บทที่ 1
" แม่ขา พ่อขา -- ตังเมเอาขนมใส่ไส้ขึ้นนึ่งให้แล้วนะคะ วุ้นก็หยอดพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนขนมกลีบลำดวนนี่ตังเมใส่หม้ออบควันเทียนไปตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว อีกเดี๋ยวแม่ก็น่าจะเอาใส่ถุงได้ ตังเมไปโรงเรียนก่อนนะคะ " ตังเมพูดพลางหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับถุงกระดาษที่ใส่ขนมกล้วย ขนมชั้นเอาไว้เต็มถุงตามคำเรียกร้องของเพื่อนในห้อง ขนมไทยแม่จุกกับพ่อแป้นอร่อยเลิศที่สุดใครๆก็รู้ เลยมีเพื่อนในโรงเรียนร่วมถึงคุณครูต่างก็ช่วยกันอุดหนุนขนมที่บ้านเธอทำทุกวัน
พ่อแป้นหันมายิ้มให้ลูกสาวคนโตที่วันนี้มีสอบปลายภาคแท้ๆและแถมเธอพึ่งจะได้นอนไปเมื่อเที่ยงคืนเอง แต่ก็ยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมาช่วยพ่อกับแม่ทำขนม
" ขอบใจตังเมมากนะ ลูก อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาช่วยพ่อกับแม่ทำขนม " พ่อแป้นยกมือลูบหัวลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้าง เธอขยับแว่นสายตาให้เข้าที่
" ไม่เป็นไรค่ะ พ่อ ตังเมเต็มใจช่วย "
" หยิบขนมมาแล้วใช่มั้ย ตังเม " แม่จุกถามกำลังขูดมะพร้าวด้วยความชำนาญ ตังเมพยักหน้า
" ออเดอร์เพียบแบบนี้ลืมได้ไงกัน " ตังเมยิ้มกว้าง สีหน้าสดใส ชูถุงกระดาษให้พ่อกับแม่ดู แม่จุกยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะตะโกนเรียกลูกชายคนเล็ก " ข้าวตูเสร็จหรือยังน่ะ พี่ตังเมเขาจะไปโรงเรียนแล้วนะ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็สายหรอก "
" เสร็จแล้ว แม่ " ข้าวตูวิ่งตือลงบันไดมาเสียงดังลั่นบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำ
" โอ๊ย! เจ้าลูกคนนี้วิ่งเบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง เดี๋ยวบ้านก็พังพอดี " แม่จุดส่งเสียงเอ็ด " เอานี่ เอามะพร้าวไปให้พ่อที "
" แหม แม่ครับ เมื่อกี้แม่พึ่งเร่งผมให้รีบลงมาแล้วนี่แม่จะใช้ผมให้เอามะพร้าวไปให้พ่ออีก เดี๋ยวผมก็สายพอดี " ข้าวตูน้องชายตังเมที่ห่างกับพี่สาวปีเดียว รีบวิ่งหนีไปหน้าบ้านก่อนจะโดนกะลามะพร้าวที่คนเป็นแม่จะเขวี้ยงใส่
" พี่ตังเม -- พี่มายมารับแล้วแน่ะ " ข้าวตูร้องตะโกนเรียก เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษายืนยิ้มละมุนอยู่ที่หน้าบ้าน " มารับพี่ตังเมแต่เช้าเลยนะ พี่มาย " ข้าวตูยิ้มกรุ่มกริ่ม " สรุปจีบพี่สาวผมใช่ป่ะ "
