2. หัวใจกำลังมอดไหม้
โนอึลแช่ตัวลงไปในน้ำอุ่นพอเหมาะปริ่มขึ้นมาจนถึงบริเวณคอ หน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อรู้สึกถึงน้ำกามของจินฮึนที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายไหลลงมาปนกับน้ำในอ่าง และโชคดีที่เขาเขินอายอยู่เพียงคนเดียว เพราะจินฮึนหลับตาลงหลังพูดว่าคิดแผนที่ใช้ได้ออกแล้ว เขาเหม่อมองคนนั่งอยู่ตรงข้ามพลางเคาะแก้มของตัวเองไปด้วยขณะจมอยู่ในความคิด จากนั้นโนอึลจึงหลับตาลงบ้างและคิดว่าตัวเองอาจจะหลับไปเลยก็ได้ เพราะเขาหมดแรงกับเซ็กซ์ที่ไม่ได้มีมานาน รวมถึงเพราะอุณหภูมิน้ำที่โอบล้อมร่างกาย
ถึงจะรู้สึกเพียงครู่ว่าร่างกายที่นอนอยู่ในอ่างอาบน้ำถูกยกขึ้นมา แต่มันก็แค่นั้น ร่างกายเหนื่อยล้ากับเซ็กซ์อย่างกะทันหันและไม่ได้ถูกสอดใส่เกือบสองปีจนจับใจความอะไรไม่ได้เลย โนอึลเขินอายกับความคิดที่ว่าตัวเองกำลังถูกโอบกอดเหมือนตัวเอกในเทพนิยาย จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นสั้นๆ หลังถูกวางเบาๆ บนที่ที่อ่อนนุ่มพร้อมสัมผัสอีกสองสามที โนอึลหัวเราะพร้อมครางอย่างอารมณ์ดี ร่างกายเขาจมลงไปกับความรู้สึกดีนั้นมากกว่าความคิดเรื่องเซ็กซ์กับจินฮึนเสียอีก ก่อนจะหันไปกอดจินฮึนที่นอนอยู่ข้างๆ โดยไม่ขออนุญาต ราวกับกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่วางอยู่บนเตียงในโคชีวอน[1] ของตัวเอง โนอึลฟังเสียงหัวเราะด้วยความเหลือเชื่อของจินฮึนอย่างเหม่อลอยและผล็อยหลับไป
“หัวเราะเป็นเอกลักษณ์เลยนะเนี่ย”
โนอึลอารมณ์ดีมากจากฤทธิ์กัญชาที่ไม่ได้สูบมานาน รวมถึงเซ็กส์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เสียงของจินฮึนที่ผสมระหว่างเสียงถอนหายใจกับเสียงหัวเราะเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา และเขาก็จมสู่ห้วงนิทราในที่สุด
* * *
เขาฝัน ฝันถึงตอนนั้น ตอนเอารถของเล่นมาเล่นตรงลานหน้าบ้านกับความคิดแบบเด็กๆ ว่าตัวเองถูกทิ้งอีกครั้งเนื่องจากการไปเรียนต่อต่างประเทศของจินฮยอน
โนอึลมีความกดดันอย่างไม่รู้ตัวเมื่อถูกแม่ทิ้งหลังจากการหย่าร้างของพ่อกับแม่ ดูเหมือนกับว่าใครๆ ก็ทิ้งเขา ใครๆ ก็จากเขาไป ทำให้เขาในวัยนั้นมักจะเกาะติดคนอื่นโดยไม่รู้ตัว และเพราะด้านแบบนั้นจินฮยอนถึงได้ใจดีกับเขามากจนไม่เหมือนกับคนที่จะจากเขาไปเลย
จากนั้นในช่วงพริบตาเดียว คนที่คาดไม่ถึงอย่างจินฮึนก็เข้ามาในหัวใจอันว่างเปล่าของเขาหลังจากจินฮยอนทิ้งไป
“ทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะ”
“ฮะ?”
