อีกด้านหนึ่งของประตูที่ปิดลงเป็นโลกที่ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เสียงเพลงดังตึงตังหนวกหูเปลี่ยนเป็นจังหวะช้าๆ และแสงไฟสีฉูดฉาดบาดตาก็เปลี่ยนเป็นแสงสลัวๆ ภายใต้จังหวะยั่วยวน โนอึลต้องสูดลมหายใจอย่างรวดเร็วกับภาพน่าหวาดกลัวตรงหน้า ผู้คนมากมายในฮอลหลักที่เคยเต้นและพูดคุยกันเมื่อครู่กำลังเสียดสีร่างเข้าหากันแทน เขายกมือขึ้นมาปิดปากเพราะรู้สึกพะอืดพะอมกับภาพชายหญิง ไม่สิ ภาพผู้คนที่รวมร่างกันเหมือนสัตว์จนพาลให้นึกถึงอดีตที่ตัวเองลืมไปแล้วขึ้นมา
ภายในสถานที่ที่มีเซ็กซ์หมู่คล้ายพวกสัตว์เดรัจฉาน เสียงครางชื้นแฉะผสมระหว่างความสุขและความเจ็บปวดทำให้หูของเขาเจ็บปวด โนอึลหลับตาหนีความเป็นจริงที่ปรากฎตรงหน้า หนีภาพที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต แต่ถึงแม้เขาจะหลับตาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงเสียงครวญครางดังเข้ามาในหูได้
สุดท้ายโนอึลน้ำตาแตกเพราะเจ็บปวดไปทั่วประสาทสัมผัสทั้งห้า รวมทั้งกลิ่นน้ำกามคาวๆ และกลิ่นยาเสพติดด้วย จนไม่รู้ว่าเสียงผิวปากที่ได้ยินกับเสียงฝีเท้าหยุดลงแล้ว
“อะไรกัน ร้องไห้เหรอ”
ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ จินฮึนยกมือที่กอดไหล่ขึ้นมาลูบผมสีดำสนิทของโนอึลแทน เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดน้ำตาแตก
“ร้องไห้เพราะมันไม่อยู่ที่นี่เหรอ หรือกลัวจะโดนฉันจับได้ว่าโกหก”
จินฮึนอิงศีรษะลงกับศีรษะคนเตี้ยกว่า คิดอยู่ครู่นึงก่อนจะดีดนิ้วสองครั้งแล้วออกคำสั่งสั้นๆ ทั้งที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าการ์ดเดินเข้ามาหรือยัง
“เพิ่มแสงหน่อย ฉันมองไม่เห็นหน้าไอ้ลูกหมาที่เป็นคนพาเจ้าเด็กน้อยของฉันมาที่นี่”
ถึงจะงงกับคำสั่งสั้นๆ ของจินฮึน แต่การ์ดก็โค้งหัวลาและเดินจากไป
โนอึลเช็ดน้ำตาที่ไหลเพราะภาพน่าหวาดกลัวตรงหน้า จากนั้นก็มองเห็นรอบๆ ชัดขึ้นไปอีกเมื่อแสงไฟหลากสีถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว ทว่ามันกลับทำให้เห็นผู้คนรวมร่างกันอย่างวุ่นวายชัดเจนยิ่งกว่า เขายกมือขึ้นมากปิดปากอย่างรวดเร็วกับความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาทันทีภายในร่างกายที่ว่างเปล่า
“เป็นไง คราวนี้เห็นชัดหรือยัง”
จินฮึนไม่ได้ยิ้มอย่างใจดีอีกต่อไปขณะจับไหล่คนกำลังพะอืดพะอม ก่อนจะลากโนอึลที่หมดแรงไปทางผู้คนที่กำลังรวมร่างเข้าหากัน
“ฉันต้องหาให้เจอ เพราะมันอาจจะเป็นคนที่ไอ้คังจินฮยอนส่งมาก็ได้”
