แท่นสูงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ดูเหมือนจะแผ่กว้างไปจนตลอดกำแพงเมืองเป็นฐานสูงอลังการชนิดที่ต่อให้ทั้งรถม้าและรถบรรทุกจะผ่านมาสักกี่คันก็น่าจะรับน้ำหนักไหว แต่จะให้เรียกว่าเป็นศาลาอะซึมะยะก็คงจะดูห่างไกลความจริงไปมาก ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงเรียกสิ่งปลูกสร้างนี้ว่าเคียวโรไดหรือสะพานหอคอย
การเดินขึ้นไปยังเคียวโรไดจะมีทางลาดเรียบๆ สำหรับให้ม้าขึ้นและมีบันไดสำหรับคนใช้สัญจร ทั้งคู่จึงใช้บันไดขึ้นไปยังเคียวโรได
ภายในห้องโถงของเคียวโรไดมีเหล่าพ่อค้าแม่ขายมากมายมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขากำลังจะเดินทางไปทำการค้าโดยข้ามสะพานจากเคียวโรไดเชื่อมไปยังชางดีลอันเป็นเมืองหลวงของเกาะเสือขาว
ปัญหาอยู่ที่ดูเหมือนว่าตัวสะพานยังเชื่อมไม่เสร็จเรียบร้อย
บริเวณริมห้องโถงฝั่งตัวเมืองจะมีราวจับ พวกเขาจึงพิงราวจับนั้นพลางกวาดตามองห้องโถงใหญ่ ตัวฐานนี้มีความสูงประมาณหากเขย่งเท้าจะอยู่ในระดับหลังคาบ้านของฝูงชนพอดี
เมื่อมองบ้านเมืองจะเห็นหลังคากระเบื้องเรียงรายไกลออกไป กำแพงฉาบปูนสีขาวเมื่อต้องแสงอาทิตย์นั้นสะท้อนกลับทำให้แสบตา
กวาดตามองในห้องโถงใหญ่เพื่อหาคนที่พอจะเป็นเหยื่อให้ทั้งสองคนได้ แต่ดูเหมือนจะไร้วี่แวว
พวกพ่อค้าแถวนี้คุ้นเคยกับการเดินทางเป็นอย่างดีจึงรีบมาที่ห้องโถงแห่งนี้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่เมื่อสะพานเชื่อมต่อกันเรียบร้อยจะได้มุ่งหน้าสู่เกาะเสือขาวทันที แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่ใช่เหยื่อของพวกเขา
ส่วนนักเดินทางที่ดูดีมีฐานะและกำลังเดินชมนกชมไม้อย่างไม่ค่อยระมัดระวังตัวกันอยู่นั้น ต้องอาศัยจังหวะชุลมุนตอนที่พวกพ่อค้าส่วนใหญ่ออกเดินทางกันไปแล้วค่อยว่ากันใหม่
“สงสัยมาเร็วไปนะเนี่ย”
“ก็ลูกพี่นั่นแหละปลุกให้ตื่นแต่เช้า”
“หุบปาก!”
หยางจ้องเขม็งไปที่ลี่อิงแต่ทางนั้นกลับยิ้มร่า แม้จะมีเครื่องหน้างดงามแต่แววตาเวลาจะเอาเรื่องขึ้นมากลับคมกริบเกินคาด
สำหรับชายหนุ่มวัยแรกรุ่นทั่วไป หากโดนหยางจ้องจิกเข้าแล้วเป็นต้องหวาดกลัวบ้างละ แต่สำหรับลี่อิงที่มีนิสัยแก่แดดแก่ลมและมักจะดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อไหร่ที่ทำให้ลูกพี่หยางสนใจตัวเองได้เลยไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนคนอื่น
แม้ความหวังจะดูริบหรี่ แต่ทั้งสองคนก็ตัดสินใจลองเดินหาคนที่พอจะเป็นเหยื่อได้
ที่ห้องโถงพวกผู้ชายกำลังง่วนกับการเชื่อมสะพานและตรวจสอบหาความปกติของเชือกหนาๆ ที่แขวนอยู่ เมื่อไม่พบความผิดปกติอะไรบ้างก็จะไปจูงม้าแสนรักออกมาเพื่อเตรียมเคลื่อนย้าย
ม้าที่พวกเขาควบคุมมีความพิเศษตรงมีปีกงอกกลางหลังทำให้บินไปบนท้องฟ้าได้
ม้าพวกนี้ถ้าขายขึ้นมาคงจะได้ราคาดีขนาดสร้างบ้านตากอากาศหรูหราได้เลยทีเดียว แต่การเลี้ยงดูพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากอยู่ในมือคนที่ไม่ใส่ใจดูแลก็คงถูกใช้งานหนักจนตายคาที่ในพริบตา เรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางมากเลยทีเดียว ส่วนช่างเชื่อมสะพานพวกนี้ก็ต้องถูกส่งตัวเข้าตั้งแต่เล็กและเข้ารับการฝึกฝนสักห้าปีสิบปี
หยางและลี่อิงลองเดินไปจนถึงกำแพงห้องโถง แต่ก็ยังไม่เจอใครที่เหมาะจะเป็นเหยื่อได้เลย
“แบบนี้ก็แย่สิ เราไปฆ่าเวลาที่ไหนกันก่อนดีไหม?”