รถของเล่นที่โนอึลหยิบมาเล่นเป็นรถของตัวเอกในการ์ตูนที่มีชื่อเสียงเรื่องนึง ซึ่งเป็นของขวัญจากจินฮยอนด้วย ชินอู พ่อของเขาไม่ยอมซื้อให้เพราะบอกว่ามันแพงและไม่มีประโยชน์ ทว่าจินฮยอนกลับซื้อให้อย่างหน้าตาเฉย ดังนั้นโนอึลจึงชอบหยิบมาเล่นและหวงแหนมันมาก เขาเล่นจนถึงช่วงที่มันเลิกฮิต กระทั่งพังจนซ่อมไม่ได้
“อ๋อ อยู่คนเดียวเพราะว่าจินฮยอนไม่อยู่สินะ”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ยอมเรียกจินฮยอนว่าพี่ จินฮึนมักจะเรียกแค่คังจินฮยอนเฉยๆ เสมอ โนอึลเองก็ไม่รู้เหตุผล แต่เขาคิดด้วยความรู้สึกแบบเด็กๆ ว่าอีกฝ่ายก็คงแค่ไม่ชอบเรียกว่าพี่เท่านั้น
โนอึลทำใจสู้กับสายตาที่มองลงมาราวกับว่าตัวเขาช่างต่ำต้อยของจินฮึน และตอบรับออกไปสั้นๆ พร้อมพยักหน้าเบาๆ เขาแหงนหน้ามองจินฮึนที่ปกติจะถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนอย่างความประหลาดใจเพราะนานๆ ทีคนๆ นี้จะมาพูดคุยกับเขาตามลำพัง จินฮึนกอดอกมองโนอึลด้วยสายตานึกสนุก ซึ่งโนอึลก็ห่อไหล่ลงกับสายตานั้น
“ไม่มีคนเล่นด้วยเหรอ”
“ครับ”
คฤหาสน์ชองดัมกว้างใหญ่ แต่กลับไม่มีเด็กเลย ไม่มีทั้งเพื่อนวัยเดียวกันแล้วก็เด็กเล็กๆ ด้วย โนอึลเหลือบมองสายตาเย็นชาของจินฮึนอย่างไม่รู้ตัว ถ้าหากว่าเขาทำผิดขึ้นมาล่ะก็ คงจะทำให้พ่อเดือดร้อนไปด้วย หรือไม่ก็อาจจะถูกโกรธ เขามัวแต่ยุ่งกับการเหลือบมองสายตาคนข้างตัวและกลอกตาไปมา
จินฮึนที่อายุห่างกับเขาแปดปีนั้นวางท่ามากกว่าคนอายุห่างถึงสิบปีอย่างจินฮยอน อีกฝ่ายมักจะยิ้มบางๆ ต่างจากจินฮยอนที่ชอบให้ลูกอมหรือลูบหัวทุกครั้งเวลาเจอกัน ดวงตาสีดำขลับน่ากลัว เหมือนมันกำลังบอกว่าฉันรู้หมดทุกอย่างว่านายคิดอะไรอยู่ โนอึลหรี่ลงคล้ายจะร้องไห้ในไม่ช้าเพราะรอยยิ้มของจินฮึนขณะมองกัน มันน่ากลัวกว่าคุณครูที่โรงเรียนซะอีก
“น่าสงสารจังนะ”
ไม่มีคนให้เล่นด้วย... โนอึลกัดปากแน่นกับคำพูดของจินฮึน
จินฮยอนไปเรียนต่อที่อเมริกาทันทีที่อายุครบยี่สิบ ส่วนโนอึลก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปเรียนต่อต่างประเทศหรืออเมริกาคืออะไร ความสนใจทั้งหมดของเด็กวัยสิบขวบก็มีแค่การได้เล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเชื่อทุกคำพูดจากปากจินฮึน
“ไม่รู้สินะว่าโดนคังจินฮยอนทิ้งแล้ว ถึงได้เอาของเล่นอันนั้นออกมาเล่นน่ะ”
คำว่าโดนทิ้ง เป็นบาดแผลที่ไม่ยอมลบเลือนราวกับเป็นรอยสักสำหรับโนอึล
ตอนพ่อแม่ของโนอึลหย่ากันมันกลายเป็นประเด็นร้อนแรงมาก ดังนั้นพวกป้าๆ ปากสว่างที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเลยพากับพูดว่าเขาเป็นเด็กน่าสงสาร หรือเด็กถูกทิ้งบ่อยๆ โนอึลจึงมีปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไวอย่างไม่รู้ตัวกับคำว่าถูกทิ้ง เขาเงยหน้าที่เคยก้มอยู่ขึ้นเพราะคำพูดของจินฮึนพร้อมกับสบตาอีกฝ่าย
“ทิ้งของเล่นถูกๆ นั่นไปซะ แล้วไปเอาของเล่นอันใหม่มาเล่นดีไหม”
เป็นการดูถูกปนความสงสารเพียงน้อยนิด โนอึลอ้าปากค้างอย่างเหม่อลอยเมื่อจินฮึนก้มลงมามองเขา น่าแปลกกับการถูกแย่งการมองเห็น แต่กลับไม่เห็นความสงสารกับการดูแคลนจากดวงตาสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนเลย ดวงตาสีดำสนิทระยิบระยับกว่าลูกแก้วที่เขาเอาไปเล่นกับพวกเพื่อนๆ เสียอีก
“มีเวลาเหลือเฟือเลยล่ะ ตามมาสิ เดี๋ยวฉันจะซื้อของเล่นดีๆ ให้ ไม่ใช่ของเล่นถูกๆ แบบนั้น”
จินฮึนมักจะเข้ามาลูบคางของโนอึล ต่างจากจินฮยอนที่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน คนตรงหน้าลูบคางมนและจับมันส่ายไปมา จากนั้น...