" ข้าวตู!! " ตังเมร้องเสียงหลง เงื้อกำปั้นขึ้นอยากจะทุบไอ้น้องปากเสียนี่จริงๆ " พูดบ้าอะไร! " ใบหน้าของตังเมแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับมาย ข้าวตูรีบวิ่งหนีกำปั้นของพี่สาวแล้วยกมือไหว้เด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาหลายช่วงปี " พูดเรื่องจริง! แบร่ พี่มายไปก่อนนะ สวัสดีครับ "
เด็กหนุ่มที่โตกว่าหัวเราะออกมาเบา " เป็นพี่น้องที่สนิทกันดีนะ " เขาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้ตังเมที่กำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะละลาย
" พี่มายอย่าไปฟังที่ข้าวตูพูดนะคะ หมอนั่นพูดจาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ " ตังเมว่าพลางขยับแว่นตาให้เข้าที่
" แล้วถ้าพี่บอกว่าข้าวตูพูดถูกล่ะครับ ตังเมจะว่ายังไง " มายถาม ตังเมยืนนิ่งมองรอบยิ้มอบอุ่นของมาย
" โถ่ ตังเม พี่พูดเล่นอย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นซิครับ " มายเอามือจับที่หัวโยกไปมา โถ่ พูดเล่นอีกแล้วเหรอตังเมคิดอย่างผิดหวังอยู่ในใจ มายเป็นรุ่นพี่ที่โตกว่าเธอและข้าวตู ทั้งสามโตมาด้วยกันเพราะความที่บ้านอยู่ติดกันเลยทำให้พวกเขาสนิทกันมาก มายที่โตกว่าจะคอยอาสาไปส่งเธอกับข้าวตูที่โรงเรียนเสมอแม้แต่ตอนนี้ตอนที่เขากำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สี่ปีสุดท้ายของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ยังมารับเธอไปส่งที่โรงเรียนเหมือนทุกเช้า
" น้าฝากตังเมด้วยนะ มาย " แม่จุกตะโกนบอก
" ตกลงครับ คุณน้า -- ไปกัน ตังเม " มายส่งหมวกกันน็อคให้เธอสวม " เกาะเอวพี่แน่นๆนะ ตังเม " มายพูดพลางขึ้นคร่อมมอไซค์เวสป้าและถึงจะพูดว่าให้ตังเมเกาะเขาแน่นๆ เธอก็ทำได้แค่ชายเสื้อนักศึกษาของเขา
" ขี่รถปลอดภัยกันนะทั้งสองคน " แม่จุกตะโกนไล่หลัง " ตังเมขอให้ทำข้อสอบได้นะจ๊ะ ลูก "
" ขอบคุณค่ะ แม่ " ตังเมตะโกนกลับไป
แม่จุกยืนมองเวสป้าของมายแล่นผ่านหัวถนนไป พ่อแป้นส่งเสียงเรียกภรรยา " แม่ -- มารีบทำขนมเข้าเถอะ อีกเดี๋ยวคุณบุหลันจะมารับขนมแล้วนะ " พ่อแป้นพูดกับคนเป็นภรรยา แม่จุกพยักหน้ารับคำเดินไปดูที่หม้ออบควันเทียนทันทีที่เปิดออกกลิ่นควันเทียนหอมอ่อนๆก็โชยออกมา ขนมกลีบลำดวนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ แม่จุกอมยิ้มน้อยกับฝีมือการทำขนมกลีบลำดวนของลูกสาว