เขาพยักหน้ารับเสียงกระซิบข้างหูของลี่อิง
ระหว่างที่กลับไปตามทางที่เดินมา บังเอิญเจอกับบรรดาชายผู้เชื่อมสะพานซึ่งกำลังพุ่งตัวสวนมา ทั้งสองคนพร้อมใจกันชะงักฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือนว่าในที่สุดงานเชื่อมต่อสะพานจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายพวกนั้นขึ้นคร่อมม้าขี่ตามๆ กันออกมา ที่ขาของม้ามีเชือกปอเส้นหนาพันเอาไว้ เป็นเชือกที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยฟั่นเป็นเกลียวจากเถานาซานที่มีอยู่บนเกาะหงส์แดง ซึ่งมีคุณสมบัติคือยิ่งโดนน้ำจะยิ่งเบาและแข็งแรงจนต้องตะลึง ปลายเชือกอีกด้านนั้นผูกอยู่กับเสาใหญ่หนาหล่อจากเหล็กสูงตระหง่าน ภายในห้องโถงเองก็มีเสาเหล็กนี้ตั้งอยู่ต้นหนึ่ง
ชายผู้เชื่อมสะพานกลุ่มหนึ่งขึ้นม้าสวรรค์พุ่งไปทางฝั่งทะเลและบินออกไปด้วยพละกำลังมหาศาล เป็นระยะทางไกลพอที่จะรู้ได้ว่าอีกฝั่งคือเกาะเสือขาวซึ่งมีกำแพงเมืองล้อมรอบ
คลื่นลมทะเลพัดผ่านเข้ามา หยางมองเหล่าช่างเชื่อมสะพานบินออกไป ในไม่ช้าร่างพวกเขาก็เหลือขนาดเท่าเมล็ดถั่ว เชือกที่ตรึงเอาไว้ยังคงยืดออกไปทางเกาะเสือขาว ทำให้รู้ว่าพวกเขายังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า
ที่พวกเขาต้องนำเชือกข้ามไปด้วยก็เพื่อไปทำสะพานแขวนนั่นเอง
หยางไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ทางฝั่งแผ่นดินเสือขาวเองก็คงจะมีหอคอยสูงที่สามารถนำเชือกไปผูกกับเสาได้เหมือนกัน
จากนั้นช่างเชื่อมสะพานกลุ่มที่สองก็พุ่งตรงมาและยื่นสิ่งที่ดูเหมือนไม้กระดานแข็งแรงที่เชื่อมต่อด้วยวงล้อเหล็กเข้ากับซี่ไม้ไผ่ไปยังเชือกสองเส้นที่อยู่ข้างใต้สุด
สุดท้ายระหว่างที่บรรดาช่างเชื่อมสะพานที่ข้ามไปยังเกาะเสือขาวกลับมาก็จะนำเชือกสำหรับแขวนสะพานที่ห้อยเป็นแนวตั้งจากเชือกสองเส้นที่อยู่ด้านบนสุดมาวางไว้ด้านใต้สุดและยึดโยงกลับมา เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การแขวนสะพานเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
คนพวกนี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงสามารถทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
พวกเขาจึงออกเดินอีกครั้งโดยเลือกไปทางด้านหลังของสะพานหอคอย
ทั้งสองคนที่ไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาในเมือง พอกลับออกมาที่ถนนใหญ่ก็พบว่ามีผู้คนจากเกาะเสือขาวกำลังเดินทัพเข้ามา
เทียบกับผู้คนบนเกาะกิเลนที่ทุกคนมีสีผมและนัยน์ตาสีดำแล้วพบว่าผู้คนจากเกาะเสือขาวช่างมีสีสันหลากหลาย ทั้งผมสีทอง บ้างก็สีน้ำตาล ดวงตาสีฟ้าหรือไม่ก็สีเขียว ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นคนจากเกาะเสือขาว
ระหว่างนั้นทั้งสองแสร้งทำตัวกลมกลืนแล้วมุ่งหน้าไปยังสะพานหอคอยพร้อมกับสอดส่ายสายตาหาเหยื่อไปด้วย
เหยื่อในอุดมคติของทั้งคู่ก็คือคนประเภทที่ท่าทางไม่คุ้นชินกับพื้นที่แต่มีเงินนั่นเอง