วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแจ่มใส หยางกับลี่อิงรีบหยิบกำไลหินสีดำแล้วออกจากบ้าน
เมื่อเช้าหยางตื่นสายโด่ง ตะวันขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้าแล้ว
ระหว่างทางได้กลิ่นซาลาเปาหอมหวนยั่วน้ำลาย คุณตาหมอดูข้างทางที่คอยร้องเรียกคนที่เดินผ่านไปมา คนลากเกวียนแหวกคลื่นฝูงชนไป
ทั้งคู่ออกมาจนถึงถนนใหญ่พบว่าเด็กสาวคนนั้นไม่ได้อยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อวานซืน แต่พอลองเดินต่อไปตามถนนใหญ่อีกสักพักก็พบเธอกำลังดักถามผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
พวกเขาเดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะจำหยางได้เลยวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาแล้วส่งเสียงทักทาย
“เอ่อ...พวกเราเจอกันเมื่อสามวันก่อน จำได้ไหม?”
“อ้า ใช่”
ได้ยินหยางตอบแบบนั้น เด็กสาวก็แสดงสีหน้าโล่งอก
“หลังจากตอนนั้นพอจะเคยเห็นกำไลที่เหมือนกับกำไลหยก แต่ทำจากหินสีดำ ขนาดประมาณนี้บ้างไหม? ดูเหมือนว่าข้าจะทำมันตกหายไปที่ไหนไม่รู้ นี่ก็กำลังหาอยู่”
“ทำจากหินสีดำงั้นเหรอ?”
หยางแสร้งทำเป็นตกใจ จงใจทิ้งเวลาสักครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ
“หรือว่าจะเป็นอันนี้รึเปล่า?...เอ๊ะ เจ้าได้ถือติดมาด้วยรึเปล่าลี่อิง?”
“อื้ม”
หยางใช้ศอกกระทุ้งลี่อิงเบาๆ หนุ่มน้อยจึงหยิบกำไลนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง
พอยื่นให้เด็กสาวดูปุ๊บ สีหน้าที่ลำบากใจเมื่อครู่ของเธอก็เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าตกใจแบบทันควัน
“อ๊ะ นั่น!”
“นี่คือสิ่งที่เจ๊ตามหาอยู่เหรอ?”
“ใช่!”
พอลี่อิงถามเด็กสาวก็พยักหน้าถี่ๆ ด้วยความดีใจ
“น่าจะเป็นหลังจากที่เจอเจ้านะ เก็บได้แถวถนนใหญ่เนี่ยแหละ”
“เห็นแปลกดี ดูคล้ายกำไลหยก ก็เลยพกไว้น่ะ เอ้า...”
หยางกับลี่อิงโกหกได้หน้าตาเฉย
ลี่อิงยื่นกำไลให้ เด็กสาวใช้สองมือประคองรับเหมือนมันเป็นสิ่งของที่สำคัญเสียเหลือเกิน
“ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ ข้าเดินตามหาตั้งแต่สะพานจนถึงที่พักก็ไม่เจอเลย ยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี”
เด็กสาวดีใจจนแทบจะร้องไห้ ทำให้เด็กหนุ่มสองคนรู้สึกอึดอัดใจ
สำหรับพวกเขาเห็นกำไลนั่นเป็นแค่เพียงข้าวของกะโหลกกะลาที่เอาไว้แลกเปลี่ยนเป็นเงินเท่านั้น แต่สำหรับเด็กสาวคนนี้ กำไลนั่นดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก หาเจอก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกข้าก็...”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”
หยางตั้งท่าจะกล่าวลา แต่เด็กสาวพูดแทรกขึ้นมา
“ฉันอยากทำอะไรซักอย่างเพื่อเป็นการตอบแทน อุตส่าห์ช่วยให้ฉันได้เจอของสำคัญที่คิดว่าคงหาไม่เจอแล้ว”
“ตอบแทนเหรอ?”
หยางไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ จึงถามกลับด้วยความงงงวยโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าขื่นขมระคนอึ้ง
“ถึงจะอยากตอบแทนก็เถอะนะ...”
หยางยังพูดไม่จบ เจ้าลี่อิงก็ยิ้มหวานพูดแทรกขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นเลี้ยงข้าวพวกเราซักมื้อเป็นไง?”
หยางได้ยินอย่างนั้นก็ถองศอกไปที่ลูกน้อง เขาต้องการจะเตือนว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนี้มากไปจะดีกว่า หากเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นมาจะทำอย่างไร?
แต่เด็กสาวที่ได้ฟังข้อเสนอนั้นดูเหมือนจะสนใจเข้าให้แล้ว
“อ๋อ ได้สิ แบบนั้นก็ดีเลย”
“ดีใช่ไหมล่ะ ลูกพี่?”
