“นี่ ผู้ชายคนนั้นก็โอเคอยู่นะ ไหล่ก็กว้าง แถมยังหน้าเล็กอีก”
เยอึนที่นั่งตรงหน้าต่างคาเฟ่ชั้นหนึ่งจ้องมองพวกนักธุรกินที่เดินผ่านไปมาอย่างหลงใหล พร้อมกับกลืนน้ำลาย คาอึลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับบ่นอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนี้พี่กำลังประเมินผู้ชายเหรอครับ มันคุกคามทางเพศแล้ว นั่นน่ะ!”
“ก็แค่ถูกใจเฉยๆ ไม่ใช่ว่าฉันจะไปทำอะไรสักหน่อย”
เยอึนเอ่ยเสียงแข็ง
“ว่าแต่วันนี้คุณจีฮอนหยุดเหรอ ไม่เห็นเลยนะ”
“คงจะอย่างนั้นล่ะครับ แต่พี่เยอึนน่ะกำลังพูดถึงผู้ชายหลายคนในคราวเดียวเลยนะครับ นี่มันก็เป็นความสามารถใช่ไหมครับ คุณผู้ช่วยอี?”
“เยอึนก็แค่พวกใจกว้างน่ะ หลงใหลในอเมริกาโน่ นี่ก็นับว่าโชคดีมาแล้วที่ไม่เกิดในช่วงยุคโชซอนน่ะ”
“พูดอะไรกัน ฮีแจ จริงๆ แล้วช่วงยุคโชซอนตอนต้นน่ะ ใจกว้างเสียยิ่งกว่าอีกนะ เพราะคนคนนั้นที่เอาลัทธิขงจื๊ออะไรนั่นเข้ามาในประเทศเรา ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนั้น ผู้คนก็คงไม่ปิดกั้นหัวใจเอาไว้หรอก”
“พี่ครับนั่นเป็นเรื่องที่ยืนยันได้แน่เหรอครับ”
“คนที่ยืนยันก็พระราชาไม่ใช่เหรอไง”
ฮีแจมองเยอึนที่โต้กลับคาอึลที่กุมขมับว่า “นี่นายดูถูกฉันเหรอ” แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เลิกสนใจการโต้เถียงของสองคนแล้วมองไปที่นาฬิกาโทรศัพท์เหลือเวลาพักกลางวันอีกสิบห้านาที เคยเห็นบทความใครสักคนบนอินเทอร์เน็ต มีข้อเท็จจริงที่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เรื่องเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วในช่วงสุดสัปดาห์ เพราะยิ่งมวลวัตถุเข้าใกล้จุดศูนย์กลาง ความเร็วในการหมุนก็จะรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นหากนอนราบไปกับพื้นดิน ความเร็วในการโคจรของโลกก็จะเร็วขึ้นทำให้วันหนึ่งสั้นลง เป็นเหตุผลว่าหากนอนอยู่ในช่วงสุดสัปดาห์ เวลาก็จะผ่านไปเร็ว อ้า มันเป็นวิทยาศาสตร์มากๆ สาเหตุนี้ไม่ใช่แค่ช่วงสุดสัปดาห์ กระทั่งในช่วงพักกลางวันของบริษัทในวันธรรมดาก็มีผล เพราะกำลังนอนแนบตัวครึ่งหนึ่งไปบนโต๊ะที่คาเฟ่ หนึ่งนาทีจึงเหมือนหนึ่งวินาที โทรศัพท์ของคาอึลที่เพิ่มความเร็วในการโคจรของโลกด้วยการนอนในท่าทางเดียวกันอยู่ข้างฮีแจ พลันมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
“โอ๊ะ จีฮันนี่ดูเหมือนจะไปเดตนะเนี่ย”
“อะไรนะ อะไรกัน! คุณจีฮอนของฉันเดตอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันงั้นเหรอ ทำไมถึงไม่บอกฉัน!”
แม้ไม่มีเหตุผลแน่ชัดว่าทำไมจีฮอนต้องเดตกับตัวเอง แต่อย่างไรก็กระตุ้นโสตประสาทเยอึนได้ ภูเขาไฟพลันปะทุที่ด้านหลังของเยอึน กระทั่งฮีแจเองก็ไม่สามารถยิ้มต่อไปได้ ยืนยันเหตุผลที่ทำให้ฉันเองยิ้มไม่ได้ดีไหมนะ ฮีแจเอียงคอครุ่นคิด
“คุณจีฮอนติดต่อมาเหรอ”
“เปล่าครับ อลิซน่ะครับ จีฮอนอยู่กับพี่สาวคนต่างชาติที่ผมรู้จัก แล้วก็เป็นเพื่อนผมในอินสตาแกรมครับ เขาอัพรูปในอินสตาแกรม ก็เลยคิดว่าสองคนน่าจะอยู่ด้วยกัน”
“พี่สาวคนต่างชาติ? กับคุณจีฮอนสองคนแค่นั้น?”
