Chapter 14
ก็แค่หัวใจ
14
ก็แค่หัวใจ
ฉันหย่ากับไนท์มาสองอาทิตย์แล้วแต่เขาก็ไม่ยอมมาขนของออกจากห้องฉันสักทีแต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันก็มีความสุขดี…
รึเปล่า?
ช่างมัน
งานแต่งของฉันกับนนท์น่ะเหรอยังไม่จัดหรอกแต่อีกสามวันก็จะจัดงานหมั้นเลว ฉันยังมาสอนปกติเจอไนท์กับควีนไปไหนมาไหนด้วยกันก็บ่อย ไนท์ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับฉันเท่าไหร่นัก
“เกล้า นี่มันอะไร”
ตอนนี้ฉันนอนอยู่กับนนท์ทำไมก็คนจะหมั้นกันแล้วนี่นา ฉันงัวเงียลุกจากเตียงมองหน้านนท์ที่แสดงความไม่พอใจใส่ฉันอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยเหมือนเดิมค่อนข้างโมโหง่าย ขี้หงุดหงิดไม่เหมือนนนท์ที่ฉันรู้จักเท่าไหร่ ฉันรับโทรศัพท์จากนนท์มาดู มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนี่
แค่ผู้ชายมาเต้นกับฉัน ฉันก็สนุกไงเต้นด้วยคลอเคลียหนักๆ
เรื่องเมื่อคืนนี้แหละ แล้วที่ฉันมานอนนี่ก็เพราะนนท์ไปลากมาจากผับกลับมานอนเขาเกือบจะทำอะไรฉันด้วยนะแต่ฉันไม่ยอมหรอกยังไม่ถึงเวลานนท์พูดง่ายกว่าไนท์เยอะเลยสงสัยรักฉันมาก
“ขำๆ”
“ขำบ้าอะไรเกล้า”
“เอาน่า แล้วนี่จะออกไปทำงานแล้วเหรอ”
“อื้อ ผูกไทด์ให้หน่อย”
“ไม่มีมือ”
ฉันพูดไปงั้นสุดท้ายฉันก็ทำตามที่เขาขอ วันนี้ฉันไม่มีสอนเด็กปิดคอร์สหมดเลยถือโอกาสถือวิสาสะลาสักหน่อยไม่สบาย เพลีย
“ไปก่อนนะ”
“อื้อ”
ฉันจูบปากขาเบาๆ นนท์ยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินออกไปจากห้องของเขา ฉันยืดเส้นยืดสายหยิบโทรศัพท์ออกมาดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย
ตึงงง!
เสียงไลน์ดังขึ้น ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้เห็น
N : ทำบ้าอะไร!
KT: อะไร
N : อย่ามั่วให้มาก
KT: เหรอ
ฉันอดจะหัวเราะเยาะไนท์ไม่ได้ ฉันเชื่อแล้วว่าเขาน่ะรักฉันจริงๆ แล้วยังไงล่ะรักก็รักไปสิ ฉันส่งวิดีโอที่นนท์คลอเคลียฉันเมื่อคืนส่งไปให้ไนท์ดูอยากให้รับรู้ด้วยกันว่าเขาได้เมียคนเดียวกับพี่ชายทั้งที่ความเป็นจริงฉันไม่ได้อะไรกับนนท์เลยเมื่อคืนแค่อยากให้ไนท์คลั่งเล่น
KT: มีคลิปกับคนใหม่ด้วยนะเอามั้ย?
N : อย่าให้มันมากเดี๋ยวจะเจอท่ายากไม่รู้ตัว
ฉันอ่านมันแล้วก็ไม่สนใจใยดีอะไรอีกเลย ฉันโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้แถวๆ หัวเตียง ฉันเข้ามาอาบน้ำใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีก็ออกมาใส่เสื้อผ้าแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อจะกลับห้องก็ใส่ชุดเดิมค่อยกลับไปเปลี่ยนที่ห้องเอา ฉันเก็บของทุกอย่างลงในกระเป๋าเดินออกมาจากห้อง
แต่พอฉันเดินมาถึงประตูห้องก็ต้องตกใจเมื่อเห็น…
“มาหาใคร”
“…”
“สนุกมั้ย?”