" นี่พ่อ ถ้าไม่ติดว่าสถาปนิกมันเป็นความฝันของตังเมนะ แม่ว่าจะยอมเสียเงินส่งลูกไปเรียนเชฟให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย -- ดูสิ ขนมกลีบลำดวนนี่ตังเมทำสวยกว่าแม่แล้วนะ พ่อ " แม่จุกโชว์ขนมกลีบลำดวนดอกเล็กขึ้นมา สีน้ำตาลด้านบนกำลังสวยให้พ่อแป้นดู
" นั่นสินะ "
" วันนี้มีสอบใช่มั้ย ตังเม " มายถาม
" ใช่ค่ะ พี่มาย " ตังเมตอบ " เป็นเทอมสุดท้ายของมอหกแล้ว อยากให้จบไวๆจัง อยากเรียนมหาลัยเร็วๆแล้วค่ะ"
" อะไรกัน อยากเรียนมหาลัยเร็วๆเพราะอยากเรียนถาปัตย์ล่ะสิ " มายส่งเสียงแซวมา
" ใช่ค่ะ พี่มาย -- ตังเมน่ะอยากเป็นสถาปนิก เวลาเห็นตึก เห็นบ้าน เห็นสิ่งก่อสร้าง ก็จะคิดเสมอว่าคนที่เขาคิดสิ่งปลูกสร้างพวกนี้ขึ้นมาเขาคิดถึงอะไรกันอยู่ " ตังเมพูดร่ายยาว
" ถ้าตังเมอยากรู้ ตังเมต้องไปถามไอ้ธันมันแล้วล่ะ รับรองได้ว่ามันพูดน้ำไหลไฟดับแน่นอน "
" ไม่เอาหรอกค่ะ พี่ธันชอบดุตังเม เวลาเจอกันก็ชอบหน้าตึงใส่ " ตังเมว่า " ไม่รู้ตังเมไปทำอะไรให้ทำไมถึงชอบดุตังเมนัก "
" พี่ว่าตังเมคิดมากไปแล้วล่ะ ไอ้ธันน่ะใจดีกับสาวๆจะตาย นี่ผู้หญิงก็ติดความใจดีของมันเกลียวเลย " ถึงมายจะพูดแบบนั้น แต่ตังเมก็ยังส่ายหัวดิก ให้ตายยังไง เธอก็ไม่อยากเสวนากับธันวา เรืองกิจเกษมเลย มายขี่เวสป้ามาส่งตังเมที่หน้าโรงเรียน ตังเมลงจากรถพยายามถอดหมวกกันน็อคออกอย่างทุลักทุเลเพราะมือข้างหนึ่งถือกระเป๋านักเรียน มืออีกข้างถือถุงขนมไว้ มายเห็นก็อดอมยิ้มกับท่าทีเกๆกังๆของตังเมไม่ได้
" มาครับ เดี๋ยวพี่ถอดให้ " มายยื่นมือไปปลดล็อคสายรัดใต้คางให้ตังเม ตังเมได้แต่ยืนนิ่งมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย พี่มายน่ะเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคไปหมด หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง แถมยังใจดีมากๆด้วย
ปี้นนน
ว้าย
ตังเมร้องกรี๊ดออกมาตอนที่รถยนต์คันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบตรงที่ตังเมกับมายยืนอยู่
" มายืนทำอะไรตรงนี้วะ ไอ้มาย -- ไม่รู้เหรอว่ามันเกะกะขวางทางรถวิ่งอยู่น่ะ " ธันวาว่าเพื่อนแต่สายตากลับมองไปที่ตังเม เธอเดินถอยไปอยู่หลังมายพลางดันแว่นตาขึ้นไป
" โถ่ ไอ้ธันครับ -- แหกตาดูหน่อยครับว่าตรงนี้เขาจอดรับส่งได้ มีแต่แกนี่แหละที่ดันบีบแตรยาวมาแต่ไกลหา -- เหรอ " มายด่ากลับยาวยืดแถมลงท้ายด้วยบุพการีของธันวา
ธันวายักไหล่ มองหน้าตังเมแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก " ก็แกมัวแต่ยืนจีบเด็กอยู่ได้ ระวังเถอะจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์อายุไม่ถึงสิบห้านะเว้ย "