ลี่อิงกระตุกแขนเสื้อของหยางแล้วเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน
แน่นอนว่าเด็กสาวตรงหน้าดูมั่งคั่ง ถ้าเกิดคิดจะเลี้ยงข้าวใครขึ้นมาย่อมต้องเป็นของดีอย่างที่เขาสองคนแทบจะหากินไม่ได้ แต่การที่โจรวิ่งราวจะไปกินข้าวกับเหยื่อช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เด็กสาวรับรู้ได้ว่าหยางทำหน้าบูด
“หรือว่าวันนี้พวกเจ้าไม่สะดวก? ถ้าอย่างนั้นจะเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืนข้าก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ”
คำถามไถ่ของเธอดูเกรงใจและเป็นห่วงเป็นใย ตรงข้ามกับหยางที่อยากจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
พูดมาเสียขนาดนี้จะให้อ้างว่ามีธุระก็คงน่าเกลียด
“ไม่ใช่ยังงั้น แต่พวกข้าก็แค่เก็บกำไลที่กลิ้งตกพื้นมาให้ก็แค่นั้นเอง ไม่ต้องถึงขนาดตอบทงตอบแทนอะไรหรอก”
หยางพูดพร้อมกับชี้กำไลหินสีดำในมือเธอด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง แต่เด็กสาวยังคงส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าเรื่องเล็กน้อย
“กำไลหินนี้เป็นของสำคัญมาก การที่พวกเจ้าเก็บมาคืนข้าแบบนี้จะต้องเป็นเพราะองค์เทพีนำทางเป็นแน่ โลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ ข้าจึงต้องตอบแทนตามสมควร อย่างน้อยก็ช่วยให้ข้าไม่ต้องไปขอขมาองค์เทพี”
ได้ยินคำพูดของเด็กสาวหยางก็เบะปากอย่างประชดประชัน
ยายเด็กนี่เป็นพวกไว้ใจคนง่าย ดูทรงแล้วเธอคงไม่ยอมแน่ ตามใจสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง ยายนี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นโจรวิ่งราว คงจะมองว่าพวกเขาเป็นคนไม่มีพิษมีภัย
“...ถ้าพูดถึงขนาดนั้นจะยอมให้เลี้ยงซักมื้อก็ได้”
เธอพยักหน้าและส่งยิ้มให้
“ดีจัง! ข้าชื่อฟอเนีย...ฟอเนีย อิลดาส ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ข้าชื่อลี่อิง”
หยางคิดอยากกระทุ้งศอกเจ้าลี่อิงอีกสักที เซ่อบอกชื่อจริงออกไปเสียได้ แต่เอาเถอะขืนเผลอหลุดปากเรียกชื่ออื่นออกมาอาจจะถูกสงสัยได้
หยางคิดทบทวนอย่างนั้นแล้วก็เลยตัดสินใจบอกชื่อจริงออกไป
“...อู๋หยาง”
“ลี่อิงกับหยางเรียกข้าว่าฟอเนียก็ได้จ้ะ ที่เกาะเสือขาวมีธรรมเนียมในการเรียกชื่อตัว...ฟอเนียเป็นชื่อ อิลดาส เป็นนามสกุลของข้า”
เรื่องธรรมเนียมนั้นเคยได้ยินว่ามีเฉพาะที่เกาะเสือขาวกับเกาะเต่าดำเท่านั้น แต่เนื่องจากหยางกับลี่อิงไม่เคยรู้จักใครที่เกาะเสือขาวมาก่อนเลยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่กว่าจะถึงเวลาอาหารยังมีเวลาเหลืออยู่เล็กน้อย อีกทั้งพวกเขาก็เพิ่งกินอะไรมาหยกๆ ส่วนฟอเนียก็บอกว่ามีธุระต้องจัดการ เธอเลยขอแยกตัวกลับไปที่พักก่อนรอบนึง และเสนอสถานที่นัดเจอกันหลังจากนี้ แต่หยางปฏิเสธ เพราะอดคิดไม่ได้ว่าช่วงที่เด็กสาวแยกตัวไปตามลำพังเธออาจจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครต่อใครฟังได้
อันตรายเกินไป!
ขืนคนที่ฟังดันเป็นคนมีประสาทสัมผัสไว อาจจะจับไต๋ได้ว่าพวกเขาเป็นโจรวิ่งราวและเป็นคนที่ขโมยกำไลสีดำไปตั้งแต่แรก เลยแสร้งทำเป็นใจดีบอกว่าจะช่วยพาเธอชมเมืองยามเย็นและขอตามเธอกลับที่พัก เพื่อรอจนกว่าเธอจะเสร็จธุระ