Sm-12
[พิสูจน์ II]
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน… เธอมีความสัมพันธ์ยังไงกับเฮียสิงห์กันนะ…
ตุบๆๆ
“เอ้า คิตติ้ฉันผิดอะไรยะ ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยเนี่ย” แยมส้มคว้าตุ๊กตาคิตติ้ที่เพิ่งถูกฉันทุบไปสองสามทีขึ้นมากอดพลางทำหน้ามุ่ย ฉันถอนใจทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพื่อนรักอย่างคนหมดแรง วันนี้ตั้งใจว่าจะมาทำโปรเจ็กต์แท้ๆ แต่กลับไม่มีอารมณ์จะทำสักนิด มัวแต่คิดเรื่องเมื่อวานไม่หยุด มันค้างคาใจยังไงไม่รู้กับสายตาของผู้หญิงคนนั้น
“แกเป็นไรหรือเปล่าซอ ดูเหม่อๆ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ” อาโปเงยหน้าจากแลปท็อปมาถาม นางเป็นคนเดียวที่นั่งทำโปรเจ็กต์อย่างตั้งใจ
“นั่นดิ เมื่อวานอยู่ๆ ก็วิ่งหายไป แถมยังโดดเรียนอีก สรุปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?” แยมส้มนั่งสอบสวนฉันเหมือนนักโทษ ฉันบิดตัวหนีหลบสายตาจับผิดของนาง แต่ไม่รอดพ้นเพราะถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งอยู่ดี “ตอบมาเลย เมื่อวานแกไปเจอเฮียสิงห์มาใช่ป่ะ?”
พอได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้น ภาพจูบเมื่อวานก็ผุดเข้ามาในหัว ความร้อนผ่าวแล่นพล่านไปทั่วใบหน้าจนต้องก้มหน้าแนบกับหมอนเพื่อปกปิด
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เกิดเรื่องนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
แยมส้มหันไปส่งสายตากับอาโป ก่อนทั้งคู่จะขยับเข้ามานั่งเข่าชิดกับฉันบนเตียง ฉันเงยหน้าจากหมอนมองพวกนางทั้งสองสลับกัน
“เล่ามาให้หมดเลยยัยซอ ห้ามหมกเม็ดเด็ดขาด”
สุดท้ายฉันก็ยอมเล่าให้พวกนางฟังทั้งหมด ยกเว้นเรื่องจูบ ทั้งที่ปกติฉันไม่มีเรื่องอะไรปิดบังเพื่อนสนิท แต่คราวนี้เป็นข้อยกเว้นแล้วกัน พอฟังฉันเล่าจนจบ พวกนางต่างทำหน้าประหลาดใจ
“นี่หมายความว่าตอนนี้เฮียสิงห์สนใจแกแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้ดิ ฉันก็พยายามหว่านล้อมเขาแล้วนะแก ฉันงัดมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนมาใช้หมดแล้ว ไม่รู้ว่าได้ผลหรือเปล่าน่ะสิ”
“แต่แกบอกว่าเฮียสิงห์เดินมาส่งแกที่หน้าตึกไม่ใช่เหรอ เขามาส่งจริงๆ ไหมล่ะ” แยมส้มท้าวคางถาม
“ก็มาส่งจริงๆ น่ะสิ คนงี้มองฉันเป็นตาเดียวเลย โคตรอายอ่ะ”
“โห! ถ้างั้นก็แปลว่าเฮียสิงห์ติดกับแกแล้วน่ะสิ! อย่างนี้ก็ง่ายเลยนะยัยซอ”
“ง่าย? ง่ายอะไรของแก?” ฉันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ก็ง่ายต่อการใช้เขาเป็นไม้กันหมาไง! แกอย่าลืมสิว่าจีซัสยังตามราวีแกอยู่นะ หมอนั่นมันหมาบ้า มันไม่ยอมหยุดง่ายๆ แน่ ถ้าแกเล่นละครตบตาเฮียสิงห์ต่อไปว่าแกชอบเขา เฮียสิงห์ต้องช่วยแกกันหมอนั่นได้แน่”
ฉันส่ายหัวอย่างไม่แน่ใจ “เฮียสิงห์รู้ทันฉันขนาดนั้น คิดว่าเขาจะเชื่อเหรอว่าฉันชอบเขา ไม่มีทางอ่ะ”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกพูดถึงผู้หญิงที่ชื่อพริมด้วยใช่ไหม?” อาโปหันมาถาม ฉันพยักหน้าตอบ “ทำไมแกถึงคิดว่าเฮียสิงห์มีซัมติงกับผู้หญิงคนนี้ล่ะ?”
