ชอบฉันรึเปล่า/2
“ผมต้องไปที่อื่นต่อคุณกลับไปพร้อมกับหัวหน้าแล้วกัน” ไลลาพยักหน้าตอบรับเห็นเขาเดินออกไปกับผู้บริหารคนอื่นๆ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความ
ไลลา : ฉันจะตามไปจ่ายค่าอาหารทีหลังนะคะ
อันเดร : ทั้งหมดหมื่นสองคุณอยากจ่ายเท่าไหร่ล่ะ
ข้อความตอบกลับทำสาวน้อยหน้าเหวอถึงกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อนิ้วมือหยุดชะงักไม่คิดว่าค่าอาหารที่นี่จะแพงขนาดนี้ แหงล่ะเปลือกกุ้งตัวละเก้าร้อยบาทกระจายเกลื่อนโต๊ะมีไม่ต่ำกว่าแปดตัวแต่เธอพูดไปแล้วว่าจะเลี้ยงเขาจะผิดคำพูดก็ไม่ได้
ไลลา : ฉันจ่ายทั้งหมดก็ได้ค่ะแต่ต้องเป็นสิ้นเดือนนะ
อันเดร : ผมล้อเล่นไลลานี่เลี้ยงแผนกนะผมจ่ายน่ะถูกแล้วสัญญาเรายังเหมือนเดิมไว้ผมจะทวงทีหลัง
ไลลา : ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารมื้อนี้”
ไลลาผ่อนลมหายใจยาวราวกับยกภูเขาออกจากอกดีนะที่เขายังเมตตาไม่ปล่อยให้เธอจ่ายเองไม่งั้นสิ้นเดือนเธอคงเนื้อประดาตัวไม่รู้จะอยู่ต่อยังไง หลังจบข้อความสนทนาที่คนข้างๆ พยายามชะเง้อคอมองตลอดเวลาทั้งหมดก็พากันเดินทางกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ช่วงเวลาค่ำไลลาแบกภูเขางานกลับมาทำที่บ้านยึดพื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นห้องทำงานส่วนตัว รายงานแผนกประจำเดือนและค่าตรวจภายในกองหลาอยู่กลางห้องรอให้คนทำเร่งสะสางเพื่อส่งงานให้ถึงมือผู้บริหารภายในเช้าวันพรุ่งนี้ หญิงสาวห่อไหล่ลู่หันมองประตูใหญ่แล้วเบือนหน้ากลับมาที่กองเอกสารต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้หลายชั่วโมงเธอไม่มีสมาธิทำงานเลยอันที่จริงมันเริ่มตั้งแต่ก้าวขึ้นรถและไม่เห็นว่าเขานั่งมาด้วย หัวใจมันร้อนรุ่มหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่รู้ว่าเขาไปดินเนอร์กับนางแบบชื่อดังที่บินมาหาด้วยความคิดถึง ทว่าเมื่อก้มมองสิ่งที่จดจ่อมานานหลายชั่วโมงไลลาก็แทบทรุดหน้าลงไปกับกองเอกสารเวลานี้เธอหวังให้งานเสร็จทันเวลามากกว่าชะเง้อคอดูว่าเขาจะเดินผ่านประตูเข้ามาเมื่อไหร่เพราะหนังตาจะปิดอยู่แล้ว
ตึ๊ง...ตึ๊ง
เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ดึงคนที่นั่งสัปหงกให้ลืมตาโพลงเอื้อมมือไปคว้ามาเปิดดูเป็นข้อความจากมินตราเพื่อนสาวแสนสวยที่ส่งสติเกอร์ไลท์รูปกระต่ายฟาดแครอทกับพื้นมาให้ตามด้วยข้อที่ชวนให้คนอยากรู้ตาสว่างหายง่วงในทันที
มินตรา : ฉันโกรธแทนเธอนะ รู้มั้ย!
