“หลอมโอสถทิพย์” เหออันโหรวหันไปมองเด็กสาวคนนั้น ท่าทางของนางดูฉลาดปราดเปรียว
“เอาสมุนไพรทิพย์ใส่เข้าไปเช่นนี้ ในเตามีไฟลุกโหมสมุนไพรก็จะไหม้ ต้องใช้พลังห่อหุ้มไว้ก่อน” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดั่งใจ
“เช่นนี้หรือ ข้าไม่รู้มาก่อน ขอบใจนะ!” เหออันโหรวเข้าใจทันทีรีบโคจรพลังมาห่อหุ้มสมุนไพรทิพย์ แล้วใช้พลังนำสมุนไพรทิพย์ใส่เข้าไปในเตาหลอมโอสถทิพย์
การใช้พลังควบคุมไม่ให้สมุนไพรทิพย์ไหม้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงครู่เดียวหน้าผากของเหออันโหรวก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ขณะที่ไฟในเตาลุกโหมไม่ขาดระยะเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง นางซึ่งไม่รู้วิธีหลอมโอสถทิพย์จึงต้องใช้สัญชาตญาณ
สมุนไพรทิพย์พวกนั้นพลิกตลบท่ามกลางเปลวไฟ มีต้นหนึ่งเปลือกเริ่มแตก มีของเหลวสีขาวไหลออกมา เหออันโหรวดีใจทำต่อไปตามขั้นตอนจนสกัดของเหลวออกมาจากสมุนไพรทิพย์อีกสองต้นได้สำเร็จ
เหออันโหรวรู้ว่าสารพิสุทธิ์ในสมุนไพรทิพย์ถูกสกัดออกมาแล้วต้องหลอมรวมเข้าด้วยกัน และทำให้เป็นโอสถเหลว นางพลิกฝ่ามือไปมาควบคุมสารพิสุทธิ์ทั้งหมด เด็กสาวข้างๆ บอกว่า
“การทำให้เป็นโอสถเหลวเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด ถ้าล้มเหลวที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า”
ที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่าหมายถึงไม่ผ่านการทดสอบ ถ้าไม่ผ่านหมายถึงคืนนี้นางต้องออกไปร่อนเร่ พอนึกถึงการร่อนเร่พเนจรเหออันโหรวก็กัดฟันเพิ่มพลังเข้าไปอีก แสงสีทองพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของนาง สารพิสุทธิ์ของสมุนไพรทิพย์หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว
โอสถเหลวม้วนตลบอยู่ในเตาเป็นระยะๆ นางรอเวลาที่จะสำเร็จผล เหออันโหรวใช้พลังสัมผัสอุณหภูมิของเตาหลอมโอสถทิพย์แล้วปรับลดเปลวไฟ
พอถึงตอนนี้นางก็ใช้พลังขับเคลื่อนโอสถเหลวม้วนตลบแล้วเริ่มข้นขึ้นจนหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว
สำเร็จแล้ว! เหออันโหรวมองดูโอสถทิพย์เม็ดหนึ่งที่ลอยขึ้นมาเหนือเตา นางเอามือปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
