ตอนนี้เธออยู่เเดนมารมาสี่เดือนเเล้วพร้อมกับท้องที่เริ่มนูนเด่นที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ที่นางมีอายุครรภ์ได้สี่เดือนเกือบๆจะห้าเดือนในอีกไม่กี่วัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นพ่อของเด็กจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์จักรพรรดิเฉินอี้หมิ่น
"แล้วพ่อของลูกเจ้าเหล่าจะเอาเยี่ยงไร" คนถามมิใช่ใครอื่นใดเเต่เป็นพี่สาวคนละเเม่ องค์หญิงเหวินหนิงเสวี่ย
"รอคลอดก่อนเเล้วกันข้าว่าน่าจะพอดี"
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะอีกแปดเดือนข้างหน้าจะมีการหาลือกันทั้งสามดินแดนเป็นการดีที่นางจะไปหาเขา นางก็ไม่ได้หวังให้เขารับผิดชอบ นางรู้ว่าในระยะเวลาที่สั้นมากนักในการรู้จักกับเขาจึงไม่หวังอะไรทั้งนั้นแค่เเจ้งแก่เขาว่านางได้ให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเพียงเเค่นั้น
" แล้วเเต่เจ้าเถิดองค์หญิงเหวินลินเหมย" นามที่กล่าวออกมาก็เป็นนามที่ท่านพ่อประทานให้นางใหม่ในฐานะองค์หญิงอันดับที่เจ็ด ใครหลายคนจึงจำเพียงเเค่ชื่อ เหวินลินเหมย ส่วนชื่อ ลี่ลินเหมย คือชื่อเดิมที่มารดาตั้งให้ตั้งเเต่เกิด
"อย่าเเกล้งข้าสิพี่หญิง" ครอบครัวนางไม่เหมือนคนอื่นตรงที่บรรดาท่านเเม่ทั้งหลายของนางไม่ทะเลาะหรือเเก่งแย่งอำนาจกันเพราะมารดาพวกนางล้วนเเล้วเเต่เป็นเพื่อนรักกันทั้งอดีตจนถึงปัจจุบันเเละยังเเต่งเข้ามาพร้อมกันอีกต่างหาก
"ไปหาท่านพ่อกันเถิด"
รู้สึกว่าพักนี้นางเริ่มติดท่านพ่อมากจนถึงมากที่สุด มีอยู่ตอนหนึ่งที่นางไม่เจอหน้าท่านพ่อน้ำตาจากที่ไหนมิรู้อยู่ๆก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ประหนึ่งว่านางโดนทอดทิ้งก็มิปานจนทำให้ท่านพ่อรีบมาที่ตำหนักนางโดยไม่สนใจงานที่วางกองอยู่บนโต๊ะเลยสักนิด
นางเดินไปเรือนใหญ่พร้อมกับพี่หญิงคนงามเพื่อไปหาท่านพ่อสุดที่รักของนางเอง
" ท่านพ่อเหมยเออร์มาเเล้ว" เมื่อเห็นท่านพ่อสุดหล่อก็รีบวิ่งไปหาจนโดนเสียงดุๆของผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยความเป็นห่วงทำเอานางสำนึกผิดเเทบมิทัน
" เจ้าระวังหน่อยนะเหมยเออร์ เดี๋ยวหลานพ่อจักเป็นอะไรไปเพราะความซุกซนของเจ้า" ลูกของเขาก็ยังมีนิสัยซุกซนไม่ต่างจากวันวานที่ยังเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักจนตอนนี้รูปโฉมงามล่ำดวงตาสีม่วงอันน่าหลงใหลที่ได้มาจากมารดาของนางทำให้เขานึกอยากไปหาเหมยฮวายิ่งนักเเต่คงต้องไปหลังจากที่ทานอาหารกับบุตรีทั้งสองเสร็จ
