ตอนที่1 เมี๊ยวๆหอม(รีไร)
จังหวัดตาก หน้าบ้านทรงไทยหลังใหญ่ บริเวณรอบบ้านล้อมไปด้วยรั้วปูน ปรากฏหญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสามส่วนสีกรมท่า ใบหน้าเรียวรูปไข่ เธอสวมแว่นตาทรงโต ทรงผมยาวรัดไว้เป็นหางม้าและกำลังยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่ที่หน้าบ้านทำด้วยประตูรั้วเหล็กรวดลายดอกไม้สวยงาม
“ป้าโฉม!! ป้าโฉม!!”
คนอยู่ในบ้านได้ยินก็รีบเดินออกมาเปิดประตูให้ พอเห็นว่าใครมาก็แย้มยิ้ม ดีใจใบหน้าชื่นหมื่น
" อ้าว หนึ่งแล้วพ่อไม่มาด้วยหรือ มายังไงเนี้ยะ ห๊ะ มา ขึ้นบ้านก่อน
"นางเผยรอยยิ้มให้หลานสาว คนตัวเล็กก็เดินตามนางขึ้นบันไดไปติดๆ
" เพื่อนมาส่งค่ะ พ่อไม่มาหรอกค่ะ ขายของอยู่ในตลาด แกบอกวันนี้ที่วัดคนเยอะ ขายดี "
" เจ้าชัยนี่ยังไง ปล่อยให้ลูกสาวมาคนเดียว ป้าต้องต่อว่าหน่อยแล้ว ว่าแต่มาอยู่กี่วันล่ะลูก "
"สามวันค่ะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่หนึ่งหยุดเกินมาสองวัน แล้วนี่ลุงกรไม่อยู่เหรอคะ"
" ไม่อยู่จ้ะ เข้าเมืองไปทำธุระเรื่องที่ดิน กินอะไรมาหรือยัง " นางพินิจมองหลานสาวด้วยแววตาชื่นชม
"หนึ่งกะมากินที่นี่เต็มที่เลยค่ะ จะหอบน้ำหนักกลับกรุงเทพสักโลสองโล"
" โอ้ย!!คงอ้วนหรอกเรานะ ตัวเท่าขี้ตา ไม่ใช่พยาธิเต็มท้องล่ะ กินอะไรเข้าไปก็ไม่อ้วนสักที "
" หนึ่งก็ถ่ายอยู่นะคะ แต่ว่าไม่เห็นมีพยาธิออกมาเลย "
" ดูพูดเข้า พูดซะป้าเห็นภาพ เลิกพูดได้แล้ว ป้าจะทำอะไรให้กิน พูดถึงของเสีย เดี๋ยวก็กินไม่ลงกันพอดี ไปลูก "
" หนึ่งไปช่วยค่ะ " คนตัวเล็กรีบเดินตามไปติดๆเพื่อช่วยป้าทำอาหารในครัว
โฉมเป็นคนจังหวัดตาก อายุสี่สิบเอ็ดมีน้องชายชื่อโชคชัยอายุสี่สิบ สถานะทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย โฉมจึงออกจากบ้านเกิดไปหางานทำที่กรุงเทพตั้งแต่อายุสิบห้า เป็นเด็กรับใช้ให้กับนายฝรั่ง จนได้เจอกรก็แต่งงานกันมีชีวิตที่ดีขึ้น โฉมจึงกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเอง ส่วนชัยน้องชาย ก็ใช้ชีวิตแบบสมถะ ปัจจุบันโฉมร่ำรวยมีเงินมากพอยื่นให้น้องชาย แต่ชัยไม่เคยรับ เขาทำมาหากินด้วยลำแข้งของตัวเองส่วนเมียชัยอายุสี่สิบ ก็เลิกลาไปแต่งงานใหม่ หนึ่งเลยใช้ชีวิตสองบ้าน ใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในกรุงเทพฯ ปิดเทอมหรือวันหยุดยาวจะกลับบ้านเกิด
หลังจากเข้าครัวไปได้ไม่นานนัก อาหารการกินที่ช่วยกันทำก็เสร็จเรียบร้อย คนตัวเล็กจึงขอตัวป้ากลับบ้านพร้อมกับอาหารที่ช่วยกันทำแพ็คใส่กล่องไปให้พ่อของเธอด้วย โดยมีคนของบ้านโฉมขับรถไปส่งจนถึงอาคารพานิชย์สามชั้นในตลาด ร้านขายของชำโชคชัย
