ไป๋อวี่ขยับเข้าไปกุมมือจูอี้หลงไว้ ...ผมไปดูแม่หน่อยนะ ...เขากระซิบก่อนสาวเท้าออกจากห้องไป จูอี้หลงกระแอมเบาๆเหมือนทำอะไรไม่ถูก เขาค้อมศรีษะให้คนสกุลไป๋ที่ยืนตาเบิกโพลงตัวแข็งกันไปหมด แล้วหมุนตัวเดินจากมา
คุณนายไป๋เดินมาถึงเชิงบันไดขึ้นชั้นบนก็ทรุดฮวบลงร้องไห้ ไป๋อวี่รีบเข้าไปกอดแม่ จูอี้หลงที่เพิ่งเดินพ้นประตูมาจังงันไปแล้ว ไป๋อวี่เพิ่งจะเข้าใจ ที่แม่คอยบอกเขาว่า อย่าแตะต้องเผิงกวนอิงนั้น ไม่ใช่เพราะว่าแม่ไม่เชื่อว่าจูอี้หลงกับเผิงกวนอิงมีความสัมพันธ์มากกว่าการเป็นเพื่อน แต่เป็นเพราะว่าแม่เชื่อต่างหาก เชื่อ แล้วก็กลัว กลัวว่าจูอี้หลงจะหันหลัง ทิ้งลูกชายของเธอไป หากเขาไปแตะต้องส่วนที่เปราะบางในใจของจูอี้หลงเข้า
"คุณเห็นไหม เรื่องของเผิงเหล่าซือแม้แต่แม่อาอวี่ยังคิดอย่างนั้น รู้สึกอย่างนั้น แล้วคุณคิดว่าอาอวี่จะคิดยังไง.... คนนอกยังเจ็บปวดอย่างนี้ แล้วคุณว่าอาอวี่จะเจ็บปวดขนาดไหน" ไป๋เทียนจ้าวหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับจูอี้หลง จูอี้หลงเหมือนยืนไม่มั่น เขาเซไปเล็กน้อยก่อนจะตรึงเท้าลงกับพื้นแน่นขึ้น ริมฝีปากเป็นเส้นตรง
"ถ้าคุณรักลูกผม คุณก็ถอยห่างออกมาจากเพื่อนของคุณคนนั้นได้แล้ว"
"กวนอิงจะไปไต้หวัน..." จูอี้หลงพูดขึ้นมาลอยๆ แต่น้ำเสียงฟังดูแข็งๆ
"ไปที่ไหน แล้วเป็นยังไง... ถ้าใจคุณตามเขาไปด้วย.."
"ผม... เปล่า... ไม่ได้..." ...เป็นอย่างนั้นสักหน่อย... เสียงปฏิเสธที่ยิ่งมายิ่งห้วน เพราะคนพูดรู้สึกเหมือนโดนกล่าวหา
"พิสูจน์สิ ว่าคุณไม่ได้คิดอะไรจริงๆ.... " ไป๋เทียนจ้าวชี้นิ้ว เสียงเขาดังขึ้น ในใจเดือดปุดๆที่เห็นเมียตัวเองร้องไห้ เพราะความโลเลของไอ้หนุ่มตรงหน้า
"อย่าเอาแต่พูดว่าไม่มีอะไร ทำสิ ทำให้เห็นว่าคุณไม่มีอะไรในใจคุณจริงๆ"
"ผมยอมทิ้งที่บ้านเพื่อเหล่าไป๋ .... คุณจะให้ผมพิสูจน์อะไรอีก" จูอี้หลงเสียงเย็นเยียบ
"ผมไม่เคยแน่ใจและมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมากเท่านี้มาก่อน" เขาจ้องหน้าไป๋เทียนจ้าวก่อนจะเลื่อนสายตามาที่คุณนายไป๋ จ้องเธออยู่อึดใจ ก่อนจะตระหวัดสายตามาจ้องไป๋อวี่
"ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่กวนอิง แต่มันอยู่ที่นาย ถ้านายยังไม่มั่นใจ นายก็ถอยออกไปเสีย" จบคำพูดเขาก็หมุนตัวเดินแยกไปทางด้านหน้า ทุกก้าว ย่างอย่างมั่นคงจนพ้นประตูหน้าที่เปิดไว้กว้างทั้งสองบานออกไป