“ถ้าโตขึ้นล่ะก็ คงใช้การได้เลยแหละ”
ก็พูดคำที่เขาไม่เข้าใจความหมายออกมา
* * *
ดวงตาสองข้างของโนอึลลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ เพราะเสียงดนตรีที่ดังไม่หยุด
โคชีวอนราคาสามแสนวอนต่อเดือนของเขาไม่มีกริ่งประตูอะไรเป็นพิเศษ เพราะไม่มีใครมาหาทั้งนั้น ดังนั้นเวลานอน โนอึลจึงหลับอย่างสบายใจ
เสียงดนตรีคลาสสิกโด่งดังสักเพลงทำให้เขารำคาญขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความงัวเงีย จนในที่สุดโนอึลก็ต้องลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะเหมือนมันจะดังจนกว่าจะตัดไปเอง ดวงตาของเขามองเห็นภาพที่เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต หรี่ตาลงเล็กน้อยกับแสงแดง และขณะนั้นถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนจากเมื่อเห็นแสงจ้าต่างจากโคชีวอนของเขาที่ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่นิดเดียว โนอึลลุกจากที่ที่นอนอยู่อย่างร้อนรนแล้วหันหน้าทางต้นเสียงทำนองจากอิเล็กโทน ก่อนจะรีบวิ่งลงจากเตียงไปเขายกหูวิดีโอโฟนขึ้นมา เพราะเสียงกับภาพหน้าจอบนวิดีโอโฟนที่ติดอยู่บนกำแพงใกล้ๆ ประตูบ้าน
“ขะ ขอโทษครับ พอดีผมหลับอยู่”
“ไม่เป็นไรครับ ขอเข้าไปพบตอนนี้ได้ไหมครับ”
“อ๋อ ได้ครับ”
โนอึลยกหูวีดีโอโฟนขึ้นและพูดคุยตอบรับกับเจ้าของน้ำเสียงไม่คุ้นหู ระหว่างนั้นก็สำรวจรอบๆ ตัวอย่างรวดเร็ว โชคดีที่มีเสื้อผ้าวางอยู่บนลิ้นชักข้างเตียง เขาวางหูลงหลังคำตอบว่าโอเคครับจากอีกฝ่ายนึงของประตู จากนั้นก็กลับมาสวมเสื้อยืดไร้ลวดลายกับกางเกงที่วางเตรียมไว้อย่างรีบร้อนจนไม่ทันนึกว่ามันไม่มีชั้นใน รวมถึงไปอาการเจ็บสะโพก ขณะสวมทุกอย่างเรียบร้อย กริ่งประตูก็ดังขึ้นพอดี โนอึลกังวลกับระบบประตูที่ไม่คุ้นเคยเล็กน้อยก่อนจะกดปุ่มที่ใหญ่ที่สุด และโชคดีที่ประตูที่ปิดอย่างแน่นหนาเปิดออก
“คุณหลับอยู่แท้ๆ ขอโทษนะครับ ที่ผมมาหาอย่างกะทันหัน”
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
เขาเพิ่งเคยเห็นคนๆ นี้เป็นครั้งแรก โนอึลส่ายหน้าพลางตอบกลับเมื่อชายหนุ่มตรงหน้ากล่าวขอโทษแล้วยิ้มให้เขาอย่างใจดี อีกฝ่ายถืออะไรบางอยู่เต็มมือข้างหนึ่ง ซึ่งหลังถอดรองเท้าก็เดินเข้ามาในบ้านเหมือนคุ้นเคยอยู่แล้ว บางทีจินฮึนอาจจะเป็นคนเรียกมาก็ได้ โนอึลเดินตามคนที่ดูคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มากกว่าตัวเขาเอง ชายหนุ่มนั่งลงตรงโต๊ะหน้าโซฟาและโนอึลก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ขอโทษด้วยนะครับที่มาหาโดยไม่ได้ติดต่อมาก่อน”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไรเลยครับ”