“…”
“ไม่ตอบแฮะ”
“…”
“จะอึ้งอีกนานรึเปล่า”
“ทำไม”
“ทีหลังก็โทรหานนท์ก่อนสิ”
ฉันพูดพลางฉีกยิ้มกว้างส่งให้ควีน ก็เซอร์ไพรส์นะที่เจอที่นี่ มีเรื่องวุ่นๆ อีกแล้วล่ะสิทีนี้ จะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเลยใช่มั้ยครอบครัวนี้ลูกชายมีแต่ของดีๆ กันทั้งนั้น
“ไหนวันนั้นบอกจะทวงไนท์คืนไง”
“ก็ได้แล้วไง”
เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังของควีน ฉันกลอกตาไปมาก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากไนท์เดินเข้ามาโอบไหล่ควีนไว้แน่นพร้อมกันนั้นก็เม้มปากจนเป็นเส้นตรง
“เหรอ แล้วมาทำไมล่ะ”
“มาหาพี่ชาย พาแฟนมาให้พี่ชายดูเป็นการบอกว่าไม่ได้เจ็บเลยที่โดนเมียทิ้งมา!”
โอเค เป็นคำตอบที่ทำให้ฉันนิ่งไปได้เหมือนกัน เป็นสัมผัสที่เจ็บอยู่เหมือนกัน เฮอะ! นี่ฉันรู้สึกบ้าอะไรกับไนท์อย่างนั้นเหรอ ไร้สาระสิ้นดี
“ใครถาม”
“เธอไง แล้วนี่เฮียไม่อยู่?”
“ไม่ไปทำงาน เข้าไปรอก่อนมั้ยล่ะ”
“ไม่ล่ะ ไปเหอะควีน”
ไนท์ประคองควีนเดินออกไปจากหน้าห้องฉันหัวเราะสมเพชออกมา สมเพชตัวเองน่ะไนท์มองฉันไม่เหมือนเดิมฉันเองก็มองไนท์ไม่เหมือนเดิมเหมือนฉัน ฉันปิดประตูเดินออกไปจากห้องด้วยมาดนางพญาเดินตามหลังสองคนนั้นไปที่ลิฟต์เจ็บใจก็ช่างแต่จะเก็บไว้ตอนนี้ต้องชนะไว้ก่อน
“ไนท์ควีนจะอ้วก”
“อดทนไว้หน่อยนะ”
พอประตูลิฟต์เปิดสองคนนั้นก็เดินเข้าไป พอฉันจะตามเข้าไปไนท์ก็กดปิดใส่หน้าฉันทันที หมายเลขชั้นมันเลือดลงไปเรื่อยๆ แล้ว ก่อนประตูจะปิดฉันเห็นเขาทำสายตาเย็นชาส่งมาให้ฉันด้วย คิดจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย โอเค ถึงจะเจ็บแต่ก็จะไม่ให้เห็นความรู้สึก ฉันกดปุ่มลูกศรลงอีกครั้งเพื่อรอให้ลิฟต์ขึ้นมารับแล้วลงไปยังชั้นล่างรถฉันจอดอยู่ที่ผับแต่ฉันให้เพื่อนสาวที่ไปด้วยเอาไปไว้คอนโดให้แล้วฉันจำต้องนั่งแท็กซี่กลับแทน
ปวดหัวชะมัด!