" พ่อ! หนึ่งกลับมาแล้ว มีของมาฝากด้วยนะ ป้าโฉมให้เอามาฝาก "
" ไปรบกวนป้าอีกแล้ว ทำไมไม่นอนที่บ้านป้าเลยล่ะ หนึ่งกลับมาทำไม " ชัยค้อนให้ลูกสาว พอกลับมาจากกรุงเทพฯถึงตากก็ตรงดิ่งไปบ้านป้าแทนที่จะมาหาแก
" โอ้ งอนๆๆ อายุเยอะแล้วนะพ่อ ทำเหมือนเด็กเลย ยังไงหนึ่งก็รักพ่อที่สุดในโลกอยู่แล้ว " ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นสุกใสส่งสายตาปิ้งๆให้บิดา
" ถ้างั้นก็เตรียมตั้งโต๊ะเลยสิวะ พ่อหิวพอดี "
" หนึ่งเตรียมให้พ่อ พ่อกินตามสบายนะ เดี๋ยวหนึ่งขายของให้เองหนึ่งกินมาแล้วอิ่มแปร้เลย " เธอรีบเดินเข้าไปในครัวจัดเตรียมอาหารให้บิดาวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวมานั่งตรงเก้าอี้ พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ เล่นเกมแก้เบื่อ ไม่นานก็มีคนมาซื้อของ
" อ้าว !!พี่หนึ่ง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ " ไอ้ป๋องเด็กชายวัยสิบห้า อดีตลูกสมุนของหนึ่ง ตอนที่เธอยังไม่ได้ย้ายเข้าไปเรียนต่อมัธยมในกรุงเทพร้องทักอย่างแปลกใจ เพราะไม่ใช่วันหยุดทำไมลูกพี่ถึงได้อยู่ที่นี่ได้
" โรงเรียนประกาศหยุด ว่าแต่เอาอะไร "
" ไข่ยี่สิบน้ำแข็งถุง "
" อ่ะ ยี่สิบเจ็ดบาท ขอบใจนะ ที่มาอุดหนุนพ่อพี่ตลอด " คนตัวเล็กยื่นของให้ไอ้ป๋อง
"แน่อยู่แล้วพี่ ว่าแต่พี่เหอะ ผมเป็นอดีตลูกสมุนที่เคารพรักพี่นะเนี้ยะ ขอบอกอะไรหน่อยได้มั้ย เห็นมากี่รอบกี่รอบก็ขัดตา "
" อะไรว่ะ" มือเล็กขยับแว่น เลิกคิ้วขึ้นสูงอยากรู้ว่าอดีตลูกสมุนจะพูดอะไร
" พี่ไปอยู่กรุงเทพฯยังไง ทำไมพี่ไม่สวยขึ้นเลยอ่ะ แล้วจะมีหนุ่มๆมาจีบเหรอพี่ "
" อะ ไอ้ป๋อง ของครบแล้วรีบกลับเลย ไอ้นี้ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ " เธอเสียงดังใส่จนไอ้ป๋องหนีเปิง หนึ่งโมโหก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ก้นยังไม่ทันถึงพื้น เพื่อนสาวบ้านฝั่งตรงข้ามขาเม้าท์รีบวิ่งแจ้นข้ามฝั่งมานั่งหน้าสลอนอยู่ตรงใบหน้าเรียวเล็ก พร้อมกับไอแพตในมือเหมือนมีข้อมูลบางอย่างเอามาให้ดู
" หนึ่ง !! กรี๊ด!!! นี่ๆมาดูนี่ แอดมินภายใต้ชื่อหล่อเลือกได้ อัพรูปแล้วหนึ่ง นี่ๆทายาทนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ดีกรีนักเรียนนอก ฉันขอบอกเลยนะตรงนี้ หล่อมากม๊าก รูปร่างนายแบบ รอยยิ้มพิมพ์ใจทะลุทะลวงตับไตใส้พุงจนแหลกเหลว อร้าย! อร๊ายหนึ่ง " เพื่อนสาวอธิบายให้หนึ่งฟังอย่างถี่ถ้วน นิ้วมือใหญ่จิ้มบนรูปโปรไฟล์ ชวนดูใหญ่ไลค์รัวๆ
"เป็นไรมากป่ะเนี้ยะศักดิ์ กรี๊ดดังจนแสบแก้วหูไปหมดแล้ว"
" ก็ดูซิเนี้ยะ ผู้ชายหล่อ ฉันก็อุส่าห์เอามาเม้าท์ เผื่อเค้าเดินมาแถวนี้ไงจะได้ไม่ตกข่าว" เพื่อนสาวบอกอย่างมาดมั่น
