เปลวไฟซึ่งหลอมรวมกับพลังได้ห่อหุ้มสมุนไพรทิพย์ไว้อย่างดี เปลือกของสมุนไพรทิพย์ไม่เกรียมแต่กร้านขึ้นเรื่อยๆ
ขั้นตอนสำคัญอันดับสุดท้าย เหออันโหรวส่งพลังเข้าไปในเตาหลอมเร่งเปลวไฟให้ลุกโหม ทำให้สมุนไพรทิพย์หดและหยาบจนหมด
พอหลอมเสร็จ เหออันโหรวก็เอาโอสถทิพย์มากำ นางรู้สึกสากมือจึงถือไปหาลู่ซิงหัวให้เขาเรียกนกยักษ์มาดูว่ามันชอบกินหรือไม่
พอนกยักษ์ปรากฏตัวก็เข้าไปหาเหออันโหรว สายตาจ้องคูเฉ่าตานในมือของเหออันโหรว นางลูบนกยักษ์แล้ววางคูเฉ่าตานบนพื้นให้มันกินเอง
ลู่ซิงหัวมองคูเฉ่าตานแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นลอยๆ “ระดับกลางบนใช้ได้”
“เพราะได้สมุนไพรทิพย์ดี!” เหออันโหรวยกหัวแม่มือขึ้นพลางพูดชม พอเปลี่ยนมาใช้สมุนไพรทิพย์คุณภาพดีผลงานก็พัฒนาขึ้นมาก
“ถึงแม้จะได้ระดับกลางบนแต่ก็ยังเป็นขั้นต่ำ ข้าเคยเห็นศิษย์สำนักในสามารถหลอมโอสถทิพย์ขั้นสูงได้” ลู่ซิงหัวพูดน้ำเสียงราบเรียบ
“ยังต้องพยายามอีกมาก” เหออันโหรวพอได้ยินก็หน้าเสีย แต่อยู่ต่อหน้าคนเก่ง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
“อ้อ ลืมบอกเจ้า ใบประกาศยังมีรางวัลที่ไม่ได้เขียนไว้” ลู่ซิงหัวทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก “ผู้ชนะเลิศ นอกจากได้เตาหลอมโอสถทิพย์แล้ว ยังได้เข้าไปฝึกยังสำนักในกลายเป็นศิษย์สำนักในด้วย”
“รางวัลซ่อนเร้นที่ใบประกาศไม่ได้เขียนทำไมเจ้ารู้” เหออันโหรวรู้สึกว่านางไม่ค่อยรู้จักลู่ซิงหัวนัก
“เจ้าลืมแล้วหรือใครเป็นคนเขียนใบสมัคร” ลู่ซิงหัวพูดยืนยันหนักแน่น
อาจารย์ของเขาคืออินซู่...เหออันโหรวเอามือแตะหน้าผากโดยไม่รู้ตัว แต่คิดครู่หนึ่งจึงบอกลู่ซิงหัวว่า “ถ้าข้าชนะเลิศ เจ้าเป็นศิษย์สำนักนอกส่วนข้าเป็นศิษย์สำนักในน่ะสิ!”
