ผมรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเพราะรู้สึกถึงหยดน้ำฝนที่หยดลงมา ใช่แล้วตอนนี้ในได้ตกลงมายังจุดที่ผมอยู่แถมตกหนักด้วย เวลาตอนนี้ตกดึกแล้วท้องฟ้ามืดครึ้มไปหมด
ผมค่อยๆลุกขึ้นและพบว่าสภาพร่างกายตัวเองตอนนี้สาหัสมาก
พลังชีวิตของผมเหลืออยู่ไม่เกิน 200 ทำให้ผมยังพอลุกขึ้นไหวอยู่ เพราะปกติมนุษย์เรามีพลังชีวิตแค่ 80 กว่าๆเท่านั้น
ผมได้หยิบยาที่ได้จากการทำภารกิจสำเร็จก่อนหน้านี้มาดื่มจนทำให้แผลสมานเข้าด้วยกันและหายดีเกือบทั้งหมด
ผมลองเช็ดสถานะตัวเองดู
[ ชื่อ : ฮาซุย
นามสกุล : ( ไม่มี )
ฐานะ : ผู้ลงแข่งเกม kill them up
ระดับพลังอสูร : มังกรระดับปัจฉิม lv.92
พลังชีวิต : 1500/1800
ความแข็งแกร่ง : 1,400
ความเร็ว : 1,020
พลังคอมมานด์ : ศิลปะ ]
ฮาซุย : ( กินยาไปขนาดนี้พลังชีวิตยังไม่เต็มอีกเหรอ ? ไม่เป็นไร นอนพักซักหน่อยเดี๋ยวก็คงหาย )
ผมคิดก่อนมองดูที่ๆผมอยู่รอบๆ
ตอนนี้ตัวผมอยู่ในหลุมลึกลงมาราวๆ 8 เมตร รอบๆมีแต่ก้อนหิน แผ่นพท้นดินที่พังทลายลงมาเพราะการทรุดตัวของพื้นดินจากการต่อสู้ ผมจำได้แล้วว่าผมสู้กับเดียบรอสและผมก็สลบไปเพราะการปะทะพลังกันของเราสองคน
ผมพยายามมองหาเจ้าเดียบรอสตัวนั้นก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงมัน
โฮกกก!!
ผมเดินไปดูตามเสียง มีก้อนหินที่มีลักษณะเป็นหนามแหลมขวางทางผมอยู่จำนวนมาก ผมดันมันออกอย่างไม่ยากเย็นและผมก็เจอตัวมัน
เดียบรอสตอนนี้มันนอนอยู่กับพื้นในสภาพที่ตัวมันมีแผ่นหินขนาดใหม่ยักษ์ทับตัวมันไว้จนมันลุกไม่ขึ้น ตามตัวมีบาดแผลเลือดไหลสาหัส เขาข้างนึงของมันหักไป สภาพของมันดูเจ็บหนักมากกว่าผมเสียอีก และด้วยความที่ฝนตกลงมาอย่างหนักและไม่มีที่ระบายน้ำทำให้ที่พื้นเริ่มมีน้ำขัง และเดียบรอสที่นอนราบกับพื้นลุกไม่ได้ก็กำลังจะจมน้ำตายด้วย
ผมเดินอยู่ตรงหน้ามันไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไร ผมได้สร้างดาบน้ำหมึกขึ้นมาในมือ ผมสามารถที่จะฆ่ามันตรงนั้นได้อยู่แล้วเพราะมีโอกาส
แต่...
ผมกลับไม่ทำ ผมสลายดาบนั่นทิ้ง สภาพของมันที่ตอนนี้ดูทรมาณและเลวร้ายยิ่งกว่าตายทำให้ผมรู้สึกอยากช่วยมัน อีกอย่างมันก็เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์และผมก็ไม่อยากให้มันตายด้วย
ฮาซุย : ถ้าชั้นช่วยนายแล้วอย่ากินชั้นนะ
ผมชี้นิ้วสั่งมันถึงจะรู้ว่ามันฟังภาษาผมไม่รู้เรื่องก็ตาม ก่อนที่ผมจะเดินไปแล้วเอามือทั้งสองข้างดันแผ่นหินนั้นให้ยกขึ้น
ฮาซุย : ฮึ้บ~!