Night Talk
ผมมาส่งควีนเหมือนประจำทุกวันด้วยความเป็นห่วง โคตรงี่เง่าเลยชีวิตผมบัดซบไปหมดซะทุกอย่าง มันกำลังจะดีอยู่แล้วเชียวเรื่องทุกอย่างจะไม่วุ่นวายเลยถ้าไม่…
“ไนท์ ควีนขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ ไปได้แล้ว”
ควีนยิ้มบางมือเธอก็ลูบท้องที่กำลังขึ้นรูปนูนไปมาใบหน้ามีความสุขมันก็พลอยทำให้ผมมีความสุขไปด้วย ผมเอื้อมมือไปลูกศีรษะเธอเบาๆ
“ไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยแต่งงานนะ”
“อื้อ ฉันดีใจนะที่ฉันท้องแบบนี้”
“ฉันก็เหมือนกัน”
ผมรอให้ควีนลงจากรถขึ้นไปบนห้องจนเรียบร้อยผมก็ขับรถไปคอนโดเกล้าทันที แต่พอมาถึงก็ไม่เห็นวี่แววของเกล้าเลย ไปไหนอีกรึเปล่าแต่รองเท้าก็อยู่ ของก็อยู่ครบอาบน้ำเหรอ ผมเดินหาเกล้าไปทั่วห้องจนมาหยุดอยู่ที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เรือนร่างเปลือยเปล่ายืนหันหลังให้ผมอยู่คงไม่รู้ว่ามีคนเข้ามา
ผมเห็นรอยแดงที่อยู่บนไหล่เกล้าอารมณ์อยากจะกวนหายไปในทันที ตอนนี้ผมรู้สึกยังไงรู้มั้ย รู้สึกเหมือนตัวกำลังลุกเป็นไฟอยากจะขย้ำให้เกล้าตายคามือครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับเธอก็เพราะหวงแค่ไปเต้นกับผู้ชายผมยังจะบ้า ยิ่งเมื่อคืนที่เธอส่งคลิปเวรๆ นั่นมาให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน ใจมันบีบเค้นซะจนผมจะตายอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ารอยจูบแดงๆ นี่เป็นของใคร แต่ยังไงเกล้าก็ต้องเป็นของผมคนเดียว
“มีความสุขมากสินะ”
“นาย…มาได้ยังไงออกไปนะ”
เกล้ารีบใส่ชุดชั้นในทันที เธอหันมามองผมอย่างไม่พอใจ เหมือนเธอจะโกรธมากด้วย โกรธเรื่องที่ผมเข้ามาเพียงแค่น้อยนิดแต่โกรธเรื่องที่ผมปิดประตูลิฟต์นี่เรื่องใหญ่ ผมรู้มองดูออกก็ไม่ได้โง่งมอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ผมยังยืนกอดอกอยู่ใช้ไหล่พิงกรอบประตูมองเกล้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่อยากเข้าไปใกล้มันยังไม่ถึงเวลา
“ทำไมจะเข้าไม่ได้ก็เราเป็นสามีภรรยากันนี่”
“จำได้ว่าหย่า”
เกล้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเธอก็แผงฤทธิ์กลายร่างเป็นนางพญาในทันที
“เหรอ ออกไปหาแฟนนายซะ”
เกล้าพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอดถึงความสมเพชเวทนา หึ! ใช่ผมมันน่าสมเพชผมทำอะไรก็ผิดไปหมด น่าสมเพชทุเรศน่ารังเกียจสำหรับเธอ อยากจะมองแบบไหนก็มองมาเถอะ จะด่าก็ด่ามาเถอะ
“ไม่ไป อยากอยู่ที่นี่กับเธอ”
“แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่กับนาย ทุเรศ บ้าบอที่สุด”
“สำหรับเธอฉันมันก็ทุเรศบ้าบอตลอดนั่นแหละ ฉันไม่เคยดีในสายตาเธอหรอก”
ผมพูดพลางเสยผมขึ้นมาลวกๆ ด้วยอารมณ์โมโหแต่ก็พยายามที่จะไม่พุ่งไปขย้ำยัยตัวร้ายตัวเล็กนั่น ที่จริงเกล้าไม่ได้ใหญ่ไปกว่าผมเลยสักนิดเธอตัวเล็กนิดเดียว
“รู้ก็ดีนี่ งั้นก็ไสหัวออกไป!”
เธอเดินกระแทกไหล่ผ่านผมไปแบบไม่เหลียวแล ผมคงเป็นได้แค่เศษฝุ่นสำหรับเธอ
“รอยแดงที่ไหล่เป็นของใคร”
ผมเดินตามเธอมายังห้องรับแขก ยืนมองเธอที่นั่งเปิดทีวีไม่สนใจว่ามีผมอยู่ในห้องร่วมด้วย เห็นแบบนี้แล้วมันน่าโมโหนะว่ามั้ย?