ขณะนั้นจินฮึนใช้เท้าตัวเองช้อนคางผู้ชายที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยน้ำรักสีขาวขุ่นโดยไม่ได้สวมอะไรปกปิดเลยสักชิ้นขึ้นมา น้ำตาโนอึลทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกเมื่ออีกคนขยับเท้าเหมือนจะถามว่าใช่คนนี้ไหม
“ไม่ใช่เหรอ”
งั้นไอ้นั่นล่ะ ใช่ไหม จินฮึนใช้รองเท้าดันหน้าผู้ชายที่ตัวเองเชยคางอยู่ออก แล้วหันไปคว้าเส้นผมที่ปล่อยยาวของผู้ชายคนนึงซึ่งกำลังใช้มือชักส่วนนั้นของตัวเองและอมแท่งเนื้อของผู้ชายวัยรุ่นอีกคนไว้ในปาก เมื่อภาพคนตาลอยด้วยฤทธิ์ยาหรือไม่ก็มัวเมาในบรรยากาศขณะอมน้ำกามไว้ในปากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ปรากฏขึ้นในสายตา โนอึลก็ส่ายหัวไปร้องไห้ไป
“นี่ก็ไม่ใช่อีกเหรอ”
“พอ พอเถอะครับ”
โนอึลพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร้เรี่ยวแรงว่าพอได้แล้ว แต่จินฮึนกลับปล่อยผมยาวๆ ที่ตัวเองจับอยู่ทิ้งเหมือนโยนขยะ จากนั้นก็ทิ้งโนอึลที่ตัวสั่นคล้ายจะเป็นลมเพื่อหันหน้าไปมองรอบๆ ฮอล หนึ่ง สอง...
จินฮึนนับจำนวนของผู้ชายที่รวมตัวกันเต็มฮอล ก่อนจะพิงหน้าของตัวเองลงกับหัวของโนอึลที่น้ำตาไหลไม่หยุด ชายหนุ่มส่งเสียงพึมพำ
“ทำยังไงดีล่ะ คนเยอะมากเลย ให้มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวเลยดีไหม”
“ทำไม... ทำไมถึงต้องตามหาขนาดนี้ด้วยครับ”
เซ็กซ์หมู่ที่ผสานร่างเข้าหากันตรงนั้นตรงนี้คล้ายพวกสัตว์สี่เท้ากลายเป็นศูนย์กลางของฮอลที่มองเห็นได้ดีที่สุด โนอึลเอ่ยถามจินฮึนที่ดูปกติดี ทั้งที่ภาพตรงหน้ามันทำให้ตัวเขาหวนนึกถึงความทรงจำอันน่ากลัว คนโดนถามก็ผละศีรษะออกมาแล้วตบไหล่โนอึล
“เพราะมันไม่มีทางที่อยู่ๆ นายจะโผล่มาที่นี่น่ะสิ”
“อะไรนะ”
โนอึลตัวสั่นเทาขณะย้อนถามอีกฝ่ายว่าพูดเรื่องไร้สาระอะไร
“นานๆ ทีฉันจะมาที่นี่ที แต่นายกลับโผล่มาตรงกับวันที่ฉันมาพอดีแบบนี้ จังหวะมันเป๊ะเกินไปไหม”
จินฮึนดึงมืออกจากไหล่โนอึล ก่อนจะดีดนิ้วเรียกการ์ดอีกรอบ
“มีคนที่ฉันจะหาตัวไปให้ประธานอัน ไปสั่งให้ปิดประตูทั้งหมด รวมถึงด้านหลังด้วย”
คนที่มีภาพลักษณ์แตกต่างกับในอดีตอย่างสิ้นเชิงจับมือของโนอึลที่สีหน้าซีดเผือกในจังหวะเดียวกับที่การ์ดเดินกลับออกไป
“ถ้าชั้นหนึ่งมันมองยากนัก ก็ไปดูชั้นสองก่อนก็ได้”
จินฮึนจับมือโนอึลแล้วลากขึ้นชั้นสองด้วยตัวเองโดยไม่ได้ยิ้มอ่อนโยนอีกต่อไปแม้คนโดนลากจะตัวสั่นเทา