อีกฝ่ายใบหน้าที่สุภาพมากๆ จนโนอึลคิดว่านี่สินะ ที่เรียกว่าใบหน้าที่มีความน่าเชื่อถือขณะสบตา เขากะพริบตาเมื่อชายหนุ่มหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและวางมันลงบนโต๊ะ
“ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมคือหัวหน้าทีมควอน ทำงานให้ผู้อำนวยการคังจินฮึนครับ”
หลังจากแนะนำตัวเองอย่างเรียบง่ายแล้ว ก็หยิบเอานามบัตรสะอาดสะอ้านออกมาใบหนึ่งวางมันลงและดันมาทางเขา ซึ่งโนอึลก็หยิบขึ้นมาอ่าน
“ผมมีหน้าที่จัดการพวกงานง่ายๆ หรืองานส่วนตัวของผู้อำนวยการ ดังนั้นถ้าคุณโนอึลต้องการอะไร ก็บอกผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
โนอึลเหม่อมองอีเมลกับเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวบนนามบัตร ก่อนจะเงยหน้ามองหัวหน้าทีมควอนเพราะคำพูดที่บอกว่าเป็นคนจัดการเรื่องส่วนตัวทุกอย่างของจินฮึน โนอึลเลยนึกถึงตอนที่จินฮึนคุยโทรศัพท์กับปลายสายที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าทีมควอนขณะอยู่กับเขาออก จากนั้นก็ตอบว่าครับอย่างสั้นๆ พร้อมกับพยักหน้า หัวหน้าทีมเลยควอนหัวเราะกับท่าทางแบบนั้นของโนอึล
“พวกเรื่องเวลาหรือวันที่ ก็มาพูดกับผมแทน ไม่ต้องพูดกับผู้อำนวยการนะครับ เพราะผมจะจัดการได้เร็วมากกว่า”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
โนอึลให้คำตอบตามที่อีกฝ่ายต้องการ และพยักหน้าอีกครั้งเหมือนกับเป็นนิสัย
“ถ้างั้นผมจะแจ้งข้อความที่ผู้อำนวยการฝากมานะครับ”
หัวหน้าทีมควอนยิ้มและดึงเอกสารในแฟ้มสีใสที่วางอยู่บนโต๊ะออกมา โนอึลหรี่ตาข้างหนึ่งกับกระดาษที่ถูกเลื่อนมาตรงหน้า
“อย่างแรกผู้อำนวยการบอกว่าจะมอบบ้านหลังนี้ให้คุณโนอึลครับ จะเซ็นเอกสารโอนชื่อเลยไหมครับ”
“ว่าไงนะครับ?”
โนอึลกะพริบตาปริบๆ เมื่ออีกฝ่ายหยิบปากกาหมึกซึมมันขลับออกมาจากกระเป๋าแจ็คเก็ตและยื่นมาให้ เขาหันหน้ามองไปรอบๆ บ้านที่น่าจะกว้างใหญ่เกินร้อยหกสิบตารางเมตร เทียบกับโคชีวอนที่เล็กกว่ายี่สิบตารางเมตรแล้ว ก็ถือว่ากว้างเกินไปมาก
“ขอโทษนะครับ แต่ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหมครับ”
ไม่น่าเชื่อเลย โนอึลสติหลุดและถามคนดูดีตรงหน้าซ้ำอย่างไม่รู้ตัว หัวหน้าทีมควอนยิ้มแบบไม่คิดอะไรเหมือนคิดไว้อยู่แล้วจะเป็นแบบนี้แล้วพูดให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง
“ผู้อำนวยการบอกว่าไม่ค่อยมีเวลาไปเจอกันข้างนอก ก็เลยสั่งให้โอนบ้านหลังนี้เป็นชื่อของคุณยูโนอึลครับ แล้วก็สั่งให้จัดการเกี่ยวกับโคชีวอนที่คุณอาศัยอยู่ด้วยครับ”
“อ่า.......”