“ครับ เหมือนจะอยู่ฮงแดกัน คุณผู้ช่วยเองก็เคยเจอครั้งนึงตอนผมขอให้ช่วยเป็นล่ามให้น่ะครับ”
ทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ด้วยอาการตื่นภาษาอังกฤษ ทั้งที่กำลังกินมันฝรั่งเกลียวทอดอยู่ห่างออกไป คงจะเป็นเพื่อนในอินสตาแกรมกับอลิซสินะ พอคาอึลเปิดอินสตาแกรมแล้ววางโทรศัพท์บนโต๊ะ เยอึนก็มุดหน้าเข้าไปเหมือนเคลื่อนที่จากขั้วเหนือไปขั้วใต้ ฮีแจดื่มวนิลาลาเต้อย่างสงบนิ่งต่างกับเยอึน แต่ก็แค่ศีรษะที่ไม่ได้มุดเข้าไป หากสายตากลับไม่ได้อยู่นิ่ง ดวงตาของฮีแจคมกริบเหมือนจิ้งจอกทิเบต โชคดีที่คาอึลกับเยอึนที่กำลังก้มหน้าก้มตาไม่ทันสังเกต
“ผู้หญิงผมทองนี่คืออลิซเหรอ คุณจีฮอนกับเกย์อย่างนายไปรู้จักผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน ฮีแจทั้งที่เธอก็รู้ว่าคุณจีฮอนอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ ทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะ”
“เกย์แบบผมรู้จักกับผู้หญิงแบบนี้ได้ไงงั้นเหรอครับ พี่ดูถูกผมอยู่เหรอ พี่เยอึน?”
“อ้า เปล่า ไม่ใช่ดูถูกสักหน่อย”
“ถึงผมจะเป็นเกย์ แต่ก็ไม่อยากได้ยินอะไรแบบนั้นจากปากคนอื่นในคาเฟ่ที่คนพลุกพล่านแบบนี้นะครับ”
“ขอโทษ”
“เนื้อวัวโอเค?”
“อ้า แล้วเรื่องนั้นไปโยงกับเนื้อวัวได้ไง!”
“เนื้อวัว โอเคนะ! เนื้อวัว! ถ้าไม่เลี้ยง ผมก็จะนอนอยู่ตรงนี้!”
“เออ รู้แล้วๆ นี่มันร้านของเล่นเหรอ! มีเหตุผลหน่อยเถอะ”
“ช่างสิ งั้นคุณผู้ช่วยก็ไปทานเนื้อวัวด้วยกันนะครับ”
คาอึลที่จับทำสัญญาเลี้ยงเนื้อวัวอย่างเจ้าเล่ห์หันไปชูสองนิ้วให้ฮีแจ ท่าทางย้อนแย้งที่บอกว่าไม่ชอบได้ยินเรื่องเป็นเกย์ในคาเฟ่ที่มีคนเยอะ แต่กลับไม่มีปัญหาที่จะนอนบนพื้นคาเฟ่ที่คนเยอะแยะ เรียกร้องให้เลี้ยงเนื้อวัว นั่นทำเอาถึงกับพูดไม่ออก คนอื่นเรียกแพคจูยอนว่าเป็นนางจิ้งจอก แต่ด้วยความรู้สึกของฮีแจแล้ว หากแบ่งระดับขั้น แพคจูยอนนั้นเป็นจิ้งจอกระดับกลาง และคาอึลนั้นดูจะเป็นจิ้งจอกระดับสูง
“อื้อ ฉันเองก็จะไปด้วย แล้วก็กินเนื้อวัวที่คุณคาอึลเลี้ยง เดือนนี้ฉันโชคดีจริงๆ ได้กินเนื้อวัวตั้งสองครั้งเลยนะเนี่ย ทำไมล่ะ ไม่เคยได้ยินเหรอว่าได้กินแค่น้ำฟรีก็อร่อยแล้วน่ะ”
“ผู้ใหญ่คนไหนสักคนบอกแบบนั้น”
แน่นอนว่าฮีแจที่อยู่เหนือกว่านั้น ย่อมไม่ยินยอมกินเนื้อวัวที่คาอึลไม่ได้เลี้ยง การโต้เถียงของเยอึนที่ถามว่าทำไมต้องพาฮีแจไปด้วย กับคาอึลที่ถามว่าหากได้กินเนื้อวัวเพราะตนแล้วก็ไม่ใช่บรรลุข้อตกลงแล้วเหรอ ยังคงดำเนินต่อไป ในการโต้เถียงทั้งหมด การมีอยู่ของฮีแจล้วนโดดเด่น แต่กลับเลือกที่จะมองหน้าจออินสตาแกรมของคาอึลมากกว่ากระโดดไปร่วมการโต้แย้ง อาของจีฮอนกับอลิซผมทอง และที่ด้านหลังนั้น เห็นจีฮอนที่มีสีหน้าเหมือนเด็กมีปัญหา #HongIk University, Seoul #salt ice cream #winter of korea เหม่อลอยอยู่กับแฮชแท็ก สายตาของฮีแจจ้องไปยัง # อยู่ท้ายสุดนั้น #ji-Heon.