บริเวณชั้นสองเป็นพื้นที่สำหรับผู้คนที่ร่ำรวยพอสมควร และมีสถานการณ์รุนแรงมากกว่าชั้นหนึ่งเสียอีก ถ้าหากชั้นหนึ่งเกิดเซ็กซ์หมู่เพราะผู้คนรวมกันเป็นก้อนอยู่ภายในฮอลกว้างๆ แล้วล่ะก็ ชั้นสองเรียกว่าเป็นโอเพ่นรูม กิจกรรมต่ำๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละห้องปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างไม่มีการปิดบัง โนอึลโดนจินฮึนลากตัวและบังคับให้เข้าไปในห้องแรกสุด อีกฝ่ายคลายมือที่จับอยู่มาโอบไหล่โนอึลไว้ ก่อนจะยกมือสั่งให้ไปสนใจผู้คนที่กำลังรวมร่างกันตรงนั้นตรงนี้
“ดูดีๆ สิ มีไอ้หมอนั่นไหม”
โนอึลมองเหล่าคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับเซ็กซ์โดยไม่รับรู้ถึงการมาของจินฮึนและเขา พร้อมกับทำท่าจะร้องไห้ ภาพอดีตที่ลืมไปแล้วทำให้ปวดหัวอยู่เรื่อยๆ ราวกับในเวลานั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างเพราะเมาเหล้ากับยากำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
จนในที่สุดโนอึลก็ยกมือที่เคยถูกอีกคนจับไว้ขึ้นมาปิดตา
“ได้โปรด หยุดเถอะครับ...”
เขาทิ้งสติไว้ตรงหน้าแล้วพูดปะเสียงสะอื้นกับจินฮึนที่เป็นคนลากเขามา โนอึลเริ่มจมดิ่งกับความน่ากลัวที่ไม่รู้ว่าจะลืมลงไหม
“ไม่มีเหรอ อย่าบีบน้ำตาแบบนั้นสิ ตอบฉันมา”
“ไม่มี ไม่มีครับ! ดังนั้น ได้โปรด พอเถอะครับ”
“ว้าว นายตวาดฉันงั้นเหรอ”
โนอึลขึ้นเสียงใส่จินฮึนเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายกดดันเขาหน้าตาเฉยเล็กน้อยด้วยหัวใจที่เต้นรัวแทบบ้า เขาพูดว่าได้โปรดหยุดสักทีพร้อมกับเอามือปิดหน้าและก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ายังมีห้องอีกกี่ห้อง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทนกับภาพน่าสะพรึงกลัวไปอีกเท่าไหร่ ทั้งกลิ่นหวานๆ ที่อบอวลอยู่ในจมูก ทั้งเสียงครางหยาบกร้านเสียดแทงเข้ามาในหู ทุกอย่างมันช่างทนได้ยากเหลือเกิน ถ้าแบบนี้ต่อก็คล้ายจะทำให้เขาเสียสติอีกครั้ง
“เจ้าเด็กน้อยโตขึ้นมากเลยนะเนี่ย”
น้ำเสียงเย็นชาของจินฮึนทะลุเข้ามาในหูอย่างชัดเจนท่ามกลางเสียงครวญครางเหมือนสัตว์เดรัจฉาน เขาสะดุ้ง ขณะปิดหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง โนอึลก็หยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ สมกับเป็นอีกฝ่าย
หลังจากนั้นข้อมือของโนอึลก็ถูกคว้าอย่างรุนแรงจนต้องละมือลงจากใบหน้าทันที ดวงตาชุ่มน้ำตามองเห็นสีหน้าเคร่งเครียดต่างกับน้ำเสียงปนหัวเราะของอีกฝ่าย โนอึลสบตากับจินฮึนอยู่นาน ก่อนจะถูกลากเข้าไปในห้องที่เปิดด้วยฝีมืออีกฝ่าย
ปัก