“เซ้นส์ล่ะมั้ง ดูจากสายตาหึงหวงปานจะเข้ามากระซวกไส้ฉันของยัยนั่น ฉันว่ามันต้องมีซัมติงอะไรแน่ๆ” พูดถึงผู้หญิงคนนี้แล้วก็อดนึกถึงสายตาคู่นั้นของเธอไม่ได้
“เออ คนนี้ฉันรู้จักนะ” แยมส้มพูดขึ้นมาบ้าง “ได้ยินมาว่าเธอคบอยู่กับพี่เคย์ ผู้ชายที่ลุคแบดๆ เพื่อนในกลุ่มเฮียสิงห์อ่ะ เห็นว่าคบกันมาปีกว่าแล้วด้วยนะ แต่ก่อนจะคบกันก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนนี่แหละ ส่วนเรื่องที่ว่าเธอมีซัมติงอะไรกับเฮียสิงห์ไหม อันนี้ไม่เคยได้ยินแฮะ”
“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ ฉันไม่ได้อยากจะใส่ใจหรอก สองคนนั้นจะมีซัมติงกันหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันนิ” ฉันบอกปัดพลางหยิบหมอนขึ้นมากอดหลวมๆ
“แต่ฉันว่าเรื่องนี้แกควรใส่ใจนะซอ” แยมส้มแย่งหมอนไปกอด ฉันขมวดคิ้วใส่นางอย่างไม่พอใจนิดๆ “ถ้าแกอยากจะให้เฮียสิงห์เชื่อว่าแกชอบเขาจริงๆ เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการใช้เขาเป็นไม้กันหมาล่ะก็ แกต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสองคนนั้นมีซัมติงกันจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเกิดมันมีอะไรในกอไผ่ขึ้นมา อย่างน้อยแกจะได้มีไพ่ไว้ในมือบ้างไงล่ะ”
ฉันนิ่งฟังด้วยความสนใจ เป็นความคิดที่ดีเลยนะ ถ้าหากเฮียสิงห์มีซัมติงกับเธอคนนั้นขึ้นมาจริงๆ ฉันก็จะมีอะไรไปต่อรองกับเขาบ้าง
“งั้นฉันควรจะไปพิสูจน์เรื่องนี้สินะ แต่จะพิสูจน์ยังไงล่ะ?”
“อยากได้ลูกเสือ ไม่สิ อยากได้ลูกสิงห์ก็ต้องเข้าถ้ำสิงห์สิ” แยมส้มเปลี่ยนคำพูดใหม่พลางขยับแว่นสายตาเข้าที่แล้วหันมามองหน้าฉันอย่างจริงจัง “ใช้คำว่าชอบกับหน้าสวยๆ ของแกให้เป็นประโยชน์ ถ้าเฮียสิงห์ไม่ปฏิเสธแก แสดงว่าเขาเองก็อาจจะสนใจแกอยู่บ้าง ใช้โอกาสนี้ลอบเข้าถ้ำสิงห์ซะเลย”
ฉันพยักหน้ารับหงึกหงัก ในใจก็คิดตามคำแนะนำของเพื่อนรัก ขณะที่อาโปได้แต่กรอกตาเซ็งๆ ใส่
“ระวังจะโดนสิงโตจับกินซะก่อนละกัน”
“ไม่ขู่เพื่อนสิโป เห็นฉันเป็นกระต่ายน้อยที่จะยอมโดนจับกินง่ายๆ หรือไง” ฉันตวัดสายตามองเพื่อนรักเล็กน้อย เธอถอนหายใจหันกลับไปสนใจแลปท็อปตัวเองต่อโดยไม่ลืมเรียกฉายาสุดน่ารักของฉันด้วย
“จ้าๆ แม่แมวป่าจอมแสบ”
......
TALK
แหมยัยน้องงง มั่นใจจริงๆ นะ ระวังเถ๊อะ! โดนสิงโตจับกินทั้งตัวแน่!