" จ้ะ คนระดับนั้น เขาไม่มาเดินเฉียดแถวนี้หรอก เพราะฉะนั้นตากหมดสิทธิ์ "
" ก็ไม่แน่นะยะ คุณมายด์ซันอาจจะมาเดินเจอฉันเจอแกก็ได้ แล้วแกเป็นอะไรทำหน้าเซ็งๆ"
" ก็ไอ้ป๋องน่ะสิ ศักดิ์ดูหน้าฉันหน่อยแบบนี้พอจะไปวัดไปว่าได้มั้ยศักดิ์ เมื่อกี้ไอ้ป๋องพูดซะฉันเสียสูญเลย " หนึ่งยื่นหน้าให้เพื่อนสาววิเคราะห์แบบใกล้ชิด ศักดิ์ชะงักงัน หน้าขึ้นสีเลือดแล้วถอยห่าง
" อ่ะ อะ ไอ้ป๋องมันพูดถูก นี่แกไปอยู่กรุงเทพฯหรือแกไปทำการเกษตร ผิวพรรณหยาบกร้าน แต่โอเคขาวอยู่ หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่มาก แต่ทำน้ำมันพรายได้ จะหาแฟนได้มั้ย หาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันดูแลแกเอง" ศักดิ์จีบปากจีบคอขณะที่ใจรู้สึกหวิวๆ
"ขอบใจนะศักดิ์สุดสวย สวยที่สุด เวลากลับกรุงเทพฯมาเรียกฉันด้วยนะ ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันกลับเองเหมือนรอบที่แล้ว"
" เออ ฉันไม่ทิ้งแกไว้หลอกน่า ฉันเคยทิ้งแกเหรอถ้าไม่จำเป็น "
โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เสียงกริ่งดังบอกเวลาพักเที่ยง บรรดานักเรียนต่างพากันลุกฮือรีบวิ่งออกจากห้องไปที่โรงอาหาร จะมีก็แต่ณรงศักดิ์กับดวงหฤทัย ไม่เดินไปที่โรงอาหารแต่ดันไปนั่งอยู่ที่โต๊ะหินใต้ต้นไม้สวนหย่อมของโรงเรียน เพื่อนรักทั้งสองคนหยิบกล่องข้าวที่ทำมาจากบ้านออกมานั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยไม่แคร์สายตาของเพื่อนนักเรียนที่มองมาด้วยแววตาประหลาด แก๊งไฮโซลูกคุณหนูพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่พากันเออออห่อหมกว่าตามหัวหน้าแก๊งอย่างคุณหนูสุจิตรา
" นี่ พวกแกดูใต้ต้นไม้ ณรงศักดิ์ กับยัยดวงหฤัยเด็กบ้านนอก "
"ทำไมเหรอ เห็นออกบ่อยชอบกินข้าวกล่องประจำทำมาเอง มีอะไรแปลกไปหรือไง ถึงเรียกให้ดู " ยุถามสุจิตรา
" ก็ยัยดวงหฤทัยหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่เห็นหรือไงตาเซ่อจริงๆ "
" ไหนๆดูดิยี่ห้ออะไร หลุยส์วิกซองหรือเปล่า " พรีมทำทีเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด ชะเง้อมองกระเป๋า
" ไม่เห็นบอกยี่ห้อเลย ไม่เห็นแม้กระทั่งป้าย " ยุมองไปที่กระเป๋าอีกครั้ง
" ก็นั่นไง แบนเนม ไม่มียี่ห้อ แบน อ่ะ แบน ฮ่าๆ คริๆ "สุจิตราอธิบายให้เพื่อนๆฟัง
" แบนเนมจริงๆด้วย แล้วอยากจะมาเรียนที่นี่ ที่นี่มีแต่กระเป๋าหลุยส์นะจ้ะ ฮ่าๆๆ ไปเถอะพวกเรา เสียสายลูกตา" ยุว่าเสริม สุจิตราเชิดหน้าเดินนำเพื่อนๆ
ณรงศักดิ์ได้ยินเสียงซุบซิบนินทารีบลุกขึ้นยืน กราดด่าไม่ห่วงท่าทีที่เคยเรียบร้อย พยายามที่จะเป็นกุลสตรีที่สุด
" กูล่ะเบื่อ ทำไมไม่เหาะ มึงเดินบนดินเหมือนกูทำไมเนี่ยะ!!"