แผ่นหลังเขากระแทกเข้ากับลูกกรงที่แข็งและเย็น ขณะที่รู้สึกว่าเจ็บหลัง โนอึลก็ถูกล็อกอยู่ระหว่างแขนสองทั้งข้างของจินฮึนแล้ว
“งั้นนายก็พูดออกมา ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงโผล่มาที่นี่ได้”
โนอึลขมวดคิ้วกับคำถามของอีกฝ่าย
“นายมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับคังจินฮยอนนี่ ไม่ใช่ฉัน แต่ทำไมถึงได้โผล่มาหาฉันก่อนล่ะ”
โนอึลรู้สึกว่างเปล่าไปสักพักหลังจากได้ฟัง เขาแทบไม่เชื่อหูของตัวเองเลย แต่เมื่อจินฮึนฉีกมุมปากยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ เขาก็หลับตาลงช้าๆ โดยไม่รู้ตัว และถึงจะลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ยังคงเห็นคนตรงหน้ายกยิ้มมุมปากอยู่ดี
“ทำไม คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ถ้าคิดจะซ่อน ก็ซ่อนให้มันดีๆ สิ ฉันรู้ว่านายมีบางอย่างกับไอ้ลูกหมาคังจินฮยอน”
จินฮึนยิ้มพร้อมกับพ่นคำด่าออกมาโดยไม่สะหกสะท้าน โนอึลรู้สึกว่าเสียงทุ้มต่ำของอีกฝ่ายทะลุเข้ามาในหูท่ามกลางเสียงเหนอะหนะเหมือนโคลนเฉอะแฉะ มันชัดเจนมากราวกับทะลุแก้วหูมาฝังเข้าที่สมองจนไม่ได้ยินทั้งเสียงดนตรีและเสียงครางน่าหนวกหู
“ที่คังจินฮยอนค่อยๆ ห่างหลังจากไปเรียนต่อเมืองนอกน่ะ ฉันเป็นคนจัดการเอง นายก็น่าจะได้ยินมาประมาณนี้ไม่ใช่เหรอ”
จินฮึนกำลังยิ้มจนเหมือนฉีกมุมปากมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มไปด้วย สายตาคมกริบราวกับมีดเปล่งประกายลุกโชนภายใต้แสงไฟ ถ้าหากยื่นมือออกไป ไม่สิ เพียงแค่เข้าไปใกล้ๆ โนอึลก็เหงื่อแตกกับประกายรุนแรงเหมือนกับไฟสีน้ำเงินที่กำลังเผาไหม้ มันร้อนจนรู้สึกถึงเหงื่อเจิ่งนองเต็มแผ่นหลังและบนหน้าผาก เขาเสียววาบซี่ลูกกรงเหล็กที่พิงเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะลื่นลงไปเมื่อไหร่
มือของโนอึลสั่นเทาขณะจับลูกกรง เหมือนแรงทั้งหมดของเขาหายไปกับความหวาดกลัวที่ไม่คุ้นเคย และไม่เคยพบเจอมาจนถึงตอนนี้ ระหว่างที่มือเกาะแน่นไม่ปล่อย เรี่ยวแรงที่ขาก็หมดไปก่อนกับความน่ากลัวจากความเงียบ มันไม่ใช่แค่ทำให้เสียววาบอย่างเดียว แต่ยังดุดันอีกด้วย ลมหายใจรุนแรงเหมือนน้ำเดือดถูกพ่นออกมาจากปากโนอึล ขาที่สั่นเทาโดยไม่รู้ตัวเริ่มทรุดลงไปทีละน้อย ตุ๊บ จนในที่สุดขาทั้งสองข้างของโนอึลก็หมดแรงทรุดฮวบลงบนพื้นคล้ายตุ๊กตาถูกตัดเชือกและสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
ตึกตึกตึก
