“อันนี้ ผู้อำนวยการให้คุณใช้นะครับ”
ถึงจะกังวลว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องอะไรให้เขาประหลาดใจอีก ทว่าหัวหน้าทีมควอนก็ยื่นกล่องใบเล็กๆ ที่มีชื่อแบรนด์คุ้นเคยระบุไว้มาให้โดยไม่ทันคาดคิด โนอึลรู้ว่ามันคืออะไร เพราะเคยเห็นบ่อยๆ ในอินเตอร์เน็ตและทางโทรทัศน์
“ถ้าทุกๆ อย่างรอบตัวคุณโนอึลได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว คนที่รู้เบอร์นี้มีแค่ผมกับผู้อำนวยการนะครับ”
“ครับ”
โนอึลเปิดกล่องที่คนตรงหน้ายื่นให้อย่างระมัดระวัง มันเป็นโทรศัพท์มือถือที่กำลังขายดีในช่วงนี้เครื่องหนึ่งที่มีราคาแพงกว่าโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์ของแทอุง อิเล็คโทรนิกส์ ซึ่งสำหรับเขาแล้วมันถือเป็นภาระ แม้จะผ่อนส่งถึงยี่สิบสี่เดือนก็ตาม
“อ่า...”
โนอึลหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกล่องแล้วสำรวจหน้าจอที่ชาร์ตแบตเอาไว้แล้วเรียบร้อย ถึงโทรศัพท์ที่เขาใช้อยู่ตอนนี้กับโทรศัพท์เครื่องนี้จะผลิตจากบริษัทเดียวกัน แต่มันกลับให้ความรู้สึกไม่คุ้ยเคยด้วยความหรูหราจากตัวเครื่อง
“เนื่องจากมีเบอร์ส่วนตัวของผู้อำนวยการอยู่ ดังนั้นรบกวนช่วยระมัดระวัง อย่าทำหายนะครับ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
เขาไม่ตกใจอีกต่อไปแล้ว โนอึลตอบรับคำพูดของหัวหน้าทีมควอนพร้อมกับวางโทรศัพท์ในมือลงบนโต๊ะอีกครั้ง สถานการณ์ตอนนี้มันเหนือกว่าที่จิตนาการเอาไว้เสียอีก
หลังจากส่งโทรศัพท์มือถือให้แล้ว หัวหน้าทีมควอนก็เริ่มถามตั้งแต่ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นไหม รวมถึงพูดอย่างเรียบเฉยเกี่ยวกับบ้านหลังนี้อีกสองสามข้อ ซึ่งโนอึลก็ตอบรับว่า ครับ ครับ เหมือนเครื่องจักรกับคำพูดของชายหนุ่ม ทว่าเมื่อจับปากกาหมึกซึมที่อีกฝ่ายยื่นให้เพื่อเซ็นชื่อ มือเขากลับไม่ยอมขยับ โนอึลลังเลกับความจริงน่าเหลือเชื่อ และถึงจะน่าขำ แต่ช่วงเวลาที่เซ็นชื่อตัวเองลงไป เขาก็รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ เหมือนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังอยู่ในบ้านหลังนี้
“จะมีแม่บ้านเข้ามาสามวันครั้งนะครับ ดังนั้นคุณอยู่เฉยๆ ก็พอ ถ้ามีอาหารที่อยากทาน หรือต้องการอะไร ก็บอกแม่บ้านได้เลยนะครับ แล้วเขาจะเตรียมเอาไว้ให้”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
“แล้วก็ถ้าไม่มีเรื่องอะไรพิเศษ อย่าไปรบกวนผู้อำนวยการนะครับ เขาค่อนข้างงานยุ่ง น่าจะหาเวลามาใส่ใจยากครับ”
