แอปเปิ้ลในมือเหลือแค่แกนแล้ว โนอึลยืนกลุ้มใจอยู่เงียบๆ และจัดการแอปเปิ้ลหมดในชั่วพริบตา เขาคิดอย่างจริงจังมากๆ ว่าถ้าหากไม่ออกไปซื้อเองจากข้างนอก อย่างน้อยก็ลงไปรับที่ชั้นหนึ่งแล้วเอาขึ้นมาก็ได้
“ใช่แล้ว ถ้าไปรับที่ชั้นหนึ่ง คงไม่เป็นไรหรอก”
ถ้าลงไปรับจากประตูใหญ่ชั้นหนึ่ง คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าเขาอยู่ห้องไหน แม้จะมีแค่ชั้นละห้องก็ตาม แต่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าเขาอยู่ชั้นนั้น โนอึลพยายามคิดในแง่บวกพร้อมกับมองรอบๆ หาโทรศัพท์มือถือ
เขาใช้ชีวิตแบบเกือบจะลืมโทรศัพท์มือถือไปแล้วเพราะไม่มีใครติดต่อมาเลย โนอึลปาแอปเปิ้ลในมือลงถังขยะใส่เศษอาหารก่อนจะเดินไปที่เตียง เพราะโทรศัพท์วางอยู่อย่างเรียบร้อยบนชั้นข้างเตียง ภาวนาให้ไก่ทอดแบรนด์ที่อยากกินอยู่ใกล้ๆ ด้วยเถอะ พลางหยิบโทรศัพมือถือขึ้นมาเชื่อต่ออินเตอร์เน็ต เขาไม่คิดถึงขั้นว่าต้องโหลดแอพฯ เดลิเวอร์รี่เพื่อสั่งอาหาร โนอึลเลื่อนผ่านข่าวคนดังสักคนคบกับใครอีกคนแล้วพิมพ์ชื่อแบรนด์ไก่ทอดที่สั่งมากินบ่อยๆ ลงในช่องค้นหา ทว่าโทรศัพท์มือถือราคาแพงกลับไม่สามารถทำตามราคาแพงๆ ของมันได้อย่างที่ควรจะเป็น เพราะหน้าเพจโหลดช้ามากๆ แต่สุดท้ายเมื่อหน้าเพจเริ่มปรากฎขึ้น หน้าจอโทรศัพท์ก็เปลี่ยนไป
“อ๋า”
คังจินฮึน
แทนที่ด้วยตัวอักษรสามตัวของชื่อที่คาดไม่ถึง โนอึลมองหน้าจออย่างว่าเปล่าเพราะเป็นสายเรียกเข้าที่เขาไม่ได้ตั้งตัวก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหล”
-บอกให้รับโทรศัพท์ทันที ฉันจะได้ไม่ต้องรอไง
มีความรำคาญเล็กน้อยแฝงอยู่ในน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานาน โนอึลจึงพยักหน้าและตอบกลับไปว่า ‘ครับ’ สั้นๆ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าก็ตาม
-ลงมา เดี๋ยวนี้เลย
คงจะต้องกินไก่คราวหน้าแล้วล่ะ โนอึลยักไหล่เมื่อถูตัดสาย จากนั้นก็ยัดเท้าลงไปในรองเท้าผ้าใบที่วางอยู่หน้าประตูบ้านและเดินออกจากบ้านไป
ความกลุ้มใจว่าจะกินไก่ทอดยังไงดีตลอดเวลาที่กินแอปเปิ้ลกลายเป็นเรื่องไร้สาระทันทีเมื่อจินฮึนปรากฏตัว โนอึลเศร้ากับความคิดเกี่ยวกับไก่เวลามันถูกทอดใหม่ๆ ในหัวตลอดเวลาขณะอยู่ในลิฟต์ที่มุ่งไปยังชั้นใต้ดินอย่างรวดเร็ว บรรดาความฟุ่มเฟือยเล็กๆ และเพลิดเพลินทุกๆ ครั้งที่ได้รับเงินเดือนก็จะมีไก่เป็นหนึ่งในนั้น แต่เขาเศร้าจริงๆ เพราะแม้แต่เรื่องนั้นก็ยังทำได้ยาก
รถยนต์แปลกตาจอดอยู่ในที่ประจำของรถยนต์ที่มักจะจอดรอเขาอยู่ชั้นใต้ดินเสมอ โนอึลสำรวจรอบๆ รถยนต์สีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่สักพัก ก่อนจะเปิดประตูหลังพร้อมครุ่นคิดว่าถ้าหากไม่ใช่รถคันนี้ จะทำยังไงดีนะ ทว่าเมื่อเปิดประตูก็พบว่าอีกด้านก็จินฮึนที่สวมชุดสีดำพอๆ กับสีรถยนต์คนนี้นั่งอยู่ โนอึลจึงปิดประตูและเข้าไปนั่งอย่างระมัดระวัง
“สวัสดีครับ”
