บทที่ 16 เกินรับ
“แต่เป็นเพียงชั่วคราวครับ คนไข้สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หากได้นับการรักษาอย่างต่อเนื่อง”
“แสดงว่าอีกไม่นานคารอสก็จะหายใช่ไหมครับหมอ”
แมทธิวถามอย่างมีความหวังขึ้นมา แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็ทำให้พวกเขาหนักใจไม่น้อย
“อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับกำลังใจของคนไข้ด้วยครับ หมอขอตัว”
และนี่แหละที่เป็นเรื่องน่าหนักใจที่สุด หากคารอสฟื้นขึ้นมาและพบกับความจริงอันน่าตกใจนี้จะรับได้เหรอ ไหนจะยังเมียที่ยังตามหาไม่เจออีก!! แต่คงทำอะไรให้ดีขึ้นไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนอกจากรอให้เพื่อนฟื้นขึ้นมาและแก้ปัญหากันต่อไปเท่านั้น
ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันน่าหลงใหล ทั้งยังเป็นเมืองที่ถือว่ามีความโรแมนติกมากในยุโรปทำให้จันทร์และเรนที่ขอตามจันทร์มาอยู่ที่นี่ได้สามเดือนแล้วผ่อนคลายขึ้นเยอะ เพราะบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ดีช่วยเยียวยาจิตใจที่มีบาดแผลของสองหนุ่มน้อย อีกทั้งพ่อแม่ของวิคเตอร์ก็รักและเอ็นดูทั้งสองคนมากเหมือนลูกแท้ๆเพราะลูกชายของตนทำแต่งานจนตนแทบลืมไปแล้วว่ามีลูกกับเขาอยู่คนหนึ่งก็เหมือนไม่มี
“เฮ้อ ดีจังเลยนะที่หนูเรนนี่และหนูจันทร์มาอยู่ด้วยแบบนี้”
คุณแอนนาแม่ของวิคเตอร์กล่าวออกมาในขณะที่กำลังนั่งพูดคุยกันยามเช้าในระหว่างรอตั้งโต๊ะอาหาร
“นั่นสิ มีเรนนี่และจันทร์มาอยู่ด้วยบ้านสดใสขึ้นเยอะเลย”
ไมเคิลผู้เป็นสามีก็เห็นด้วยกับภรรยาตั้งแต่ที่ลูกชายพาหนุ่มน้อยสองคนนี้มาฝากให้พวกตนช่วยดูแลตอนแรกพวกเขาก็ดีใจนึกว่าลูกชายจะพาสะใภ้เข้าบ้านเสียอีกเพราะพวกเขาไม่เข้มงวดเรื่องคนรักของลูกชายแต่ถึงแม้ไม่ใช่แต่พวกเขาก็เต็มใจที่จะรับสองคนนี้มาอยู่ด้วย
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
เรนที่นั่งอยู่ด้วยก็พูดเย้าหยอกไปกับทั้งสองด้วย สามเดือนที่เขาและจันทร์มาอยู่ที่นี่คุณแอนนาและคุณไมเคิลดูแลพวกตนดีมากจนเขาและจันทร์รักและเคารพพวกท่านเหมือนกับพ่อแม่อีกคนเลย
“อาหารเช้าเสร็จแล้วนะครับ”
จันทร์ที่จัดเตรียมอาหารเช้าอยู่เข้ามาเรียกทุกคนเมื่ออาหารเช้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
“คุยอะไรกันอยู่ครับเนี่ย เสียงดังไปถึงห้องครัวเลย”
“55 กำลังคุยกันว่าวันนี้แม่ครัวใหญ่จะทำอะไรให้กินน่ะ”
“นั่นสิ”
“เอาเป็นว่าตอนนี้อาหารพร้อมแล้ว เราไปทานกันเถอะครับ”
“นั่นสิครับ เสร็จแล้วจะได้ทานยาแล้วออกไปเดินเล่นกัน”
“โอเคจ้าคุณหมอ”
คุณแอนนาเอ่ยเย้าหยอกกับสองหนุ่มด้วยแววตารักใคร่ ตั้งแต่ที่จันทร์และเรนมาอยู่ที่นี่ทั้งสองก็ไม่ได้อยู่เฉยเลย ทั้งสองช่วยดูแลพวกท่านอยู่ไม่ห่างทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องอาหารการกินตามความถนัดของทั้งคู่
“เอาล่ะๆ ไปทานข้าวกันเถอะแอนเดี๋ยวก็โดนคุณหมอจับฉีดยาหรอก”
คุณไมเคิลเอ่ยชวนเพราะเริ่มหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกันแต่ก็ยังไม่วายเอ่ยกระแซะเรนอยู่ดี แล้วทั้งสี่คนก็มายังห้องทานอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
“อ้วก!”
“อ้วก!”
