Sm-00
[สิงห์คำราม]
‘อย่าไปไหนล่ะมีอะไรรีบโทรหาเจ้เจ้จะรีบมา’
คำสั่งเด็ดขาดของพี่สาวดังวนเวียนในหัวขณะร่างของฉันยืนโงนเงนเพราะความมึนเมาแผ่นหลังบางพิงพนังเย็นเฉียบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปิดเสียงปลายสายยังคงเป็นชื่อคนที่ฉันหนีหน้า
น่ารำคาญชะมัด…
สายตากวาดมองไปรอบตัวที่ค่อนข้างมืดสลัวบันไดหนีไฟคือจุดที่ฉันกำลังยืนอยู่
ย้อนกลับไปเมื่อห้านาทีก่อนเจ้สายขิมบอกให้ฉันรออยู่ที่นี่เงียบๆส่วนตัวเจ้ออกไปจัดการกับจีซัสแฟนจอมบงการของฉันถ้าจะให้พูดถึงจีซัสคงจะยาวหน่อยตอนนี้ฉันเมาขอไม่พูดถึงเขาละกันเอาเป็นว่าเขาเป็นแฟนฉันและเราจะเลิกกันเร็วๆนี้แน่นอน
ปึง!
“โอ๊ะโอ…ใครกันเนี่ย”เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมร่างสูงของใครคนหนึ่งฉันปรือตามองเขาหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก“อะไรกันทำหน้าแบบนั้นอย่าบอกนะว่าจำฉันไม่ได้?”
ใครวะ…
“…”ฉันขมวดคิ้วมองด้วยสีหน้ารำคาญพยุงตัวเองขึ้นจากพนังให้ยืนตัวตรงเพื่อจะเดินออกจากที่นี่ถึงเจ้จะสั่งไม่ให้ไปไหนก็เถอะแต่ถ้าขืนอยู่ในนี้ต่อไปฉันอาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้
หมับ
“จะรีบไปไหนล่ะ?อุตส่าห์ได้อยู่กับเธอสองต่อสองสักทีคิดว่าฉันจะปล่อยไปง่ายๆเหรอสายซอ?”
สายซอ คือชื่อของฉัน ปกติฉันมีเพื่อนไม่เยอะ คนรู้จักก็ด้วย ถ้าหมอนี่รู้จักฉัน แสดงว่าเราอาจจะเคยเจอกันแต่ไม่สำคัญฉันเลยจำไม่ได้
เขาจับแขนฉันแล้วผลักใส่พนังอีกรอบแรงเหวี่ยงทำฉันมึนหัวไปหมดร่างซวนเซเกือบจะล้มจนต้องคว้าแขนคนตรงหน้าไว้ทั้งที่ขยะแขยงจะแย่เมื่อทรงตัวได้ก็รีบปล่อยทันที
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
“จุ๊ๆอย่าเล่นตัวนักเลยน่าฉันจะทำให้เธอฟินจนร้องขอไม่หยุดเลย”จบคำพูดทุเรศๆนั่นเอวของฉันถูกมือหนาคว้าจับเขาขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นเหล้ารุนแรงน่าขยะแขยงที่สุด!
“ปล่อย…บอกให้ปล่อยไง!”สองมือพยายามผลักดันร่างหนาออกจากตัวแต่แรงน้อยนิดอย่างฉันจะไปสู้อะไรกับแรงผู้ชายที่กำลังขาดสติได้และในระหว่างที่กำลังผลักดันกันอยู่นั้นปลายสายตาบังเอิญเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากบันไดมาด้วยท่าทางนิ่งเฉย
ตึก…ตึก…ตึก…
เขาหยุดปลายเท้าที่บันไดขั้นสุดท้ายไม่ห่างจากที่ฉันยืนสักเท่าไหร่แสงไฟสลัวสาดส่องใบหน้าเพียงครึ่งเสี้ยวฉันไม่ทันสังเกตว่าเขาคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงตอนนี้รู้แค่ว่าต้องขอความช่วยเหลือจากเขาเท่านั้น
“ชะช่วยด้วย!”
