3
Rrrr Rrrrr
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดึงความสนใจโยฮันจากการประชุมตรงหน้า ดวงตาคมปรายมองเบอร์โทรศัพท์ที่แสดงขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เขาต้องรับสายนี้
“เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกคุณไปจัดการทุกอย่างตามกำหนดการเดิม”
ผู้เข้าร่วมประชุมทยอยเดินออกจากห้องไป โยฮันจึงกัดรับสายในทันทีด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ผ่านไปเกือบสัปดาห์แล้วที่อเล็กลงไปจัดการพาตัวคนของดีแลนมาให้เขา มาคัสไม่ได้ติดต่อไปเร่งรัดแต่อย่างไร เพราะอเล็กอาสาไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียว โยฮันเองก็เงียบหายไปด้วย ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาอีก เงียบสงบจนน่าแปลก แต่ก็ถือว่าดี เพราะตอนนี้มาคัสมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจอย่างเต็มที่ เมื่อไม่มีเรื่องงานมาให้กังวล เพียงแค่รอให้เรื่องสนุกๆ เกิดขึ้น จนกระทั่ง...
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของมาคัสดังขึ้น เบอร์ที่โชว์นั้นไม่มีชื่อ และไม่ใช่เบอร์ที่มาคัสคุ้นเคย ถึงจะเป็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ตัดสินใจกดรับอยู่ดี
“สวัสดีครับ”
(“....”) แม้มาคัสจะกล่าวทักออกไปด้วยเสียงสุภาพ แต่ปลายสายกลับเงียบสนิท ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ตอบอะไรกลับมา ร่างโปร่งจึงตัดสินใจพูดทักออกไปอีกครั้ง
“สวัสดีครับ ได้ยินหรือเปล่า”
(“...ไงครับ ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเลย”) และแล้วอีกฝั่งก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่ฟังแล้วชวนหงุดหงิด แต่เป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคยไม่ต่างจากเบอร์โทรศัพท์เลยสักนิด คิ้วเรียวขมวดฉับเข้าหากันด้วยความไม่ชอบมาพากล
“ใคร?”
(“ลืมกันแบบนี้น่าเสียใจแย่ ทั้งที่เราเล่นกันสนุกออกแท้ๆ”)
....!!
จากประโยคที่ได้ฟังไม่ต้องเดาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร อาจเพราะเสียงที่คุยผ่านโทรศัพท์จึงทุ้มลึกแปลกไปจนมาคัสจำเขาไม่ได้ *...โยฮัน*
หมอนี่หาเบอร์โทรศัพท์เขามาจนได้
“คิดถึงกันหรือไงถึงได้โทรมา”
(“หึหึ คงจะอย่างนั้นมั้งครับ ผมไม่เห็นคุณมาที่นี่เลย หรือเป็นเพราะว่าช่วงนี้ธุรกิจไม่ค่อยดี?”)
คิ้วกระตุกด้วยความหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายจงใจกวนประสาทกัน ก็แล้วมันเพราะใครกันล่ะวะ มาคัสกัดฟันกรอด อยากถามออกไปใจจะขาดเมื่อถูกโยฮันจี้จุดเรื่องนี้เข้า แต่เขาจะไม่ยอมเต้นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการหรอกนะ
“ผมเห็นข่าวเรื่องที่โรงแรมคุณยุ่งๆ ก็เลยไม่อยากไปรบกวนช่วงนี้น่ะครับ อีกอย่างช่วงนี้ก็มีเรื่องแปลกๆ ด้วยสิ ดูเหมือนโรงแรมอื่นๆ ในนิวยอร์กจะไม่ค่อยต้อนรับผมเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ” มาคัสแสร้งทำเป็นพึมพำเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง ทั้งที่ความเป็นจริงอยากบอกให้อีกฝ่ายรับรู้เรื่องที่เขารู้ดีว่าเป็นเพราะการกระทำของใคร เสียงขำร่วนเบาๆ จึงไหลมาตามสายโดยที่ไม่เอ่ยปฏิเสธ
