ตอนที่เก้า จุดอ่อนของนางเอก
“ผู้เผชิญทัพล้วนเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ก้าวต่อไปอย่าได้ถอยหนี” ปางมือเก้าคำศักดิ์สิทธิ์ คือการลดรูปของสิบสองนักษัตร
จากสิบสองปางมือ ลดรูปเหลือเก้าปางมือ
และแน่นอนผมอยากจะให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อให้ดูซับซ้อนมากขึ้น แต่ตามมุกแบบนี้มันมักจะมาพร้อมกับคำพูดว่า “เคล็ดวิชาสั้นๆตีความลึกล้ำ ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก คงเหลือไว้แต่แก่นแของวิชา”
ที่ปางมือจริงๆจะมีห้าร้อยกว่าปางมือ แต่เหลือแค่สำคัญๆแค่เก้าปางมือเท่านั้น
ที่ผมจำปางมือได้เพราะการประสานอินจากเรื่องนารุโตะ
และด้วยความช่วยเหลือของลมปราณที่กระตุ้นความทรงจำที่เลอะเลือนไปแล้วให้ดีขึ้นหลังจากการฝึกลมปราณ
พอผมสอนการวางปางมือ ประกอบรูปร่างต่างๆไป
คุณเธอก็สามารถทำตามได้ทันที
เหวอ
ทันใดนั้นก็มีของเหลวดำคล้ำ ไหลออกมาจากร่างกายของเธอทันทีเมื่อผมให้เธอทำปางมือเก้าคำศักดิ์สิทธิ์ ผสานกับวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นขยับท่าทางต่างๆที่ผมจำได้
ผมแปลภาษาจูนิเบียวในการเดินลมปราณไม่ค่อยจะเก่ง
แต่ท่าทางความสามารถแบบนี้เธอจะเก่งกว่าผมมาก
เธอรวบรวมสองวิชาเป็นการเดินลมปราณแบบเดียวได้อย่างไม่ขัดเขินติดขัดแต่ประการใด
ราวกับพระเอกของนิยายแนวปราณยุทธก็ไม่ปาน
ที่หากคนอื่นทำแบบพระเอกทำบ้าง”หากผู้อื่นทำเช่นนั้น ไม่ตายก็พิการ ทรมานแสนสาหัส ขวัญวิญญาณแตกสลายออกจากร่าง”
และมีการขับของเสียสีดำที่ไม่น่าเป็นไปได้ในทางวิทยาศาสตร์ที่ผมรู้ออกมาจากร่างกาย
ทั้งที่เธอเก่งเว่อหลายอย่างแบบนี้
ทำไมถึงเย็บปักถักร้อยไม่เก่ง จัดดอกไม้ หรือทำอาหารไม่เก่ง ตามที่คนเขียนบรรยายในเนื้อเรื่องนะ?
คนเขียนพยายามสร้างให้คนอ่านรู้สึกผูกพันกับตัวละครนางเอกที่ไม่เก่งเรื่องทั่วไป ของกุลสตรีที่สังคมคาดหวังอย่าง ทำงานบ้าน เย็บปักถักร้อย ทำอาหาร
แบบเดียวกับที่สาวยุคปัจจุบันก็ไม่เก่งพวกของพื้นฐานอย่างนั้นแล้ว
วิชาที่ไมได้รับการถ่ายทอดก็จะขาดหายไปเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ตามไม่ต้องพูดถึงอดีตกาลเช่นนี้
การที่ไม่เก่งเรื่องทั่วไปของ กุลสตรี เพื่อให้มีฉากเปิ่นๆ ในวังหลวง
ไม่ให้เธอฝึกการเย็บปักถักร้อยหรือทำอาหารได้ดีเพื่อจะได้โดนแม่สามีและนางอิจฉาต่างๆด่าและดูถูก
แต่คนเขียนให้เธอไปเก่งอย่างอื่นแทน
อย่างสกิลการต่อสู้ การออกสงคราม ธุรกิจ วางแผนการรบ
มันคือ”ข้อด้อย”ของนางเอกที่ไม่เป็น”ข้อด้อย”สักเท่าไร
แบบเดียวกับ”ข้อด้อย”ของซุเปอร์แมนที่แพ้คริปโตไนท์นั่นล่ะ