ฉันพยายามผลักผู้ชายสารเลวออกจากตัวปากก็ร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุดทว่าแทนที่เขาคนนั้นจะเข้ามาช่วยเขากลับยืนมองนิ่งๆก่อนก้าวเข้าหาบานประตูเพื่อจะจากไปนาทีนั้นหัวใจฉันหล่นวูบ ไม่คิดว่าเขาจะเมินเฉยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือของฉันนี่เขายังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม?!
“สารเลว…ไอ้เลวเอ๊ย!พวกแกมันเลวเหมือนกันหมด!”ฉันตะโกนด่ากราดอย่างคนสติแตกหมดสิ้นความหวังสองมือระดมทุบผู้ชายสารเลวตรงหน้าสุดชีวิตสองตาจ้องไปทางร่างสูงหน้าประตูอย่างแค้นใจปากด่าทอไม่หยุด“ทำไมไม่ช่วยฉัน!ไอ้คนเลว!แกมันไอ้สวะ!ไอ้…”
ตึง!
คำด่าของฉันชะงักไปพร้อมเสียงทุบบานประตูดังลั่นเหม่อมองกำปั้นหนักๆที่เจ้าของมันเพิ่งทุบลงไปสุดแรงและก่อนจะทันได้ตั้งตัวผู้ชายสารเลวตรงหน้าฉันปลิวหายจากสายตากระเด็นไปกระแทกพนังอีกฝั่งด้วยความรวดเร็ว
อั่ก!
ฉันกะพริบตาปริบๆมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงงอาการเมาเมื่อครู่คล้ายจะสร่างไปชั่วขณะ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?เขากำลังช่วยฉันงั้นเหรอ…
“มึง…!”ผู้ชายที่ถูกถีบกระเด็นทำท่าจะลุกขึ้นสู้แต่พอเห็นหน้าคนถีบชัดๆเขาชะงักค้างทันที
“ไสหัวไปซะ”น้ำเสียงเย็นชาไร้แววข่มขวัญแต่กลับรู้สึกกดดันที่สุด เปล่งออกมาจากปากของร่างสูงเพียงประโยคเดียวก็ทำให้ชายคนนั้นวิ่งออกไปจากที่นี่แทบจะทันที
“…”ท่ามกลางความมืดสลัวฉันสบตากับเขาคนนั้นชั่วขณะหนึ่งดวงตาคมกริบดุจสัตว์ป่าวาววับเต็มไปด้วยความอันตรายใบหน้าครึ่งเสี้ยวสะท้อนแสงไฟฉายความหล่อเหลาอย่างร้ายกาจจนฉันแทบหยุดหายใจ
ใบหน้านี้…ฉันรู้จักดี…
สองเท้าก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ อยากจะหนีไปจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าเขาคนนั้นยืนขวางประตูทางออกอยู่
แย่แล้วยัยซอ…เจอใครไม่เจอทำไมต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ด้วย!
“ยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะสายซอ”
ให้ตาย…เขายังจำฉันได้!
“ขะขอบคุณเฮียที่ช่วยฉัน…ฉันขอตัวก่อน”ฉันก้มหน้างุดพยายามจะเดินเลี่ยงไปทางประตูจังหวะที่มือกำลังจะแตะบานประตูก็ถูกมือหนาขวางทางเอาไว้ฉันกลั้นหายใจถอยหลังหนีจากระยะใกล้ชิดกะทันหันนั่น ฉันหลับตาอย่างนึกด่าความชักช้าของตัวเองในใจ ถ้าไม่ติดว่าเมา ป่านนี้ฉันวิ่งหนีเขาไปแล้ว แต่นี่เมาไง แค่เดินยังจะสะดุดขาตัวเองล้มเลยเหอะ
“ฉันไม่เคยช่วยใครฟรีๆเธอก็น่าจะรู้”มือหนาอีกข้างทาบขนานพนังด้านหลังจนฉันขยับหนีไม่ได้กลายเป็นว่าฉันถูกเขากักไว้ตรงกลางระหว่างสองแขนของเขา
รู้สิ…ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ!ผู้ชายอย่างสิงห์คำรามไม่เคยเสียประโยชน์ให้ใครฟรีๆอยู่แล้ว!
ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นเขาฉันไม่มีทางร้องขอความช่วยเหลือจากเขาเด็ดขาด!
