หลังจากที่ถูกแทมยองทิ้ง ฮีแจทำเหมือนว่าแทมยองไม่มีตัวตน ก็ถ้าจะให้พูดดีๆ คนที่ไม่มีตัวตน ความจริงก็คือเป็นสัญญาณว่า ‘ฉันงอน’ ฮีแจยังคงรักษาคอนเซปต์คนรักแบบชิคๆ คูลๆ อยู่ แต่คราวนี้กลับทำแบบนั้นไม่ได้ หากถามว่าทำไม เหตุผลก็คือเธองอนจริงๆ แทมยองที่แอบมองหาโอกาสที่จะพูดเมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ แต่มีสายตาจ้องมองมากเกินไปจึงล้มเหลวเสียทุกครั้ง
ฮีแจที่ไม่รู้ว่ารู้ถึงความพยายามของแทมยองเช่นนั้นหรือไม่ วันนี้กลับหลงลืมเหตุการณ์อันน่าขนลุกที่ถูกแทมยองทิ้ง จะว่าอย่างไรดีล่ะ คงเพราะขายจิตวิญญาณให้เรื่องอื่นไปแล้วล่ะมั้ง
“เซ้นส์ด้านแฟชั่นของหัวหน้าทีมพัคนี่ดีจริงๆ เลยนะคะ ดูจากเนกไทวันนี้สิ มันดูเด่นแต่ก็เข้ากันอย่างดีเลยคะ แล้วก็ไม่ใช่สไตล์ที่จะเข้ากับใครก็ได้ด้วยสิ”
“อ้า อย่างงั้นเหรอครับ”
“ส่วนใหญ่แล้วซื้อเนกไทที่ไหนเหรอคะ พอดีเดือนหน้าเป็นวันเกิดคุณพ่อน่ะค่ะ ก็เลยอยากซื้อให้เป็นของขวัญ”
เนกไทลายทางสีครามตัดแดงที่ผูกเอาไว้แน่น ทำให้ดูเซ็กซี่เกินห้ามใจ ไม่ใช่แค่ยัยจิ้งจอกแพคที่กำลังยืนกระมิดกระเมี้ยนประจบอยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่รู้สึก แล้วก็ไม่ใช่แค่คาอึลที่คิดว่า ‘วันเกิดพ่อคือเดือนหน้าจริงเหรอ? เห ไม่ไช่หรอกมั้ง’
“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกเนกไทเท่าไหร่ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ให้ผู้ชายเหมือนกันอย่างหัวหน้าทีมช่วยเลือกก็คงจะดี อาทิตย์หน้าถ้าพอจะมีเวลาว่าง...”
“หัวหน้าทีมพัคครับ! รบกวนเซ็นอนุมัติตรงนี้หน่อยครับ”
เห็นคาอึลที่เข้ามาแทรกข้างๆ แทมยองได้ประจวบเหมาะ คนในออฟฟิศส่วนใหญ่ก็เผลอยกนิ้วโป้งขึ้นในใจ ไม่มีใครในออฟฟิศที่จะไม่รู้ว่าเอกสารที่คาอึลวางบนโต๊ะของแทมยองไม่ใช่เรื่องด่วนขนาดนั้น
คาอึลที่กลับมาที่นั่งตัวเองและหนีบแฟ้มเอกสารเอาไว้ด้วยสีหน้าคล้ายเจ้าลูกโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ขอคำชม พอสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่แปลกไปจึงหยุดชะงัก
“เอ๋?”
หากหนึ่งในเก้าหางของยัยจิ้งจอกแพคเหมือนจะไปสัมผัสแทมยอง ถึงจะแกล้งทำเป็นไม่อะไร หากเป็นฮีแจที่คอยสะกิดสีข้างคาอึล และยังจงใจมองตาขวาง จึงคอยควบคุมคาอึลให้ไปเป็นตัวคอยขัดขวางยัยจิ้งจอกแพค แต่ว่าวันนี้นั้น ยัยจิ้งจอกแพคโผล่หางออกมาประมาณแปดหางได้ ทั้งเสนอการเดตที่ใช้เนกไทเป็นข้ออ้าง แต่ฮีแจกลับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และกำลังพิมพ์งานโดยสวมวิญญาณที่แสดงท่าทางว่าจะทำงานทั้งหมดในบริษัทคนเดียว เจ้านาย ไม่สิ คุณผู้ช่วย ผมอุตส่าห์ออกหน้าโดยที่คุณผู้ช่วยไม่ได้สั่งแล้วนะ
“คุณผู้ช่วย มีอะไรเหรอครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“หา?”