ทานอาหารไปได้สักพักคุณไมเคิลและคุณแอนนาก็ต้องหยุดจากของอร่อยตรงหน้าแล้วเรียกสาวใช้กันให้วุ่นไปหมด เพราะจันทร์และเรนต่างก็อาเจียนออกมาพร้อมกันทั้งคู่ทำให้อาหารมื้อนั้นต้องหยุดลงกลางคัน
“เป็นไงบ้านหนูจันทร์ เรนนี่”
คุณแอนนาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อสาวใช้พาคนป่วยทั้งสองมาพักผ่อนบนห้องแล้ว ทั้งคู่พักอยู่ด้วยกันตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เพราะเห็นว่าอยู่ด้วยกันคงจะอุ่นใจกว่า และมันก็กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
“รู้สึกเพลียๆนิดหน่อยครับ”
จันทร์ตอบเสียงแผ่วเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันตอนที่ทำอาหารยังไม่เป็นอะไรเลยแต่นั่งทานเพียงแป๊บเดียวก็รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาเสียอย่างนั้นและดูเหมือนว่าเรนก็มีอาการไม่ต่างจากตนนัก แล้วเขาก็คิดว่าเรนต้องรู้แน่ๆว่าพวกเขาเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำหน้าเครียดอย่างนี้แน่
“หมอมาแล้ว”
คุณไมเคิลบอกพร้อมกับเดินนำหมอเข้ามาเพื่อตรวจอาการของทั้งคู่ ไม่นานหมอก็ตรวจอาการของทั้งสองเสร็จและบอกผลตรวจให้แก่ทุกคนรับทราบท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ คงเป็นแค่อาการแพ้ท้องธรรมดา”
“หมายความว่าไงครับ!”
จันทร์เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนักกับสิ่งที่หมอบอก
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ อาการของพวกคุณคือการตั้งครรภ์ครับ”
<<<< ต่อ >>>>
“คะ คุณหมอว่าไงนะครับ”
เรนที่เงียบมานานเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีว่าหมอไม่ได้ตรวจผิดแน่ๆเพราะคนเป็นหมออย่างย่อมรู้ดีว่าอาการแบบนี้คืออะไร แต่ที่เขาสงสัยคือเขาเป็นผู้ชายแล้วจะท้องได้จริงเหรอถึงแม้ว่าจะเคยเจอเคสแบบนี้อยู่เหมือนกันตอนที่เป็นนักเรียนหมอแต่ใครจะไปคิดเล่าว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ ในขณะที่จันทร์อึ้งจนพูดไม่ออก
“พวกคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงและยาแก้แพ้ไว้ให้ ส่วนเรื่องฝากครรภ์หมออยากให้พวกคุณไปฝากท้องที่โรงพยาบาลพร้อมกับตรวจอย่างละเอียดอีกทีนะครับ”
“ครับ”
จันทร์และเรนรับคำอย่างเลื่อนลอยเรนลดความกังวลได้เล็กน้อยเพราะตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวเหลืออยู่ตั้งแต่ที่เสียพ่อแม่ไปพร้อมกันจากอุบัติเหตุทางเรือตอนเรียนอยู่ปี 4 เขาก็อยู่คนเดียวมาตลอดแต่ยังโชคดีที่พวกท่านทิ้งบ้านและมกดกไว้ให้ไม่น้อยพอให้เรนอยู่ได้โดยไม่ลำบาก เหลือเพียงจันทร์ที่ใบหน้าหวานปรากฏรอยกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะเกรงว่าครอบครัวของตนจะรับไม่ได้ที่ตนเป็นผู้ชายแต่กลับท้องได้แถมยังเกิดจากการถูกข่มขืนอีกต่างหาก ถึงแม้หลังๆเขาจะเต็มใจก็เถอะแต่มันก็เป็นแค่แผนให้คารอสตายใจเท่านั้น ละดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้ถึงความกังวลของจันทร์ดีจึงมองมาที่ร่างบางอย่างให้กำลังใจ เรนกุมมือของจันทร์แน่นเพื่อสื่อว่าจันทร์ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
“เดี๋ยวพ่อและแม่จะช่วยพูดกับครอบครัวหนูให้ดีมั้ย”
“ใช่ ไม่ต้องกลัวหรอก ดีซะอีกจะได้มีเจ้าตัวน้อยมาให้คนแก่ชื่นใจเสียที ขืนรอเจ้าลูกชายตัวดีคงไม่มีหวังแน่ เฮ้อ!”