แต่ก็ไม่ได้เจอกันนานอยู่ดี โนอึลสังเกตว่ารถยนต์ออกตัวทันทีที่ประตูถูกปิด จากนั้นก็เอ่ยทักทายจินฮึน ซึ่งอีกฝ่ายก็โบกมือให้โดยไม่ตอบอะไร ก่อนจะแตะลงบนหน้าจอโทรศัพท์ในมืออย่างรวดเร็ว น่าจะกำลังส่งข้อความอยู่ โนอึลประสานมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่นและมองวิวนอกหน้าต่างที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โนอึลอยากจะถามว่าจะไปไหน ทำไมถึงพาเขาไป ทว่าก็กังวลว่าตัวเองสามารถถามได้หรือเปล่านะ ก็เลยรอให้ถึงจุดหมายอย่างเงียบๆ ส่วนจินฮึนก็ขยี้หัวด้วยความรำคาญใจกับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา
“ไม่ใช่ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะเกิดความผิดพลาดในการผลิตครับ ครับ มันจะถูกใช้ในซีซันหน้า ถึงพี่จะไม่รู้ แต่พวกเรารวมกับดีเอส อิเลคโทรนิกส์แล้วนะครับ นอกเหนือจากนั้นก็มีเซซองด้วย พี่ก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าคาบเกี่ยวไปจนถึงเอสดีแล้ว มันก็เลี่ยงไม่ได้”
เหอะ ไอ้โง่เอ๊ย การพึมพำเบาๆ แฝงด้วยความอึดอัดดังออกมาจากปากจินฮึน จนโนอึลละสายตาจากวิวด้านนอกหน้าต่างเพราะคำด่าที่กระทบหู เหมือนอีกฝ่ายจะคุยโทรศัพท์กับจินฮยอนอยู่เพราะได้ยินคำว่า ‘พี่’
“พวกเรามีตารางงานสปอนเซอร์ละครไงครับ ละครเรื่องนั้นที่บอกไปก่อนหน้านี้ ครับ”
จินฮึนเอนศีรษะไปด้านหลังคล้ายไม่สามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้ และเมื่อเอียงไปด้านข้างก็มีเสียงน่ากลัวจากการคลายตัวของกระดูก โนอึลมองท่าทางอดกลั้นขณะใช้มือคลำตรงประตูรถของคนข้างตัว จากนั้นผนังสีดำกั้นระหว่างที่นั่งคนขับกับเบาะด้านหลังก็เลื่อนขึ้นมาข้าๆ เขามองมันด้วยสายตาตกใจเล็กน้อยเพราะมันเคยเห็นแค่ในหนังเท่านั้น
“ผมไม่รู้ว่าทำไมรถของแทอุงถึงไม่ได้รับเลือก ผมดูแลแค่ในส่วนอิเลคโทรนิกส์นะ อึนจินก็บอกว่าหลุดจากสปอนเซอร์เหมือนกัน ครับ ถ้าเราไม่ทำ เซซองก็อาจจะทำครับ ครับ”
จินฮึนใช้คำพูดสุภาพตามประสาคนทำงานงานกับครอบครัว โนอึลเบนสายตาจากอีกฝ่ายกลับมามองวิวนอกหน้าต่างอีกครั้ง พอดูแบบนี้แล้ว มันก็ค่อนข้างดึกพอสมควร กว่าเขาจะตื่นก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว กว่าจะลุกขึ้น เหม่อลอย อาบน้ำอาบท่า แล้วก็เปิดหนังสืออ่านหนังสือไปได้ครึ่งเล่ม ตอนนี้โนอึลเลยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อเช็กเวลาที่ถูกต้อง เลยสามทุ่มไปนิดหน่อยอย่างที่คิด จากนั้นก็ยัดโทรศัพท์เก็บตามเดิมพลางเหลือบมองจินฮึนต้องทำงานจนถึงเวลานี้
“ไปพูดกับท่านประธานสิครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องรถหรอก”