“หา งั้นเหรอ มันเกิดบั๊กอะไรน่ะ ไม่เข้ากับคุณผู้ช่วยเลยนะ วันนี้คุณผู้ช่วยดูเหมือนกำลังทำงานอยู่บริษัทอื่นคนเดียวเลยนะรู้ไหมเนี่ย ทำไมถึงยุ่งอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะครับ คนที่ยุ่งแบบนี้ช่วงกลางเดือน ทั้งออฟฟิศเห็นจะมีแค่คุณผู้ช่วยนะครับ”
“อะไร ฉันเหรอ ฉันเป็นแบบนั้นเหรอ ไม่นะ ไม่ใช่สักหน่อย”
“ไม่ใช่อะไรล่ะครับ คุณผู้ช่วย ตอนนี้เหมือนหุ่นยนต์มากเลยนะ หุ่นยนต์ที่เกิดมาเพื่อทำงานน่ะ”
เกิดบั๊กเหรอ ถ้าเป็นปกติมันคือคำที่พอให้ดีดหน้าผากของคาอึล หากกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน
ฮีแจนั้นรู้หรือไม่ก็ตาม คาอึลเองก็ไม่รู้ แต่ฮีแจเองก็ค่อนข้างเป็นที่สนใจอย่างมากภายในบริษัท แม้ไม่ได้ยืนอยู่จุดศูนย์กลางของบทสนทนาแบบหัวหน้าทีมพัคแทมยอง หรือมีใบหน้าหน้ารักโดดเด่นเท่ากับคาอึลก็ตาม ฮีแจนั้นสร้างกำแพงกระจกอย่างแน่นหน้าจนได้เป็นผู้ช่วย แล้วยังคอยสอนบรรดารุ่นน้องในบริษัท อีกทั้งยังคอยกันพวกหัวหน้าที่ตั้งใจจะตีเนียนเข้าใกล้พนักงานหญิงมาใหม่ที่งานกินเลี้ยงบริษัทด้วยด้วยการพูดจาเสียงแข็ง แน่นอนว่าเสียงแข็งนั้นทำเหมือนพูดออกมาด้วยความเมา ทำให้วันต่อมาพวกหัวหน้าได้แต่จ้องฮีแจด้วยใบหน้าบึ้งตึงเท่านั้น หากไม่อาจทำอะไรได้ เหตุผลใหญ่ที่ฮีแจเป็นที่สนใจ ทั้งที่มีนิสัยเหมือนเข็มแหลมก็เพราะฮีแจมีหน้าตาสวยมาก หากบอกเรื่องนี้ไปก็คงเชิดไปทั้งวันกับคำชื่นชมนั้น ดังนั้นเรื่องนี้จึงเก็บไว้ในใจของคาอึลเท่านั้น
ทว่าฮีแจที่เคยเป็นแบบนั้นกลับดูมีอาการไม่ปกติ พูดให้ถูกคือเป็นหุ่นยนต์ขึ้นสนิมที่ช่องใส่เชื้อเพลิงพัง
“คุณผู้ช่วย มีปัญหาอะไรกับหัวหน้าทีมพัคเหรอครับ”
“หัวหน้าทีมพัค? หัวหน้าทีมพัค? หือ? เปล่า ฉันกับหัวหน้าทีมจะมีปัญหาอะไรได้”
“ก็หลายวันนี้ไม่มีพูดคำว่า ‘หัวหน้า’ เลยนี่ครับ ไม่งั้นก็มีปัญหาอย่างอื่นเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“หือ มันไม่ใช่ดูไม่มีอะไรเลยนะครับ เราไปดื่มด้วยกันแล้วก็แชร์ปัญหาชีวิตกันเถอะครับ”
“นายเพิ่งท้องอืดจะมาดื่มเดิ่มอะไรกัน นี่ หัวหน้าทีมจ้องมาทางนี้อยู่นะ รีบกลับไปทำงานได้แล้ว”
คาอึลที่หน้าทนมากกลับไปที่โต๊ะตัวเอง แล้วขยิบตาส่งให้กับหัวหน้าทีมพัคแทมยอง ไม่ว่าคาอึลทำอะไร แทมยองที่ไม่สะเทือนก็แค่กลอกตาที่จ้องเขม็งไปมา แล้ววิ้งค์ที่ส่งออกไปแล้วพุ่งไปยังแทมยองก็ถูกสายตานั้นตีโฮมรันไปที่แฟ้มเอกสาร
“หุ่นคุณผู้ช่วย เดี๋ยวทักไปนะครับ”