" ไม่เอาน่าศักดิ์ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ มีปากก็พูดไปเรื่อย กินข้าวต่อดีกว่า "
" หนึ่ง แกมีความรู้สึกหรือเปล่าเนี้ยะ!! ฉันถามหน่อยสิ หน้านิ่งตลอด ใครว่าแกไม่โกรธเลยหรือไง "
" ถ้าไม่ลามมาถึงครอบครัว ฉันโอเค กินเหอะ มาคิดดีกว่าพรุ่งนี้กินอะไรดี นั่งลง ยืนเป็นนางแบบอยู่ได้ "เธอดึงแขนเพื่อนสนิท
" ที่บ้านขายชาด้วยเปล่าเนี้ยะแก" มือใหญ่ปัดผมรองทรง สะบัดหน้า
เสียงกริ่งดังบอกเวลาเข้าเรียนภาคบ่าย ดวงหฤทัยกับเพื่อนสาวพากันเข้าไปเรียนตามปกติอย่างตั้งอกตั้งใจเรียนเพราะเป็นเทอมสุดท้ายที่จะชี้ชะตาเข้าเรียนต่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย กระทั่งได้เวลาเลิกเรียน คนตัวเล็กก็รีบกลับบ้าน เธอเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ผู้คนหลายวัยยืนรอรถเมล์เช่นเดียวกันไม่นาน ร่างบอบบางก็ได้ขึ้นรถ จนกระทั่งรถเมล์จอดที่ป้าย เธอก็เดินเข้าไปในตรอกซอยเล็กๆในย่านชุมชนแสงตะวัน อาคารบ้านไม้สองชั้นสีขาวเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ที่ถูกปลูกของผู้อยู่อาศัย หนึ่งยกมือไหว้แม่และพ่อเลี้ยงเมื่อกลับมาถึงบ้าน
" กลับมาแล้วค่ะ "
" เออ มาก็ดีแล้ว กลับไปตากพ่อได้ให้ค่าเลี้ยงดูมาหรือเปล่า” คุณแม่ยังสวยเอ่ยถามเป็นประจำเวลากลับมาจากบ้านเกิด
" ให้มาค่ะ หนึ่งเอาไปเข้าบัญชีแล้ว ว่าแต่แม่ถามทำไมคะ พ่อก็ให้มาทุกครั้ง "
" แล้วป้าแกล่ะ ให้มาหรือเปล่า รวยจนล้นฟ้าไม่แบ่งมาให้หลานใช้เลยหรือไง "
" แม่ แค่นี้ก็เกรงใจป้าจะแย่แล้ว ที่เราอยู่เนี้ยะ ป้าก็ซื้อที่ดินปลูกให้ ขาดเหลืออะไรป้าก็ส่งให้ ถ้าพ่อรู้โดนด่าเละ "
" อะไรว่ะ ก็ในเมื่อพ่อแกไม่มีปัญญาส่ง ป้าแกก็ต้องส่ง ไม่งั้นจะได้เรียนโรงเรียนเอกชนหรูๆที่มีแต่บรรดาคุณหนูมาเรียนเหรอว่ะ ฉันว่าแกน่าจะตักตวงเงินจากป้าแกให้มากๆดีกว่าถ้าเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหมดไม่ใช่น้อยเลยนะ" พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบเสริมเมื่อเห็นลูกเลี้ยงกลับมาถึง
" ถ้าหนูรู้ว่าแม่จะแต่งงานใหม่ หนูไม่มาดีกว่า " คนตัวเล็กรีบเดินขึ้นบ้านทันที
" ดูมัน นับวันยิ่งปีกกล้าขาแข็ง อุตส่าห์แนะนำดีๆ " พิศมัยวัยสี่สิบแม่ของหนึ่งบ่นอุบ
พิศมัยแต่งงานใหม่ได้สามีเด็กกว่าห้าปี ชื่อเทิด หลังจากที่นางแยกทางกับชัย ก็หอบลูกมาอยู่กรุงเทพตั้งแต่หกขวบ เพราะตอนนั้นทางครอบครัวของชัยก็ไม่ได้ร่ำรวย พิศมัยไม่อาจทนกัดก้อนเกลือกินได้ จนลูกสาวอายุได้สิบสาม นางเลยตัดสินใจมีสามีใหม่ เพราะคิดว่าเทิดร่ำรวยน่าจะเลี้ยงดูนางกับลูกได้อย่างสบาย แต่ในทางกลับกัน อะไรที่คิดไว้มันกลับไม่ได้อย่างที่คิด เพราะเทิดกลับไม่ได้ร่ำรวยแค่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แต่ความรักทำให้พิศมัยทนอยู่ด้วยมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างว่าช่วงเวลาดีๆมีแค่ช่วงโปรโมชั่น หลังจากนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรมที่สร้างกันมา
