัพให้อ่านกันต่อแล้วน้า ช่วงค่ำถ้าไรท์ปั่นออกมาทันก็จะได้อ่านกันต่ออีกบทด้วยนะคะ >////<
พี่ธันอาจจะทำให้ใครหลายคนโมโหไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ อิอิ แต่พึ่งอย่าเคืองพี่เค้าเลยนะคะ ต่อจากนี้ไปพี่เค้าก็จะเริ่มขยับตัวบ้างแล้วหลังจากทำตัวเป็นสล็อตอยู่นาน ^0^
และขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ในการเล่าสู่กันฟังนะคะ ว่าในฐานะไรท์ที่เขียนนิยายขึ้นมาเพราะชอบที่อยากจะเขียนเรื่องราวที่เราตั้งใจทำออกมาให้ทุกคนได้อ่าน ตอนแรกที่ทำออกมาใจไม่ค่อยดี เพราะไม่รู้จะมีคนชอบหรือไม่ แต่สุดท้ายมันน่าชื่นใจมากเลยนะคะ ที่ทุกคนให้การตอบรับอย่างดี และไรท์เองก็รู้ดีว่าการเขียนนิยายให้ทุกคนได้อ่านย่อมต้องได้รับทั้งการชื่นชมและแนะนำ รวมถึงคำวิจารณ์ แต่บางครั้งเราเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาเขียนนิยายเพื่อเพิ่มพลังและกำลังใจให้ตัวเอง แน่นอนว่าข้อความของรี้ดทุกคนย่อมมีผลกับไรท์อย่างแน่นอน
ไรท์น้อมรับทุกความเห็นของรี้ดทุกคนนะคะ โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของการวิจารณ์ผลงาน แต่รบกวนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะว่าขออย่าเป็นคอมเม้นที่รู้สึกบั่นทอนกำลังใจกัน ไรท์พยายามอย่างดีที่สุดที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีสุดออกมาให้ทุกคนได้อ่านกันอย่างมีความสุข
ขอบคุณมากนะคะ จากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไรท์ก็จะพยายามต่อไป ^^
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกการติดตาม ทุกความเห็นมากนะคะ
ขอให้มีความสุขและสนุกกับการอ่านค่ะ