หัวใจเขาเต้นอย่างว้าวุ่นพอๆ กับเสียงดนตรีน่าหนวกหู โนอึลสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วพ่นมันออกมาเพียงสั้นๆ เหมือนอากาศไม่พอ เขาพิงตัวลงกับซี่ลูกกรงที่ทำจากเหล็กเพื่อหนีคนที่ก้มลงมาหาตัวเองพร้อมกับหุบขาเข้าหาตัว
“จะตอบไหม”
ฟุบ จินฮึนเอ่ยถามและนั่งลงตรงหน้าโนอึล ก่อนจะลูบแก้มและคางนุ่มลื่นที่สั่นราวกับสัตว์ตัวเล็กๆ กำลังหวาดกลัวช้าๆ
รู้แล้ว รู้ทุกอย่างแล้ว
โนอึลรู้เพียงแค่ความลับระหว่างตัวเองกับจินฮยอนเท่านั้น กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังคิดถึงและเกลียดจินฮยอนที่ทิ้งเขาไปเรียนต่อเมืองนอกตามลำพัง ซึ่งระหว่างนั้นเขาก็ไม่ได้สงสัยจินฮึนที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้อย่างเป็นธรรมชาติเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ชินอู พ่อผู้จากไปแล้วเคยพูดว่าความลับไม่มีในโลก โดยเฉพาะกับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันอย่างคฤหาสน์ย่านชองดัม
เขารู้สึกว่าเลือดร้อนๆ ของตัวเองค่อยๆ อุ่นลงจนเย็น โนอึลเบิกตาโพลงกับความเสียววาบเหมือนสมองกับหัวใจไม่ได้ทำงานตามหน้าที่ของมัน มองเห็นจินฮึนยิ้มอย่างโหดร้าย สำหรับคนที่รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ความมั่นใจกับความถือดีเฉพาะตัวก็มักจะเผยออกมา โนอึลตัวสั่นกับรอยยิ้มที่ผ่อนคลายราวกับรู้ทุกอย่างหมดแล้วจริงๆ
ทั้งจินฮึน ทั้งโนอึลไม่มีใครพูดอะไรออกมา
จินฮึนรอคำตอบของโนอึล ส่วนโนอึลก็ยากจะตอบ ทั้งคู่นิ่งเงียบ โนอึลรู้สึกเหมือนมีไฟไหม้อยู่ในหัวใจกับความเงียบอันหนักหน่วงจนหายใจได้ยาก เขาเกรงกลัวว่าจะต้องพูดถึงความสกปรกของตัวเองที่เคยพยายามเติมเต็มความเหงาด้วยจินฮยอนและจินฮึนออกมา
“คนๆ นั้น...”
“คนนั้น”
“บอกว่าผมจะไม่เสียใจ... เขาบอกผมว่าจะสามารถหาต้นสังกัดใหม่ได้”
โนอึลพูดช้าๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คนตรงหน้าถามเป็นคำถามแรก มากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินฮยอน
เขาไม่รู้ว่าจินฮึนอยู่ที่นี่ ไม่ใช่สิ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนที่ผู้ชายพวกนั้นพูดถึง จะเป็นจินฮึนที่เขารู้จัก เพราะในอดีตอีกฝ่ายอ่อนโยนมากๆ ถึงจะเย็นชาแต่ก็ใจดี ดังนั้นโนอึลก็เลยพยายามคิดในแง่ดีว่าคงไม่น่าใช่คนๆ เดียวกับผู้ชายตรงหน้า
โนอึลสั่นเทาราวกับเด็กเพิ่งหัดพูด เขาพูดออกมาทีละคำ ทีละคำอย่างยากลำบากพร้อมกับพยายามหลบสายตาป่าเถื่อนของจินฮึน แม้จะพูดช้าแต่ก็สื่อสารได้ชัดเจน
“บะ บอกว่าจะได้แสดงอีกครั้ง ก็เลย...”