เขามองเห็นเนคไทด์ผ้าไหมสีดำกับสูทสีกรมท่าด้วยแสงจากไฟทางที่รถเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว ทว่าเน็กไทด์นั่นก็หายไปจากสายตาโดยไม่ทันได้รู้ตัว โนอึลทำตาโตมองเนคไทด์ที่หายไปก่อนจินฮึนจะปลดกระดุมเสื้อออก จะถอดตอนนี้เลยเหรอ เขาสำรวจรอบๆ ตัวอีกฝ่ายด้วยตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะมองเห็นเน็กไทด์ถูกโยนลงไปบนพื้น โนอึลเลยก้มหยิบเนคไทด์คุณภาพดีบนพื้นขึ้นมาด้วยตัวเองแม้จินฮึนจะไม่ได้สั่ง เขาลูบลวดลายโพดำเล็กๆ บนเน็กไทด์ ไม่สิ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นลายโพดำหรือสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดกันแน่ ระหว่างใช้มือคลำลายที่มองเห็นได้ไม่ชัดและคาดเดารูปร่างของมัน คางของเขาก็ถูกอีกฝ่ายจับในทันที
“ไม่รู้สิครับ ผู้กำกับคนนั้นเดิมพันกับการจัดองค์ประกอบภาพ เพราะไม่เก่งเรื่องธุรกิจเท่าไหร่น่ะครับ”
จินฮึนหลับตาลง โนอึลรู้สึกได้ว่าความรำคาญในน้ำเสียงของอีกฝ่ายลดลงเล็กน้อย ก่อนจะกลั้นหายใจเมื่อถูกลูบไล้คางช้าๆ คล้ายสัมผัสจากคนมองไม่เห็น มันค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาทีละนิดจนเขาหลับตาลงอัตโนมัติ ไล้จากคางไปที่แก้มเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ลูบปลายจมูก ไปยังแผขนตาที่แผ่ออกราวกับกลีบดอกไม้และกอบกุมแก้มจนเต็มมือข้างหนึ่ง
โนอึลเอียงเข้าหามือจินฮึนตามสัญชาตญาณโดยไม่รู้ตัว เขาอ่อนเปลี้ยเพราะไอร้อนจางๆ จากมือใหญ่กุมแก้มที่เย็นเพราะลมจากแอร์ในรถยนต์ น่าแปลกที่เขารู้สึกว่ามันอ่อนโยนอยู่แวบหนึ่งจึงเอียงแก้มเข้าหามากขึ้นราวกับละลายเพราะความร้อนที่สัมผัสผ่านความเย็น มือใหญ่ไม่ได้ปิดแค่แก้ม แต่ยังปิดกุมไปถึงคางและดวงตาของเขาด้วย
“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องแฟชั่นหรอกครับ แต่ผมกำหนดพรีเซนเตอร์ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว”
เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ โนอึลอ้าปากช้าๆ เมื่อความหนาแทรกเข้ามาระหว่างริมฝีปากที่ปิดอยู่ขณะได้ยินคำพูดอย่างเลือนราง นิ้วชี้กับนิ้วกลางของจินฮึนเข้ามาในโพรงปากเล็กที่เปียกชุ่มข โนอึลจมอยู่กับความอ่อนเปลี้ยได้แต่กะพริบตากับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามา จินฮึนกางนิ้วออกและจับลิ้นโนอึลเอาไว้ ก่อนจะเกาและลูบมันจนหน้าของโนอึลร้อนผ่าวจนเป็นสีแดง เขาไม่เข้าใจความหมายจากนิ้วมือนั้นจริงๆ
“เรียกว่ามีเสน่ห์ดึงและดูดคนก็ได้นะครับ”
เสียงที่ถามว่านั่นมันคำพูดหยาบคายอะไรน่ะ ทะลุออกมาจากโทรศัพท์เบาๆ โนอึลตัวแข็งไปพักหนึ่งกับน้ำเสียงที่คุ้นเคย ก่อนจะดูดนิ้วที่สอดเข้ามา ใช้ลิ้นเลียและอมเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ ถามว่าดูดแรงแค่ไหนก็ฟังจากเสียงจ๊วบจ๊าบที่ได้ยินนั่นแหละ โนอึลกังวลจะทำเรื่องไม่สมควรเพราะเสียงที่ออกมามันฟังดูหยาบคายจริงๆ
“พี่ครับ วันนี้เป็นวันศุกร์นะ ผมจะคุยเรื่องงานแค่นี้นะครับ”
