ตอนที่ 1
“ไอ้ผัวชั่ว! เมื่อคืนมึงไปอยู่กับอีหนูที่ไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมาป่านนี้”
“ทำไม ก็ในเมื่อมีเมียแบบนี้เป็นใครก็ไม่อยากกลับ! แล้วอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่าลับหลังกู มึงแอบไปเล่นชู้กับใคร”
“อ๋อ เดี๋ยวนี้มึงกล้าเถียงกูเหรอ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
“เออ กูเลวแล้วไง กูไม่แคร์”
“มึงจะไปไหน!”
“กูไม่อยากอยู่กับมึง เข้าใจบ้าง กูจะไปอยู่ที่อื่น”
“เออ มึงไปเลย กูก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน”
ปัง!
เสียงประตูถูกเปิดอย่างแรง ชายร่างสูงเดินผ่านออกมาอย่างเร็วโดยที่ไม่มองคนที่ชื่อว่าลูกแม้แต่น้อยตามด้วยคนอีกคนที่เดินออกมาตามกัน ต้นกล้าได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่หันไปมองคนสองคนที่ได้ชื่อว่าพ่อกับแม่ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าลูกชายยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน อยากร้องไห้แต่ก็รู้สึกด้านชาไปทั้งตัวและหัวใจ ต้นกล้าตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านด้วยความอ่อนล้า ภายในเต็มไปด้วยเศษแก้วแตกและของกระจุยกระจาย
ดวงตาของคนร่างเล็กเหม่อลอยไปเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ก่อนที่จะวางกระเป๋านักเรียนและทำความสะอาด ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้คงเพราะชินชาตั้งแต่จำความได้ก็เห็นภาพนี้มาโดยตลอด
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่พ่อกับแม่เริ่มเปลี่ยนไปจากคนที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเริ่มห่างหาย จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่เห็นตัวเองอยู่กับครอบครัวแล้วมีความสุข ทุกวันจะมีแต่เสียงด่าทอตบตีและทำร้ายร่างกาย แต่ดีหน่อยที่ไม่ได้ตีต้นกล้าแต่กลับเมินเฉยไม่สนใจ บางครั้งพวกเขาจะหายตัวไปนานเป็นอาทิตย์กว่าจะกลับมา นานที่สุดคือหนึ่งเดือนที่ทิ้งให้คนต้องอยู่คนเดียว
หลังจากที่ทำความสะอาดบ้านเสร็จก็เดินไปที่ห้องตัวเอง ล้มตัวลงนอนบนที่นุ่มๆ ด้วยความเหนื่อยล้า ไม่อยากจะขยับตัวทำอะไร มองไปที่รูปตรงหัวเตียงภาพที่ยังเป็นเด็กทารกแรกเกิดพ่อกับแม่ยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ลูกชาย นั่นเป็นภาพเดียวที่มี
เด็กหนุ่มนอนร้องไห้ด้วยความอดสูแม้ไม่มีเสียงสะอื้นให้ได้ยินแต่ก็รู้ว่าทุกข์มากเพียงใด ร่างบางนอนร้องไห้อยู่นานจนกระทั่งหลับไปในที่สุด
ต้นกล้ามาเรียนตามปกติเหมือนทุกวัน ต้นกล้าไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกบแม่ถึงเปลี่ยนไปถึงไม่มีใครสนใจแต่คนอย่างเขาก็คิดได้พอ ไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งที่ยั่วยุต่างๆ แม้จะไม่มีใครเห็น แต่ต้นกล้าก็รู้ตัวดีว่าควรทำอะไร แววตาที่เศร้าสร้อย