“เฮียต้องการอะไรถ้าฉันตอบแทนได้ฉันจะทำ”กัดฟันถามออกไปทำใจกล้าเงยหน้าสบตากับเขาอย่างไร้ความเกรงกลัวเมื่อก่อนฉันไม่กลัวเขาตอนนี้ก็ต้องไม่กลัวต่อไปก็ด้วย
นัยน์ตาสีนิลวาววับแววท้าทายลุกโชนกลิ่นอายอันตรายแผ่ซ่านมาจากเขาผู้ชายคนนี้มีเส้นขอบเขตเป็นของตัวเอง เขามีอาณาเขตของเขาชัดเจน ไม่ว่าใคร หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้เขาได้ จุดจบของคนที่กล้าล้ำเส้นเขา ไม่มีดีเลยสักคน และฉันก็เคยเกือบจะเป็นหนึ่งในนั้น…
“ผู้หญิงอย่างเธอ… ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการหรอก” คำพูดเย็นชาของเขาเปรียบดั่งน้ำเย็นๆ สาดใส่หน้าฉัน คำปรามาสแสนดูถูกนั่นมันอะไร? ผู้หญิงอย่างฉันมันทำไมงั้นเหรอ?
ยังไม่ทันที่ฉันจะตั้งสติดีแล้วถามเขากลับ ร่างสูงหมุนตัวเดินจากไปเสียก่อน ฉันเม้มปากแน่น ไล่ความสับสนมึนงงในหัวออกไป ความเมามันกลับมาเล่นงานฉันอีกครั้ง และเวลาที่ฉันเมา ความใจกล้ามักเอาชนะทุกสิ่งเสมอ
“เดี๋ยวก่อนสิเฮีย! กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องเลยนะ!”
ฉันสาวเท้าเดินตามหลังเฮียสิงห์อย่างโซซัดโซเซเล็กน้อย ตลอดทางที่เดินผ่านเป็นโถงทางเดินออกไปด้านหน้าผับ โชคดีที่คนไม่แออัดเท่าไหร่ ฉันจึงเดินตามหลังเขาทันโดยไม่คาดสายตา กระทั่งออกมาหน้าผับบังเอิญชนกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้า ร่างของฉันถูกวงแขนแกร่งโอบกอดอย่างถือวิสาสะ รีบตวัดสายตามองเจ้าของการกระทำนั้นทันที
“ปล่อยได้แล้วป่ะ จะกอดอีกนานไหม”
“อ่า ขอโทษที ผมคิดว่าคุณอาจยืนไม่ไหว” น้ำเสียงเขาเอ่ยสุภาพ แต่แววตาไม่น่าไว้ใจสุดๆ พวกผู้ชายมันก็เป็นซะแบบนี้ไง ทั้งน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ผู้หญิงถึงได้หันไปรักกันเองหมด
“ฉันยืนไหว ปล่อยได้ยัง” ไม่พูดเปล่า แต่สะบัดตัวออกจากวงแขนเขาด้วย จังหวะนั้นฉันเสียหลักเซจนเกือบจะล้ม โชคดีที่มีมือหนึ่งยื่นมาดึงแขนเอาไว้ พอหันมองก็พบกับดวงตาคมๆ แสนเย็นชาจ้องมา
เขาย้อนกลับมาช่วยฉันงั้นเหรอ?
“อ้าว เฮียสิงห์ จะกลับแล้วเหรอครับ” เสียงทักจากผู้ชายที่ฉันเดินชนเรียกสายตาคมละไปจากใบหน้าฉัน พวกเขารู้จักกัน ดูจากการพยักหน้ารับหน่อยๆ ของสิงห์คำรามซึ่งปกติไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
“บอกมันด้วยว่ากลับก่อน ขี้เกียจรอ”
“แต่เฮียเสือมาถึงแล้วนะครับ ไม่เจอกันเหรอ”
“เออ ไม่เจอ กูจะกลับแล้ว”
ฉันยืนฟังทั้งสองคนพูดคุยกันโดยที่มือหนาของเฮียสิงห์ยังจับแขนไม่ปล่อย ร่างกายซวนเซเล็กน้อย วันนี้ดื่มหนักไปจริงๆ ด้วย ถึงว่าทำไมเจ้ขิมบ่นซะขนาดนั้น
“แล้วนี่…” ฉันกลับมาที่บทสนทนาของคนทั้งสองอีกครั้ง คราวนี้เหมือนว่าคนที่ตกเป็นเป้าสายตาจะเป็นตัวฉันเอง “จะพาเธอไปด้วย?”