โนอึลไม่เชื่อจนอ้าปากพะงาบๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักไหล่กับท่าทางแบบนั้น
“เขาบอกให้จัดการทันทีเลยครับ เพราะว่ารู้ว่าคุณไม่ได้วางเงินค่ามัดจำ ก็เลยไม่น่ามีปัญหาใหญ่อะไรน่ะครับ”
น้ำเสียงของหัวหน้าทีมควอนถึงแม้จะผ่านเข้ามาในหู แต่เขาก็จับใจความได้ไม่ครบถ้วน
โนอึลมองปากที่กำลังพูดอะไรต่างๆ ของอีกฝ่ายพลางส่ายหัวเล็กๆ จากนั้นก็จัดการลมหายใจและสติที่หลุดลอย พยายามขยับหัวที่ขยับไม่ได้และคิดตามคำบอกเล่าก่อนจะหรี่ตาทั้งสองข้างลง
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะคุณชาย อะ ไม่สิ ผู้อำนวยการคังเขาไม่ได้บอกอะไรไว้เลย แต่ว่าผมน่ะ...”
โนอึลเกือบจะเรียกจินฮึนว่า ‘คุณชายเล็ก’ เหมือนที่พ่อเรียกออกไปซะแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนมาเรียกว่าผู้อำนวยการคังตามหัวหน้าทีมควอนอย่างรวดเร็ว เขาขยับหัวที่ไม่ค่อยเข้าใจอะไรไปทางโน้นที ทางนี้ที แล้วตอบกลับอีกฝ่ายจนหัวหน้าทีมควอนเบิกตาเล็กน้อยเหมือนตกใจกับคำพูดของโนอึลพร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอสั้นๆ
“ผู้อำนวยน่าจะไม่สามารถพูดอะไรได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าเขายุ่งมากครับ ถึงจะน่าเสียดาย แต่ผมก็ไม่ทราบสถานการณ์โดยละเอียดเหมือนกัน ผมแค่รับลายเซ็นจากคุณโนอึลตามคำสั่งเท่านั้นครับ”
‘ก็ไม่เห็นจะยุ่งขนาดนั้นซักหน่อย’
โนอึลคิดว่าจินฮึนมีเวลาอธิบายกับเขาอย่างเพียงพอเชียวล่ะ ขณะที่พยักหน้าอย่างหมดแรงกับคำอธิบายของหัวหน้าทีมควอน เขาก็ทำได้แค่เชื่อว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ตามคำพูด
“แล้วก็ เกี่ยวกับเรื่องใช้ชีวิตที่นี่ ผู้อำนวยการบอกว่าห้ามให้ใครรู้เลยนะครับ”
โนอึลเงยหน้าจากเอกสารอสังหาริมทรัย์ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ทันที หัวหน้าทีมควอนพูดอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยสีหน้าเปื้อนความเห็นอกเห็นใจเท่าที่ตัวเองจะทำได้
“ยิ่งคนรอบๆ ตัวน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แล้วก็ฝากบอกว่าให้จัดการอะไรให้เสร็จก่อนหกโมงเย็นนะครับ”
“ครับ...”
แล้วก็คิดๆ ดูแล้ว จินฮึนก็เคยพูดประมาณนี้เหมือนกัน ที่บอกว่าให้จัดการกับอดีตซะ แล้วถามว่าอดีตยังจำเป็นอีกเหรอ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ก็เถอะว่าคำๆ นั้น เป็นคำสั่งให้จัดการบ้าน หรือจัดการกับคนรอบๆ ตัว
โนอึลไม่สามารถตอบโต้อะไรได้กับคำพูดของหัวหน้าที่ควอน เขาหันหน้าไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังเงียบๆ สี่โมงแล้ว ฟ้ายังสว่างอยู่นิดหน่อย มันเป็นเวลา มันเหมือนถูกกดดันว่าต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่ข้อแม้ภายในเวลาที่กำหนด ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและตอบรับอย่างไร้เรี่ยวแรงสั้นๆ ว่าครับ พอคิดดูอีกสักหน่อย ก็คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ เพราะคนที่ต้องจัดการน่ะ มีอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
[1] โคชีวอน ห้องพักเล็กๆ ที่มีแต่เตียงนอนและโต๊ะเขียนหนังสือ aka ห้องพักรูหนู