(“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้แวะมาหน่อยดีมั้ยครับ ถือว่าผมเชิญ ไหนๆ ที่อื่นก็ปฏิเสธคุณแล้ว ให้เดอะแลงแฮมดูแลคุณเอง”)
หึ... สารเชิญท้ารบอย่างนั้นหรือ
เรื่องอะไรเขาจะพลาดกันล่ะ ช่วงนี้เรื่องยิ่งเงียบๆ จนน่าเบื่ออยู่ด้วย
“ได้สิครับ ผมจะไป”
เพราะเหตุนั้น ตอนนี้ลูอิสจึงยื่นกระสับกระส่ายด้วยความไม่สบายใจอยู่ด้านหลังโต๊ะในห้องอาหารส่วนตัวของเดอะแลงแฮม โดยมีลูกน้องคนอื่นๆ อีกสามคนรออยู่ด้านนอก แม้ภายในจะไม่สบายใจ แต่ภายนอกกลับนิ่งสงบ ยืนจ้องหน้ากับชายชุดดำคนสนิทของโยฮันฝั่งตรงข้ามไม่วางตา
“อาหารอร่อยสมคำร่ำลือ ไม่ต่างจากชื่อเสียงของเล้านจ์เลยนะครับ” มาคัสเอ่ยปากชมเพราะอาหารที่นี่รสชาติดีถูกปากเขาจริงๆ แถมมื้อนี้ไม่ต้องจ่ายเสียด้วย
“เราได้พ่อครัวฝีมือดีมาน่ะครับ” โยฮันตอนรับคำชมด้วยรอยยิ้มที่ไม่บ่งบอกความหมายใดๆ
หากไม่มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาเกี่ยวข้องมาคัสคงนึกชื่นชมเจ้าของโรงแรมนี้ด้วยใจจริง เพราะบรรยากาศโดยรวม อาหาร และการบริการที่ไร้ที่ติทำให้ทุกอย่างลงตัวไปหมด อย่างน้อยๆ วันหนึ่งคงเรียกแขกได้ไม่ต่ำกว่าสิบยี่สิบห้องแน่ๆ และด้วยความใหญ่โตที่รับแขกได้ทีละมากๆ เดอะแลงแฮมจึงเป็นรายชื่ออันดับแรกๆ ที่คนนึกถึง แต่ชื่อเสียงอันดีกลับถูกเขาทำให้ด่างพร้อยไปเสียได้
แม้จะคิดแบบนั้นแต่มุมปากกลับกระดกเป็นรอยยิ้มพอใจในผลงานของตน
มือรวบช้อนวางลงเมื่อทานเสร็จ พลางเงยหน้ามองคนฝั่งตรงข้ามที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน บางทีเวลาแห่งการสวมหน้ากากควรจะหมดลงได้แล้ว
“ผมว่าคุณพูดธุระของคุณมาได้แล้วล่ะ ตอนนี้ผมอิ่มและอารมณ์ดีมากพอจะรับฟัง”
“รีบจังเลยนะครับ ทั้งที่คิดว่าจะเก็บเรื่องเครียดเอาไว้หลังของหวานแท้ๆ”
“ผมไม่สันทัดของหวาน”
“งั้นก็คงเหมือนกัน”
โยฮันส่งสัญญาณให้ไคล์เพื่อเรียกคนเข้ามาทำความสะอาดโต๊ะอาหาร ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย ดวงตาสีอ่อนเงยสบกับเจ้าของดวงตาสีเฮเซลนัทเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเริ่มก่อน เวลานี้รอยยิ้มจอมปลอมเลือนหายไปจากใบหน้าของมาคัสเรียบร้อยแล้ว
เช่นเดียวกับโยฮันที่เริ่มเอ่ยปากขึ้น
“ดูเหมือนว่าตอนนี้คนของนายกำลังเล่นสนุกอยู่ที่ดีทรอยต์”
มาคัสเลิกคิ้วให้กับสรรพานามที่เปลี่ยนไปด้วยความรวดเร็ว ดูท่าคงไม่อยากอ้อมค้อมกันสักเท่าไหร่แล้วสินะ
“จมูกดี” คนฟังชมกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ ยกขาขึ้นไขว่ห้างมือกอดอกหลังพิงพนัก แต่เอ...นั่นจะเรียกว่าเป็นคำชมได้หรือเปล่านะ มุมปากคนเจ้าเล่ห์ประดับด้วยรอยยิ้มการค้าประจำตัวอีกครั้ง