เป็นหนึ่ง...เพื่อนสนิทเพียงคนเดียว แต่มันก็ผ่านมาสองวันแล้วก็ยังไม่เห็นหน้า ต้นกล้าจึงตัดสินใจไปที่บ้านของเป็นหนึ่งด้วยกลัวว่าจะเป็นอะไร เพราะตั้งแต่แม่ของเป็นหนึ่งเสียไปเมื่อต้นเดือนเป็นหนึ่งก็แทบจะไม่พูดกับใครจนน่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่รับรู้เมื่อไปถึงที่บ้านทำเอาต้นกล้าแทบทรุด
“ไอ้แม็ค! มึงมาทำไม”
“ทำไมกูจะมาไม่ได้ ก็ในเมื่อเป็นหนึ่งเป็นเมียกู”
คุณชายของโรงเรียนฝั่งตรงข้าม ‘แม็ค’ กำลังทำหน้าเหมือนสะใจที่สามารถทำให้ต้นกล้าเจ็บปวด ทำร้ายเพื่อนที่ต้นกล้ารักที่สุดครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่มี
“ถ้ามึงแค้นกู ทำไมไม่มาลงที่กูมาทำร้ายเพื่อนกูทำไม!” ต้นกล้าตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างเหลืออด
“มันไม่สะใจ โทษที่ตัวมึงเองล่ะกันที่เป็นต้นเหตุ...เป็นหนึ่งไปได้แล้ว” แม็คพูดแล้วกระชากเป็นหนึ่งให้เดินตาม
“หนึ่งไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเจอกันที่โรงเรียนนะ” เป็นหนึ่งหันมามองต้นกล้าอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มให้ กลั้นน้ำตาที่ไหลพรากไปทั่วใบหน้าเพราะความเสียใจเพื่อไม่ให้เพื่อนรักเป็นกังวล
ต้นกล้ามองเพื่อนที่ขึ้นรถ ขาเริ่มอ่อนแรงแต่ก็อยากวิ่งเข้าไปช่วยไม่สามารถปล่อยครอบครัวที่มีอยู่ไปได้ สองขาเล็กๆ วิ่งด้วยใบหน้านองน้ำตา ร้องเรียกให้อีกคนหยุดรถล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทางเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อนและแผลถลอก
“ฮือ เป็นหนึ่ง อย่าไป! หยุดก่อน! เป็นหนึ่งๆ ฮือ”
แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง ต้นกล้าที่วิ่งอย่างเร็วมีเหรอจะสู้รถคันหรูได้ ร่างบางมองรถที่ออกตัวไปจนลับตาก้มหน้าร้องไห้ด้วยความสมเพชตัวเอง
ร่างบางเดินไปเรื่อยๆ ด้วยดวงตาเหม่อลอย จนกระทั้งไปหยุดอยู่ที่สนามเด็กเล่น ต้นกล้าพาร่างกายตัวเองที่อ่อนล้าไปที่สนามเด็กเล่นที่อยู่ไม่ห่างกันนัก อาจเป็นเพราะอากาศที่เริ่มมืดลงจึงไม่มีใคร เสียงที่เงียบสงบรอบข้างไม่ได้ทำให้ต้นกล้าสงบตามไปด้วยเลยสักนิด เขาแหงนหน้ามองพระจันทร์ที่เป็นรูปครึ่งเสี้ยวโดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครอีกคนจับจ้องมาทางด้านหลัง
ร่างสูงแสยะยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง จ้องมองเหมือนเจอเหยื่อชั้นดี แลบลิ้นที่ริมฝีปากด้านล่างอย่างกระหายขาแกร่งย่างก้าวเข้าหาคนตัวเล็กอย่างช้าๆ ไม่ให้รู้สึกตัว เอื้อมมือไปหาคนตรงหน้าหวังที่จะจับ อีกนิดเดียวก็จะถึงตัวของคนตัวเล็ก
ด้วยสัญชาตญาณที่รับรู้เมื่อมีภัยเข้ามาใกล้ตัว ต้นกล้าหันหลังไปมองอย่างไวใครอีกคนที่แปลกหน้ากำลังเดินมาที่เขา แสงของดวงจันท์ทำให้เห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด มีแต่เพียงแววตาที่ส่องประกายในความมืด ต้นกล้าลุกขึ้นยืนแล้วรีบหนีอัตโนมัติ
กลัว! อย่างบอกไม่ถูก ชายคนนั้นเดินตามอย่างไม่รีบร้อนด้วยท่าทางน่ากลัว!