" ไอ้ธัน/พี่ธัน!! "
" ตังเมเกินสิบห้าแล้วนะคะ! " ตังเมร้องเสียงขุ่นใส่ เธอจ้องเขาตาเขียว
" เหรอ ดูไม่เหมือนเลยนะ " ธันวาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มองมาที่เธอ ตังเมกัดปากแน่น เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าคำพูดของธันวาหมายถึงอะไร เธอกอดกระเป๋าแนบกับหน้าอกกับตัว หน้าแดงจัดทั้งโกรธทั้งอาย
" ปากสุนัขแล้วนะมึง ไอ้ธัน "
ธันวายักไหล่ " ไปล่ะ เจอกันที่มหาลัย " มายพยักหน้า ธันวาเร่งเครื่องใส่ตังเมที่ยกมือขึ้นปิดหู เกลียดนักเชียวธันวา เรืองกิจเกษม แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ชอบดุเธอ เจอหน้ากันทีไรต้องหาเรื่องแกล้งและว่าเธอตลอด ตังเมหันไปแลบลิ้นใส่รถเก๋งของเขาที่แล่นออกไปแล้ว นี่ให้อภัยหรอกนะเพราะเห็นเป็นเพื่อนพี่มายมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นมาบ้านพี่มายก็บ่อย แถมที่สำคัญคุณน้าบุหลันเองก็ใจดีและน่ารักมากๆที่อุดหนุนขนมไทยที่พ่อแม่เธอทำบ่อยๆ
" เข้าโรงเรียนเถอะครับ เดี๋ยวพี่ก็จะไปเรียนแล้วเหมือนกัน " มายพูด เขาถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวตังเมได้แล้ว ตังเมพยักหน้า
" ขอบคุณค่ะ พี่มาย " ตังเมยกมือไหว้เสร็จก็ส่งขนมถุงหนึ่งให้เขา ขนมที่เธอตั้งใจทำตั้งแต่เลิกจากโรงเรียนเมื่อวาน บรรจงปั้น บรรจงตัดแต่งกลีบรวมถึงตั้งใจอบให้มันมีกลิ่นหอมของควันเทียนชวนให้น่ากิน แม้แต่ถุงเธอก็ตั้งใจผูกริบบิ้นสีชมพูเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าเขาชอบขนมนี้มาก เธอส่งให้เขา " ขนมที่พี่มายชอบค่ะ "
มายมองขนมกลีบลำดวนน่าตาน่ากินในถุง เขารับมันมาแล้วยิ้มให้เธอ " ขอบคุณตังเมมากเลยนะครับ "
ตังเมอมยิ้มน้อยๆ เธอพยักหน้าแล้วเดินเข้าโรงเรียนไป ขณะที่มายก็ขี่รถเวสป้าของตัวเองไปมหาลัยที่อยู่รั้วติดกัน
" ตังเมมาแล้ว " เสียงของเฟิร์นดังออกมาจากกลุ่มเพื่อนในห้องที่กำลังจับกลุ่มติวหนังสือกันอยู่ ตังเมเดินยิ้มร่าเข้ามาพลางยกมือห้ามเพื่อนที่กำลังกรูมารุมถุงกระดาษที่ใส่ขนมไว้
" ช้าก่อน ลูกค้าที่น่ารัก จ่ายเงินมาก่อนจ้ะ แล้วถึงได้ขนมแม่จุกพ่อแป้นไป " ตังเมว่ายิ้มๆ เธอคลี่กระดาษแผ่นเล็กออก
" เฟิร์น ขนมกล้วย 2 ขนมชั้น 1 รวม 30 บาท " เธอทยอยเรียกชื่อเพื่อนพร้อมกับส่งขนมและรับเงินใส่ในถุงผ้า
" ดาด้า ขนมชั้น 1 ขนมกล้วย 1 20บาทจ้า " ใช้เวลาไม่นานตังเมก็ขายขนมหมดถุง เงินที่อยู่ในถุงผ้าเธอก็เก็บไว้กับตัวเป็นอย่างดี