" ไปกันเถิดพ่อเดี๋ยวเจ้าก้อนแป้งในท้องจักหิวเอา" หนิงเสวี่ยหันไปพูดกับท่านพ่อ รู้ว่าเจ้าก้อนเเป้งของนางกินเก่งมากทำให้น้องสาวของนางกินเก่งขึ้นจากเมื่อก่อนมากหิวทุกๆหนึ่งชั่วยามก็ว่าได้
"ก็ดีเหมือนกัน ไปกันเถิดเสวี่ยเออร์ เหมยเออร์ " ทั้งสองคนคลองเเขนของท่านพ่อคนละข้างช่างเป็นภาพที่หาดูยากยิ่งที่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่จะให้ผู้ใดเเตะเนื้อต้องตัวยกเว้นพระชายาทั้งหกเเละองค์หญิงองค์ชายทั้งสิบสี่พระองค์
ทั้งเรือนตอนนี้อบอวนไปด้วยความอบอุ่นของทั้งสามเเม้เวลาผ่านไปเท่าไรก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่ทานอาหารเสร็จทั้งสามก็คุยกันเล็กน้อยถามไถ่ความเป็นอยู่
" เเล้วนี่ท่านพ่อจะไปไหนหรือเพคะ" นางเห็นท่านพ่อมองไปยังเรือนฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นจวนของพวกท่านแม่ของนางเอง
" ไปหาท่านเเม่ของพวกเจ้าอย่างไรเล่า" เขาอยากไปหาบรรดาเมียรักทั้งหกนางเพราะหลายวันนี้มิได้ไปหาพวกนางเลยเเละมิมีใครมาหาเขาเลยนอกจากบุตรีของเขาเอง
" ท่านพ่อมิรู้หรือไม่ ว่าท่านแม่ทั้งหกไปเที่ยวที่เมืองบาดาลยังมิกลับเลยนะเพคะ" ท่านพ่อมิรู้หรือว่าท่านแม่ไปไหน เเสดงว่าท่านเเม่ของนางหนีเที่ยวสินะ ว่าเเล้วนางได้นิสัยจากใคร
"ว่าอย่างไงนะ ท่านเเม่ของพวกเจ้าไปเมืองบาดาลตั้งเเต่เมื่อไร" เขานิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนหันมาสักถามบุตรีทั้งสอง
" ไปได้สองสามวันเเล้วเจ้าค่ะ ข้านึกว่าท่านพ่อทราบเล้วเลยมิได้พูดอะไร" นางกับพี่หญิงตอบท่านพ่อที่ตอนนี้กำลังโมโหจนหน้าดำหน้าเเดง ท่านเเม่ของพวกนางรอดอยากเเล้ว
"เเล้วท่านเเม่ของพวกเจ้าขะกลับมาเมื่อไหร่"
" วันนี้มีเพียงท่านเเม่เหมยฮวาเพียวคนเดียวที่กลับมาเพคะ"
นางเเละพี่หญิงได้เอ่ยขอโทษในใจ ท่านเเม่ พวกลูกขอโทษ
เเดนมนุษย์ เเคว้นฉิน
มีชายรูปงานกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืดโดยมีองครักษ์กำลังรายงานแก่ผู้เป็นนาย
" ไม่มีข้อมูลของหญิงที่ชื่อ ลี่ลินเหมย เลยพะย่ะค่ะ" เขารู้สึกเสี่ยวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
" ไม่ได้เรื่อง ออกไปให้หมด" องครักษ์รีบหายไปอย่างรวดเร็วเพราะหมู่นี้นายของเข้าค่อนข้างอารมณ์เเปรปวนเสียยิ่งกว่าสตรีเสียอีก
"เจ้ามันหญิงใจร้าย ทิ้งสามีอย่างข้าได้อย่างไร" เขาเป็นถึงจักรพรรดิเเต่กับถูกนางทิ้งอย่างไร้เยื่อใยไม่เเม้เเต่เอ่ยล่าเขาสักคำ
" สงสัยบทลงโทษของข้าคงมิทำให้เจ้าเข็ดหลาบบางเลยสินะ" ถ้าเจอนางอีกละก็เขาจะให้นางอยู่เเต่ในห้องมิเห็นเดือนเห็นตะวันเลยคอยดู
"เจ้ามันหญิงใจร้ายใจดำ ทิ้งสามีในไส้อย่างข้าได้ลง"