“จะไม่ดีเท่านี้หรอก ถ้ามันไม่ได้กำลังทำให้เพื่อนเก่าของฉันเดือดร้อน นายจะเรียกตัวหมอนั่นกลับมาได้มั้ย”
ร่างโปร่งเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอออกมาตรงๆ
“เห็นทีคงยาก เพราะฉันไม่นิยมห้ามปรามความสนุกเล็กๆ น้อยๆ ของลูกน้องเสียด้วยสิ อีกอย่างเพื่อนเก่าที่ว่าของนายทำฉันเดือนร้อนไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ให้ชดใช้กันหน่อยน่าจะสาสม”
มาคัสหลีกเลี่ยงส่วนที่บอกว่าคนตรงหน้าก็มีส่วนเอี่ยวด้วย แถมเป็นส่วนหลักเชียวล่ะ แต่เพื่อให้อีกฝ่ายคิดด้วยตัวเองว่าถ้าอยากให้เขายอมถอย โยฮันก็ต้องยอมชดใช้
“อ้อ... อีกอย่างมันตัดนิ้วเท้าคนของฉันไป ให้มันสูญเสียอะไรไปบ้าง...ก็ไม่น่าเดือดร้อนมากนักหรอก”
“นิ้วเท้ากับชีวิตคน มันไม่เหมือนกัน” โยฮันเอ่ยขัดด้วยท่าทางเคร่งขรึมราวกับกำลังดุเด็กดื้อที่ไม่ยอมเข้าใจ
“ก็อยู่ที่มุมมองนั่นแหละนะ” มาคัสกอดอกตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน เขาไม่สนหรอกว่าอเล็กจะจัดการคนของดีแลนด้วยวิธีไหน แต่ถ้ามันทำให้โยฮันเดือดร้อนเหมือนอย่างตอนนี้ได้ เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง
“นายนี่มันเด็กน้อยไม่รู้จักโตจริงๆ”
คิ้วเรียวกระตุกทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายว่าอย่างสบประมาท แต่ถ้ามองอีกแง่ การที่หมอนี่เรียกเขาแบบนี้นั่นก็หมายความว่า...
“แล้วคนแก่กร้านโลกอย่างนายล่ะ ทำไมชอบสอดเรื่องของคนอื่น”
แทนที่จะโกรธที่ถูกว่าแก่ แต่โยฮันกลับหัวเราะร่วนขึ้นมาเบาๆ เมื่อถูกย้อนกลับอย่างเจ็บแสบทันทีทันควัน น่าประทับใจจริงเชียว “พยศจริงนะ แบบนี้ไงฉันถึงได้สนุก”
ท่าทางชอบใจของเขาทำมาคัสหุบยิ้มลงฉับอย่างหงุดหงิด นานๆ จะได้เจอคนนิสัยเหมือนกันแบบนี้สักที ...เซ็งชะมัด
“อย่าคิดว่าสนุกได้คนเดียวแล้วกัน” คอยให้ถึงทีฉันบ้างเถอะ... มาคัสคิดในใจ พลางทำท่าจะลุกขึ้นยืนเมื่อการพบกันครั้งนี้เริ่มไม่สนุกอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว “เอาล่ะ ถ้าเรื่องที่นายอยากพูดมีแค่นี้ฉันคงต้องขอตัวก่อน ในเมื่อมื้ออาหารจบลงแล้ว”
“ถ้านายตามตัวลูกน้องกลับมาโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ฉันอาจลามือจากเรื่องพวกนี้ก็ได้นะ”
มาคัสรู้ดีว่า ‘เรื่องพวกนี้’ หมายความว่าอย่างไร แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ยอมถอยง่ายๆ ก็ไม่ใช่มาคัสน่ะสิ
“อย่าเพิ่งลามือง่ายๆ น่า ในเมื่อนายทำให้ฉันว่างเพราะไม่มีงานทำ ฉะนั้นก็อยู่เล่นด้วยกันต่ออีกหน่อยเถอะ"
ร่างโปร่งหันไปส่งยิ้มให้กับคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเป็นการลาครั้งสุดท้าย แต่ขาที่เริ่มก้าวเดินกลับไปไม่ได้เมื่อมือแกร่งคว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อน เป็นเหตุให้ลูอิสที่เฝ้าดูอยู่แล้วผวาเข้าไปหวังจะคว้ามือข้างนั้นออกจากนายตน แต่กลายเป็นว่าเขากลับถูกฝ่ามือแกร่งของไคล์ที่ไวกว่าจับมือเขาเอาไว้ได้ก่อน
ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก โดยที่ทั้งสี่คนต่างมองคู่กรณีของตนด้วยความงุนงงปะปนไม่พอใจ
มาคัสหรี่ตามองคู่กรณีของเขาพลางดึงมือกลับแต่ฝ่ามือแข็งแรงไม่ยอมปล่อย ทั้งยังจับแน่นขึ้นราวกับท้าทายกันอย่างนั้น
"ถ้าอยากเล่นด้วยกันต่อ แล้วจะรีบกลับไปไหนล่ะ" โยฮันเอ่ยปากถามพลางกระตุกมือมาคัสจนร่างโปร่งเซถลาเข้ามาใกล้ แม้ลูอิสอยากจะเข้าไปช่วยนายของตนแค่ไหนก็ถูกไคล์ขวางเอาไว้อยู่ดี
"ทำบ้าอะไรของนาย!" มาคัสกัดฟันถามกลับไปด้วยความไม่พอใจ เพราะหากเมื่อครู่เขาไม่ขืนตัวไว้คงได้หล่นปุลงไปบนตักโยฮันแน่
"นั่งลงก่อนเถอะน่า ฉันยังมีเรื่องอยากจะพูดกับนายอีก" คราวนี้เจ้าของตัวตาสีเฮเซลนัทเลือกใช้เสียงอ่อนเพื่อสงบศึก มาคัสจึงยอมนั่งลงแม้ไม่เต็มใจ
อย่างไรเสียก็มาเพื่อหาอรรถรสอยู่แล้ว อยู่ต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไร
"มีอะไรก็ว่ามา"
โยฮันยิ้มรับท่าทางว่าง่าย (ขึ้นนิดหนึ่ง) ของร่างโปร่งตรงหน้าที่เขาเริ่มสนใจมากขึ้นทุกที พลางโบกมือเรียกบริกรเข้ามาเพื่อสั่งไวน์ราคาแพงที่สุดในเล้านจ์
"ฉันรู้ว่านายชอบดื่ม"
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองขวดที่บริกรถือเข้ามาที่โต๊ะด้วยความประหลาดใจ เพราะไวน์ที่โยฮันสั่งเป็นไวน์โปรดของเขาจริงๆ นั่นแหละ ทำให้สงสัยว่าหมอนี่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวของเขาบ้าง
"จะมอมกันหรือไง"
"ถ้าจะมอมนายไวน์ขวดเดียวคงไม่พอ ในเมื่อเบอร์เบิ้นยังทำอะไรนายไม่ได้" โยฮันหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากระทบกระเทียบมาคัส บ่งบอกให้รู้ดีกว่าครั้งนี้เขาไม่มีทางหลงกลคนเจ้าเล่ห์อีกแน่ แต่มีหรือที่มาคัสจะสนใจ รู้แล้วอย่างไร เพราะสุดท้ายเขาก็รอดมาอยู่ตรงนี้
"รู้แล้วก็เอาอะไรที่แรงกว่านี้มาสิ"
"วันนี้ฉันอยากคุยกับนายที่ยังมีสติครบถ้วน"
คนอายุน้อยกว่านั่งกอดอกไขว่ห้างมองไปทางอื่นอย่างหมดอารมณ์
คนคนนี้ยุยากจริง แถมยังเดาไม่ออกว่าภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยนั่นมีอะไรซ่อนอยู่ บางทีการต่อสู้กับคู่แข่งที่เก่งจนสมน้ำสมเนื้อเกินไปก็ไม่สนุกอย่างที่คิด เพราะโอกาสแพ้มีมากพอๆ กับชนะ
ซึ่งมาคัสไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
"ฉันรู้ว่านายชอบดื่มอะไรมากพอๆ กับรสนิยมอื่นๆ ของนายด้วย" คำว่าอื่นๆ ของโยฮันช่างไม่น่าไว้ใจจนมาคัสอดหันกลับมามองคนตรงหน้าไม่ได้
"หมายถึงเรื่องอะไร"
"เซ็กส์" โยฮันตอบกลับมาสั้นๆ ด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนคำที่เพิ่งพูดออกมาไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่กลับทำเอามาคัสเหยียดหลังตรงขึ้นมาทันที
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้" น้ำเสียงกดต่ำไร้แววล้อเล่นอีกต่อไป เพราะไม่คิดว่ารสนิยมทางเพศของเขามันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตรงไหน หรือไอ้คนเหยียดเพศบ้านี้จะเอาเรื่องนี้มาโจมตีเขา แต่นี่มันยุคไหนกันแล้ว!