คิ้วเรียวสวยบนใบหน้ารูปไข่ขมวดผูกปมตรงกลางทำท่าจะกดแป้นพิมพ์แต่ยังไม่ทันส่งข้อความตอบกลับสาวน้อยก็ต้องชะงักไปกับรูปของฮัซมานกับนางแบบสาวสวยที่นั่งอยู่ด้วยกันตามลำพังท่ามกลางแสงเทียน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงชาหนึบไปทั้งตัว ดวงตากลมโตหลับตานิ่ง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรงทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาก็ไม่รู้
มินตรา : ประมาณชั่วโมงก่อน ดูแลคุณอาชีคยังไงยะถึงปล่อยให้มาดินเนอร์กับสาวอื่นได้
ไลลาอ่านข้อความแล้วปัดโทรศัพท์ให้พ้นตัวความงุนง่วงที่ครอบงำจิตใจก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยก้อนสะอื้นที่ตีตื้นมาฉับพลันข้างในร้อนรุ่มกระวนกระวายใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สาวน้อยบอกตัวเองให้หยุดคิดบ้าๆ กับเขาห้ามตัวเองว่าเธอเป็นแค่หลานไม่มีสิทธิไม่พอใจทว่าอารมณ์หวงของมันผุดขึ้นมาเอง
ไลลานิ่งอึ้งกับความคิดของตัวเองเริ่มไม่แน่ใจระหว่างหึงหวงกับหวงของ แบบไหนกันแน่ที่เธอเป็นอยู่ทว่าต้องหยุดความคิดแล้วกดรับวีดีโอคลอของมินตราที่เรียกหาเธอหลายครั้งจะไม่รับก็ไม่ได้เพราะเพื่อนสาวจอมตื้อคงไม่หยุดง่ายๆ
“ทำไมไม่ตอบคำถามไลลา” มินตราในชุดเสื้อสูทแต่งหน้าสวยจัดตะโกนใส่โทรศัพท์ใบหน้าสวยจ้องเขม็งมาที่ไลลา
“ฉันกำลังพิมพ์แต่เธอดันโทรมาก่อน” ไลลาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยรู้ว่ามินตรากำลังจับผิดเธออยู่
“พิมพ์นานจังเลยนะจ๊ะไม่ใช่ว่ากำลังคิดหาทางออกอยู่เหรอ”
“ทางออกอะไรของเธอมินตราบอกกี่ครั้งแล้วว่าเขาเป็นอาฉันไม่ได้ชอบเขาไม่ได้คิดอะไร”
คำพูดตอบกลับของเธอพาให้มินตราหลุดขำออกมาเสียงดังจนคนที่นั่งข้างหลังหันมามอง หญิงสาวหันกลับไปขอโทษขอโพยแล้วกลับมาหรี่สายตาเรด้าจับพิรุธไลลา
“เดี๋ยวก่อนฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าเธอชอบเขาไลลา...แบบนี้มันยังไงอยู่นะ” ไลลากลอกตา สีหน้าของเธอบอกอย่างชัดเจนว่าทำพลาดไปทว่าคนปากแข็งยังพยายามหาข้ออ้างมาแก้ตัวได้อีก
“กะก็นั่นแหละเธอชอบแกล้งพูดตลอดฉันก็เลยชิงพูดก่อนไงแล้วนี่ไปเจอเขาเหรอ ที่ไหนล่ะ”
“ชิ ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยที่แท้ก็อยากรู้เรื่องเขา ปากแข็ง!” มินตราแค่นยิ้มนัยน์ตาแพรวพราวทำให้คนที่กำลังถูกต้อนรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่เธอจะโดนแซะจนหมดเปลือก
“ฉันเปล่าซะหน่อย ป่านนี้ทำไมเธอยังเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกอีกล่ะมินตรา”
“ฉันพาลูกค้ามากินข้าวจ๊ะแล้วก็ป๊ะกับคุณอาชีคพอดีแต่เขาไม่เห็นฉันหรอก ทำไมไม่ดูแลเขาให้ดีฮะปล่อยให้มาตระเวรราตรีกับสาวสวยได้ยังไง” มินตราตั้งกล้องให้คุยได้ถนัดก่อนจะเริ่มตัดอาหารเข้าปากเวลานี้ที่โต๊ะอาหารเหลือเพียงเธอกับน้องฝึกงานอีกสองคน
“ปกติเขาก็ควงนางแบบไปไหนมาไหนตลอดไม่เห็นแปลกแล้วนั่นมันก็เรื่องส่วนตัวของเขาฉันเป็นแค่หลานนอกไส้คนที่ถูกฝากให้ดูแลไม่ได้สำคัญจะให้ไปพูดอะไร” น้ำเสียงตัดพ้อของไลลาบอกอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เลย มินตราส่ายหัวยกน้ำขึ้นดื่มแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“รู้มั้ยคำพูดเธอเหมือนกำลังน้อยใจ หึงเขาอยู่”
