เช้าเเล้วหรือ" นางยังรู้สึกง่วงอยู่เลยเหมือนมีกอดรัดนางเเน่น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนข้างเริ่มรู้สึกตัวจึงค่อยๆเเกะเเขนที่โอบรอบเอวนางช้าก่อนที่จะถูกดึงเข้าไปที่อกเปลือยของเขา
"เจ้าจะไปไหนหรือ"ไม่พูดเปล่าเขาจับใบหน้านางขึ้นมาสบตากับเขาเพราะเมื่อคืนค่อนข้างมืดทำให้เขาเห็นหน้านางมิชัดเจนเท่าไรนัก
"มันเช้าเเล้วนะเพคะ หม่อมฉันคงต้อง กลับเเล้ว"เมื่อเขาเข้าใจว่านางเป็นหญิงนางโลมเเล้วงั้นต้องไปให้สุด
"อยู่กับข้าก่อนได้หรือไม่" หาได้ยากที่เขาจะรั้งใครไว้เพราะถึงโปรดปรานเพียงใดก็จะไล่กลับไปหมดเเต่กับนางมิใช่
"คงมิได้เพคะ หม่อมฉันยังมีงานต้องทำ"
เมื่อได้ฟังคำของนางเเล้วถึงกับหน้าดำหน้าเเดง นี่นางปรนนิบัติเขาเเล้วจะไปปรนนิบัติผู้อื่นอีกหรือ
"เจ้ายังอยากไปปรนนิบัติผู้อื่นอีกหน่อย" นี่เขาคิดว่านางจะไปปรนนิบัติผู้ใดอีกหรือเเค่นี้นางก็จะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือเเล้ว
"เเค่นี้หม่อมฉันก็ไม่มีเรี่ยวเเรงเเล้วนะเพคะ"
คำพูดของนางทำเอาเขาหน้าแดงหูแดงไปหมดสำหรับนางเเล้วเขานางเอ็นดูเป็นที่สุดน่าจับทำสามียิ่ง เเต่เขาก็เป็นอยู่เเล้วนิ เว้นเสียเเต่ว่านางยังอยากมีอิสระอยู่ไว้ข้าเบื่อเสียก่อนจะเอาท่านมาเป็นสามีให้จงได้
"งั้นอีกหนึ่งเค่อเจ้าค่อยไป" พูดจบเขาก็กกกอดนางไว้ในอ้อมเเขนเหมือนเดิม
สรุปก็คือหลังจากที่องค์จักรพรรดิหลับไปนางก็เเอบย่องออกมาไปยังจวนที่นางซื้อเมื่อไม่กี่วันที่เเล้วขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ข้างในก็มีเเค่นางคนเดียวเพราะชอบอยู่เงียบเเละเเถมประเงินในกระเป๋าอีกด้วย
"อ่า จะว่าไปเเล้วท่านนี้ก็เเรงเยอะเป็นบ้าเลย" นางบ่นเบาๆพร้อมกับบีบนวดขาเเละเเขนที่ปวดเมื่อยถ้าไม่หายคงต้องใช้ยาทาเพิ่ม
หลังจากได้พักผ่อนเต็มอิ่มเเล้วก็ได้เวลานางสำรวจเมืองเสียที่
"อากาศชั่งเหมาะเเก่การสำรวจเสียจริง" นางเอาถุงเงินเล็กๆไปด้วยเพื่อเจออะไรถูกใจจะได้ซื้อกลับมา
ตอนนี้นางอยู่ไหนน่ะหรือ ง่ายๆสั้นดูท่าว่านางจะหลงทางเข้าให้เเล้วล่ะ กะว่าจะมาซื้อชาคงต้องถามคนเเถวนี้ดูเสียหน่อย
"ท่านลุงเจ้าขา ท่านรู้จักทางไปร้านชาหลิวเฉียงหรือไม่เจ้าค่ะ" นางเห็นท่านลุงท่าทางใจดีจึงตัดสินใจเข้าไปถามทาง