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” ต้นกล้าร้องเรียกความช่วยเหลือก่อนที่จะพาตัวเองไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างนัก เขาพยายามเก็บเสียงร้องของตัวเอง สองมือป้องปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา
จนกระทั้ง...
“จับได้แล้ว”
เสียงกระซิบที่อยู่ด้านหลัง ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าขาวที่ซีดเผือดค่อยๆ หันหน้ามองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ชายแปลกหน้าโน้มตัวแหวกกิ่งไม้เข้ามาจนถึงตัว สองมือแกร่งไม่รีรอให้ร่างบางวิ่งหนีจับไปที่ตัวอย่างเร็วแล้วดึงออกมา ไม่ทันที่จะร้องขอความช่วยเหลือริมฝีปากก็ถูกมือแกร่งปิดเอาไว้มิดจนแทบจะหายใจไม่ออก ร่างทั้งร่างอยู่ในพันธนาการของคนร่างสูง พยายามดิ้นหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ต้นกล้า หลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ปลุก”
สิ้นเสียงของร่างสูง คนตัวเล็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ทรุดฮวบลงไปแขนแกร่งก็รับไว้ทันก่อนที่ร่างจะร่วงลงสู่พื้นด้านล่าง เขาจัดการอุ้มร่างบางอย่างแผ่วเบา ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยมองคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังเดินไปอีกทาง
**********************************
ต้นกล้าครางที่ลำคอเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ ลืมตามาอย่างยากลำบากความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาโดนที่ตัวจนไม่สามารถขยับได้สะดวก เรี่ยวแรงที่มีเริ่มหายไปอีกครั้ง แขนทั้งสองข้างพยายามยกขึ้นมาเพื่อบังแสงตรงหน้าแต่ก็รู้สึกว่าหนักเหลือเกินจนยกขึ้นไปไม่ได้
“ฟื้นแล้วเหรอต้นกล้า กำลังคิดที่จะปลุกอยู่พอดี”
เขาขยับตัวลุกนั่งอย่างเร็วเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าใครอีกคนที่ไม่รู้จัก ต้นกล้ากระเถิบหนีไปที่อีกทางของเตียงอย่างเร็ว รู้สึกโหวงๆ จึงมองไปเสื้อผ้า ชุดนักเรียนถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาวคอกว้างเลยเข่า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข้างในไม่ใส่อะไร ต้นกล้ารีบหุบขาลงทันที
“มึงต้องการอะไร จับกูมาทำไม” ต้นกล้าพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามสกัดกลั้นความกลัวเอาไว้
ร่างสูงยกยิ้มที่มุมปากเหมือนกำลังสนุกที่เห็นเหยื่อกำลังลนลานร่างกายกำลังสั่นจนรู้สึกได้ แววตาที่หวาดกลัวของคนร่างเล็กทำให้ร่างสูงแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหาย ดวงตาที่บ่งบอกว่าต้องการจับเหยื่อให้ทรมานก่อนที่จะกิน ต้นกล้าเห็นท่าจะไม่ดีจึงรีบลงจากเตียงแต่เพราะชุดที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องคอยระวังไม่ให้เปิด
“ทำไมพูดไม่เพราะกับพี่เลยครับ”
ต้นกล้าก็เดินหนีไปอีกทางเหลือบมองไปที่ประตูก่อนที่จะวิ่งผ่านที่นอนไปอย่างเร็ว อีกแค่เพียงนิดก็จะถึงลูกบิด แค่เอื้อมหยิบมือเท่านั้น!