ทุกคนรวมทั้งสมาชิกสกุลไป๋ที่เดินตามเข้ามาในห้องโถงต่างอึ้ง งงงันไปหมด ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณนายไป๋ควบคุมความโกรธของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าแขก อีกส่วนหนึ่งก็เพราะคำพูดตรงๆและน้ำเสียงที่ฟังดูถือดีของจูอี้หลงที่ใช้กับคนที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยในวงการบันเทิง
ไป๋อวี่ได้สติ เขาลุกพรวดจากพื้นพุ่งตัวตามจูอี้หลงออกไป
"เกอ หลงเกอ.." ไป๋อวี่วิ่งตาม โน้มตัวคว้าจับมือจูอี้หลงจากทางด้านหลัง
"ผมมั่นใจ ผมมั่นใจ ถามเผิงเกอก็ได้ ถามเผิงเกอ..." เขารั้งจูอี้หลงให้หมุนตัวเข้ามาในอ้อมกอด สองแขนโอบรัดคนไว้แน่น แนบหัวและแก้มเข้ากับใบหน้าของคนในวงแขน
"ผมรักเกอ แล้วผมก็รู้ว่าเกอรักผม ผมรู้.... " .. ไป๋อวี่รั้งร่างที่พยายามถอยออกไปไว้
"รู้แล้ว" จูอี้หลงถอนใจเบาๆ พยายามแกะมือไป๋อวี่ออก
"ไม่มีเวลาแล้ว... เดี๋ยวเกอตกเครื่อง" จูอี้หลงอธิบาย เสียงอ่อนโยนลง
"ไม่ ไม่โกรธผมนะ" ไป๋อวี่ยอมคลายอ้อมแขน เขาถอยออกไปมองหน้าจูอี้หลงชัดๆ
"นั่นต้องมาคุยกันอีกที" จูอี้หลงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นห้วนขึ้นก่อนจะหมุนตัวเดินลงบันไดหินอ่อนตรงไปที่รถที่จอดรออยู่
.....
.....
"โดราเอม่อน?" จูอี้หลงเอ่ยเรียกหาตุ๊กตาที่หลินชิงหูซื้อใส่รถไว้ขำขำ
"อ๊ะ อยู่ อยู่" หลินชิงหูตอบ รีบยื่นมือไปทางด้านหลัง สไตลิสต์สาวรีบคว้าตุ๊กตาโดราเอม่อนตัวสูงกว่าหกสิบเซนต์จากที่นั่งข้างๆเธอ ส่งมันพรวดมาข้างหน้า หลินชิงหูคว้าจับตรงแขนตุ๊กตาแล้ววางมันลงตรงทางเดินข้างเก้าอี้ของจูอี้หลง ซึ่งเขาก็หันมาอุ้มมันขึ้นไปกอดทันที ฝังหน้าลงบนตัวตุ๊กตา
ถ้าไป๋อวี่ไม่หวาดระแวง....ไม่สิ.. ถ้าตัวเขาเองยังเก็บความลับเรื่องความรู้สึกที่แท้จริงของกวนอิงไว้ได้...ต่างหาก ถ้ากวนอิงไม่รู้ว่าเขารู้... กวนอิงก็ไม่ต้องหนีไปที่ไหนแล้ว... ขอโทษนะเสี่ยวไป๋ ... ไม่ใช่ความผิดของนาย แต่เป็นความผิดของเกอเองต่างหาก ที่กวนอิงจะไป ไม่ใช่เพราะนาย แต่เป็นเพราะเกอ... แต่เกอพูดไม่ได้.... จูอี้หลงเอียงแก้มซบลงบนตุ๊กตา นัยน์ตามองออกไปนอกรถที่กำลังแล่นตรงไปยังสนามบิน .... มะรืนก็จะได้พักบ้างแล้ว... อดทนอีกนิด
จูอี้หลงสลัดความคิดทั้งหมดออกจากสมอง ทำใจให้ว่างเปล่า หลับตานึกถึงงานที่รออยู่ เขานิ่งอยู่ชั่วครู่ แล้วเงยหน้า ส่งตุ๊กตาคืนมาด้านหลัง ...ขอผมดูสคริปต์อีกทีได้ไหม ...เขาเอ่ยกับจูไฉ่หง ...
...
"เผิงเกอ เผิงเกอ" ไป๋อวี่รีบโทรหาเผิงกวนอิงอีกครั้งทันทีที่เขาเข้ามาในห้องนอน เขาอยู่ปลอบคุณนายไป๋จนเธอหายโกรธ จู่ๆก็คิดจะดื่มน้ำชาสะใภ้แบบไม่บอกใครล่วงหน้า ที่จริงเขาเองต่างหากที่น่าจะเป็นคนโกรธ...