โอสถทิพย์ตกลงมาอย่างช้าๆ เหออันโหรวกระโดดขึ้นไปคว้ามาวางในกล่องผ้าดิ้นที่คนรับใช้ให้ไว้ “ยินดีด้วย” เวลานี้เด็กสาวคนนั้นก็หลอมโอสถทิพย์ได้สำเร็จเช่นกัน นางหันมายิ้มกว้างให้เหออันโหรว
“ไม่รู้ว่าโอสถทิพย์จะเป็นเช่นไร ดีมีเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหลอมอย่างไร” เหออันโหรวพูดอย่างขัดเขิน
“ไม่ต้องขอบใจ เตาที่เจ้าใช้เปล่งแสงสีเขียวแสดงว่าคุณภาพดีมาก แต่คราวหลังจำไว้ต้องระวังความสะอาด อย่าใช้มือจับโดยตรง!” พอพูดเช่นนี้น้ำเสียงของเด็กสาวก็ดุขึ้นมาทันที
“ขอบใจ ขอบใจ คราวหลังจะระวัง” พูดจบเหออันโหรวกับเด็กสาวก็พากันไปหาอาจารย์ทดสอบ ระหว่างทางพวกนางผ่านเตาหลอมของผู้หญิงแต่งตัวฉูดฉาดคนนั้น ซึ่งเวลานี้เหลือแต่เตา
“โอสถทิพย์หนิงเซวี่ยตานระดับต่ำขั้นสูงหนึ่งเม็ด”
“โอสถทิพย์เสวียนหวงตานระดับกลางขั้นต่ำหนึ่งเม็ด”
อาจารย์ทดสอบขานชื่อโอสถทิพย์ของทั้งสอง พูดชมเชยครู่หนึ่งสุดท้ายจึงบอกว่า “บัดนี้ เจ้าทั้งสองเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาชิงเฟิงแล้ว”
เหออันโหรวคารวะอาจารย์แล้วเดินไปยังจุดรายงานตัวพร้อมกับเด็กสาว
“เจ้าท่าทางใจร้อนแต่กลับรู้จักมารยาท ข้าชื่อเยี่ยนสี่ เจ้าชื่ออะไร พวกเราจะได้เป็นเพื่อนกัน” เด็กสาวชื่อเยี่ยนสี่ยื่นมือมาหาเหออันโหรว
เหออันโหรวจับมือนางแล้วพูดขึ้น “ข้าชื่อเหออันโหรว”
“อันโหรวชื่อหวานจริงๆ เมื่อครู่ข้าเห็นท่าทางเจ้า นี่หลอมโอสถทิพย์เป็นครั้งแรกใช่ไหม เก่งจริงๆ ข้าหลอมครั้งแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโอสถทิพย์หน้าตาเป็นอย่างไร” เยี่ยนสี่ตบไหล่เหออันโหรว
“ใช่ แต่โชคดีที่เจ้าบอก เจ้าหลอมโอสถทิพย์ระดับกลางได้แล้ว เก่งจริงๆ” เหออันโหรวชอบเพื่อนใหม่คนนี้มาก
“บ้านข้าอยู่ไม่ไกลจากนี่ เป็นตระกูลหลอมโอสถทิพย์ที่บ้านยังขายขนมด้วย ตั้งแต่เล็กข้าก็ฝึกหลอมโอสถทิพย์แต่ก็ได้แค่นี้แหละ เจ้ามีพรฟ้าประทานสูงกว่าข้ามาก วันหลังจะชวนเจ้าไปชิม ‘ลี่ว์ตานเกา’ ขนมพิเศษของตระกูลข้า” เยี่ยนสี่หัวเราะร่า
ทั้งสองเดินพลางพูดคุยพลางตามหลังคนรับใช้จนมาถึงจุดรายงานตัว เหออันโหรวพูดคุยกับเยี่ยนสี่จนไม่ได้สนใจว่าตอนเข้าไปนั้นลู่ซิงหัวกำลังจ้องนางอยู่
จนกระทั่งลู่ซิงหัวตั้งใจเข้ามายืนข้างหน้านาง ก็ยังชนโดนหน้าอกเขาอย่างจัง
เหออันโหรวรีบผลักลู่ซิงหัวออก เอามือลูบจมูกพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าทำอะไร!”