แผ่นหินนี่หนักเป็นบ้า ไม่แปลกลเยที่มันจะลุกขึ้นและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมจำเป็นที่จะต้องออกแรงแขนอย่างหนักพร้อมใช้น้ำหมึกเข้าช่วยจนในที่สุดแผ่นหินนั้นก็ยกขึ้นมากพอที่จะให้มันคลานออกมาได้
เมื่อมันคลานออกมาได้แล้วผทก็ปล่อยก้อนหินนั้นลง
ตึ้มมมม!!
เดียบรอสมันใช้ลิ้นเลียแผลที่ปีกตามธรรมชาติของพวกสัตว์ที่จะฆ่าเชื้อแต่ผมได้ทำการเปิดฝาโพชั่นขึ้นมาขวดนึงก่อนสาดมันใส่ตัวเดียบรอส
ฟู่~!
เดียบรอส : โฮ๊กกกกกกก!!?
โพชั่นที่ผมสาดไปมันเป็นโพชั่นสมานแผล แต่มันก็มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในแผลด้วยทำให้เดียบรอสมันเจ็บจนร้องลั่นออกมา แต่ข้อดีคือแป๊บเดียวแผลบนตัวมันก็หายไปหมด พลังชีวิตมันถูกทำให้กลับมามีสภาพเกือบเต็มอีกครั้ง เขาของมันผมคงจะช่วยสมานให้ไม่ได้เพราะผมสาดโพชั่นไปโดนตรงจุดนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เดียบรอสตัวนั้นหลังจากที่แผลบนตัวมันหายไปหมดมันก็หันมามองผมก่อนเดินมาหาผมอย่างช้าๆ ยื่นหน้าขนาดใหญ่ของมันมาใกล้หน้าผม ผมถอยหน้าหนีพร้อมรู้สึกหวั่นในใจกลัวว่าจะโดนมันกัด
แต่สิ่งที่มันทำกับผมนั้นก็คือ
แผล็บ~
การแลบลิ้นออกมาเลียหน้าผมทีสองทีเหมือนเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างซาบซึ้ง ที่ผมไม่ฆ่ามันตอนที่มีโอกาสและมอบชีวิตคืนให้มัน
ฮาซุย : อ้าๆ ไม่ต้องขอบคุณ พอแล้ว หัวชั้นเปียกหมดแล้ว =_=
ผมกล่าวพร้อมพยายามห้ามไม่ให้มันเลียต่อ จนเมื่อผมโดนมันเลียเสร็จมันก็ถอยหลังไปโดยไม่มีท่าทีจะทำร้ายผม แล้วทันใดนั้นเอง
ฟู้ม~!
มันก็ใช้เท้าของมันจับตัวผมก่อนสยายปีกพาผมบินขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็ว ผมช่วยมันออกจากหินมันก็ช่วยพาผมบินขึ้ยจากหลุมพท้นดินที่ทรุดลงมาก่อนที่มันจะปล่อยผมลงเมื่อขึ้นมาข้างบนได้แล้ว จากนั้นมันก็สยายปีกบินไปรับอิสรภาพทันที
ฮาซุย : ขอให้โชคดีนะ~! ขอให้นายเจอพวกเดียวกันเยอะๆหละ~!