มือหนาของสิงห์คำรามผละออกจากไหล่ฉันหลังจบคำถามนั้น และตัวฉันที่กำลังมึนก็พาลเสียการทรงตัวเล็กน้อย ฉันเกือบจะล้มอยู่แล้ว โชคดีที่มือหนาของผู้ชายอีกคนคว้าจับเอาไว้ ส่วนคนที่ปล่อยมือจากฉันเมื่อครู่ เขาทำเพียงหลุบตามองอย่างเย็นชา ก่อนหันหลังจะเดินจากไป แต่มือฉันไวกว่าใจคิด คว้าแขนเสื้อเขาเอาไว้ได้ทัน ดวงตาคมหลุบมองเย็นชากว่าเดิม ไร้ความรู้สึกใดๆ บนสีหน้าของเขา
ให้ตายเหอะ… ทำไมหัวใจฉันยังเต้นแรงกับผู้ชายคนนี้อยู่อีกนะ!
“ไปด้วย พาฉันไปด้วย” ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไปแบบนั้น สิงห์คำรามยืนนิ่ง ปล่อยให้ฉันดึงแขนเสื้ออยู่อย่างนั้น คราวนี้ฉันยกมืออีกข้างคว้าจับแขนแกร่งไว้แน่นราวกับกลัวจะโดนเขาทิ้ง "ก็บอกว่าจะไปกับเฮียด้วยไง หูตึงเหรอ?"
“…” ความเงียบกลืนกินรอบตัว รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกจากสายตาของคนตรงหน้า เขามองข้ามไหล่ฉันไปด้านหลัง ก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วเปลี่ยนเป็นกระชาก ย้ำ! เฮียสิงห์กระชากแขนฉันให้เดินตามหลังเขาไปด้วย
ป่าเถื่อนได้คงเส้นคงวาจริงๆ เลย!
หลังจากขึ้นรถสิงห์คำรามมาได้สักพัก ฉันเมาหลับตลอดทาง รู้สึกตัวอีกทีตอนแผ่นหลังกระแทกกับที่นอนนุ่มๆ ปรือตาขึ้นมองก็เห็นเงาของร่างสูงกำลังตะคุ่มอยู่เหนือร่างตัวเอง ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือเล็กชาไปทั้งมือ ฉันเผลอตบหน้าคนเหนือร่างทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่ มันเป็นการตอบโต้ตามสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง พอปรับโฟกัสสายตาจึงเห็นว่าใบหน้าที่ฉันเพิ่งตบไปนั้นเป็นของใคร
“ฮะ เฮียสิงห์… ฉัน เอ่อ… ฉันขอโทษ”
สิงห์คำรามที่ยังอยู่ในท่าทางโค้งตัวจากการอุ้มฉันมาวางลงบนเตียงมีใบหน้าเรียบเฉยอย่างมาก ดวงตาคมเข้มจ้องมองกันนิ่ง แววตาของเขานิ่งลึกเกินจะคาดเดา และมันกำลังทอประกายความน่ากลัวออกมา เขาโกรธแล้ว…
“เธอล้ำเส้นฉันอีกแล้วนะสายซอ”
ใช่… ฉันล้ำเส้นเขาอีกแล้ว… ล้ำเส้นของผู้ชายที่ชื่อสิงห์คำราม!
.........
รักเฮียสิงห์กดติดตามกันเลยค่ะ
TALK
เปิดบทนำคู่เฮียสิงห์กับสายซอแล้วค่าาา
คู่เฮียเสือกับสายขิมว่าแซ่บแล้ว คู่นี้แซ่บกว่าเด้อ
ใครชอบผู้ชายเย็นชาๆ แบบโคตรเย็นชาแต่รักเมียหนักมาก หลงเฮียสิงห์แน่นอนจ้าา ฮี่ๆ
ส่วนน้องซอนางก็จะมีความซนๆ ดื้อๆ ให้อิเฮียปวดเฮดตลอดเวลานะเออ
ฝากกดติดตาม+คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้าาาา