วันนี้เป็นวันศุกร์สินะ... โนอึลคิดขณะจับนิ้วของจินฮึนในปากตัวเองและพ่นน้ำลายเหนียวๆ ออกมา พร้อมกับดูดนิ้วนั้นอีกรอบ เขาไปแค่โรงพยาบาลกับฟิตเนสซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่มีการติดต่ออะไรเข้ามาเลยจนลืมวันลืมคืนไปหมด ดังนั้นดวงตาที่ปิดอยู่ของโนอึลจึงสั่นเล็กน้อยกับเสียงของจินฮึนที่จู่ๆ ก็อ่อนโยนลง เขาใช้คอมมอนเซนส์เดาว่าผ่านไปสิบวันแล้วจากประโยคว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ จากนั้นก็กลับไปจดจ่อกับนิ้วมืออีกครั้ง เหมือนกับสิ่งที่ได้รับการสอนมา
“ได้ยินว่าหลานๆ ที่น่ารักของผมไปญี่ปุ่น ไปเที่ยวกับพี่สะใภ้หลังจากไม่ได้ไปมานานเนี่ย เป็นยังไงบ้างครับ”
โนอึลดูดเลียอย่างตั้งใจจนน้ำลายไหลย้อยลงมาตามนิ้วของจินฮึน เพราะนิ้วมือไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนกับส่วนนั้น เขาก็เลยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายพอใจหรือว่าตัวเองทำได้ดีไหม ดังนั้นโนอึลจึงถามว่า ‘โอเคไหมครับ’ เมื่อจินฮึนสอดนิ้วเข้ามาลึกขึ้นอีกหน่อย
การคุยโทรศัพท์ของอีกฝ่ายยาวนานกว่าที่คิด รวมถึงใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่คิดด้วย มันเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงานและเป็นคืนวันศุกร์ซึ่งวันถัดไปเป็นวันพักผ่อนด้วย จินฮึนอ้างถึงวันศุกร์เพราะอยากวางสาย แต่สุดท้ายจินฮยอนที่มีด้านดื้อรั้นนิดหน่อยก็พูดเรื่องงานออกมาอีกจนได้
จินฮึนหยิบกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็หยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้และจุดไฟ แต่มันใช้เวลามากกว่าปกตินิดหน่อยเพราะมืออีกข้างสอดอยู่ในปากโนอึล และเมื่อได้ยินเสียงซิปโปกระทบกันเบาๆ โนอึลจึงหยุดลิ้นแล้วมองจินฮึนหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ขณะคุยโทรศัพท์ ตามด้วยการพ่นควันออกมายาวๆ
‘เป็นแบบนี้เพราะหงุดหงิดแน่ๆ’
โนอึลจมอยู่ในความคิดไร้สาระก่อนจะคาบบุหรี่ผสมกัญชาที่จินฮึนยื่นให้
“เวรจริงๆ ดึงอารมณ์ผมให้ต่ำติดดินได้เนี่ย เป็นความสามารถพิเศษเลยนะ”
ถึงจะบางเบา แต่มันผสมกัญชาอย่างแน่นอน ดังนั้นโนอึลจึงช้อนสายตาพร่ามันเพราะฤทธิ์ยาขึ้นมาสบตากับจินฮึนที่กำลังลูบหัวเขาอยู่
“เพราะพี่ ผมเลยอารมณ์เสียโคตรๆ”
จากนั้นการโทรศัพท์ที่เรียกว่ายาวก็ยาวจึงจบลงหลังคำพูดว่าไว้คุยกันใหม่วันจันทร์เถอะจากทางนี้ จินฮึนลูบผมยาวเล็กน้อยของโนอึลด้วยมือที่แฝงด้วยความใส่ใจพอสมควรขณะขบฟันไปด้วย แม้จะน่าแปลก แต่อีกฝ่ายก็กำลังหัวเราะอยู่จริงๆ ดังนั้นโนอึลก็เลยสงสัยว่าจินฮึนอารมณ์ไม่ดีอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า
ด้วยนิสัยนิ่งๆ กับไม่ค่อยใส่ใจกับอะไรของตัวเองแล้ว โนอึลเลยไม่ค่อยรู้จักคนอื่นเท่าไหร่ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกเท่าไหร่กับการไม่แสดงความรำคาญหรือความโกรธออกจากปาก ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนอื่นๆ เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และความสัมพันธ์ทั้งหมดของเขาก็ถูกสะสางภายในห้านาทีด้วยคำสั่งที่บอกให้จัดการทุกอย่างรอบตัวซะ