ผมตะโกนอวยพรมันไป การสู้กับเดียบรอสในครั้งนี้ผมไม่ได้ฆ่ามันทำให้ไม่ได้ Exp. มา และผมก็กลัยมาที่บ้านในสภาพที่เหน็ดเหนื่อยสุดๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านผมไม่อารมย์ขะกินอาหารที่เกรด้าทำไว้ให้เลยไปทิ้งตัวนอนบนเตียงในสภาพที่ตัวเปียกฝนแบบนั้นเลย
เช้าวันต่อมา เมื่อผมเดินออกจากห้องเกรด้า อลิซ ป้าเกรด้าที่แม้จะนั่งติโซฟาอยู่ และจิมมี่ก็รีบพากันมาสอบถามกันใหญ่เลยว่าเมื่อคืนผมไปไหนมาเพราะกว่าผมจะกลับมาตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว
หนำซ้ำผมก็มาในสภาพที่ตัวเปียกฝนจนชุ่มอีก ผมก็โกหกไปว่ามีปัญหานิดหน่อยระหว่างทำงานก่อสร้าง ที่หัวผมยังมีแผลตื้นๆปรากฏอยู่ที่หัวเล็กน้อยจากการต่อสู้กับเดียบรอสเมื่อคืนแม้จะกินโพชั่นเข้าไปแล้ว
ซึ่งผมก็ใช้แผลนั้นเป็นข้ออ้างว่าเผลอลื่นล้มหัวกระแทกกับก้อนอิฐจนสลบไป หนำซ้ำเจ้านายเขาก็ไม่ได้มาช่วยปลุกอะไรด้วยปล่อยให้เขานอนสลบตากฝนอยู่แบบนั้นจนผมกลับมา
ทุกคนก็พากันเชื่อหมดแบบไม่สงสัย ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีสกิลตอแห*ได้ดีขนาดนี้
หลังจากนั้นเกรด้ากับอลิซก็(แย่ง)ช่วยกันทำแผลให้ผม จิมมี่ได้แต่อิจฉาที่เห็นผมมีผู้หญิงมา(แย่ง)ช่วยกันทำแผลให้
จนเสร็จหัวของผมก็ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลจนทำให้ศีรษะของผมมันกลมบ็อกเลย
อลิซ : พรุ้บ ฮ่าๆๆๆ
อลิซเธอถึงกับหลุดขำออกมาก่อนที่เกรด้าเธอก็จะหัวเราะตามออกมา ทั้งคู่จงใจแกล้งให้ผมเป็นแบบนี้ ผมก็อายมาก จนกระทั่งเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องกับอลิซคนเดียว
ฮาซุย : อลิซนี่เธอแกล้งชั้นเหรอ ? เธอคงต้องโดนสั่งสอนซะแล้วซินะ
อลิซ : เอ๋ ? เดี๋ยว! อย่าค่ะ! อ๊ะ! อ๊าซ~! อ๊าง! อ๊าสๆๆๆ~!
แล้วจากนั้นครึ่งชั่วโมงผ่านไปอลิซก็ได้บทเรียนชุดใหญ่จากการมาแกล้งผม
ผมขอตัวออกไปทำงานแม้จะโดรเกรด้าห้ามเพราะแผลที่หัวผมแต่ผมก็ดื้นด้านออกไปเพราะมีเรื่องต้องไปสะสาง
ณ ถ้ำก็อบลิน
ก็อบลินตัวที่ทำหน้าที่เปิดประตูกรงขังเดียบรอสให้ออกมาโจมตีผม ตอนนี้มันกำลังนั่งเอาหินลับมีดลับคมหอกให้แหลมอยู่
ก่อนที่จะมีมือปริศนายื่นมีดเล่มใหม่ที่คมกว่าและดูดีกว่าให้
มันก็บ้าจี้รับมาแล้วพยักหน้าขอบคุณก่อนที่มันจะเอะใจและหันกลับไปมองหน้าคนที่ส่งมีดมาให้อีกรอบ
ฮาซุย : หวัดดี =_=
ฉัวะ!
[ ท่านได้ฆ่าก็อบลินครบ 100 ตัวแล้ว ] ( รางวัลตุ๊กตาโดมารุ )
หลังจากที่ฆ่าก็อบลินตัวนั้นเสร็จผมก็ออกมาออกถ้ำเพราะต้องการสะสางหนี้แค้นกับก็อบลินนั่นแค่ตัวเดียว ซึ่งในระหว่างที่ผมเดินก็เกิดวงแหวนขึ้นตรงหน้าผมก่อนที่จะเกิดแสงสว่างกลมๆหกลูกขึ้น แสงพวกนั้นได้กลายเป็นชิ้นส่วนตุ๊กตา แขนสองข้าง ขาสองข้า ตัว และหัวก่อนที่ชิ้นส่วนพวกนั้นจะค่อยๆประกอบกันอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นตุ๊กตาผู้หญิงหน้าตาน่ารักสูงถึงเข่าผม ผมสีฟ้ายาวทรงทวินเทล สวมชุดสีฟ้าเปิดโชว์เอว สวมถุงเท้าที่ดูคล้ายถุงเท้านักเรียนยาวเลยเข่าขึ้นมา แก้มแดง และดูมีนิสัยเหมือนเด็กผู้หญิงร่าเริง
"หวัดดีค่ะ~! ชั้นตุ๊กตาโดมารุ~! ยินดีรับใช้นายท่านค่ะ~!"