คล้ายโดนสั่งว่าอย่าทำตัวตามอำเภอใจด้วยคำพูดเพียงคำเดียว โนอึลเลยหัวเราะขณะมองหัวหน้าทีมควอนพูดนั่นพูดนี่ และรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กซนอย่างน่าประหลาด เหมือนเป็นเด็กที่มีพี่ชายอายุห่างกันไม่มากคอยบอกคอยสอนว่า ถ้าไม่อยากให้แม่โมโห ก็ต้องทำตัวดีๆ ถ้าหากเขาเจอพี่ชายที่ต้องแยกกันไป บางทีอาจจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ โนอึลให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะอยู่เงียบๆ พร้อมตอบไปว่าเข้าใจแล้วครับ
“โทรศัพท์มือถือที่คุณใช้อยู่ก่อนหน้านี้ หลังจากหกโมงเย็นจะถูกระงับการใช้งานแล้วนะครับ แล้วก็เดี๋ยวจะมีรถมาจอดรออยู่ที่ชั้นใต้ดิน คุณสามารถใช้รถคนนั้นได้เลยครับ”
“รถเหรอครับ”
“ครับ อ้อ ผู้อำนวยการบอกว่าคุยเรื่องเข้ารับการดูแลผิวแล้วนี่ครับ คุณยังไม่ได้ฟังเหรอครับ”
เขานึกถึงคำพูดของจินฮึนทันที หลังหัวหน้าทีมควอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับจะถามว่า อย่าบอกนะว่าไม่ได้ฟัง โนอึลตอบกลับไปพร้อมกับการถอนหายใจสั้นๆ
“มะ ไม่ใช่ครับ ได้ฟังแล้วครับ”
“โล่งอกไปครับ เขาสั่งว่าให้คุณนั่งรถที่กำลังจอดรออยู่ แล้วก็ฝากมือถือเครื่องก่อนหน้านี้ไว้กับคนขับรถ แล้วจะจัดการที่เหลือให้เองครับ”
โนอึลได้รับแจ้งตารางงานเหมือนเป็นกำหนดการประจำวัน เขาไม่มีคำพูดอะไรไปโต้แย้งเลยตอบไปสั้นๆ ว่าครับแล้วก็เงียบ หัวหน้าทีมควอนจึงมองด้วยสายตาคล้ายเอ็นดู เหมือนเวลามองน้องชายที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำพูด จนคนโดนมองต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้มที่แดงเล็กน้อยเพราะความเคอะเขิน
อีกฝ่ายบอกว่าจะทยอยอธิบายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตโดยรวม แล้วก็เสริมว่าถ้าไม่มีอะไรพิเศษก็ให้อยู่แต่ในบ้านจะดีกว่า โนอึลก็ตอบรับเหมือนอย่างเคย แต่จู่ๆ ก็สงสัยกับคำสั่งก่อนหน้าขึ้นมา ถ้าหากต้องการอะไรก็ให้บอกว่าหัวหน้าทีมควอนหรือแม่บ้าน แต่มันรวมถึงพวกของเล็กๆ น้อยๆ ด้วยไหมนะ เขาจึงสบตากับหัวหน้าทีมควอนแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ผมอาจจะต้องซื้อพวกอัลบั้มเพลง ไม่ก็หนังสือเป็นบางครั้งน่ะครับ อะไรแบบนั้นก็ห้ามด้วยหรือเปล่า”
จะเรียกว่าโชคดีได้หรือเปล่านะ โนอึลเข้ากับคนไม่ค่อยเก่งก็เลยชอบอ่านหนังสือหรือฟังเพลงเงียบๆ คนเดียวมากกว่าเอาเวลาไปคบค้าสมาคมกับคนอื่น เขาชอบซื้อนิตยสารเพื่อดูดวงหรือรับรู้ว่าคนทั่วไปเขาใช้ชีวิตกันยังไงบ้าง หรือไม่ก็ออกไปซื้ออัลบั้มของนักร้องที่ชื่นชอบแล้วเอากลับมาฟัง ซึ่งเหตุผลมันก็ง่ายๆ เนื่องจากการอ่านอีบุ๊คหรือฟังเพลงบนอินเตอร์เน็ตค่อนข้างยากสำหรับเขาแตกต่างกับคนสมัยนี้ โนอึลมักจะไปร้านหนังสือหรือร้านขายซีดีด้วยตัวเองเหมือนมนุษย์ยุคอนาล็อคโดยไม่ได้คิดว่าลำบากอะไร แต่ถ้าหากโดนห้ามทำอะไรแบบนั้นด้วย เขาก็คงรู้สึกทรมานนิดหน่อย
