บทที่ 1 บุษบา

‘การที่ได้พบกับคุณ มันเหมือนความฝันที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง’
ทามกลางผู้คนที่ต่างเดินขวักไขว่ไปตามทางที่ตนมุ่งหมายจะไป ร่างบางในชุดสูทสีดำเรียบร้อยเดินถือแฟ้มงานแล้วเดินเข้าไปในบริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อรอสัมภาษณ์งาน ‘บุษบา’ นักศึกษาจบใหม่ป้ายแดงมองไปรอบๆห้องด้วยความตื่นเต้น
“บุษบา เธอทำได้”
หญิงสาวพูดให้กำลังใจตัวเองแล้วก้าวเข้าไปในห้องสัมภาษณ์งานด้วยความพร้อมที่เต็มเปี่ยมและหวังว่าการสัมภาษณ์งานจะผ่านไปได้ด้วยดี
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
“แล้วเราจะติดต่อคุณไปอีกทีนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
บุษบาส่งยิ้มแล้วยกมือไหว้ผู้สัมภาษณ์งานด้วยความนอบน้อม ก่อนจะก้าวออกมาจากห้องทันที
“เฮ้อออออ”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเพื่อคลายความตื่นเต้น การสัมภาษณ์งานผ่านไปได้ด้วยดีและมีความหวังว่าจะต้องผ่านแน่นอน หากได้งานหล่อนก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที
“กลับมาแล้วเหรอนังตัวดี”
พอบุษบาก้าวเข้ามาในบ้าน เสียงดุดันของป้า ‘ดวงดา’ ป้าแท้ๆของหล่อน ตะคอกขึ้นมาเสียงดัง
“กลับมาแล้วค่ะป้า”
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าวันนี้ฉันจะไปบ่อน ให้แกอยู่บ้านรอลุงแกกลับมา”
“แต่บุษบอกป้าแล้วนะคะว่าวันนี้บุษมีสัมภาษณ์งาน”
“หนอย!! ทำแค่นี้ให้ไม่ได้หรือไง”
บุษบาได้แต่ก้มหน้าก้มตาเพราะไม่อยากเถียงต่อ ตั้งแต่จำความได้พ่อแม่ของหล่อนก็เสียไปแล้ว บุษบาจึงต้องมาอยู่กับป้า เพราะไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว แต่ก็ใช่ว่าดวงจะเลี้ยงดูหล่อนอย่างดี ทั้งตบตีและจิกหัวใช้ ที่เลี้ยงหล่อนมาก็เพราะอยากได้เงินประกันชีวิตของพ่อแม่หล่อนเท่านั้น
“บุษขอป้าแล้วนะคะ”
“อ๋อ!! เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกับฉันงั้นเหรอนังบุษ กว่าฉันจะเลี้ยงแกมาจนโตขนาดนี้ รู้ไหมว่าฉันหมดเงินไปเท่าไหร่”
ผู้เป็นป้ากระชากแขนหญิงสาวอย่างแรงเพราะความโกรธ วันนี้ทำไมหล่อนถึงได้กล้าเถียงเช่นนี้ คงเป็นเพราะได้งานใหม่แล้วสินะ
“ปล่อยนะคะป้า”
“คอยดูเถอะ!! อย่าหวังว่าแกจะหนีฉันพ้น แกต้องรับใช้ฉันทดแทนในสิ่งที่แม่แกทำไว้กับฉัน”
“โอ๊ย!!”
ผู้เป็นป้าฟาดฝ่ามือลงที่แก้มนวลอย่างแรงจนบุษบาเซล้มลงไปกับพื้นตามแรงตบของป้าดวงดา
“อย่าคิดว่าแกเรียนจบแล้วจะสบายได้นะ แกยังต้องเป็นทาสให้ฉันไปอีกนาน”
บุษบาหน้าชาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว หล่อนไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นป้า จะมีก็แต่เป็นเครื่องลองมือลองเท้าของหล่อนเท่านั้น มีชีวิตเหมือนคนรับใช้ หล่อนก็ได้แต่ฝันว่าสักวันจะมีใครมาช่วยฉุดดึงเธอออกไปจากที่นี่สักที
“อึก ฮือๆ”
หญิงสาวเข้าไปในห้องนอนแล้วทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความทรมาน ทำไมชะตาชีวิตของหล่อนถึงได้เป็นแบบนี้ คิดแล้วมันก็หน้าน้อยใจนัก ทั้งๆที่หล่อนปฏิบัติตัวเป็นคนดีมาตลอด แล้วความดีนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรแหมยังกลายเป็นคนอ่อนแอให้ผู้อื่นรังแกอีก
ปังๆๆ
“!!!!”
บุษบาตกใจกับเสียงทุบประตูจากด้านนอกเสียงดังสนั่น และหล่อนก็รู้ดีว่าเจ้าของเสียงเคาะนั้นคือใคร
“บุษบาที่รักจ๋า ออกมาทำกับข้าวให้พี่ชาติหน่อยเร็ว”
ชาติ คือชายแก่ตัณหาสามีของดวงดาเป็นขี้เมาบ้าพนันและคอยแต่จะทำตัวหื่นกามกับบุษบาอยู่บ่อยๆ
“อึก”
“บุษจ๋า เปิดประตูให้พี่หน่อยนะ”
บุษบาไม่ตอบกลับและทำตัวให้เงียบที่สุด นี่คงเป็นเพราะป้าดวงออกไปบ่อนแล้วถึงได้กล้ามาเคาะประตูแบบนี้ หญิงสาวได้แต่ภาวนาให้เขาถอดใจและจากไปดีๆ
“อึก”
ร่างบางกอดหนังสือนิทานที่ผู้เป็นแม่ทิ้งเอาไว้ให้เป็นสิ่งสุดท้ายแล้วกลั้นสะอึกเอาไว้ไม่ให้คนข้างนอกได้ยิน
“นังบุษ!!! ฉันบอกให้เปิดประตูไงวะ กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
คนเมาเริ่มโมโหเมื่อหญิงสาวไม่ตอบรับ และยิ่งทุบประตูเสียงดังยิ่งขึ้น
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยบุษด้วย อึก ฮือๆ”
“ฮึย!! ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันแกต้องเป็นเมียฉัน”
บุษบากอดหนังสือนิทานเอาไว้แน่นก่อนจะค่อยเปิดมันอ่านพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบเต็มสองแก้ม
“ซินเดอเรลล่า ทำไมเธอถึงโชคดีแบบนี้”
ภาพวาดตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก นิทานที่แม่เคยอ่านให้ฟังตอนเด็กๆ หญิงสาวผู้หน้าสงสารถูกรังแกและในตอนสุดท้ายหล่อนก็มีความสุขเพราะมีเจ้าชายขี่มาขาวมาช่วย ทั้งสองตกหลุมรักและครองรักกันชั่วนิรันดร์
“ฮือๆ”
หากแต่ชีวิตหล่อนไม่มีเจ้าชายอยู่จริง นับวันยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ความฝันทั้งหมดที่วาดไว้คงต้องพังทลายลงในไม่ช้า ทั้งหน้าที่การงาน ทั้งชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้