" นี่แกคิดจะเรียนต่อถาปัตย์จริงเหรอ ตังเม -- เรียนบริหารท่าทางจะเวิร์คกว่ามั้ง ดูสิ ขายขนมดีเป็นเทน้ำเทท่าแบบนี้ " ดาด้าว่าพลางแกะห่อขนมกล้วยออก " อืม อร่อยอะ "
ตังเมหัวเราะฮึใส่เพื่อนช่างพูดของเธอ " ฉันก็ไม่ได้รังเกียจจะเป็นแม่ค้าขายขนมหรอกนะ แต่ความฝันของฉัน -- "
" ความฝันของฉันก็คือสถาปนิก! " ทั้งดาด้าและเฟิร์นต่างพร้อมใจกันพูดประโยคเดียวกัน
" จ้า -- " เฟิร์นลากเสียงยาวล้อเลียน " พวกเราฟังแกพูดมาตั้งแต่มอต้นล่ะ แต่พี่มายน่ะเขาเรียนบริหารไม่ใช่หรือไง แกไม่เรียนตามพี่มายล่ะจะได้เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันไง "
" พี่มายปีสี่แล้วนะ พอฉันเข้าไปพี่มายก็ไม่อยู่แล้วป่ะ พวกแกก็พูดไปนั่น " ตังเมว่า
" โอ๊ย ยัยตังเม ที่ยัยเฟิร์นหมายถึงน่ะ คือถ้าแกเรียนบริหาร แกจะได้มีข้ออ้างในการคุยกับพี่มายไง อย่างน้อยก็เรียนคณะเดียวกันก็พูดได้ว่า พี่มายช่วยอธิบายวิชานี้ให้หน่อยได้มั้ยคะงี้ไง " ดาด้าพูดไปด้วยหัวเราะคิกคักไปกับเฟิร์นด้วย ตังเมหน้าแดง
" พวกแกสองคนหยุดพูดเลยนะ "
" นี่สอบเสร็จพวกเราก็ถือว่าจบมอหกละนะ ตังเม " เฟิร์นว่า " แกน่ะรีบๆไปสารภาพรักกับพี่มายเขาซะ ถ้าเกิดพี่มายได้งานที่กรุงเทพขึ้นมา แกก็จะเจอพี่มายน้อยลงหรืออาจจะไม่ได้เจออีกนะ " คำพูดของเฟิร์นทำเอาตังเมรู้สึกหนักอึ้งที่หัวใจ
" แต่ฉันกลัวคำตอบนิ "
" ไม่เห็นต้องกลัวเลย ตังเม " ดาด้าร้องเสียงสูง ทำหน้ายิ้มๆ " ฉันว่าพี่มายเขาก็มีใจให้แกอยู่นะ ไม่งั้นเขาจะมาส่งแกทุกวันเหรอ บางวันก็มารับกลับบ้านด้วย ที่สำคัญน่ะเขาชอบกินขนมกลีบลำดวนของแกด้วย แบบนี้น่ะไม่เรียกว่าชอบจะเรียกว่าอะไร เนอะ เฟิร์น " ดาด้าหันไปพยักเพยิดกับเฟิร์นที่กำลังจัดการขนมชั้นชิ้นสุดท้าย พอดีกับที่กริ่งของโรงเรียนเรียกให้นักเรียนขึ้นตึกเพื่อทำการสอบ
ตังเมรู้สึกหัวใจพองโตกับคำพูดของเพื่อนและอดแอบคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามายอาจจะชอบเธอก็ได้ตังเมลุกจากเก้าอี้เดินตามเพื่อนขึ้นตึกไป
*********
" ส่งมาทางนี้ ไอ้อาร์ม " ธันวาตะโกนเรียกเพื่อนให้ส่งบอลมาให้เขา อาร์มเตะบอลส่งไปให้ธันวาอย่างแม่นยำเขากระโดดเอาอกรับก่อนใช้เท้าดึงบอลลงมาก่อนจะเลี้ยงหลบฝ่ายตรงข้าม ธันวาสับขาหลอกไปมาก่อนจะซัดเต็มข้อลูกบอลลอยผ่านมือผู้รักษาประตู ผ่านคานบนก่อนมันจะลอยโด่งออกนอกสนามไป เพื่อนฝั่งเดียวกับธันวาร้องสบถลั่นสนาม
" ไอ้ธันนี่มึงโง่หรือบ้าวะ บอลอยู่ที่เท้ามึงแท้ๆ " อาร์มบ่นอย่างหัวเสีย " เตะยังไงให้ไม่เข้า มีมึงคนเดียวอยู่ที่หน้าประตูนะ ไอ้คุณธัน " ธันวาแกล้งทำหน้ามึนใส่เพื่อน