ตุ๊กตาโดมารุกล่าวพร้อมปลดปล่อยออร่าเด็กผู้หญิงสุดน่ารักมาให้ผม เธอปรากฏตัวและมายืนอยู่บนฝ่ามือของผมที่แบรอรับร่างเธอเอาไว้ ผมได้วางเธอลงพร้อมย่อตัวให้อยู่ระดับเดียวกับเธอมากที่สุดแล้วพูดคุยกับเธอด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
ฮาซุย : สวัสดี ชั้นชื่อฮาซุยนะ ยินดีที่ได้รู้จัก นับแต่นี้ไปเธอจะคอยช่วยเหลือชั้นใช่ไหม ?
"แน่นอนค่ะ~ ก็นายท่านเป็นเจ้านายชั้นหนิค่ะ~ ^_^"
ฮาซุย : ( ทำไมใครๆ(ผู้หญิง)ถึงมีแต่อยากเป็นคนรับใช้ตูวะเนี่ย ? แต่ก็รู้สึกดีสุดๆไปเลยแหะ~ ^_^ ) โอเค ถ้าหากเธอต้องการจะรับใช้ชั้นต้องทีข้อแม้หน่อยนะ
หลังจากนั้นเขาก็ได้บอกสิ่งสำคัญ กฏและข้อห้ามแบบเดียวกับที่เขาเคยพูดอลิซไปเกี่ยวกับเรื่องตัวเขาและคนในบ้าน
"ได้เลยค่ะ! ชั้นจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวังค่ะ!"
ฮาซุย : ดีเลย ว่าแต่มาตั้งชื่อให้เธอดีกว่า...อืม...ตุ๊กตาโดมารุสามารถควบคุมพืชพรรณได้ งั้นชั้นจะตั้งชื่อให้เธอว่าโชกุ( มาจาก โชกุบุตซึ(ญี่ปุ่น) = พืช(ไทย) )
ตุ๊กตาโดมารุตาเป็นประกายทันทีเธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้ตั้งชื่อแบบนี้ด้วย
โชกุ : ได้ค่ะท่าน! เอาชื่อนี้ค่ะ! ชั้นชอบชื่อนี้ค่ะ!
โชกุกระโดดเร้าๆด้วยความดีใจผมรับเธอเข้ามาก่อนเอาเธอใส่เข้ามาในเสื้อของผม
ฮาซุย : เอาหละ หลบอยู่ในนี้ไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยผมจะบอก
โชกุ : ได้เลยค่ะท่าน ^_^
ตุ๊กตาโดมารุ โชกุ
หลังจากที่ได้ตุ๊กตาโดมารุมา ผมก็คิดไตร่ตรองดูว่าจะไปที่ไหนต่อดี ซึ่งธุระที่ผมจะไปนั้นก็คือการออกไปซื้อหนังสือพิมพ์และนั่งอ่านข่าวในนั้นดู
ฮาซุย : ( กะแล้วเชียว )
ข่าวหน้าหนึ่งที่พาดอยู่มันคือข่าวรายงานภาพความเสียหายในป่าที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของผมกับเดียบรอส ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมันกินวงกว้างมากและดูน่ากลัวสุดๆ
แต่ในข่าวไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนสู้กับตัวอะไร แต่คาดการณ์กันว่าเป็นการต่อสู้ของบุคคลลึกลับกับมอนเสตอร์หายากอย่างเดียบรอส
ผมก็รู้สึกโล่งอกที่ไม่มีใครรู้ตัวจริงผม แต่ถ้าหากสายสืบเข้าไปสำรวจในที่นั้นหละก็อาจต้องเจอเบาะแสแน่
ฮาซุย : โชกุ ชั้นมีงานให้เธอทำแล้วแหละ
โชกุ : ค่ะ ?