"อะไร?" เผิงกวนอิงกรอกเสียงตอบมา ฟังดูเหนื่อยๆ
"เกอไม่ได้บอกหลงเกอเหรอว่าเกอจะไม่ไปไต้หวันแล้ว" ไป๋อวี่ไม่สนใจจะทักทายอะไรก่อน เขาพยายามโทรหาเผิงกวนอิงสองสามครั้งติดๆกันแล้ว แต่เขาไม่รับสาย คงกำลังทำงานอยู่
"ใครว่าฉันจะไม่ไป"
"อ้าว เกอจะอยู่ช่วยผมไง ผม ผม ผมไม่ได้ว่าอะไรเกอแล้วนี่...." ไป๋อวี่เสียงดังขึ้น
"แค่จะอยู่ถ่ายละครเรื่องนี้ให้จบ"* เผิงกวนอิงพูดตอบเร็วๆ เร่งฝีเท้าตามสตาฟของกองถ่ายที่แต่งตัวเหมือนนักแสดงประกอบคนอื่นๆ เขาจะมาช่วยกำหนดจุดให้เผิงกวนอิงยืน
"ห๊า เกอจะไปไต้หวันอีกทำไม" ไป๋อวี่ตกใจแล้ว
"รับปากไจ๋เกอไว้แล้ว นายจะให้ฉันผิดคำพูดเรอะ" คำตอบของเผิงกวนอิงทำให้ไป๋อวี่ระบายลมหายใจออกอย่างโล่งใจ
"เรื่องมากนัก ฉันจะโอนสัญชาติเป็นคนไต้หวันเลยดีมั้ย หา?"
"แล้วกัน อย่าโกรธสิเกอ"
"นายรู้ไหมว่าไต้หวันผ่านกฏหมายให้คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้แล้ว..."
"แล้ว?"
"ถ้านายทำตัวไม่ดี ฉันจะโอนสัญชาติ"
"อ้าว?"
"ฉันจะจดทะเบียนกับหลงเกอของนาย..." เผิงกวนอิงลดเสียงลง ชำเลืองมองสตาฟที่เดินห่างออกไปด้านข้างพลางฟังคำสั่งของผู้กำกับจากทางวิทยุรับส่ง
"ไอ้ ไอ้ พี่เวร ไอ้ ...." ไป๋อวี่บริภาษใส่โทรศัพท์ ทั้งๆที่รู้ว่าเผิงกวนอิงกำลังยั่วเขาเล่น
"แล้วจะคุยให้... จะบอกอาหลงให้ว่านายกับฉันไม่ได้มีเรื่องผิดใจอะไรกัน..." เผิงกวนอิงหยุดเดิน เขาพยักหน้าให้สตาฟแล้วยืนในตำแหน่งที่สตาฟชี้ให้
"บอกหลงเกอด้วย ว่าผมรักและเคารพเผิงเกอมากๆ..."
"เออ" เผิงกวนอิงรับปากห้วนๆ
"จะเริ่มเดินกล้องแล้ว เกอวางหูนะ" เขากดปิดโทรศัพท์ยัดมันเข้ากระเป๋าหลังก่อนจะฟังสตาฟอธิบายว่าเขาจะต้องวิ่งไปทางไหน ทิศทางการวิ่งจะต้องแม่นยำ เพราะหลายๆจุดได้วางเอฟเฟคระเบิดไว้ เผิงกวนอิงมองดูกล้องที่อยู่บนเครนสูงไกลออกไปเพื่อเตรียมถ่ายภาพในมุมกว้าง เขาเรียกสมาธิกลับมาที่งาน...
"อย่าลืมนะครับ ตรงรถลากนั่น คุณต้องวิ่งผ่านแบบเฉียด อย่าให้ห่างมาก ไม่ต้องกังวลนะครับ จะจุดระเบิดตอนคุณวิ่งเลยมาแล้วประมาณสองเมตร" ...เผิงกวนอิงพยักหน้ารับ สตาฟกรอกเสียงบอกโอเคลงวิทยุรับส่งที่ถือไว้ ก่อนวิ่งไปนอนคว่ำลงบนพื้นถนน ทับวิทยุและธงสัญญาณไว้ข้างใต้ ทำตัวเป็นเหมือนศพคนตาย
...
...