" ไอ้ธันมันไม่ได้จะยิงประตูเว้ย อาร์ม มันยิงนก ฮ่า ฮ่า " พีทคนที่ประจำหน้าที่ผู้รักษาประตูของอีกฝ่ายหัวเราะลั่นเดินเข้ามาสมทบกับกลุ่มเพื่อนแล้วกอดคอธันวา " อย่าลืมเลี้ยงข้าวพวกกูล่ะ "
" เออ รู้แล้วน่า " ธันวาว่า พวกเขาเดินกลับไปที่โต๊ะพอดีกับที่มายเดินเข้ามา
" เตะบอลกันเสร็จแล้วเหรอ " มายถามพลางนั่งลง ธันวาพยักหน้า
" เดี๋ยวพวกกูจะไปกินข้าว ไปมั้ย "
" ไปเหอะ มาย ไอ้ธันเลี้ยง " พีทพูด
" งั้นไป "
" แหม พอบอกเลี้ยงก็ไปเลยนะมึง " ธันวาค่อนขอดพลางยกน้ำขึ้นดื่ม
" กูมีของมาแลก " มายพูดยิ้มๆ พลางส่งถุงขนมกลีบลำดวนที่ผูกริบบิ้นสีชมพูให้ " ของโปรดมึง " ธันวายิ้มกริ่มรีบแกะริบบิ้นเปิดปากถุงออกหยิบขนมกลีบลำดวนเข้าปาก ท่าทางดีใจอย่างกับเด็กได้ของเล่น
" ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้ธัน " อาร์มถาม
" อร่อยนะมึง -- ขนมเจ้านี้กูกินมาตั้งแต่เด็กเลยนะ ติดใจสุดก็กลีบลำดวนนี่แหละ กินแล้วโคตรเพลินเลย " ธันวาว่า อาร์ม พีท มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัว ใครจะคิดว่าธันวาเสือผู้หญิงคนนี้จะชอบกินกลีบลำดวนเหมือนเด็กๆแบบนี้ทั้งสองคนขอตัวไปเรียนก่อนแล้วจะกลับมาเจอกันอีกทีตอนเย็น
" แน่ใจนะ ว่ามึงจะโดดน่ะ ไอ้ธัน " อาร์มถาม ธันวาพยักหน้าหยิบกลีบลำดวนเข้าปาก
" กูเก็บวิชาหมดแหละ เพราะงั้นก็ฟรีไทม์! " ธันวาทำเสียงสบายอารมณ์ อาร์มแค่นยิ้ม
" อิจฉามึงจริง -- ไปล่ะ เดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน "
" ครับผม " ธันวารับคำ ก่อนจะหันมาชวนมายกินขนม " กินมั้ย ยัยตังเมอุตส่าห์ทำให้มึงกินนิ " ธันวาส่งถุงขนมให้ มายส่ายหน้า
" มึงกินเหอะ กูไม่ชอบกินขนมหวาน "
ธันวาเลิกคิ้วกับคำตอบของมาย " มึงไม่ชอบกินขนมหวาน ทำไมมึงไม่บอกยัยนั่นไป เขาจะได้ไม่ต้องทำให้มึง "
" กูไม่กิน ก็มีมึงกินแทนไง -- อีกอย่างไม่อยากทำให้ตังเมเสียใจด้วยว่ะ สงสาร " มายว่าพลางเปิดหนังสืออ่านธันวาหัวเราะฮึ
" กลัวยัยนั่นเสียใจเพราะสงสาร แต่มึงกำลังจะไปเรียนต่อกับยัยคิมที่ออสแล้วพอจบกลับมาก็จะแต่งงานกัน แบบนี้ยัยตังเมเหนียวแน่นหนึบนั่นรู้คงไม่เสียใจมั้ง ไอ้มาย "
" ทำไงได้วะ การรับขนมมามันทำให้ตังเมยิ้มดีใจได้ขนาดนั้น ฉันก็คิดว่าถ้าเรื่องที่จะทำให้ได้ก็อยากทำให้ ส่วนเรื่องไปเรียนต่อน่ะ คิดว่าเดี๋ยวจะบอกแล้วล่ะ "