"ฉันเป็นคนชอบพูดตรงๆ ไม่ชอบอ้อมค้อม เอาเป็นว่าฉันจะพูดกับนายตรงๆ เลยก็แล้วกัน" โยฮันหยุดคำพูดไปครู่หนึ่งพลางหยิบแก้วไวน์ที่บริกรรินให้ขึ้นจิบวางแก้วลง และโน้มตัวข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้กับมาคัสมากขึ้น "ฉันสนใจนาย"
ดวงตาสามคู่ที่อยู่ตรงนั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่ใช่สิ่งที่คาดคิดว่าจะได้ยิน มาคัสคิดว่าเขาจะต่อต้านเรื่องพวกนี้เสียอีก แล้วไหงกลับพลิกมาเป็นแบบนี้ไปได้
สนใจเขาเนี่ยนะ!!
สนใจบ้าอะไรวะ!!?
"แต่ฉันไม่ชอบเรื่องที่นายทำอยู่ เพราะฉะนั้นเลิกซะ" โยฮันไม่สนใจท่าทางตกใจเหล่านั้นและยังพูดเอ่ยสั่งออกไป จนมาคัสที่สมองตามไม่ทันยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อนด้วยความสับสน
เขาไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับเรื่องนี้นี่!
"เดี๋ยว... นี่กำลังพูดเรื่องบ้าอะไร"
"ไม่รู้หรือไงว่าสิ่งที่นายทำมันผิด อาวุธที่นายส่งออกไปฆ่าชีวิตคนบริสุทธิ์มากมายเท่าไหร่ อีกกี่คนที่ต้องสูญเสียบ้าน สูญเสียครอบครัวเพราะธุรกิจของนาย เงินสกปรกพวกนั้นย้อมด้วยเลือด สักวันมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวนายเอง"
"แล้วยังไง มันคือธุรกิจของฉัน เงินของฉัน นายไม่จำเป็นต้องมาเดือดร้อนแทน"
"ฉันเดือดร้อน เพราะฉันบอกแล้วไงว่าฉันสนใจนาย ฉันไม่อยากให้คนของฉันเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด"
"คนของนายบ้าอะไรวะ!! พูดจาไม่รู้เรื่อง" มาคัสทำท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะอีกครั้ง แต่กลับถูกมือแกร่งดึงเอาไว้ได้ก่อน ลูอิสจึงรีบถลาเข้ามาหานายตนทันที
"ไคล์ พาคุณชุดดำคนนี้ออกไปเดินเล่นหน่อยสิ ฉันอยากคุยกับมาคัสตามลำพัง" ไคล์เดินเข้ามารวบตัวลูอิสออกไปทันที แม้เจ้าตัวจะพยายามดิ้มหนีแต่ก็สู้แรงคนตัวใหญ่และร่างหนากว่าอย่างไคล์ไม่ได้ มาคัสมองลูกน้องถูกลากออกไปด้วยความเจ็บใจ
"ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่" กัดฟันกรอดถามคนตรงหน้า บิดข้อมือหนีออกจากพันธนาการแต่ไม่สำเร็จ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแข็งกร้าวอย่างไม่เป็นมิตร ถ้าตั้งใจออกกำลังกายมากกว่านี้ก็ดีสิ!
“อย่าพยศไปเลยน่า ...เด็กดี ฉันจะสอนนายเองว่าการทำธุรกิจในที่สว่างมันเป็นยังไง มันจะเป็นผลดีกับตัวนายเองนะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง!!!” มาคัสตวาดประโยคยียวนนั่นกลับไป
เด็กดีบ้าบอคอแตกอะไรวะ เขาเกลียดคนที่กวนอารมณ์กันด้วยท่าทางนิ่งๆ แบบนี้ที่สุด!
“รั้นอย่างนาย ต้องเจอไม้แข็งแบบฉัน”
“อายุปูนนี้แล้วยังแข็งไหวอีกเหรอ!”
โยฮันชะงักไปนิดเมื่อถูกสวนกลับมาอย่างสบประมาท เขาอายุมากกว่าก็จริง แต่ไม่ได้แก่มากขนาดนั้นเสียหน่อย ดูได้จากบรรดาผู้ชายและผู้หญิงที่เข้าแถวมาให้เลือกจนไม่ขาดสายแต่โยฮันไม่เคยชายตาแล จะว่าไปก็แปลกแฮะ...
ไอ้เด็กนี่มันมีอะไรดีให้เขาสนใจ....?