"เข้าไปทางเลี้ยวข้างหน้าได้เลยเเม่นาง" นางหันไปขอบคุณท่านลุงก่อนที่จะเดินไปยังร้านชาหลิวเฉียงชาดีที่หลายคนบอกเล่ากันจนนางต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวของนางว่าจะเป็นเเค่คำกล่าวหรือขึ้นชื่อจริง
ถึงเสียที เเค่หน้าร้านเเต่ดูมิน้อยเลย
"เเม่นางต้องการชาเเบบไหนหรือขอรับ" คนที่ออกมาต้อนรับเป็นชายที่จัดว่ารูปงามเลยก็ว่าได้ ขาว สูง หล่อ ดูสุภาพเป็นอย่างยิ่งเมื่อสวมใส่อาภรณ์สีขาวดุจดังเทพเซียน
ให้ตายสิ! นี่นางอยากกินคนขายชาหรือเเต่ก็อยากลองกินเหมือนกันว่าจะสู้องค์จักรพรรดิของนางได้หรือไม่
"ข้าไม่ว่าชาที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ท่านช่วยเเนะนำชาให้ข้าได้หรือไม่" นางหันไปสบตาเขาจนทำให้อีกฝ่ายต้องเบือนหน้าหนี ไม่มีอะไรหลุดรอดสายตานางได้ใบหูที่เริ่มเเดงของเขาบ่งบอกได้ดีว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไร
เขาช่างน่ารักเสียจริงๆ
"ชาที่เเนะนำของที่นี่คงจะเป็น ชาเหมยกุ้ยฮวา ชามั่วลี่ฮวา ชาเหลียนฮวา"
"ข้าเอาทั้งสามเลยเเล้วกัน" นางชื่นชอบดอกไม้อยู่เเล้วอยากรู้เเล้วสิว่าชาทั้งสามรสชาติจะหอมหวานขนาดไหน
"ขอบคุณที่อุดหนุนขอรับ"
"ครั้งหน้าข้าจะมาอุดหนุนเจ้าใหม่เเน่นอน"ไม่นานนางก็เดินออกจากร้านพร้อมกับถุงกระดาษสามถุง
นางค่อยเดินชมเมืองที่เต็มไปด้วยข้าวของละลานอย่างตื่นตาตื่นใจผิดกับอีกคนที่ตอนนี้หงุดหงิดจวนจะคลั่ง
"หญิงสาวคนเดียวเจ้าหามิได้ๆอย่างไรกัน"
เขาคิดด้วยความหงุดหงิดนางไปอยู่ไหนกันหอนางโลมทั้งหมดไม่เจอตัวนางสักที่ เขาไล่ทุกคนออกไปเพื่อสงบจิตสงบใจตัวเองเเต่ยังตั้งคำถามอยู่ในหัวว่า
แท้จริงเเล้ว นางเป็นใครกันเเน่ เเต่นั้นก็เถอะยังไงนางก็ได้เขาเป็นสามีเเล้ว หรือนางจะได้เขาเเล้วทิ้งกัน เเต่เขาเป็นถึงจักรพรรดิเลยนะ ไม่รู้เเหละ
"เจ้าได้ข้าเป็นสามีเเล้ว ห้ามทิ้งข้าเด็ดขาด"
เจอเมื่อไรล่ะก็เขาจะทำให้นางลุกไปไหนไม่ได้เลยจริงเชียว จะเอาให้หลาบจำว่าเมื่อคิดจะหนีสามีเช่นเขาจะมีบทลงโทษเช่นนี้
ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดที่จะมีชายาเลยเเม้เเต่น้อยถึงจะเป็นองค์จักรพรรดิเเต่เขากับมิเคยมีชายาหรือเเม้เเต่สาวใช้อุ่นเตียงเลยเเม้เเต่คนเดียว เมื่อเขามีความต้องการเขาจะไปปลดปล่อยมันที่หอนางโลมหรือไม่ก็เรียกพวกนางมาจวนนอกวังของเขา
อ่า สวรรค์คงส่งนางมาให้เขาเป็นเเน่ สงสัยจะกลัวข้าเป็นชายตัดเเขนเสื้อเสียกระมัง
*ชาเหมยกุ้ย [ชากุหลาบ]
*ชามั่วลี่ฮวา [ชาดอกมะลิ]
*ชาเหลียนฮวา [ชาดอกบัว]