คำพูดของมินตราทำไลลาชะงักไปดวงตาคู่สวยสั่นระริกไหววูบไปมาไลลาอยากจะตะโกนออกไปว่าเธอแค่หวงเขาเท่านั้นทว่าอีกใจมันดันค้านว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่มีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวข้องหรือเธอเห็นเขาออกงานกับใครมันเหมือนถูกไฟรนเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันแค่พูดความจริง” ไลลาโต้ตอบกลับเสียงอ่อยหลบสายตาเพื่อนสาวที่กำลังฉีกยิ้มหน้าเป็น
“อ๋อเหรอ ความจริงคือไม่ได้คิดอะไรไม่ได้สนใจเขาแม้แต่นิดแล้วอะไรทำให้คนตรงเวลาอย่างเธอไม่ยอมหลับยอมนอนดึกจนป่านนี้แล้วถ้าไม่ใช่อยู่รอดูว่าเขาจะกลับเมื่อไหร่”
“ฉันยังทำงานไม่เสร็จต่างหากไม่ต้องมาจับผิดเลยเพราะฉันไม่ได้อยู่รอใครทั้งนั้นแล้วก็ไม่สนด้วยเห็นนี่มั้ย...” มือบางยกโทรศัพท์เลื่อนกล้องให้มินตราเห็นกองเอกสารที่วางอยู่รอบตัว
“เข้าใจแล้วก็แค่นี้” พูดจบหญิงสาวก็รีบกดวางพร้อมกับถ่ายรูปเอกสารที่เคลียร์ไปได้มากกว่าครึ่งทางส่งไปย้ำมินตราอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เธอพูดไปทั้งหมดคือความจริง
ใบหน้าสวยส่ายไปมาพยายามหยุดความฟุ้งซ่านในใจก่อนดวงตาคู่งามจะเหลือบไปเห็นคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนกอดอกพิงอยู่ในมุมมืดของผนังห้อง ไลลาหน้าเจื่อนตะลึงค้างจนโทรศัพท์ในมือหลุดร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น เขาเป็นผีรึไงนะโผล่มาทีไรเธอไม่เคยรู้ตัวเลยแล้วนี่ต้องทำตัวทำหน้ายังไง ไม่รู้เมื่อกี้ได้ยินอะไรไปบ้างทว่าสายตายิ้มได้ของอสรพิษร้ายตรงหน้าดันสื่อความหมายอย่างชัดเจนว่าเขาได้ยินมันเกือบทั้งหมดไลลากลืนน้ำลายฝืดลงคอจ้องตอบสายตาชวนขนลุกก่อนหลบสายตากลับมาที่กองเอกสาร
“ฉันมาได้จังหวะใช่มั้ย” เขาถามขณะขยับเดินเข้ามาใกล้
“คะ...เอ่อคือ”
“ไม่ได้อยู่รอฉันจริงๆ สินะดูจากกองเอกสารตรงหน้าเธอ” เขาว่าชี้นิ้วมาที่กองเอกสารตรงหน้า ไลลามองตามแล้วพยักหน้าตอบจากนั้นก้มหน้าก้มตาจัดการกับเอกสารโดยไม่ได้หันไปสบตาเขาอีกกว่าจะรู้ว่าร่างสูงเดินผ่านไปแล้วก็เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูลง
“เฮ้อ...ต้องรีบปั่นงานให้เสร็จเดี๋ยวนี้เลย”
สาวน้อยผ่อนลมหายใจหันกลับมาเร่งมือกับงานตรงหน้าทว่านั่งทำไปได้ไม่นานเปลือกตาที่หนักอึ้งก็เริ่มคล้อยลงพร้อมกับที่หัวเกือบจะโขกเข้ากับขอบโต๊ะ ไลลาลืมตาดึงตัวเองออกจากความงุนง่วงเห็นใบหน้าคมสันนั่งอยู่ตรงข้ามและมือของเขารับศีรษะของเธออยู่หญิงสาวลนลานรีบขยับนั่งตัวตรง
“ต้องส่งวันพรุ่งนี้เลยใช่มั้ยเธอถึงได้นั่งข่มตาอยู่ตรงนี้”
เสียงเข้มเอ่ยถามจ้องสาวน้อยที่นั่งตาปรือ ไลลาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ขยับลุกขึ้นยืนเขายังอยู่ในสภาพเดิมเพียงแค่ถอดเสื้อสูทออก ชายหนุ่มถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาถึงข้อศอกปลดกระดุมที่คอเผยเนื้ออกกำยำก่อนก้าวผ่านกองเอกสารไป
“ฉันจะชงชาให้รีบไปล้างหน้าล้างตาซะ”
“แต่ไลลาไม่...” ฮัซมานตวัดสายตาและใบหน้าดุดันกลับมามองเสียงค้านทำเอาคนท้วงชะงักรีบเก็บปากเก็บคำไม่กล้าพูดต่อ ทำไมเขาถึงทำตัวน่ากลัวกว่าแต่ก่อนจนเธอไม่กล้าคิดทำอะไรด้วยตัวเองอีกแล้ว
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น