ไม่ให้พบเจอคนรู้จักที่มีอยู่น้อยนิดยังพอทน แต่การพรากงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวในชีวิตไปจากเขา มันก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ถ้าไม่มีตารางงานก็ต้องนั่งดูทีวีทั้งวัน แล้วพวกบรรดารายการทีวีที่สนุกๆ พอฉายซ้ำไปสักวันสองวันมันก็หมดสนุกแล้ว ดังนั้นการนอนอ่านนิตยสารหรือฟังเพลง ก็คือกิจกรรมทั้งหมดของชีวิตเขา แต่ถ้าถูกห้ามทำสิ่งเหล่านั้นด้วยก็คงจะกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงมากสำหรับโนอึล
ใครมาเห็นคงคิดว่ากำลังพูดคุยเรื่องจริงจังกันอยู่ ก่อนหัวหน้าทีมควอนที่นิ่งๆ มาจนถึงตอนนี้จะหัวเราะอย่างไม่มีเสียงกับการถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดพอสมควรของโนอึล
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่สั่งของพวกนั้นผ่านอินเตอร์เน็ตไม่สะดวกกว่าเหรอครับ”
“ผมใช้อินเตอร์เน็ตไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ก็เลย...”
เขาไม่มีประสบการณ์เรื่องการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หรือช้อปปิ้งผ่านทางอินเตอร์เน็ตมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว โนอึลน่ะ อ่านหนังสือในขณะที่คนอื่นๆ เล่นคอมพิวเตอร์ เขาไม่มีความสนใจเกี่ยวกับอะไรพวกนั้นเหมือนผู้เป็นพ่อ ถึงแม้จะอ่านบทละครที่ซีดจางไปแล้วของพ่อมากกว่าการอ่านหนังสือก็ตาม
ซึ่งสมัยนี้การใช้คอมพิวเตอร์ไม่คล่องเป็นเรื่องน่าอาย แต่โนอึลก็คิดเพียงตื้นๆ ว่า งั้นก็ไม่ต้องใช้มันซะเลย เขาเกาแก้มตัวเองอีกครั้งพร้อมกัดปากแน่นเมื่อเห็นสายตาคาดไม่ถึงจากหัวหน้าทีมควอน ถ้าหากต้องใช้บริการเดลิเวอรี่สักครั้ง อาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันทีเดียว ถึงมันจะน่าอายแต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นา เขาใช้ไม่เป็นจริงๆ
“เข้าใจแล้วครับ แต่ผมกังวลว่ามันจะไม่สะดวกถ้าหากคุณมีชื่อเสียงขึ้นมา เวลาถ่ายหนัง ถ่ายละครน่ะครับ”
โนอึลยิ้มน้อยๆ กับคำกังวลจากใจจริงของชายหนุ่ม ก่อนจะส่ายหน้าเพราะคิดว่าไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก
“คงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกครับ... เอ่อ ขอโทษนะครับ แต่ผมขอลองคิดเกี่ยวกับการโอนบ้านมาเป็นชื่อผมอีกสักหน่อยได้ไหมครับ”
“หื้ม? ขอถามได้ไหมครับว่าเพราะอะไร”
ระหว่างการสนทนาที่ผ่านมา โนอึลไม่ได้พูดความคิดเห็นของตัวเองเลย เขาสบตากับอีกฝ่ายแล้วเอ่ยคำที่ติดอยู่ในปากตั้งแต่เมื่อครู่ออกมาอย่างระมัดระวัง
“มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้อาศัยในบ้านกว้างๆ แบบนี้น่ะครับ อันที่จริง... ที่นี่ เหมือนจะมากเกินไปสำหรับผม”