ชักอยากลองเล่นด้วยให้มากกว่านี้อีกหน่อยแล้วสิ
โยฮันลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองช้าๆ โดยยังไม่คลายแรงบีบรัดที่ข้อมืออีกฝ่ายออก และเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของมาคัสพลางโน้มตัวลงมาใกล้จนร่างโปร่งถอยไปติดกับพนักพิงเก้าอี้
หัวใจมาคัสเต้นแรงระรัวเมื่อดวงตาสีเฮเซลนัทวาววับอยู่ใกล้เพียงช่วงลมหายใจ ทั้งที่เขาชอบเรื่องสนุก แต่ดูท่าว่าครั้งนี้จะไม่เป็นอย่างที่คิดเสียแล้ว ร่างโปร่งถูกตรึงแน่นด้วยประกายบางอย่างในดวงตาสีทอง อำนาจเคลือบแฝงเกาะกุมแน่นจนไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงนิ่งรับรอสิ่งที่กำลังโน้มลงมาหาเท่านั้น
สัมผัสเย็นชืดแนบลงบนริมฝีปากจนดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง สติถูกดึงกลับเข้าร่างในทันทีแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อฝ่ามือแกร่งจับมือทั้งสองข้างของเขารวบรัดเข้าไว้ด้วยกัน อีกข้างดึงรั้งต้นคอเข้าหาจนไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ มาคัสพยายามขืนไว้จนสุดแรง ปิดปากแน่นไม่ให้ถูกร่วงล้ำ ฟันคมขบกัดเบาๆ ดูดดึงริมฝีปากของเขาให้คลายออกแต่มาคัสปฏิเสธ มือที่รั้งอยู่หลังคอจึงเปลี่ยนตำแหน่งมาบีบแก้มให้เขายอมคลาย ซึ่งความเจ็บทำให้มาคัสจำยอมด้วยความไม่เต็มใจ ลิ้นสากจึงสอดแทรกเข้ามาสำรวจโพรงปากเขาในทันที
"อื้ออออ!" คนถูกฉวยโอกาสแตะขาไปมาแต่ก็ถูกคนแข็งแรงกว่าใช้เข่าทั้งสองข้างคร่อมหนีบขาไว้
ลิ้นสากตวัดไล้เข้าหาลิ้นเขาอย่างเอาแต่ใจ จนมาคัสนึกแผนบางอย่างได้ในใจ
อยากได้มากนักใช่มั้ย... ได้ เอาไปเลย
มาคัสยอมโอนอ่อนให้โยฮันรัดรึงลิ้นเขาได้สำเร็จ โดยที่ร่างสูงชะงักไปนิดอย่างแปลกใจ แต่เมื่อรู้ตัวเข้าก็สายไปเสียแล้วเมื่อฟันคมกัดลงบนลิ้นของเขาเต็มแรง กลิ่นคาวเลือดจำกายภายในปากทันที แต่โยฮันกลับไม่ยอมถอยเมื่อมาคัสปล่อยลิ้นเขาแล้ว กลับรุกไล่ดูดกลืนอย่างหนักหน่วงจนคนถูกช่วงชิงลมหายใจหอบหนัก เล็บจิกลงบนมือที่กำอยู่แน่น จนเมื่ออีกฝ่ายตักตวงจนพอใจจึงยอมปล่อบริมฝีปากของเขาให้เป็นอิสระ
กลิ่นคาวเลือดยังคงคละคลุ้งอยู่ในปากของทั้งคู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดมาคัสยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นไวน์บนปลายลิ้นของไอ้คนบ้าอยู่เลย
โยฮันจ้องริมฝีปากบวมแดงของคนตรงหน้าด้วยความพอใจ ไหนจะยังแรงหอบจนใบหน้าขาวใสแดงก่ำ แค่นั้นก็ทำเอาเขาอยากรังแกไอ้เด็กพยศนี่อีกซักรอบ แต่ดูท่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วล่ะ คิดได้ดังนั้นจึงโน้มตัวเข้าหาอีกครั้ง ก่อนกระซิบถ้อยคำใกล้ๆ
"ถึงฉันจะแก่..." ดวงตาสีอ่อนเลื่อนมองลงต่ำไปยังกลางกายของมาคัสที่มีบางอย่างแปลกไป "...แต่ก็ทำให้นายแข็งได้ก็แล้วกัน"
จบคำพร้อมรอยยิ้มร้าย ทำเอาคนฟังหน้าแดงก่ำไล่ระดับขึ้นมาด้วยความอับอายทันที
50%
>>>>
น้องโดนคนแก่รังแกกกกกก ><
งื้อออออ