ผมได้มายังป่าที่โดนทำลายจนเสียหาย ต้นไท้จำนวนมากล้มตายและบางต้นก็ถึงกับถอนรากถอนโคนขึ้นมาบนพื้น ผมวางตัวโชกุลงกับพื้น
ฮาซุย : เธอพอจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นหน่อยได้ไหม ? ช่วยทำให้มันกลับมาดีขึ้นหนะ
โชกุ : ได้ค่ะ! ชั้นจะพยายามให้เต็มที่ค่ะ!
โชกุกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจก่อนที่เธอจะหลับต่ลงแล้วอ้าแขนทั้งสองข้างออกข้างลำตัว
ทันใดนั้นเองร่างของเธอก็ส่องแสงสีฟ้าออกมา ร่างของเธอลอยขึ้นมาเหนือพื้นอยู่กลางอากาศ ก่อนที่ทันใดนั้นพวกต้นไท้ที่ตายจากการต่อสู้จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมามีสภาพดีขึ้น เปลือกไม้พวกมันที่แตกเสียหายค่อยๆประกอบกันจนกลับมาเป็นดังเดิม
รากไม้ของพวกมันที่ถูกถอนจนขึ้นมาอยู่เหนือพื้นได้มุดลงไปใต้ดินก่อนดึงตัวต้นไม้ให้ตั้งขึ้นตรงตามเดิม
พื้นที่ป่าบริเวณนั้นได้ถูกฟื้นฟูโดยเร็ว ในระหว่างที่โชกุใช้พลังฟื้นฟูป่าอยู่นั้นผมก็ลองตรวจสถานะเธอ
[ ชื่อ : โชกุ
ฐานะ : ตุ๊กตาโดมารุของฮาซุย
ระดับพลังอสูร : มิโนทอร์ lv.45
พลังชีวิต : 40/40
ความแข็งแกร่ง : 20
ความเร็ว : 12
ความสามมารถพิเศษ : ควบคุมพืชพรรณ ]
ฮาซุย : ( พลังอยู่ระดับมิโนทอร์แต่ความแข็งแกร่ง พลังชีวิตและความเร็วกลับน้อยกว่า ก็อบลินเสียอีก สงสัยเธอจะมีดีที่พลังในการควบคุมพืชซินะ เรื่องพละกำลังหรือพลังทางกายคงมีไม่มากนักหรอกก็เธอเป็นตุ๊กตานี่เนอะ )
เวลาผ่านไปซักพักนึง โชกุก็หยุดใช้พลัง แม้มันจะยังมีหลายจุดที่ยังคงไม่ได้รับการฟื้นฟู แต่พื้นที่ในป่าบริเวณนั้นก็ถูกฟื้นฟูขึ้นเยอะมากแล้ว
ผมรู้ว่าโชกุพยายามสุดฝีมือแล้วก่อนที่ผมจะจับตัวเธอขึ้นมา
ฮาซุย : ทำดีมากเลยโชกุ
โชกุ : อันที่จริงชั้นอาจทำได้มากกว่านี้นะค่ะ แต่ชั้นต้องการพักนิดหน่อย
ฮาซุย : ไม่ต้องแล้วหละ เธอเหนื่อยแล้ว ชั้นจะพาเธอไปพัก ป่าหนะฟื้นฟูแค่นี้ก็พอแล้วแหละ
โชกุ : นายท่าน
ฮาซุย : ?
โชกุ : ชั้นขอกินไอติมได้มั้ย ?
ผมหัวเราะออกมาก่อนจะตอบว่าได้ ตอนนี้ตัวผมมีเงินจากการทำภารกิจมาเยอะมากแล้ว ตอนนี้ผมมีฐานะเหมือนอสูรพันธ์ที่อยู่ระดับกลาง ผมมีเงินเยอะพอจะซื้อไอติมหรือขนมให้โชกุได้สบายๆ แต่สำหรับโชกุแค่ไอติมถ้วยเดียวคงพอแล้ว เพราะเธอตัวเล็กนิดเดียวคงกินได้ไม่มากหรอก
ผมพาเธอไปนั่งที่ร้านไอติมและสั่งซื้อไอติมให้เธอ โดยผมกับโชกุนั้นเรากินไอติมถ้วยเดียวกัน เราสองคนดูเหมือนเป็นพี่น้องมากๆ ในสายตาผมก็มองโชกุเป็นเหมือนน้องสาว เธอทำหน้ายิ้มมีความสุขออกมาเมื่อตักไอติมเข้าปากคำแรกไป
ฮาซุย : ไง อร่อยไหม ?
