กฤชญา.......
“คุณ!!!” ฉันวิ่งถลาเข้าไปนั่งทรุดลงข้าง ๆ เค้า
“กลับบ้านเธอไปซะ” เค้าเอ่ยบอกฉัน
“จะให้ฉันกลับบ้านได้ยังไง ในเมื่อคุณได้รับบาดเจ็บ”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ก่อนที่จะมาห่วงฉัน”
ผู้ชายอะไร หยิ่งชะมัด ฉันได้แต่บริภาษเค้าอยู่ในใจ
“ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล” ฉันยังคงดื้อดึงที่จะช่วยเค้า
“ฉันไม่ไป” เค้าตอบฉันเสียงแข็ง
“แต่คุณถูกแทงนะ”
“ก็เพราะเธอไม่ใช่หรอ ฉันถึงต้องเจ็บแบบนี้”
“........”
ฉันได้แต่เม้มปากแน่น เพราะพูดอะไรไม่ออก เอาจริง ๆ เค้าจะไม่มาช่วยฉันก็ได้นี่ แล้วเค้าจะลงมาให้เจ็บตัวไม่กัน แถมยังมาพูดจากอวดเก่งใส่อีก มันน่าปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้จริง ๆ
“งั้นคุณก็ไม่ควรจะลงมาช่วยฉันตั้งแต่แรก”
“ขับรถเป็นมั๊ย”
“ห๊ะ?”
“ฉันถามว่าขับรถเป็นมั๊ย”
“จะลองดู”
ฉันรับกุญแจรถยนต์จากมือเค้า แล้วพยุงเค้าพาเค้าเดินไปที่รถ
“ฉันไม่ชินทางในกรุงเทพ จะให้ไปส่งที่ไหน”
“คอนโดKย่านสุขุมวิท” เค้าบอกฉันทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่
“อืม”
ฉันทำหน้าที่ขับรถไปตามสถานที่ ที่เค้าบอก โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบใกล้ ๆ จะเที่ยงคืน ทำให้ถนนโล่งมีรถสันจรไม่มากนัก มันเลยทำให้ฉันขับรถได้ไม่ลำบาก
@คอนโดK
“คุณ”
“หืม?”
“ถึงแล้ว คุณเข้าไปเองไหวมั๊ย”
“แล้วเธอล่ะ”
“ฉัน......”
“กลับบ้านหรอ”
“ฉัน....ไม่มีบ้านให้กลับหรอก”
“หนีออกจากบ้านมาซินะ”
“มันเรื่องของฉัน”
“ฉันปวดแผล ขึ้นไปส่งฉันหน่อยซิ”
“นี่คงไม่ใช่แผนของคุณหรอกนะ” ฉันหรี่ตามองเค้าแบบชั่งใจ
“เจ็บขนาดนี้ ฉันคงไม่มีปัญญาทำอะไรเธอหรอก ใช้สมองคิดหน่อยซิ”
“นี่คุณด่าฉันว่าโง่หรอ น่าปล่อยให้ตายในรถจริง ๆ ”
ฉันกรอกตาขึ้นมองบนแต่ก็ยอมลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เค้านั่ง แล้วพยุงเค้าเดินเข้าไปภายในคอนโด
“อุปกรณ์ทำแผลคุณอยู่ตรงไหน”
“ไม่มี”
“ห๊ะ? คุณว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่าไม่มี”
“ทำไมคุณไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ งั้นคุณรอฉันแป็บนึง อย่าพึ่งรีบเป็นอะไรไปล่ะ”
“อืม....”
วายุ........
ตอนนี้ผมไม่มีแรงมากพอที่จะสนใจคำพูดของเด็กนั่นมากเท่าไหร่นัก ความปวดระบบที่แผลมันทำให้ผมจับไข้
นานแค่ไหนไม่รู้ที่เด็กคนนั้นหายไป มารู้สึกตัวอีกทีคือมือเล็กกำลังก้มลงดูแผลที่สีข้างของผม
“คุณกินยาแก้ปวดลดไข้ก่อนนะ”
“อืม”
ผมปรือตามองเธอ ก่อนจะอ้าปากรับยาแก้ปวดลดไข้จากมือของเล็กเข้าไปในปากแล้วพยายามกลืนมันลงไป
“ฉันว่าคุณไปโรงพยาบาลเถอะ”
“ฉันไม่ไป”
“แต่แผลคุณอาจจะติดเชื้อได้นะ”
“ถ้าเธอกลัวว่าแผลฉันจะติดเชื้อ เธอก็รีบ ๆ ทำแผลให้ฉันซิ”
“ดื้อด้านชะมัด”
เด็กนั่นบ่นผม แต่ก็ยอมทำแผลให้ผมโดยที่เธอไม่ได้พูดอะไรต่อจนเสร็จ
“หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ฉันไปนะ อ้อขอบคุณที่ช่วยฉันไว้”
“ดึกป่านนี้แล้วเธอจะไปไหนอีก จะออกไปให้ผู้ชายพวกนั้นมันฉุดไปอีกรึไง”
“แล้วจะให้ฉันอยู่กับคุณเนี่ยนะ”
“อืม....อย่างน้อย ๆ ก็รอให้เช้าก่อนแล้วค่อยไป”
ผมรู้สึกเป็นห่วงเด็กตรงหน้าขึ้นมาจริง ๆ
“งั้นคุณเข้าไปนอนพักเถอะ พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยไปก็ได้”
“ดีมากเด็กน้อยว่าง่าย ๆ จะได้โตไว ๆ ”
กฤชญา........
ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วกรอกตาไปมากลับคำพูดของเค้า เอาเถอะฉันจะยอมสงบศึกกับเค้าก่อนก็ได้ นี่ถือว่ามีบุญคุณที่ช่วยฉันไว้หรอกนะ
“ตัวร้อนจี๋เลย คงเป็นเพราะแผลซินะ”
ฉันเดินเข้าไปภายในโซนที่เป็นห้องครัว เปิดตู้หาอ่างใบเล็ก ๆเพื่อที่จะใส่น้ำไปเช็ดตัวให้เค้า
“ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะเกียร์”
ฉันถามตัวเอง ในขณะที่มือของฉันก็เช็ดไปตามเนื้อตัวของเค้าที่ตอนนี้ไอร้อนแผ่กระจายออกมาจนฉันรู้สึกได้
“คุณตื่นขึ้นมากินยาก่อน”
“หืม....ฉันปวดหัว”
“รู้แล้ว อ้าปากรับยาก่อน”
ฉันค่อย ๆ ประคองเค้าให้กึ่งนั่งกึ่งนอน จากนั้นก็ยัดยาลดไข้เข้าไปในปากของเค้าตามด้วยน้ำเปล่า
“เธอนอนเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้าคุณเป็นอะไรไปเพราะฉัน ฉันไม่อยากรู้สึกผิดทีหลัง”
“เด็กน้อยเอ้ย.....”
ฉันไม่รู้ว่าฉันเช็ดตัวสลับกับการป้อนยาให้เค้าอยู่นานกี่ชั่วโมง ตอนนี้ฉันง่วงและเหนื่อยจากการเดินทางมาก ๆ จนมันทำให้ฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
@เช้าของวันรุ่งขึ้น
ฉันค่อย ๆ หยับเปลือกตาขึ้น พร้อมกับปรับโหมดรับแสงที่ตอนนี้กำลังสาดส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา
“ฉันมานอนที่นี่ได้ยังไง” ฉันถามตัวเองแบบงง ๆ
“นี่ฉันเผลอหลับไปตอนไหน แล้วฉันมานอนในห้องนอนนี้ได้ยัง หรือว่า.....”
คือได้แค่นั้นฉันก็ดีดตัวขึ้นจากที่นอนแล้วเริ่มสำรวจตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ก็ยังถือว่ามีสัจจะอยู่บ้าง”
ฉันคิดไปถึงเจ้าของห้อง และพลางคิดไปอีกว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องไปจากที่นี่
กลิ่นหอม ๆ ของอาหารลอยเข้ามาปะทะจมูกของฉันเมื่อฉันเดินพ้นออกมาจากห้องนอนของเค้า
“ตื่นแล้วหรอ”
“อื้ม”
“แล้วจะไปไหน”
“เช้าแล้วไง ฉันก็ต้องไปแล้ว”
“อยู่ทานมื้อเช้าด้วยกันก่อนซิ”
“แต่....”
“ถือว่าฉันตอบแทนที่เธออดหลับอดนอนดูแลฉันทั้งคืนก็แล้วกัน”
“งั้นก็ได้” ฉันเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเค้า
“เธอชื่ออะไร”
“ฮื๊ม?”
“ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร”
“ฉันจะไปแล้ว ฉันจำเป็นต้องตอบคำถามคุณด้วยหรอ”
“จำเป็นซิ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ควรจะรู้จักชื่อคนที่ฉันเข้าช่วยเหลือจนได้รับบาดเจ็บ”
“ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ พิลึก” ฉันหยุดอยู่ครู่นึงก่อนจะพูดต่อ “เกียร์”
“อายุเท่าไหร่” เค้ายังคงถามต่อ
“อันนี้ก็จำเป็นต้องรู้หรอคุณ”
“จำเป็นซิ”
เค้ายังคงคาดคั้นเอาคำตอบจากฉัน อีกตานี่จู้จี้ชะมัด
“พรุ่งนี้ 18 ปีเต็ม”
“เป็นเด็กใจแตก หนีออกจากบ้านยามวิกาลเพื่อออกมาเที่ยวซินะ”
“ฉั น ไ ม่ ใ ช่ เ ด็ ก ใ จ แ ต ก ! !”