แต่เหออันโหรวรู้สึกว่าตนเองไร้เดียงสาจริงๆ ได้แต่ฟังลู่ซิงหัวอธิบายความจริงให้รู้ “ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นศิษย์สำนักนอก เจ้าไม่รับรู้อะไรเลยถึงได้คิดอย่างนี้”
เหออันโหรวควรจะรู้นานแล้วว่าที่ลู่ซิงหัวชนะเลิศการแข่งขันและได้ใบอนุญาตเข้าออกสำนักศึกษาได้ การที่เขาพูดอย่างมั่นใจว่าตนสอนได้ไม่แพ้อาจารย์กู้หลีเฉิง...ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าเขาเป็นศิษย์สำนักใน
“เจ้าไม่เคยบอกข้า” เหออันโหรวได้แต่ตอบอย่างนี้
“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ข้าบอกเจ้าแล้ว จำไว้ให้ดี” ลู่ซิงหัวยิ้มมุมปากอย่างคลุมเครือ
เหออันโหรวพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก มุ่งหน้าไปหลอมโอสถทิพย์บนถ้ำต่อ นางหลอมโอสถทิพย์คูเฉ่าตานครั้งที่สองก็ทำได้ถึงระดับกลางบนแล้วแสดงว่ายังมีโอกาสพัฒนาได้มาก
วันเวลาผ่านไปตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เหออันโหรวนำสมุนไพรทิพย์ที่เก็บได้มาหลอมจนหมด โอสถทิพย์คูเฉ่าตานซึ่งหลอมได้อยู่ในระดับกลางบนขั้นกลาง นกยักษ์กินจนไม่อยากจะมองแล้วกองสุมอยู่ในถ้ำ และเพิ่งออกไปหาสมุนไพรทิพย์ล้ำค่ากับลู่ซิงหัว
“ไม่ได้เอาแต่หญ้ากระดูกงูกับบัวภูเขามาหลอมโอสถทิพย์คูเฉ่าตาน ถ้าเจอสมุนไพรทิพย์อะไรดีๆ ก็เก็บใส่แหวนมิติไว้ รอเวลาหลอมโอสถทิพย์ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียด” ลู่ซิงหัวสั่งให้เหออันโหรวปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงหลายเมตรไปเก็บกิ่งหลินจื่อใต้ลำต้นข้างรังนกกระยาง
เหออันโหรวยื่นมือซ้ายไปเกาะข้างหน้าหมายจะเด็ดหลินจื่อกิ่งนั้น แต่จับลำต้นไว้ไม่แน่นพอ ร่างจึงไถลลงไป นางตกใจรีบใช้สองมือกอดลำต้นไว้แน่น มองลงไปเห็นลู่ซิงหัวยังคงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ห่างหลายเมตร นางกลืนน้ำลายบอกตัวเองว่าจะตกลงไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้ากระแทกถูกลู่ซิงหัวตายล่ะ ตนต้องอาศัยเขาในการหลอมโอสถทิพย์
คราวนี้นางกอดลำต้นไว้แล้วหมุนตัวหนึ่งรอบ เปลี่ยนไปใช้มือขวาซึ่งอยู่ใกล้กว่าเด็ดแทน นางแตะถูกกิ่งหลินจื่อพอดี เพียงออกแรงเด็ดก็ได้ก่งหลินจื่อ เก็บมันไว้ในแหวนมิติแล้วกอดลำต้นปีนลงไป
ขณะใกล้ถึงพื้น เหออันโหรวก็ปล่อยมือจากลำต้นกระโดดลงมาเห็นลู่ซิงหัวกำลังหลับตาฝึกพลังพอเขาได้ยินเสียงนางกระโดดลงมาก็ลืมตาขึ้นถามว่า “เก็บเสร็จแล้วหรือ”
เหออันโหรวพยักหน้า ลู่ซิงหัวจึงชี้ไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแล้วบอกว่า “เช่นนั้น ต้นต่อไป”