ถึงแม้จะเคยมีความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์ด้วยการมีเซ็กซ์เป็นสินบนอยู่สองสามครั้ง แต่ที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับบ้านมาแบบนี้น่ะ มันเป็นครั้งแรกเลย โนอึลเผยความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมากับหัวหน้าทีมควอน สถานการณ์ปัจจุบันมันน่าหนักใจสำหรับเขามาก ถึงแม้จะถูกจินฮึนโกรธ แต่ความน่าหนักใจนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“ผมจะจัดการเรื่องรอบตัวให้เรียบร้อยตามที่บอกนะครับ แต่ว่าเรื่องบ้านกับโทรศัพท์มือถือ ให้เวลาผมเพิ่มอีกสักหน่อย ก็น่าจะดีครับ”
“อืม... ผมคิดว่าถ้าผู้อำนวยการได้ยิน คงจะไม่ชอบใจมากเลยล่ะครับ”
หลังจากโนอึลมีอะไรกับคนอื่นๆ ในฐานะสปอนเซอร์แล้ว สิ่งที่เขาได้รับมาจนถึงตอนนี้ก็มีแค่ยาเสพติดไม่กี่รอบ หรือไม่ก็เงินสด ดังนั้นก็เลยตะลึงจนพูดไม่ออกกับโทรศัพท์มือถือและบ้าน ขณะฟังว่าตัวเองได้รับของพวกนี้ ก็คิดว่านี่ต้องมาเจอกับเรื่องอะไรกันแน่ พร้อมกับความคิดว่าคงไม่สามารถหนีได้อีกตลอดไป
ยิ่งลองคิดให้ลึกลงไปอีกหน่อย เขาก็ไม่เคยได้ยินว่าความสัมพันธ์นี้จะยาวนานจนถึงเมื่อไหร่จากจินฮึนเลย นอกจากคำพูดว่าคิดแผนการณ์ที่ใช้ได้ออกกับการสั่งไม่กี่ครั้งว่าให้เชื่อฟัง ก็ไม่มีคำพูดอะไรอีกแล้ว
ตอนที่หัวหน้าทีมควอนถ่ายทอดคำพูดของจินฮึนให้ฟัง พูดความจริงนี้กับจินฮึน ใบหน้าของโนอึลก็เต็มไปด้วยความใม่สบายใจและความกังวล เพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขาจะต้องทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ ก็เลยไม่สามารถโต้แย้งได้ในทันทีเนื่องจากแผนการของจินฮึนจะผิดพลาด เพราะจินฮึนที่เขารู้จักน่ะ เกลียดการอะไรก็ตามที่ทำให้แผนการของตัวเองผิดพลาดมากที่สุด เหนือกว่าสิ่งอื่นใด
“ก่อนอื่นผมคงต้องแจ้งความคิดเห็นของคุณโนอึลให้ผู้อำนวยการทราบก่อน เพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาที่ผมสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองครับ จะดีกว่า ถ้าหากผู้อำนวยการจะได้ฟังความคิดเห็นนี้”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ผมคิดว่าตัวเองแจ้งสิ่งที่ผู้อำนวยการสั่งไว้ครบหมดแล้ว อีกเดี๋ยวคุณน่าจะยุ่ง ยังไงผมไปก่อนนะครับ”
คนที่ถือของเข้ามาเต็มมือในตอนแรกลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่ได้ถืออะไรกลับไปเลย โนอึลเองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะถามว่า ผมรบกวนเวลาของคุณหรือเปล่าครับ เพราะอีกฝ่ายมองนาฬิกาข้อมือและทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หน้าของเขาจึงแดงขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด หัวหน้าทีมควอนหยุดเลยอยู่ชะงักพร้อมถอนหายใจเล็กๆ เหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออกระหว่างที่เดินไปทางประตูหน้าบ้าน
“อ้อ เรื่องออกกำลังกาย คุณสามารถใช้ฟิตเนสที่ชั้นหนึ่งได้นะครับ”
“อ๋อ ครับ”