คำพูดตัดพ่อพร้อมกับเหน็บแนมลูกชายตัวเองของคุณไมเคิลและคุณแอนนาเรียก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อย่างดี
“เอาละ เอาเป็นว่าพักผ่อนกันดีกว่าเดี๋ยวแม่ให้คนเอายามาให้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปโรงพยาบาลกัน”
“ส่วนเรื่องครอบครัวเราน่ะเดี๋ยวค่อยว่ากันหลังจากจัดการทางนี้เรียบร้อยแล้วดีกว่านะ”
“ครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
จันทร์รับคำของคนที่ตนนับถือเหมือนพ่อแม่แท้ๆทั้งสองอย่างขอบคุณจากใจ ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“อ้าว ขี้แยจริงเด็กคนนี้นี่ จะเป็นแม่คนอยู่แล้วไม่อายลูกหรือไงเรา ฮื้ม!!”
คุณแอนนาเอ่ยเย้าว่าที่คุณแม่อย่างเอ็นดูพลางดึงร่างบางเข้ามากอดแล้วหอมฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว
ทั้งสามคนพูดคุยกันสักพักก็พึ่งสังเกตถึงความเงียบผิดปกติของเรนที่ธรรมดาจะคุยเก่งกว่าจันทร์เสียอีก แตต่คราวนี้กลับเงียบเสียได้ ละเมื่อหันไปมองก็พบว่าคนตัวเล็กหลับไปเสียแล้ว
“อ้าว คนพูดเก่งดันหลับไปเสียแล้ว”
คุณไมเคิลพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ปกติเรนจะเป็นคนชวนพวกเขาคุยมากกว่าแต่คราวนี้กลับชิงหลับไปก่อนเสียได้ สงสัยคงจะเพลียมากจริงๆ
“เอาล่ะ งั้นหนูจันทร์ก็พักผ่อนเถอะลูก อย่าพึ่งคิดอะไรมาก ”
“ใช่เราไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะลูก”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
แล้วสองสามีภรรยาก็ออกจากห้องไปปล่อยให้ว่าที่คุณแม่พักผ่อนกันตามสบาย
จันทร์ทิ้งตัวลงนอนข้างเรนที่นอนหลับสบายอยู่ ป่านนี้คารอสจะเป็นอย่างไรบ้าง จะยังตามหาเขาอยู่ไหมนะ
“ฮื้อ แล้วทำไมเราต้องคิดถึงเขาด้วยนะจันทร์”
พึมพำกลับตัวเองแล้วก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จันทร์คงไม่รู้หรอกว่าคนที่ตนพึ่งคิดถึงนั้นตอนนี้กำลังเผชิญกับวิบากกรรมและอาละวาดอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในเครือเกรสันโดยมีเพื่อนและคนสนิทคอยรับมืออยู่
“โถ่โว้ย!! พวกแกปล่อยฉันสิวะ ฉันจะไปตามหาจันทร์”
ร่างสูงที่ถูกมัดติดกับเตียงพยายามดิ้นรนและอาละวาดเสียงลั่นโรงพยาบาล ตั้งแต่ที่คารอสฟื้นขึ้นมาและรู้ความจริงเรื่องที่ตนเองมองไม่เห็นแทนที่เขาจะโวยวายเรื่องความเปลี่ยนแปลงของตน แต่กลับเอาแต่จะออกไปตามหาจันทร์ท่าเดียวจนพวกเขาต้องมัดร่างสูงไว้กับเตียง
“ใจเย็นๆก่อนคารอส”
“ปล่อยนะโว้ย บอกให้ปล่อยไงวะ”
แม้แมทธิวหรือใครจะพูดยังไงแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดคารอสได้
“โถ่โว้ย มีสติหน่อยสิวะคาร์ล!! แกมองไม่เห็นอย่างนี้จะไปตามหาเขาอย่างไรวะ”
เอ็ดเวิร์ดที่ทนไม่ไหวตะโกนออกมาอย่างเหลืออด แต่คงลืมคิดว่าคำพูดของตนจะทำให้คารอสเจ็บแค่ไหน ภายในห้องเงียบสงบไร้เสียงใด มีแต่เสียงลมหายใจของคนทั้งหกเท่านั้น และคำพูดต่อมาก็ทำให้เพื่อนทั้งสามมองเพื่อนอย่างเห็นใจ เอริคแทบทนเห็นความเจ็บปวดของผู้เป็นนายไม่ไหว มีเพียงโรเบิร์ตเท่านั้นที่ทั้งเจ็บปวดและเห็นด้วยกับผู้เป็นนาย เพราะเขาเองก็มีความคิดไม่ต่างจากผู้เป็นนายเหมือนกัน
“ต่อให้ต้องตาย! ฉันก็จะหาจันทร์ให้เจอ”
สวัสดีรีดทุกคน ไรท์เอาอีก 50% หลังมาเสริฟให้แล้วนะคะ
แอบสปอยว่าจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเน้อๆๆ
ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเหมือนเดิมนะคะ แต่จะทยอยตรวจให้ตั้งแต่ตอนแรกน้า อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม คอยเม้น คอยให้กำลังใจนะคะ