~ตื้ด~ เสียงโทรศัพท์ดัง ร่างเล็กรีบวางปากกาผละจากการบ้านรับโทรศัพท์อย่างว่องไว
[ ฮัลโหล เทสๆๆ 1 2 3 ]
“ตลกล่ะศักดิ์ มีอะไรถึงได้โทรมา”
[นี่ๆฉันมีข่าวดีจะบอกละหนึ่ง ไอ้บุ๋มมันจะกลับไทยแล้วนะ พ่อแม่มันย้ายกลับ อาทิตย์หน้า ]
“เฮ้ย จริงดิ แกโกหก”
[จะบ้าเหรอ ฉันจะไปโกหกแกทำไม มันส่งข่าวมาในไลน์ แกเปิดดูมั่งสิ มันบอกว่าไงรู้มั้ย มันจะพาพวกเราไปเลี้ยงฉลองที่มันกลับมาที่ผับพ่อมัน ]
“จริงเหรอ แต่ว่า เข้าได้เหรอ”
[ โอ้ย!!ได้สิ มันเป็นผับเรสเตอรองท์ แกเชื่อฉัน ป่านนี้ไอ้บุ๋มมันคงหล่อขึ้นเนาะ]
“ศักดิ์ฉันดีใจ อยากเห็นหน้าไอ้บุ๋มตัวเป็นๆใจจะขาดแล้ว แค่นี้ก่อนนะ บาย”
อาทิตย์ต่อมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ หนึ่งกับศักดิ์ก็ไปยืนชเง้อรอตรงทางผู้โดยสารขาเข้า
" กรี๊ดนั่น!!ไงไอ้บุ๋ม " ศักดิ์กรี๊ดลั่น เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา ใบหน้าเรียวใสมองยังไงก็ไม่เหมือนทอมแถมไว้ผมยาวประบ่าท่าทางทะมัดทะแมง
" ศักดิ์ ฉันคิดถึงแก หนึ่ง แกด้วย " บุ๋มอ้ากอดเพื่อนรักทั้งสองคนด้วยความคิดถึง
" อ้าว แล้วพ่อกับแม่แกล่ะบุ๋ม "หนึ่งถามด้วยความสงสัย
" กลับมาก่อนแล้ว ขอบใจที่มารับถึงสนามบิน ไปเถอะ "
เพื่อนรักทั้งสามพากันขึ้นรถคันหรู ที่มารับบุ๋ม คนขับรถรีบขับออกจากสนามบินทันที ตลอดระยะทางบนท้องถนนสามสหายเพื่อนรักคุยกันโม้เม้าท์ลั่นรถ
" นี่ คืนนี้นะ ฉันจะขับรถไปรับ แต่งตัวสวยๆนะ ผับเรสเตอรองท์ของพ่อฉันเปิดใหม่ในโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะ พวกเราต้องไปเจิม "
" มันจะดีเหรอบุ๋ม เกิดพ่อบุ๋มจับได้ ตายแน่เลย " หนึ่งท้วงเพื่อน
" เราก็อยู่ในส่วนของเราสิ แค่ใช้สถานที่กับบรรยากาศ พ่อฉันไม่รู้หรอก วันๆทำแต่งาน "บุ๋มรีบบอกเพื่อนรัก
" ไปเถอะหนึ่ง ไอ้บุ๋มกลับมาทั้งที เราต้องฉลองจริงมั้ยบุ๋ม”ศักดิ์หันไปกอดบุ๋มหอมแก้มเพื่อนฟอดใหญ่ จนหนึ่งแอบคิดในใจช่างเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ศักดิ์จัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อมากคนนึง รูปร่างสูงโปรง กล้ามเนื้อชายชาตรีเด่นชัด แต่พลาดตรงนิสัยดันอยากเป็นหญิง ส่วนบุ๋มสวยน่ารักแต่ดันอยากเป็นชาย
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น