เสียงหัวใจกำลังเต้นรัวรอคอยความหวังที่จะรอดแต่ก็ถูกดึงแรงจากข้างหลัง ร่างทั้งร่างถูกจับจากใครอีกคน ต้นกล้าดิ้นหนีอีกครั้งไม่ยอมง่ายๆ
ร่างสูงจับร่างบางกดลงไปในที่นอน ขึ้นคร่อมตัวอย่างเร็ว ตรึงแขนทั้งสองข้างไว้บนเหนือหัวด้วยมือข้างเดียว ใบหน้าที่หล่อเหลาแสยะยิ้มที่มุมปากอีกครั้งที่เห็นเหยื่อกำลังดิ้นหนีเพื่อเอาชีวิตรอด เขากำลังสนุกที่ได้เล่นกับเหยื่อ
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” ต้นกล้าตะโกนเสียงดัง ร้องเรียกให้คนช่วยเหลือ
“ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงนะ ร้องไปก็เท่านั้นเจ็บคอเปล่าๆ ไม่มีใครได้ยินหรอก” ร่างสูงพูดเสียงเรียบ
ต้นกล้าหยุดชะงักทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้และพยายามสะบัดข้อมือให้พ้นจากคนตรงหน้าแต่เพราะแรงที่มีต่างกันจึงทำให้ไม่หลุดได้ง่ายๆ ยิ่งหนียิ่งดิ้นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ
“ปล่อยกู!”
“ว่าอะไรนะครับ พูดใหม่ซิ”
“มึงหูหนวกรึไง กูบอกให้ปล่อย”
เพียะ!
ไม่มีเสียงจากอีกฝ่ายถามแต่อย่างใดมีแต่เสียงฝ่ามือกระทบที่ใบหน้า ต้นกล้าหันไปตามแรงตบอีกฝ่าย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจปากแตกจนรู้สึกเจ็บ หันไปมองร่างสูงอีกครั้งแม้จะทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนคนอารมณ์ดีให้แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง
“พูดใหม่ซิครับ ต้นกล้า พูดดีๆ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” เสียงที่เหมือนพูดปกติ แต่กลับเป็นเหมือนคำสั่งห้ามขัดใจ
“ไอ้สัส! ปล่อยกู” ต้นกล้ายังพูดประโยคเดิม ทำเสียงดังเพื่อระงับความกลัวที่เกิดขึ้น
เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าอีกครั้งเพื่อเป็นการสั่งสอนดังขึ้นอีกครั้งและแรงมากกว่าเดิม จนหน้าขาวเริ่มแดงเพราะรอยช้ำ
“ปล่อย...กู” คนถูกกระทำยังคงต่อต้าน
มุมร่างสูงขมวดคิ้วถอนหายใจกับความดื้อด้านของคนตัวเล็ก ทำสีหน้าเรียบเฉยก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง มือหนาเลื่อนมาที่มุมปากของร่างบางใช้นิ้วโป้งจับไปที่รอยช้ำจากแรงตบ ก่อนที่จะกดลงไปจนต้นกล้าต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!”