“ของใครก็ช่างนายไม่เกี่ยว”
ใบหน้าไร้อารมณ์ของเกล้ากับคำตอบสิ้นคิดทำให้ผมพุ่งเข้าหาเธอทันที ผมผลักเธอนอนราบไปบนโซฟาตัวยาวรวบมือเธอไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ปล่อยนะ”
“อยากย้อนความหลังมั้ยล่ะ”
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้นะ”
“ทำไมล่ะ หืม ไม่ได้ทำแบบนี้นานหอมจังเลยนะ”
ตัวหอมจริงๆ โคตรคิดถึงเลย แต่ก็โคตรโมโห โคตรเกลียดในเวลาเดียวกัน ทุกสิ่งที่เกล้าทำตอนนี้มันเหมือนสิ่งที่ผมทำตอนนั้น ทุกสิ่งที่เกล้าเจ็บเกล้าเจอมันเป็นสิ่งที่ผมเคยทำ ผมก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าเกล้าเอาคืนผมรึเปล่าแต่ถ้าใช่มันก็สมควรแล้ว
“ปล่อย ฉันจะเป็นพี่สะใภ้นายอยู่แล้ว”
ถึงจะคิดถึงแค่ไหนแต่ก็ไม่ชอบอยู่ดีที่พูดแบบนี้ หงุดหงิด ผมก้มลงไปเบียดริมฝีปากสัมผัสกับเธอแรงๆ ดุดัน จะจูบให้เลือดกบปากเลย ไม่อยากจะทำนักหรอกแต่มันห้ามไม่อยู่ คิดถึง โกรธด้วย
“อื้อ…เจ็บ”
“ถ้าเจ็บทีหลังก็อย่าพูดอะไรที่ไม่เข้าหู”
“ก็มันจริง”
“เกล้า! อย่าให้โมโหแล้วพูดซ้ำ”
“เลิกวุ่นวายได้มั้ย?”
“แล้วยกเลิกงานแต่งได้มั้ยล่ะ!”
เกล้าเม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ผมใช้มืออีกข้างบังคับให้เธอหันกลับมามอง มีเพียงชั่วครู่ที่ผมเห็นแววตาแปลกๆ จากเธอก่อนจะปรับให้กลับมาอยู่โหมดเย็นชาเหมือนเดิม
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะเกล้า ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันรักเธอ”
“ถ้ารักฉันจริงทิ้งควีนมาหาฉันมั้ยล่ะ”
Klaow Talk
ก็แค่อยากรู้เท่านั้น ไนท์เงียบมาเกือบนาทีแล้วตั้งแต่ที่ฉันถามคำถามงี่เง่านั่นออกไป ทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่ารักฉันแท้ๆ แต่ดูเอาเถอะเขาไม่ตอบอะไรเลยนอกจากเงียบเท่านั้น
“ถ้าเลิกไม่ได้ก็ไปจากฉันซะ”
“ถ้าทำได้ เธอยอมเป็นของฉันมั้ยล่ะ….ตลอดไป”
ตึกตัก ตึกตัก
ใจฉันเต้นตึกตักกับคำว่า ‘ตลอดไป’ ของเขา ไนท์จริงจังทุกคำพูดจริงจังจนฉันกลัว ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาเลยในตอนนี้
“ว่ายังไงล่ะ”
“ฉัน…คะ…แค่ล้อเล่นอย่าจริง…”
“ฉันจริงจัง! กี่ปีฉันรอเธอรู้บ้างมั้ย อยู่ๆ ก็เลิกกับฉันหายไปจากชีวิตฉันเธอรู้มั้ยว่าฉันทรมานแค่ไหน” ไนท์พร่ำคำพูดออกมาเขากดมือฉันไว้แน่นด้วยแรงอารมณ์ที่มีต่อฉัน
“…”
“เธอไม่เคยฟังอะไรจากฉันเลย เชื่อแต่ตัวเองเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่”
วะ…ว่าไงนะ?
“แล้วที่จะหมั้นกับเฮียเพราะรักหรืออะไรกันแน่”
“…”
“ถ้าเธอรักเฮียจริง เธอรักไปนานแล้วรักตั้งแต่ตอนที่ฉันพาเธอมาทานข้าวกับเฮียแล้ว”
“…”
“หัดยอมรับใจตัวเองซะบ้าง!”
ไนท์ผละออกจากฉันเดินออกไปจากห้องฉัน เขาพูดแค่นั้นก็ไม่หันกลับมามองฉันอีกเลย ฉันได้แต่นอนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างนั้นคิดทบทวนคำพูดของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หัดยอมรับใจตัวเองเหรอ?
ใจฉัน…รักเหรอ รู้สึกดีกับใคร
ไนท์หรือนนท์
หึ!
บ้าที่สุดเลยชอบทำให้ฉันวุ่นวายชะมัด