ด้วยความเร็วเช่นนี้ ฮีแจเหมือนจะจัดการงานทั้งสัปดาห์ได้ในหนึ่งวัน เสียงคาอึลที่ตื่นตกใจ คอยพูดแหย่ หากไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้ฟังเสียงนั้นและหมกมุ่นอยู่กับงาน ทั้งที่ทุกวันจะเอาแต่หัวเราะสดใส แต่คาอึลที่ความรู้สึกเร็ว คาดเดาหนึ่งในสองเหตุผลที่ฮีแจเป็นแบบนี้ ข้อหนึ่งคืออกหัก ข้อสองคือปัญหาความรักที่เป็นปัญหาที่เกลียดแต่ก็ไม่ได้เกลียด ไม่นานมานี้เคยใส่ชุดเดิมมาทำงาน ดังนั้นเหตุผลข้อสองมีความเป็นไปได้อย่างมาก คาอึลที่เหมาะกับการเป็นนักข่าวสายบันเทิงไม่ใช่พนักงานบริษัทกลืนน้ำลาย ทุกครั้งที่คาอึลมีแฟน ไม่ใช่ฮีแจหรอกหรือที่คอยแนะนำและตักเตือน สงสัยอย่างมากว่าคนทำให้ฮีแจคนนั้นเป็นหุ่นยนต์ทำงาน เป็นคนแบบไหนกันแน่ คงไม่ใช่ว่ามีปัญหากับหัวหน้าทีมพัคจริงๆ หรอกนะ ไม่หรอก ถ้ามีอะไรก็เป็นคนที่แทบจะวิ่งมาอวดทันที เป็นไปได้มากว่าว่าเป็นคนใหม่ คาอึลที่ทำตัวเหมือนเชอร์ล็อก โฮมส์ที่สวมหมวกเบเร่ต์ไปไหนมาไหน วางแผนว่าจะต้องเกี่ยวฮีแจไปดื่มโซจูในเร็วๆ นี้
ฮีแจที่กำลังภูมิใจในนิ้วมือเรียวยาว อันที่จริงก็แค่ดูเหมือนเป็นแบบนั้นเท่านั้น ปล่อยนิ้วมือขยับไปตามใจและพบว่าตนเองกำลังคิดเพ้อเจอ แต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ หากไม่เป็นแบบนี้ ก็ยากที่จะทนกับความคิดสับสนที่พุ่งเข้ามา อยากเปิดเผยความรู้สึกตัวเองต่อแทมยอง และยังความรู้สึกสนใจในจีฮอน ความรู้สึกสองแบบที่แตกต่าง ทำให้ปวดหัวตุบๆ
“ผู้ช่วยอีครับ หยุดทำงานแล้วไปกินมื้อเที่ยงกันครับ”
“นี่ อีฮีแจ! ฉันเลิกไดเอตแล้ว! ไปกินซุปมันฝรั่งที่ฝั่งตรงข้ามบริษัทกันเถอะ ขอร้อง”
เป็นคาอึลกับเยอึนที่ทั้งใส่ใจทั้งเป็นกังวลกับฮีแจที่ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ด้วยหน้าตาเหมือนซอมบี้ หากทั้งคู่พอมีเวลาว่างก็จะเกาะติดกับโต๊ะของฮีแจ แล้วชวนคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงอย่างนั้นก็ตามฮีแจก็เอาแต่บอกว่าทำงานบ้าง ไปไกลๆ บ้าง ไม่ได้ทำตัวเหมือนปกติ ฮีแจยังคงหยุดอยู่กับที่เหมือนวิญญาณที่ซึบซับความเคียดแค้นจากความทรงจำที่ห้องดาดฟ้านั้นและที่ถูกทิ้งที่ภัตตาคาร
‘พี่น่ารักจังครับ ตอนนั้นก็เท่มากเลยด้วย ผมเล่นกีตาร์แบบนี้เท่ไหมครับ’ ไม่อาจสลัดภาพจีฮอนที่แสนดึงดูดออกไปจากความคิดได้ หากเผชิญหน้าและสารภาพออกมา ก็จะปฏิเสธโดยเด็ดขาดขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งมารยาท บอกว่านายกับฉันไม่เหมาะกันตั้งแต่อายุจนถึงตำแหน่งทางสังคม การสะสมทองคำในยุคไอเอ็มเอฟ ตำนานของกลุ่มแฟนคลับ H.O.T แฟชั่นฮิพฮอพทั่วย่านมยองดง เครื่องเล่นแผ่นซีดีวอล์คแมน ความเจ็บปวดที่ถูกเสี้ยนไม้ตำฝ่าเท้าตอนวิ่งไปมาบนห้องเรียนพื้นไม้ สิ่งที่ไม่สามารถมีร่วมกันได้ มันคือความแตกต่างของนายกับฉัน การมีความทรงจำในช่วงวัยต่างๆ ร่วมกันมันเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่นายและฉันไม่สามารถทำได้