จูอี้หลงเปิดประตูเข้าห้องพัก ก้มหน้างุดอย่างคนหมดแรง แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวจนผงะไปชนประตูทางด้านหลังเสียงดังทึบหนักๆ
ไป๋อวี่ยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้า เขาใส่ผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้สีแดงที่จูอี้หลงไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงทุบประตูทำให้จูอี้หลงต้องถอนสายตา หันมาเปิดประตู หลินชิงหูที่เมื่อครู่เดินมาส่งจูอี้หลงถึงหน้าห้องพัก ยืนทำสีหน้าตกใจอยู่ เขาคงจะได้ยินเสียงกระแทกที่ประตูจึงรั้งฝีเท้าหันกลับมาเคาะประตู
"ไม่มีอะไร..." จูอี้หลงบอก ไป๋อวี่โผล่หน้าที่เปิดยิ้มกว้างมาตรงเหนือไหล่จูอี้หลง ทำให้หลินชิงหูถอนหายใจโล่งอก
"พักผ่อนให้สบายนะครับ... " เขาบอก ค้อมหัวสวัสดีแล้วหมุนตัวเดินจากมา ในหัวนึกเห็นภาพแบบที่เขาเคยเห็นในหนัง ที่นางเอกกระโจนเข้ากอดและจูบพระเอกจนเขาเซผงะมาชนบานประตูทางด้านหลัง .... ยังดีที่หลินชิงหูไม่เห็นผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้....
"เกอจะอาบน้ำก่อนหรือจะกินข้าวก่อน" ไป๋อวี่ถาม โอบเอวจูอี้หลงไว้จากทางด้านข้างแล้วใช้คางที่มีเคราสากๆเกลี่ยแก้มจูอี้หลงเล่น จูอี้หลงเบี่ยงหน้าหนี
"อาบน้ำ"
"ได้เลย ...เดี๋ยวผมจะจัดสำรับอาหารร้อนๆไว้รอ" ...จูอี้หลงมองด้วยสายตาหวาดระแวง
"ไม่ต้องกลัวหรอก ผมหิ้วกับข้าวมาจากครัวที่บ้าน แค่มาอุ่นให้ร้อน" ไป๋อวี่รีบออกตัว จูอี้หลงถอนหายใจโล่งอก นึกว่ามันจะกินไม่ได้จนเขาต้องลงมือทำอะไรง่ายๆมากินอีก
ข้าวมื้อเย็นผ่านไปอย่างเงียบๆ จูอี้หลงทานได้เรื่อยๆ พอข้าวหมดชามไป๋อวี่ก็ตักเติมให้ เมื่อก่อนตอนช่วงที่ถ่ายทำเจิ้นหุนอยู่ จูอี้หลงจะเป็นฝ่ายคอยดูว่าเขากินได้หรือเปล่า คีบอาหารใส่ในชามของเขาเงียบๆ ไม่เอ่ยปากอะไร แต่ระยะหลังมานี้ กลับเป็นไป๋อวี่ที่คอยคีบอาหารให้จูอี้หลง แล้วเขาก็กินอาหารที่ไป๋อวี่คีบให้อย่างเงียบๆ ไม่เคยขอบคุณหรือแสดงอาการซาบซึ้งอะไร
ไป๋อวี่หัวเราะชอบใจในลำคอ เนื้อตัวยังขยับไปมาอย่างอารมณ์ดี รู้สึกเหมือนเห็นภาพทับซ้อนของพ่อและแม่ของเขาเอง ยามที่ทั้งสองคนนั่งกินข้าวด้วยกัน ทั้งโต๊ะมีแต่ความเงียบ แต่ความรักความเข้าใจกลับเอ่อท้นล้มท่วมโต๊ะกินข้าวไปหมด
จูอี้หลงเหลือบตามองผ้ากันเปื้อนที่ไป๋อวี่ไม่ได้ถอดออก ไป๋อวี่ก้มหน้าลงมองตามก็นึกขึ้นได้
"อ๊ะ ลืมปลดผ้ากันเปื้อน" เขาขยับตัวจะลุกขึ้นถอดผ้ากันเปื้อนออก
"สวยดี" จูอี้หลงบอก
"หยิบจากที่บ้านมา ของใหม่นะ เดี๋ยวผมจะทิ้งไว้นี่เลย" ไป๋อวี่พยายามจะแกะแถบผ้าที่ผูกไว้ด้านหลัง
"ถ้าใส่แต่ผ้ากันเปื้อนคงจะน่ารักดี"
"หา?" ไป๋อวี่ชะงัก จูอี้หลงยังพุ้ยข้าวเข้าปาก ไม่ได้มองมาทางเขา
"ใส่แต่ผ้ากันเปื้อนสิ" เขาว่า เอื้อมมือไปคีบผักเอาส่งเข้าปาก
"หา?"
"ไหนบอกว่าถ้าเกอยอมไปที่บ้าน จะให้ทำอะไรก็ได้ไง" จูอี้หลงหันหน้ามาทวงสัญญา
....
....
เอ่อ ... จะดีเหรอ ... เกอ