การมาหาสมุนไพรทิพย์กับลู่ซิงหัวทำให้นางรู้สึกทรมานแสนสาหัส พอตกกลางคืนมองดูดวงจันทร์ลอยสูงขึ้นไปเหนือยอดเขาจงหนาน ขณะที่เหออันโหรวนึกถึงฉากการฝึกหลอมโอสถทิพย์เองบนภูเขาด้านหลังสำนักศึกษา ลู่ซิงหัวก็เดินเข้ามาหาพอเห็นเหออันโหรวท่าทางเหม่อจึงถามว่า “โหรวเอ๋อร์ คิดถึงใครอยู่”
อยู่กับลู่ซิงหัวเป็นเวลาไม่ยาวไม่สั้นนัก แต่เหออันโหรวยังคงรู้สึกหนาวสั่นเมื่อได้ยินเขาเรียก “โหรวเอ๋อร์” จึงหันไปตอบ “ข้าคิดถึงใครไม่เกี่ยวกับเจ้าไม่ต้องทำเป็นใส่ใจข้า”
พอได้ยินเช่นนี้ ลู่ซิงหัวก็ถอนหายใจบอกว่า “เจ้าอย่าคิดว่าวันนี้ที่ข้าให้เจ้าไปเก็บสมุนไพรทิพย์เป็นการลงโทษเจ้า ทรมานเจ้า เพราะต่อไปเจ้าต้องทำเองจะคอยแต่อาศัยข้าไม่ได้”
“ข้าอาศัยเจ้าตอนไหน” ตอนแรกลู่ซิงหัวมาปรากฏตัวเบื้องหน้านางเองแท้ๆ แต่ตอนนี้เขากลับพูดเหมือนกับว่านางขอร้องเขา
“ตัวเจ้าเกร็งเกินไป ตั้งแต่เล็กเจ้าไม่เคยใช้พลังพอตอนนี้เจ้าไม่สามารถโคจรพลังได้คล่อง ข้าจึงให้เจ้าทำเช่นนี้ ต่อไปถ้าข้าไม่อยู่เจ้าจะได้พึ่งตัวเอง” ลู่ซิงหัวทำสีหน้าเย็นชาแววตายากจะหยั่ง
เหออันโหรวเอาหญ้ามาคาบไว้ในปากไม่ทันฟังลู่ซิงหัวพูดให้จบก็เข้าถ้ำ ในถ้ำมีหนังเสือที่ลู่ซิงหัวเอามาปูบนพื้น เหออันโหรวนั่งขัดสมาธิเริ่มฝึกพลัง
การฝึกระยะนี้ทำให้ตัวนางมีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลังโลดแล่นรวดเร็วกว่าปกติ โคจรไปตามเส้นจิงม่ายและจุดต่างๆ การหายใจค่อยๆ สม่ำเสมอขึ้น เหออันโหรวรู้สึกเย็นสบายเป็นระยะๆ มันค่อยๆ ซึมซ่านเข้าสู่กระดูกกล้ามเนื้อสร้างความแข็งแรง
แม้เหออันโหรวจะฝึกพลังในเวลากลางวัน แต่พลังในตัวก็ยังไม่แผ่ซ่านออกมา จึงไม่สามารถพัฒนาขึ้นไปจากขั้นชาวฟ้า ครู่ใหญ่นางจึงปล่อยมือทั้งสองข้างซึ่งกวัดแกว่งพลังแล้วถอนหายใจให้สงบลง วันนี้ยังไม่ได้ รออีกสองสามวันค่อยลองทำให้บรรลุ จากนั้นก็ให้ตนเข้าสู่ภวังค์เพื่อเพิ่มพลังจิตให้ถึงจุดสูงสุด เวลานี้ยังเหลืออีกครึ่งเดือนก็จะถึงการแข่งขันหลอมโอสถทิพย์
วันต่อมาหลังจากเก็บสมุนไพรทิพย์แล้ว ลู่ซิงหัวก็มอบตารางรายชื่อโอสถทิพย์ระดับกลางบนขึ้นไปให้เหออันโหรว กำหนดหน้าที่ของนางในแต่ละวัน นางจึงอยู่กับเตาหลอมโอสถทิพย์ทั้งวัน
วันนี้ลู่ซิงหัวกำหนดให้หลอมโอสถทิพย์จิ่วจ่วนจินตานระดับกลางบนขั้นสูง เหออันโหรวหยิบสั่วกุยขึ้นมาต้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในเตาหลอมโอสถทิพย์เบาๆ ผิวสีเงินของสั่วกุยสะท้อนแสงสลัวขณะถูกเปลวไฟแผดเผา นางไม่กล้าวอกแวกสายตาจดจ้องที่สั่วกุยซึ่งอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ นางควบคุมปลายนิ้วส่งพลังออกไป เวลานี้หากเปลวไฟลุกโหมขึ้นอีกแม้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้สั่วกุยกลายเป็นขี้เถ้า