“เดิมทีเป็นคนที่รู้จักกับอาของจีฮอน แต่เห็นบอกว่าพี่อลิซดูเหมือนจะถูกใจจีฮอนนะครับ ภาษาอังกฤษเจ้านั่นนอกจาก ฮาวอาร์ยู แอมไฟน์ แต้งกิ้ว วู้ดยูไลค์ซัมติงทูดริ้งก็ไม่รู้แล้ว แต่ยังเอาแต่ชวนมาเจอกันก็เลยดูจะอึดอัดน่ะครับ”
“เสน่ห์ล้นเหลือเผื่อทุกชนชาติสินะ ก็หน้าตาแบบนี้เป็นที่นิยมไม่ว่าจะไปที่ไหน คาอึล พี่น่ะทุกข์ใจนะ พี่น่ะกังวลจะตายแล้ว ถ้ามีโอกาสแบบนี้ นายก็ต้องช่วยทำลายมันซะสิ ทำไมถึงได้ไปเป็นเพื่อนในอินสตาแกรมกันซะงั้นล่ะ”
“ก็ชวนให้เป็นเพื่อนกันด้วยภาษาอังกฤษนี่ครับ จะให้ทำไงล่ะ”
“เฝ้าให้ดีล่ะ ไม่งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ให้พาฉันไปด้วย”
“พี่พูดภาษาอังกฤษได้เหรอครับ”
“ยัยนั่นพูดญี่ปุ่นไม่ได้เหรอ”
ฮีแจดื่มวนิลาลาเต้พร้อมกับรับฟังบทสนทนาที่หลงทางออกนอกอ่าว วางวนิลาลาเต้ที่ค่อยๆ เหนียวข้นเมื่อเย็นลง คงจะใส่ไซรัปมากเกินไปด้วย พลันเกิดนึกอยากดื่มอเมริกาโน่ที่ไม่เคยแตะเลย เพราะรสชาติของมันเหมือนก้นบุหรี่ตกใส่น้ำ
“โอ๊ะ หัวหน้าทีม! มาดื่มกาแฟเหรอคะ”
สิบวินาทีก่อนหน้า เยอึนที่กำลังเปิดการโต้เถียงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอลิซกับคาอึล หันไปยิ้มพรายให้กับแทมยองที่เข้ามาในคาเฟ่ เรดาห์ของเยอึนที่ค้นพบได้ในเสี้ยววินาที รวดเร็วยิ่งกว่าเครื่องสแกนนั้นควรได้รางวัลโนเบลแล้ว
“ครับ พอทานข้าวก็รู้สึกตื้อๆ น่ะครับ เลยว่าจะมาซื้อเอสเปรสโซ่สักแก้ว ตอนนี้ผมกำลังจะไปสั่ง ทานของว่างกันอีกสักหน่อยไหมครับ ผมเลี้ยงเอง”
“หูย กินข้าวกลางวันแล้วน่ะสิคะ จะให้กินอีกก็ยังไงๆ อยู่ กาแฟพวกเพื่อนๆ ก็บอกให้ดื่มเลยฝืนดื่มไป ตอนนี้อิ่มมากเลยค่ะ”
“พูดอะไรกันครับพี่เยอึน หัวหน้าทีม! ผมขอเบเกอรี่กับน้ำองุ่นเขียวได้ไหมครับ”
“ครับ ได้สิ แล้วผู้ช่วยอี...”
สายตาของแทมยองที่หยิบการ์ดออกมาหยุดอยู่ที่ฮีแจ เป็นการ์ดที่เคยได้เห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง
“ฉันอิ่มแล้วล่ะค่ะ”
แทมยองที่ถือการ์ดใหม่เอี่ยม เดินไปที่เคาน์เตอร์อย่างเคอะเขิน พอมองไหล่ที่ทั้งสง่าทั้งน่าเชื่อถืออยู่เสมอ ก็นึกถึงเรื่องในตอนเช้าวันนี้ขึ้นมา