“มีเทรนเนอร์ประจำอยู่ตลอด น่าจะไม่ลำบากอะไรครับ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
กำหนดการต่างๆ ที่เคยจางหายกลับมาอัดแน่นอยู่ในตารางชีวิตประจำวัน โนอึลเหม่อมองอีกฝ่ายเดินออกจากประตูบ้านไป เขาเองก็เริ่มจะคิดแล้วว่ามันแตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างสปอนเซอร์ที่เขาเคยรู้มา เหมือนมันจะแปลกไปสักหน่อย
* * *
“ผู้อำนวยการครับ ผมแจ้งทุกอย่างตามคำสั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อจินฮึนเดินเข้ามาในห้องทำงานทันทีหลังประชุมเสร็จ หัวหน้าทีมควอนก็ลุกจากเก้าอี้ จินฮึนนั่งประจำที่นั่งของตัวเองด้วยสีหน้าติดรำคาญ ก่อนจะหันไปทางคนที่ยืนอยู่ตรงโซฟา เขาแกะกระดุมเสื้อนอกที่กลัดแน่นออกพร้อมกับคลายเน็กไทด์ให้หลวมเล็กน้อย
จากนั้นก็ขยับมือสั้นๆ ให้หัวหน้าทีมควอนเหมือนสั่งให้พูดมา อีกฝ่ายจึงย้ายที่จากโซฟาเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะทำงานของเจ้านาย
“เขาหลับอยู่ ผมก็เลยแจ้งช้าไปนิดหน่อยน่ะครับ”
“หลับนานเหมือนกันนะเนี่ย”
จินฮึนมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังหนึ่งทีแล้วหัวเราะดังหึออกมาคล้ายประหลาดใจ หัวหน้าทีมควอนเองก็หัวเราะเบาๆ กับเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น
“ผู้อำนวยการเองก็ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่นี่ครับ”
“ได้ยินคนพูดอยู่ว่าสีหน้าดีกว่าเมื่อวาน แสดงว่าเมื่อคืนก็น่าจะได้นอนเยอะอยู่”
จินฮึนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าทีมควอน เขากุมใบหน้าเกลี้ยงเกลาของตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเสยผมที่ปรกลงมา เหมือนได้หลับไปนานพอสมควรเลยทีเดียว เพราะถึงขนาดได้ยินคำชมที่ไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่จากพวกพนักงานว่าวันนี้สีหน้าดูดีทีเดียว หัวหน้าทีมควอนก็สำรวจสีหน้าที่สดใสขึ้นเล็กน้อยต่างจากเมื่อวานตามคำพูดของเจ้านายแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ถ้านอนได้แบบนี้ตลอดในเวลาปกติ ก็คงดีนะครับ ผมเองก็คิดว่าสีหน้าของผู้อำนวยการสดใสขึ้นจริงๆ”
จินฮึนละมือลงมาวางบนโต๊ะทำงานแล้วเคาะแผนโปรเจกต์บนโต๊ะด้วยปลายนิ้ว จากนั้นก็มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหมือนตัดสินใจแล้ว
“ฉันไม่ค่อยชอบกินของเหลือจากคนอื่นหรอกนะ”
เขาต้องรับผิดชอบโปรเจกต์ที่ตัวเองไม่อยากทำภายใต้ชื่อของท่านประธานคัง จินฮึนเคาะนิ้วลงบนตัวอักษรสามตัวที่อ่านว่า คังจินฮยอน บนแผนโปรเจกต์ด้วยความรำคาญใจ เขานวดคอที่ตึงเพราะความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นมาเล็กๆ อีกครั้งพลางยกยิ้มมุมปาก
“แต่ฉันว่าคราวนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่”