ความต่างของอายุเก้าปี เป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ จีฮอนยกมือขึ้นจะสัมผัสใบหูที่แดงจัดมองฮีแจที่ผงะตัว แล้วพูดว่า ‘ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ทำ’ ราวกับคนยอมแพ้
‘พี่น่ารักมากเลยนะครับ’
ยิ้มด้วยสายตาที่เหมือนจ้องมองแมวที่เดินผ่านไป ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาของจีฮอน ทำให้ฮีแจถอยกลับที่นั่งอย่างแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาที่ข้อต่อพังแล้วผุดลุกขึ้น ปฏิเสธข้อเสนอของจีฮอนที่บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน จีฮอนที่มองท่าทางที่เอากระเป๋ามาสะพายก่อนจะหยิบโค้ทที่ถอดไว้มาสวมหลุดยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยห้ามฮีแจ
‘สวมโค้ทก่อนแล้วค่อยสะพายสิครับ’
‘ไม่ล่ะ ฉันสะดวกแบบนี้’
‘มันดูไม่สะดวกเลยนะครับ’
‘ไม่นะ จีฮอนเองก็ลองดูสิ มันดีกว่าที่คิด’
เอ่ยข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นอย่างการสะพายกระเป๋าเอาไว้ในเสื้อโค้ทที่มันจะเอาอะไรมาสะดวกออกไปแล้ว พอเดินออกมาที่ประตูหลัก จีฮอนก็เรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯ ให้ มองฮีแจที่ยังขยับตัวเหมือนตุ๊กตาที่ข้อต่อพังเข้าไปในแท็กซี่ หากไม่ใช่ว่าเดิมทีก็มารยาทดีอยู่แล้ว คงไม่เอ่ยกับคนขับแท็กซีว่า ‘ฝากดูจนเขาเข้าไปในบ้านเลยนะครับ โลกเดี๋ยวนี้มันน่ากลัวน่ะครับ’ หรอก หลังจากแท็กซี่ออกตัว ก็มองไปที่กระจกมองหลัง จีฮอนยังคงมองมาทางนี้จากที่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
ฮีแจที่กลับมาถึงบ้าน กลับกลุ้มใจกับการกลบฝังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างสองวัน ไม่รู้เพราะจิตใจที่สับสนหรือไม่ แต่ฮีแจกลับฝันร้ายว่าได้เสิร์ฟอาหารอยู่คนเดียวในร้านอาหารที่วุ่นวายทั้งคืน ลูกค้าที่กำลังรออาหารด้วยความหิว สุดท้ายก็ตะโกนใส่ฮีแจ ไม่รู้ว่าอาหารของลูกค้าคืออะไร แต่พวกเขาไม่ได้สนใจความลำบากของฮีแจเลย
‘เอาของฉันมา! บอกให้เอาของฉันมา!’
เอาแต่ร้องขออาหารอยู่อย่างนั้น ส่วนตนก็เอาแต่โค้งคำนับและเอ่ยขอโทษ
‘ผมมีธุระด่วน คงต้องรีบกินรีบไปนะ’
เป็นเสียงที่คุ้นเคยไม่ใช่เหรอ นั่นคือแทมยองที่ถือโทรศัพท์เอาไว้
‘หะ หัวหน้าทีม?’
และก็ได้ยินอีกเสียงที่คุ้นเคย
‘พี่ดูลุกลี้ลุกลนแล้วน่ารักดีนะครับ’
อ๊ากกก! ฮีแจเตะผ้าห่มพร้อมกับทะลึ่งตัวขึ้นมา นี่คือจุดเริ่มต้นของการกลายเป็นหุ่นยนต์ทำงานฮีแจ
* * *