ธันวามองสีหน้ารู้สึกผิดของมายก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ เผลอแป๊บเดียวกลีบลำดวนก็หมดถุง ธันวาขย้ำถุงทิ้งโยนลงถังขยะอย่างแม่นยำแล้วรวบโบว์เก็บไว้ใส่ในกระเป๋า
" จะไปไหนวะ " มายถามธันวาที่ลุกอดกจากโต๊ะ
" นัดน้องแอร์ไว้ที่ห้องสมุดน่ะ เดี๋ยวเย็นไปเจอกันที่ร้านเดิมนะ "
มายยิ้มฮึกับเพื่อนรัก เพราะรู้ดีว่าธันวาจะไปทำอะไร เขาพยักหน้าให้ ธันวาเดินไปตามใต้อาคารเรียนที่ทอดยาวไปสู่อาคารห้องสมุดของมหาลัยซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียนที่ตังเมเรียนอยู่ ช่วงเวลาพักก่อนสอบจะมีนักเรียนมานั่งอ่านหนังสืออยู่แนวต้นไม้ของโรงเรียนที่ปลูกไว้ริมรั้ว ที่นั่งตรงนี้สำหรับฝั่งโรงเรียนก็เหมือนกับที่นั่งริงไซด์ที่เหล่านักเรียนมอต้นมอปลายจะมานั่งดูพี่ๆนักศึกษาเดินเข้าเดินออกห้องสมุด เขาเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นคนที่ชอบมานั่งดูพี่นักศึกษาสาวเหมือนกัน ธันวานึกถึงอดีต เสียงกริ่งของโรงเรียนดังเป็นสัญญาณหมดเวลาพัก นักเรียนพากันทยอยขึ้นตึกเพื่อทำการสอบในวิชาถัดไป
ตอนนั้นเองที่ธันวากำลังจะเดินเข้าไปในอาคารห้องสมุด เขาก็สังเกตเห็นใครคนนึงกำลังก้มๆเงยๆ ที่โต๊ะม้าหินเขาเดินเข้าไปใกล้ก็รู้ว่าเป็นตังเมท่าทางของเธอเหมือนกำลังหาของบางอย่างอยู่
" หาโพยข้อสอบที่จะเอาเข้าห้องสอบหรือไง ยัยตังเมเหนียวแน่นหนึบ " ธันวาถามพลางแค่นยิ้มให้อีกฝ่าย แต่ยิ้มของเขาก็ต้องหุบลงเมื่อเห็นสีหน้าของตังเมเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ " เป็นอะไร " เขาถามเสียงห้วน
ตังเมเม้มปากแน่น อยากบอกคนตรงหน้าเหมือนกันแต่สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้าแล้วก้มลงไปหาของใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ม้าหินอย่างเดิม ธันวามองอากัปกิริยาของอีกฝ่ายก็รู้ว่าเธอคงไม่อยากพูดกับเขา ธันวาทำเสียงในลำคอก่อนจะเดินหันหลังกลับไป คิดว่าจะไม่สนใจแต่สุดท้ายธันวาก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็มายืนเกาะรั้ว
" อะไรหาย "
" ไม่มีค่ะ " ตังเมส่ายหน้า เสียงสั่นอย่างร้อนรน ธันวาอ่านท่าทางร้อนรนนั้นออกแล้วพูด
" ไม่มีอะไรหาย ทำไมไม่รีบขึ้นไปสอบ " น้ำเสียงเกือบดุ ทำเอาตังเมสะดุ้ง เธอหันกลับมามองธันวา นัยน์ตาแดงก่ำหลังแว่นตากลมที่เข้ากันได้ดีกับรูปหน้าของเธอ " อะไรหาย ตังเม! " ธันวาถามย้ำ
" ถุงผ้าค่ะ พี่ธัน -- เงินที่ตังเมขายขนมได้มันอยู่ในนั้นหมดเลย แล้วตอนนี้มันก็หายไปทั้งถุง " ตังเมพูดละล่ำละลัก" ตังเมไม่รู้ว่าทำหล่นไว้ตอนไหน เมื่อเช้านั่งอยู่แถวนี้มันยังอยู่เลยค่ะ พี่ธัน "
