บทที่ 2 หมดหนี้

เช้าวันต่อมา
“อายุวันโน สุขะพลัง”
บุษบาก้มหัวรับพรแล้วนั่งรอจนกว่าพระเดินผ่านไปจนหมดก่อนจะลุกขึ้นเก็บถาดอาหารเดินเข้าไปในบ้าน
“บุษบา”
“ยายนวล”
หญิงสาวรับวางของในมือแล้วเดินเข้าไปหาหญิงชราทันทียายนวลคือผู้เลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่เด็ก ถึงหล่อนจะอยู่บ้านกับป้าแต่ก็ถูกทิ้งๆขว้างๆ ก็มีแต่ยายชราผู้นี่แหละที่หาข้าวหาน้ำให้ทาน รวมทั้งอบรมสั่งสอนหล่อนมาเป็นอย่างดี หญิงสาวจึงเคารพรักเหมือนยายแท้ๆ
“ยายทำขนมมาฝาก”
“ไม่น่าลำบากเลยนะคะ เดี๋ยวบุษก็จะเอาข้าวต้มไปให้ที่บ้านอยู่แล้ว”
“แค่นี้เอง ยายมาได้”
“ยายรอเดี๋ยวนะคะ บุษเข้าไปเก็บของแล้วเราไปบ้านยายกันนะ”
หญิงสาวเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมาหายายนวลที่ยืนรออยู่
“แล้วไปสมัครงานเป็นไงบ้าง”
“อีกสองวันคงรู้ผลค่ะยาย”
“ดีๆ จะได้มีงานทำสักที”
“ถ้าบุษทำงานหาเงินได้แล้ว เราย้ายไปอยู่ด้วยกันนะจ๊ะยาย”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอกยายแก่แล้ว อยู่นี่ก็ดีแล้ว”
“แต่บุษไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว บุษอยากให้ยายไปอยู่ด้วย”
“ค่อยว่ากันนะหลาน ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน”
บุษบาได้แต่เงียบ เพราะสิ่งที่หล่อนวางเอาไว้คิดการได้หลุดพ้นจากที่นี่และอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมดูแลยายนวลไปด้วย แต่ดูเหมือนว่ายายนวลจะไม่อยากย้ายไปจากที่นี่
“เดี๋ยวบุษเอาข้าวต้มไปใส่ชามให้นะคะ”
“จ๊ะๆ”
หญิงสาวเดินไปหยิบชามแล้วเทข้ามต้มร้อนๆลงไปใส่ชามให้ยายนวล พอจัดการงานบ้านเสร็จหญิงสาวก็ขอตัวกลับไปที่บ้านเพื่อทำงานของตน หน้าที่ในแต่ละวันของเธอที่ต้องทำ
“บุษบา”
บุษบากันไปมองต้นเสียงที่เรียกเธออย่างไพเราะจนผิดหู ตั้งแต่เล็กจนโตก็เห็นจะมีครั้งนี้แหละนะที่ผู้เป็นป้าเรียกเธอดีขนาดนี้
“คะ?”