“อย่าทำให้พี่โกรธ” ร่างสูงยังคงกดไปที่แผลเพื่อเป็นการเตือนอีกครั้ง แรงกดมีมากกว่าเดิมถูกส่งมาย้ำจนรู้สึกเจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา
“ปล่อยผม ขอร้อง...ผมเจ็บ”
“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ
ร่างสูงผละมือออกจากใบหน้าของคนร่างเล็ก เลือดที่ติดอยู่กับนิ้วถูกยกขึ้นไปเลียเหมือนกำลังกินของหวานที่แสนอร่อย จนต้นกล้าต้องเบือนหน้าหนี ร่างสูงหันไปหยิบเข็มขัดที่อยู่บนหัวเตียง ยกยิ้มที่ใบหน้าอีกครั้งส่อแววเจตนาไม่ดีจนต้นกล้าหวาดระแวง ดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาจ้องมองร่างสูงตรงหน้า
“ปล่อย! หยุดนะ”
“ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บนะ อยู่เฉยๆ ดีกว่า”
เข็มขัดเส้นหนาถูกพันไปที่ข้อมือของคนตัวเล็กทันที ต้นกล้าดิ้นสู้และขัดขืนอีกครั้ง สมองอื้ออึงไร้การสั่งการได้ยินแต่เสียงร้องขอของตัวเองและเสียงหัวเราะของร่างสูงเท่านั้น ต้นกล้าหมดทางหนีจึงร้องไห้ออกมาอย่างอดสูแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่าย
“ฮือ ฮึก”
“จุ๊ๆ อย่าร้อง ยิ่งร้องพี่ยิ่งชอบ เดี๋ยวพี่จะยิ่งเผลอทำรุนแรงกับต้นกล้า...เข้าใจนะ”
คำพูดที่แสนจะธรรมดาน้ำเสียงราบเรียบปกติ แต่เหมือนเป็นคำเตือน ต้นกล้าเม้มปากแน่นสนิท ไม่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดกำลัง แม้อยากจะเช็ดน้ำตาที่ไหลก็ทำไม่ได้ หมดโอกาสหนีไม่สามารถหลุดพ้นจากตนตรงหน้าได้
ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจที่ร่างบางเชื่อฟัง ใบหน้าขาวที่แดงก่ำเพราะแรงที่ตบและพยายามระงับอารมณ์ที่มีหลากหลาย โกรธ เกลียด กลัว
รอยยิ้มที่น่ากลัวถูกส่งมาให้ร่างบางอีกครั้งก่อนที่จะใช้มือที่ว่างค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นรูปร่างที่เล็กและผิวที่ขาวเนียนไปทั่วตัว ดวงตาแพรวพราวจ้องมองด้วยความต้องการลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างที่ขาวผ่อง ลิ้นอุ่นๆ ถูกส่งไปอยู่บนยอดอก กวัดลิ้นไปทั่วทั้งสองข้าง ปากดูดเม้มที่ ยอดอกอย่างกระหาย ร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจพยายามดิ้นหนีสัมผัสของร่างสูง
“อย่า!”
สองขาเล็กยกขึ้นเพื่อจะถีบคนตรงหน้าแต่มือแกร่งก็จับขาทั้งสองข้างไว้และแหวกออกจนกว้าง เสื้อตัวโปร่งที่ถูกแกะกระดุมจนสุดทำให้เห็นท่อนขาเปลือยที่ไร้สิ่งปกปิด เหลือบมองไปที่แก่นกายของต้นกล้าที่ดูน่ารักจนอดใจไม่ไหวอยากเข้าไปขบกัดให้สมใจอยาก
ร่างสูงแลบลิ้นเลยริมฝีปากตัวเอง แล้วจับไปที่แก่นกายของคนตัวเล็กจากนั้นก็ก้มหน้าลงต่ำอย่างช้าๆ ใบหน้าขาวเริ่มซีดดวงตาที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาถูกส่งมายังร่างสูงเพื่ออ้อนวอนร้องขอคนตรงหน้าเพื่อหวังให้เห็นใจ
“อย่าทำผม! ขอร้อง...ปล่อยผมเถอะนะ”
ชายหนุ่มหยุดการกระทำหันมามองคนร่างเล็กที่นอนร้องไห้เพราะความตกใจและกลัว ตัวสั่นเหมือนลูกนกที่ไร้ปีกไม่สามารถบินได้ ถูกพันธนาการจากอีกคนจนไม่สามารถขยับร่างกาย
“ว้า ดูเหมือนต้นกล้าจะไม่ยอมพี่ง่ายๆ สงสัยพี่คงต้อง...”
“...”
“เขาเรียกว่าอะไรนะ อ้อ ใช้กำลัง...ข่มขืน”