หากคนเขียนไม่มันมือให้แม้แต่โจรมุมตึกก็ยังมีคริปโตไนท์ ก็หาใครในจักรวาลที่จะเอาซุเปอร์แมนลงยาก
ผมดูอย่างสะท้านใจที่เห็นเธอเปลี่ยนปางมืออย่างรวดเร็วราวกับนินจาในนารุโตะและผสานท่าเดินลมปราณของวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น
ที่ในโลกเก่าผมจำได้เพราะซื้อมาจากที่วัดเส้าหลินขายทางออนไลน์
ซึ่งก็ช่วยในการยืดเส้นสายได้พอสมควร
แต่ที่แน่ๆ การทำตามลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็นในโลกเก่า ไม่ได้ทำให้เกิดของเหลวสีดำจำนวนเรียกว่ามหาศาลไหลออกมาจากร่างกายอย่างที่เห็นนี้แต่ประการใด
ทำให้ได้อย่างมากก็แค่ผมเหงื่อธรรมดาออก ไม่ใช่ของเหลวสีดำไหลออกมาตามรูขุมขน
และยิ่งร่ายรำกระบวนท่าก็ยิ่งเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
แขนของเธอที่เคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วปรกติ กลายเป็นเหมือนภาพคนเต้นรำที่เร่งความเร็วขึ้นในวีดีโอ
การเคลื่อนไหวของมนุษย์ไม่น่าจะทำอย่างนั้นได้เลย
ผมพยายามจะจดกระบวนท่าของเธอลงกระดาษด้วยความรวดเร็วแต่ก็ทำไม่ทันกับที่เธอเหมือนกับไม่รู้สึกตัวและเดินลมปราณอย่างไม่หยุดยั้ง
ผ่านไปกว่าชั่วโมงเธอก็หยุดการเคลื่อนไหวของเธอลงและได้มีลมปราณเป็นไอน้ำพุ่งออกมาจากหัวและราวกับมีรัศมีสีขาวพุ่งออกมาจากร่างกาย
เธอพ่นไอสีดำออกมาจากปาก
สายตากลายเป็นสีน้ำเงินฟ้าจ้องมาที่ผม
และคุกเข่าลงคารวะโคกศีรษะเก้าครั้งอย่างดังจนพื้นสนามแตกหัก
โป๊ก โป๊ก โป๊ก
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้แนะ เคล็ดวิชาที่ลึกล้ำค่ะ”
ผมเหม่อมองที่ท้องฟ้าอันห่างไกล
“เคล็ดวิชาอันลึกล้ำ? ยังห่างไกลนัก พวกเราก็เหมือนกับกบน้อยก้นบ่อ ไม่รู้ว่าท้องฟ้ากว้างเพียงใด” ผมจ้องมองท้องฟ้าราวกับมันมีอะไรน่าสนใจให้มอง
“ไม่ต้องขอบคุณ เจ้ายังต้องเดินทางอีกไกลบนเส้นทางสายนี้ เพื่อเผชิญกับโชคชะตาฟ้าที่ไม่แน่นอน”
“ทุกคำกล่าวและคำสั่งสอนของท่านพี่ อี้จิงจะจดจำไม่ลืมเลือน”
มิน่านิสัยอย่างนี้ ถึงไม่ยอมลืมแม้ความแค้นจะเล็กน้อยแค่ไหน
“ขอเพียงเจ้าเป็นคนดีมีเมตตาธรรมไว้ ก็ถือว่าตอบแทนพี่แล้ว”
มีเมตตาแปลว่าอย่างน้อยก็น่าจะอภัยโทษประหารให้ล่ะนะ โทษเนรเทศก็ถือว่าเหมาะเลยไปนอกด่านไม่กลับแดนจงหยวนอีก
“ว่าแต่พี่ลองจดใส่กระดาษไว้แล้วในกระบวนท่าของเจ้าที่ร่ายรำกระบวนท่าออกมา
เจ้าลองบอกความคิดและเหตุผลของกระบวนท่าต่างๆที่เจ้าได้ร่ายรำไป เส้นทางการเดินลมปราณ เพื่อพวกเราทั้งสองจะได้วิเคราะห์และพัฒนาเคล็ดวิชาให้ลึกล้ำมากขึ้น”
และเพื่ออธิบายให้ผมฟังด้วยว่าไอ้การขับของดำๆจากร่างกายนั่นมันทำได้อีท่าไหน
..