“มานั่งสิ ป้ามีอะไรจะให้”
บุษบาวางมือจากมีดที่หันผักแล้วเดินตามผู้เป็นป้าไปอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวนั่งลงข้างๆป้าแล้วมองดูกล่องในมือของหล่อนอย่างสงสัย
“นี่อะไรคะป้า”
“ของดูต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของพ่อหนู”
บุษบาถึงกับตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นป้าพูด จำได้ว่าสิ่งที่เหลืออยู่มีแค่หนังสือนิทานเท่านั้น แล้วทำไมถึงมีสร้อยแบบนี้เก็บไว้ที่ดวงดาได้
“หมายความว่ายังไงคะป้า”
“สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยที่พ่อหนูให้แม่หนูไว้ตอนแต่งงาน ข้างในใส่รูปทั้งสองคนเอาไว้”
บุษบาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบสร้อยล็อกเกทในมือของป้าด้วยหัวใจที่เต้นรัว ของแทนความรักของทั้งสองคน คนที่เธอรักสุดหัวใจ
“แล้วทำไมป้าถึงเอามาให้บุษคะ”
“ป้าแค่ไม่อยากเก็บมันไว้คนเดียว มันควรเป็นของหลาน”
ผู้เป็นป้ายื่นสร้อยให้กับบุษบาก่อนจะขยับเข้าไปลูบหัวหญิงสาวเบาๆ สร้างความให้กลับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ถึงความอ่อนโยนที่ผู้เป็นป้ามอบให้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ถึงจะแปลกใจแค่ไหนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ในหัวของหญิงสาวขาวโผนไปหมด
“ป้าจะให้สร้อยกับบุษจริงๆใช่ไหมคะ”
“ใช่สิ”
“ขอบคุณนะคะ มันมีความหมายสำหรับบุษมากๆเลยค่ะ”
“ไปเถอะ บุษไปอาบน้ำอาบท่าป้าจะพาไปทานอาหารข้างนอก”
“คะ”
และนี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้บุษบาแปลกใจกันการทำตัวดีของดวง ถึงกับต้องถามย้ำกับสิ่งที่ได้ยิน หน้าตายิ้มแย้มอ่อนโยนของหญิงวัยกลางคนที่เธอไม่เคยพบเห็นได้จากป้าของหล่อนเลยตั้งแต่เล็กจนโต มันหน้าแปลกจริงๆ แปลกจนหล่อนไม่อยากจะเชื่อสายตา
“วันนี้ป้าเล่นมาได้เยอะ เลยจะพาบุษไปทานข้าว เพื่อเป็นการขอบคุณที่ดูแลป้ามาตลอด”
“บุษ…”
“ไปเถอะ ป้าเตรียมชุดเอาไว้ให้แล้วนะ”
ผู้เป็นป้ายิ้มพร้อมหยิบถุงกระดาษยื่นให้หลานสาว จากนั้นก็ผลักเบาๆให้บุษบาไปอาบน้ำตามที่ตนสั่ง
“เสร็จแล้วก็ไปกันเลย”
“ดะ เดี๋ยวสิคะ”
ดวงดายิ้มแล้วจับมือหลานสาวออกจากบ้านแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไปทันที โดยไม่ฟังคำพูดของหญิงสาวเลยสักนิด
“ลงมาสิ”
“ที่นี่ที่ไหนคะ”
“เข้ามาเถอะน่า”
ดวงดาลากตัวหญิงสาวเข้าไปในร้านอาหารแล้วสั่งอาหารมาเยอะแยะจนเต็มโต๊ะ สร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก
“ป้าคะ”
“อย่าสงสัยมากได้ไหม ฉันรวยอยากเลี้ยงข้าว”
“ค่ะ”
หญิงสาวหยิบช้อนส้อมขึ้นมาทายอาหารเพราะเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์หงุดหงิดของผู้เป็นป้า หากหล่อนอารมณ์เสียคงต้องเกิดเรื่องรุนแรงขึ้นแน่ๆ
“เป็นไง อร่อยไหม”
“ค่ะ อร่อยดี”
“อร่อยก็ทานเยอะๆนะ ป้าเลี้ยงเอง”
“ค่ะ”
บุษบายิ้มให้กับผู้เป็นป้าอย่างมีความสุข เธอดีใจที่ได้รับความอ่อนโยนจากดวงดาบ้าง และชีวิตเธอคงจะดีกว่านี้หากป้าทำตัวดีกับเธอแบบนี้ตลอดไป
“ดื่มน้ำส้มนี่สิ อร่อยนะ”
“ค่ะ ป้าก็ทานเยอะๆนะคะ”
“จ๊ะ ป้าต้องทานเยอะอยู่แล้ว เพราะวันนี้ป้าจะหมดหนี้”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เปล่าหรอก ทานเยอะๆนะ”
“ค่ะ....”
“เป็นอะไรไปบุษบา”
หญิงสาวกุมศีรษะเอาไว้เพราะเริ่มปวดหัว ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางมองสิ่งใดไม่ค่อยชัด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ
“ป้าคะ.....บุษ....”
“ขอบใจนะบุษบา”
รอยยิ้มเยือกเย็นของผู้เป็นป้าคือภาพสุดท้ายที่บุษบามองเห็นจากนั้นสติอันเลือนลางก็หายไปทันที