" แล้วตอนนี้มันใช่เวลามาหาอยู่หรือไง! " ธันวาเสียงดังใส่ ตังเมส่ายหน้า " แล้วจะยืนเซ่ออยู่ทำไม ขึ้นไปสอบเดี๋ยวนี้! "
" แต่ว่า -- "
" บอกมา! "
" คะ! "
" หน้าตาถุงผ้าไง ยัยบ้า! บอกมาฉันจะหาให้เอง! "
ไม่รู้เป็นเพราะตกใจกับคำพูดช่วยเหลือของธันวาคนที่ชอบแกล้งเธอ หรือเป็นเพราะร่างสูงที่กำลังปีนรั้วข้ามมาด้วยสีหน้าถมึงทึงกันแน่ที่ทำให้ตังเมรีบพูดรัวเร็ว " ถุงผ้ารูปแมวสีเหลืองอ่อนในนั้นมีเงิน 320 บาทค่ะ พี่ธัน "
" ไปซะทีสิ! " ธันวากระโดดลงมายืนเต็มความสูงตรงหน้าตังเม ดวงตาเกรี้ยวกราดจนทำเอาตังเมไม่กล้าสบตาด้วย
" ขอบคุณค่ะ พี่ธัน " เธอผงกหัวให้ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นตึกไปสอบ ธันวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้ตายเถอะเห็นหน้ายัยเด็กนี่ทีไรรู้สึกหงุดหงิดชะมัด ธันวาคิดพลางก้มตัวหาถุงผ้าที่ว่านั่นอยู่พักนึงจนไปเจอมันหล่นอยู่ใต้ม้านั่งหินอ่อนถูกใบไม้แห้งบังอยู่ ธันวาหยิบถุงผ้ารูปแมวสีเหลืองออกมาปัดเศษหญ้าออกแล้วเปิดถุงเพื่อสำรวจข้างใน เขาดึงธนบัตรออกมานับจำนวนครบตามที่ตังเมบอก ก่อนจะใส่มันกลับเข้าไปตามเดิมแต่ตอนนั้นเองที่เขาดันหยิบรูปถ่ายติดมือมาด้วย รูปถ่ายที่ว่านั่นเป็นรูปถ่ายของตังเมที่ถ่ายคู่กับมายและธันวาอยู่ร่วมเฟรมกัน สมัยที่พวกเขายังอยู่ชั้นมอหก ในภาพใบหน้าของมายกำลังยิ้มกว้าง ที่อยู่ตรงกลางเป็นตังเมสมัยยังเป็นเด็กหญิง เธอกำลังทำหน้าบึ้งใส่เด็กหนุ่มข้างๆที่ส่งยิ้มกวนๆมาทางเธอ
ธันวาจำเหตุการณ์ในภาพนั้นได้ว่าทำไมหน้าของตังเมถึงเลอะแป้ง มันเป็นเพราะเขาเองนั่นแหละที่แกล้งเอาแป้งโปะใส่หน้าเธอตอนงานเลี้ยงอำลาพี่มอหกตอนที่เธอกำลังจะยื่นดอกกุหลาบให้มาย ตังเมโกรธธันวามากที่ทำให้เธอต้องขายขี้หน้าต่อหน้ามาย พอนึกถึงแล้วเขาก็ขำหน้าที่เลอะแป้งของตังเมไม่ได้ และถ้าสังเกตดีๆบนภาพนั้นจะมีลายมือน่ารักๆของตังเมเขียนกำกับไว้ ธันวามองตัวหนังสือบนหัวตังเมเขียนว่า 'คนนี้' แล้วก็มีลูกศรโยงม้วนไปที่มายบนหัวของมายเขียนว่า 'รัก' ธันวายิ้มฮึ ส่วนลูกศรอีกด้านชี้ไปที่เขาในภาพบนหัวเขียนคำหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกเบาโหวงที่อก ก่อนจะยัดมันกลับไปในถุงผ้าตามเดิม
'เกลียด'
**********************
สวัสดีค่ะ รี้ด ที่น่ารักทุกคน
ไรท์ได้ทำการเข็นนิยายเรื่องที่สามนี้ออกมาให้อ่านกันอย่างมีความสุขแล้วนะคะ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ ^^