โชกุ : อร่อยมากเลย~!
ฮาซุย : ^_^
โชกุ : ชั้นอยากเรียกนายท่านว่ารุ่นพี่จัง
พอผมได้ยินคำพูดของโชกุแบบนั้นผมก็ค้างไปชั่วขณะนึงก่อนจะมองหน้าเธอและพูดออกไปหลังจากที่ไตร่ตรองอยู่พักนึงแล้ว
ฮาซุย : งั้นเรียกชั้นแบบนั้นเลยก็ได้
โชกุมองมาที่ผมก่อนที่เธอจะถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
โชกุ : จริงเหรอ!?
ผมพยักหน้าตอบ โชกุจึงรีบเรียกผมทันที
โชกุ : รุ่นพี่ฮาซุย~! รุ่นพี่เป็นเจ้านายที่ดีที่สุดเลย~!
พูดจบโชกุก็กระโดดเข้ามาแล้วจุ๊บแก้มผม ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อย โชกุมีอาการหน้าแดงก่อนที่เธอจะกลับไปนั่งกินไอติมต่อ
แต่ในระหว่างที่เรากำลังกินไอติมแสนอร่อยอยู่นั้นเอง
"เฮ้ย! ไอ้หนู! ตุ๊กตานายน่ารักดีนี่หว่า!"
จู่ๆก็มีอสูรพันธ์ที่เป็นครึ่วคนครึ่งหมูตัวอ้วนใหญ่น่าเกลียดเดินมาจับตัวโชกุไปด้วยรอยยอ้มนึกสนุกราวกับมองเธอเป็นแค่ของเล่น
โชกุ : ปล่อยนะ!
ผมรีบลุกขึ้นทันทีแล้วพูดกับอสูรพันธ์ตนนั้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฮาซุย : ปล่อยเธอนะ!!
พัวะ!!
ผมโดนมันต่อยสวนมา แต่หน้าผมก็ไม่ได้สะลัดตามแรงตออยเลยซักนิด มันยังคงถือตัวของโชกุเอาไว้คิ้วของผมขมวดเข้าหากัน ส่วนมือของผมก็อกแรงบีบโต๊ะไม้จนหักแตกเลย
"แค่ยืมเล่นตุ๊กตานิดกน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า"
โชกุ : รุ่นพี่! ช่วยด้วยค่ะ!
ฮาซุย : ผมจะนับ 1 ถึง 10 ปล่อยเธอซะ
อสูรพันธ์ตนนั้นกระตุกยิ้มออกมาพร้อมหัวเราะ ก่อนที่มันจะตบหัวผมอีกทีนึง
เพียะ!
"โฮะๆๆๆ นี่แกโดนชั้นต่อยจนเสียสติไปแล้วรึไง ? คิดว่าตัวแกมีอะไรที่ชั้นจะกลัวหา ?"
ฮาซุย : ...หนึ่ง...สิบ!
พัวะ!!!
โครมมมมม!!
ผมได้กระโดดเอามือจับเก้าอี้แล้วยันฝ่าเท้าสองข้างถีบใส่ตัวมันจนมันลอยกระเด็นไปชนฝังติดกับกำแพงอิฐอย่างแรง
โชกุ : กรี๊ดดด!?
ฮาซุย : รับได้แล้ว!
ร่างของโชกุหลุดลอยจากมือมัน ผมรีบกระโดดใช้มือทั้งสองข้างคว้าตัวเธอมาได้ทันก่อนเก็บเธอเข้าเสื้ออย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่พวกอสูรพันธ์ตนอื่นมัวแต่สนใจเจ้าหมูนั่นผมก็รีบใช้จังหวะนี้หนีออกมาทันที
เพราะไม่อยกกเป็นจุดสนใจของพวกอสูรพันธ์ที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฮาซุย : บ้าเอ๊ย โทษทีนะโชกุ เราต้องหนีกันแล้ว!
เจ้าของร้านไอติม : เอ้า!? เฮ้ย!? เดี๋ยวดิ! แล้วเงินค่าไอติมเล่า!?