“แสดง?”
“ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ครับ ถ้ารู้ว่าคุณอยู่... ก็คงจะไม่มา”
พวกเขาต่างจากพวกนักธุรกิจร่ำรวยที่โนอึลรู้จัก เพราะจินฮยอนกับจินฮึนไม่เหมาะกับสถานที่แบบนี้เลย เพราะพวกเขาทั้งสองคนน่ะ จะไม่คบกับคนที่ต่ำกว่าตัวเองตามอำเภอใจต่างจากพวกนักธุรกิจคนอื่นๆ
โนอึลคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งเคยใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ชองดัม ขณะพรั่งพรูคล้ายสารภาพบาปกับจินฮึนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง ทั้งท่านประธานคัง ทั้งจินฮยอน รวมถึงจินฮึนน่ะ ไม่เหมาะกับสถานที่ที่ต่ำๆ แบบนี้หรอก พวกเขาทั้งสง่างามและสูงส่ง ใครๆ ก็เคารพนับถือจนไม่สามารถคบค้ากับคนอื่นได้ตามอำเภอใจ เหมือนเป็นคนของอีกโลกหนึ่ง เหมาะสมกับการอาศัยในคฤหาสน์คล้ายสวรรค์
ดังนั้นก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง แล้วโนอึลก็ไม่มีความคิดว่าจะได้พบเลยด้วย เพราะพวกเขาห่างไกลและยอดเยี่ยมถึงขนาดนั้น
“ผม... ไม่ได้ติดต่อกับใครเลยครับ อยู่คนเดียวด้วยซ้ำ”
รวมถึงต้องทิ้งทุกอย่าง ล้มเลิกทุกอย่างด้วย
โนอึลยกมือสกปรกเพราะวางอยู่กับพื้นขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลทะลักโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้องไห้ ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงต้องเศร้าขนาดนี้ เขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมจนแทบบ้า
ดวงตาเปื้อนน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองจินฮึนตรงหน้าเงียบๆ รอยยิ้มน่าขนลุกหายไปแล้ว อีกฝ่ายมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยและไม่แสดงความรู้สึกอะไรแทน แต่ไม่รู้ว่าจินฮึนมองเขาหรือมองไปที่ไหนราวกับกำลังจมอยู่ในความคิดตัวเองครู่นึง ระหว่างนั้นโนอึลยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอย่างไร้เสียงอีกครั้งกับดวงตาที่เศร้าอย่างพร่ามัวจนยากจะเดาความหมายของจินฮึน
“งั้นนายก็ไม่ได้ติดต่อกับคังจินฮยอนเหรอ”
จินฮึนไม่กลัวว่าชุดสูทของตัวเองจะสกปรก อีกฝ่ายนั่งลงบนพื้นที่ถูกรองเท้าของคนอื่นๆ เหยียบย่ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั่งอย่างสบายๆ จินฮึนก็ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เหลืออยู่บนแก้มของโนอึล และเมื่อชิมรสน้ำตาจากนิ้วมือของตัวเองแล้วก็ยิ้มออกมาเบาๆ
“ไม่มีต้นสังกัด แต่อยากแสดง ก็เลยมาที่นี่คนเดียว”
โนอึลมองเห็นจินฮึนสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ เสื้อกั๊กสีดำ และกางเกงสีดำได้อย่างชัดเจนมากๆ ภายใต้แสงไฟสลัว พอจินฮึนพึมพำท่องตามคำตอบของตัวเขาอีกครั้ง น้ำตามันก็หายไปดื้อๆ จากนั้นอีกฝ่ายลุกขึ้นพร้อมฮัมเสียงในลำคอสั้นๆ ก่อนจะกวาดตามองภาพที่ปรากฏขึ้นรอบตัวอีกครั้ง