“ก็นะ ถึงจะเป็นเวลาสั้น แต่พวกเราก็ได้สูบกัญชาผิดกฎหมายเพราะคังจินฮยอนเลยนะ”
โนอึลที่ปิดปากเงียบสูบกัญชาอยู่นั้นพยักหน้าเบาๆ กับคำพูดของจินฮึนและตอบกลับไปว่า “ครับ”
จินฮึนเช็ดนิ้วที่ถูกโนอึลกัดและดูดเข้ากับผ้าเช็ดหน้าสีเทาที่ถูกพับไว้อย่างดี จากนั้นบุหรี่ที่เขาคาบอยู่ก็ถูกย้ายไปที่ปากเจ้าของตัวจริงขณะเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่ระเป๋าตามเดิม จินฮึนส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจราวกับกำลังวิเคราะห์รสชาติอาหารอร่อย ส่วนโนอึลก็กะพริบตาอย่างช้าๆ เขารู้สึกถึงควันกัญชาบนผิวและดวงตาของตัวเอง ถึงมันจะผิดกฎหมาย แต่เขาก็หลงไหลเอาเสียมากๆ
“สวย”
และความลุ่มหลงอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงก็ผสมเข้ากับความหลงใหลนั้น
“อื้ม ถูกใจฉันจริงๆ ให้ตายเถอะ”
โนอึลได้ยินเสียงจินฮึนขาดๆ หายๆ ไม่ชัดเจนด้วยควันกัญชาที่ฟุ้งกระจายราวกับความฝัน ชายหนุ่มคงจะชอบคางเขามากเพราะจินฮึนจับมันอีกแล้ว โนอึลเข้าใจความหมายของสีหน้าที่ยิ้มอย่างเสียววาบจนน่ากลัวขึ้นอีกนิด เขากลั้นหายใจเพราะสายตาที่แสดงออกว่าถูกใจมากๆ กำลังโลมเลียใบหน้าของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
จินฮึนบี้ก้นบุหรี่ลงบนนาฬิกาข้อมือเหมือนติดเป็นนิสัยก่อนจะโยนมันออกนอกหน้าต่างรถยนต์ จากนั้นก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วจับคางโนอึลหันไปหันมาเพื่อสำรวจ
“โอเค หน้าใสแบบนี้ดีแล้ว รักษามันเอาไว้อย่างนี้นะ”
“ครับ? อ๋อ ครับ”
“ส่วนน้ำหนักตัว ถ้าได้เช็กก็คงจะรู้”
เหมือนอารมณ์จะดีขึ้นเพราะกัญชาจริงๆ โนอึลหน้าแดงเพราะกลัวจะถูกจับได้ว่าน้ำหนักตัวลดลงไปอีก มีอะไรที่อีกฝ่ายไม่รู้บ้างไหมนะ จินฮึนลูบแก้มบางที่แดงขึ้นเล็กน้อย ถึงจะยังมีรอยแผลบางๆ เหลืออยู่ แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ลงไป”
ถึงแม้จะสูบกัญชาเหมือนกัน แต่จินฮึนกลับไม่เป็นอะไรเลยต่างจากโนอึลที่มึนนิดหน่อยทั้งที่สูบเข้าไปเพียงแค่อึกเดียว อีกฝ่ายก้มหน้าราวกับจูบพลางลูบแก้มของโนอึลก่อนจะลงจากรถไป หลังรู้สึกเหมือนจะถูกจูบเข้าจริงๆ เพราะใบหน้าที่เข้ามาใกล้ โนอึลก็รีบก้าวลงจากรถอย่างรีบเร่งเพราะคำสั่งที่ได้ยินขณะหลับตาจนเหมือนหน้าจะระเบิดด้วยความเขินอาย โนอึลกุมแก้มร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟเผาของตัวเองเอาไว้ แต่ก็ต้องละมือออกจากแก้มเพราะจินฮึนโอบไหล่เขาเหมือนทุกๆ ที
“ไปเช็กดูกันว่าน้ำหนักลดลงไปแค่ไหน”
โนอึลเดินไปข้างหน้าด้วยแรงนำจากมือของจินฮึน เขามองเห็นร้านหรูประดับชื่อของสินค้นแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงตั้งเรียงรายอยู่ในสายตา