“เจ้าเป็นคนชนข้า”
เหออันโหรวโกรธขึ้นมาทันทีชกหน้าอกลู่ซิงหัวทีหนึ่ง “เห็นอยู่แล้วว่าเจ้าเข้ามาขวางหน้าข้ากะทันหัน”
พอโดนชกลู่ซิงหัวก็ส่งเสียงอั่กออกมาแล้วยกพัดขึ้นเคาะหัวนาง “มื้อเย็นวันนี้ เจ้าจัดการเองก็แล้วกัน”
เยี่ยนสี่ดูอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าเหออันโหรวถูกรังแกจึงดึงเหออันโหรวไป
เหออันโหรวทำหน้าเศร้า นึกถึงว่าเย็นนี้ตนคงไม่ได้กินข้าวแล้วยังต้องฝืนพูดจาเอาใจลู่ซิงหัวอีก
พอเห็นเหออันโหรวขดตัวอยู่ เยี่ยนสี่ก็แอบบอกนางว่า “อันโหรว มื้อเย็นวันนี้ทางสำนักจัดให้ ได้ยินว่าเป็นการต้อนรับศิษย์ใหม่ที่ได้รับคัดเลือก กำชับโรงครัวเป็นพิเศษให้ทำของอร่อยๆ”
พอได้ยินเช่นนี้ เหออันโหรวก็สบายใจขึ้นมาก
เมื่อรายงานตัวแล้ว เหออันโหรวจึงรู้ว่าตนเป็นศิษย์คนที่สิบห้าพอดี คนอันดับก่อนหน้านางคือเยี่ยนสี่ จากนั้นก็มีคนรับใช้พาแต่ละคนไปยังห้องพักของตนเองและบอกว่าอีกครึ่งชั่วยามก็ได้เวลาอาหารเย็นที่หอซือเหลียงเก๋อแล้ว
ห้องพักของเหออันโหรวอยู่ติดกับเยี่ยนสี่ นางดีใจจนตัวโยน เท่ากับว่าภายหน้านางจะได้ไปเรียนกับเยี่ยนสี่บ่อยๆ เยี่ยนสี่ยิ้มรับปาก
ตอนกินอาหารเย็น เหออันโหรวทำเป็นไม่สนใจลู่ซิงหัวพอกินเสร็จก็จูงมือเยี่ยนสี่เดินออกไป
“พรุ่งนี้เช้าต้องเลือกวิชาแล้วอันโหรวเจ้าจะเลือกอะไร” เยี่ยนสี่ถาม
“เฮ้อ เลือกวิชาหรือ ข้าไม่รู้เหมือนกัน รอพรุ่งนี้เช้าฟังอาจารย์จะว่าอย่างไร” เหออันโหรวนวดขมับ การจะตามหาท่านพ่อท่านแม่ต้องพัฒนาความสามารถของตนเอง และยังต้องช่วยลู่ซิงหัวสร้างร่าง...
เยี่ยนสี่หัวเราะบอกว่าตนไม่มีวันเลือกวิชาหลอมโอสถทิพย์ตามที่ครอบครัวบอก เหออันโหรวปรบมือกับนางแสดงให้รู้ว่าตนเองก็จะคิดให้ดี
รุ่งขึ้นเหออันโหรวตื่นแต่เช้า ประจวบกับสาวใช้มาเคาะประตูพอดีแล้วพานางไปดูสภาพแวดล้อมของสำนักศึกษาให้คุ้นเคย
เหออันโหรวจึงรู้ว่าสำนักศึกษาชิงเฟิงแบ่งเป็นสำนักนอกและสำนักใน สำนักในมีสถานที่ฝึกพลังต่างหากและมีตำราเรียนล้ำค่าระดับสูงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีโอกาสเข้าไปฝึกพลังในหอซู่เก๋อ ส่วนนางซึ่งเป็นศิษย์ใหม่ต้องอยู่สำนักนอกใช้สถานที่ฝึกรวมกันหมดและตำราเรียนก็เป็นระดับกลางขั้นต่ำทั่วไป
เมื่อคุ้นเคยกับสำนักศึกษาแล้ว คนรับใช้ก็พาไปรวมกลุ่มที่สนามไท่จี๋ เยี่ยนสี่มองเห็นนางจากไกลๆ ก็กระโดดขึ้นมาทักทาย ส่วนลู่ซิงหัวก็กอดพัดครุ่นคิดอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
หลังจากศิษย์ใหม่มารวมกันครบแล้ว อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาและบรรดาอาจารย์จึงเข้ามายังสนาม
“สำนักศึกษาชิงเฟิงเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกเจ้ามา เชื่อว่าหลังจากผ่านการศึกษาในสำนักศึกษาของเราแล้วทุกคนจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า จะมีคนคนหนึ่งมาเป็นผู้นำศิษย์ใหม่ เขาคนนี้มีความสามารถไม่ธรรมดา ข้าและผู้อาวุโส รวมทั้งอาจารย์ทุกคน ขอแนะนำประธานศิษย์ลู่ซิงหัว”