ยูจองกุมมือจีฮุนที่กำลังขับรถอยู่แน่นและซบไหล่อีกคน
“นึกว่าเชมเปญแต่ไม่กี่แก้วคงไม่เป็นไร... แต่ก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ยังไงพวกเรา... ก็หลับนอนใต้ชายคาเดียวกันแล้ว”
“หลับนอนเหรอ ใครฟังก็ดูน่ากลัวนะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ถูกขวางการแต่งงานหรอก”
“ถ้าฉันถูกกีดกันเรื่องแต่งงาน ที่รักก็รับผิดชอบฉันได้นี่”
“ผมเหรอ ฮ่า! ผมจะบังอาญไปรับผิดชอบโรแมนติกคอมเมดีควีน รักแรกแห่งชาติได้ยังไง ยิ่งกว่านั้น ผมเองก็ถูกนักข่าวจู It’s fact ลงข่าวแล้วก็จับตามองอยู่เรื่อยๆ”
“ประธานคังของพวกเราเซนส์ดีกว่าเสาสัญญาณของนักข่าวจูเป็นร้อยเท่าเลยล่ะ แต่ประธานคังน่ะ ไม่รู้สึกถึงเรื่องระหว่างฉันกับที่รักเลยสักนิด”
“แล้ว...ถ้าถึงวันที่ประธานคังแชกยองรู้เรื่องขึ้นมาล่ะ”
“ก็ถ้าพี่แชกยองโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็... น่ากลัว แต่ไม่ต้องห่วงหรอก มีหลายคู่ที่ยังมีข่าวลืออยู่ ทั้งยูจีอึน ชายองจุน ยังฮีซู ชเวมินฮยอก ยุนแทฮี ชูโดยุน ก็นางสาวย. นายช. กันทั้งนั้น”
“ใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่พวกเราหรอกเนอะ”
“ต้องแอบคบกันแบบนี้... ทนรออีกหน่อยนะ ถึงงานจะสำคัญ แต่สำหรับฉันน่ะ ที่รักสำคัญกว่าอีก ไว้ถ่ายหนังฮอลลีวูดเสร็จ... ยังไงก็จะไม่ให้รอนานแน่ๆ”
“อ๋อ...อืม ก็ได้”
ยูจองคิดว่าจีฮุนที่ยังมีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงอยู่คนละระดับกับเธอเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กำลังกังวลว่าถ้าเรื่องของพวกเราจะเปิดเผยขึ้นแล้วจะสร้างความเสียหายให้กับยูจอง ดังนั้นเธอจึงยิ่งรู้สึกขอบคุณจีฮุน และรู้สึกขอโทษที่ต้องคอยหลบซ่อนเป็นเงา
ต่างคนต่างความคิด
ถึงจีฮุนจะรู้สึกขอบคุณ มันเป็นเพราะยูจองเขาถึงได้ขึ้นไปถึงระดับพระเอก ทั้งๆ ที่เพิ่งเล่นหนังได้แค่ไม่กี่เรื่อง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอครอบครองแล้ว ยูจองน่ะเวลาจะเปิดกระเป๋าสตางค์ทีก็ขี้เหนียว จะสกินชิพเบาๆ ทีก็ตัวสั่นเทิ้มไปหมด มันทำให้เขารู้สึกเบื่อมานานแล้ว ไว้หลังจากที่เกาะยูจองจนไปจนฮอลลีวูด ซึ่งถ้าจะใช้เพียงแค่ความสามารถและพยายามของตัวเองมันก็แสนไกล แล้วค่อยเลิกก็แล้วกัน ทว่าเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้กลับมีตัวแปรที่เขาไม่คาดคิดเกิดขึ้น แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำยังไง แต่วันนี้เป็นสุดท้าย คืนนี้คำตอบจะปรากฎออกมา
* * *
อูฮยอนกำลังขับรถและฟังซิมโฟนีหมายเลขห้าของบีโทเฟ่นที่ดังออกมาจากวิทยุ เขาหยิบกล่องเล็กๆ ที่ใส่เข็มกลัดไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเอาไปใส่ไว้ในลิ้นชักเก็บของในรถ
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาเจ้าของของแกให้ได้ อยู่ตรงนี้จนถึงเวลานั้นแล้วกันนะ”
มีนาฬิกาทรายวางไว้ตรงหน้าที่นั่งคนขับ
“อีกสิบห้านาทีคงถึงโรง’บาล คงไม่มีคนไข้วีวีไอพีที่ติดต่อมาเมื่อคืนแล้วนัดตรวจเจ็ดโมงเช้าหรอกนะ ผู้ป่วยฉุกเฉินก็ไม่มี… จะได้ไม่ต้องเจอพวกคนไม่มีมารยาทที่คิดว่าจ่ายเงินไปเยอะแล้วจะทำอะไรตามใจก็ได้”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และชื่อที่ขึ้นโชว์คือ ‘แม่’ อูฮยอนจึงรับโทรศัพท์ด้วยบูลทูธ
[ลูกชาย~ กำลังไปทำงานเหรอจ๊ะ]
“แม่รู้ได้ไงว่าวันนี้ผมเข้างานไว”
[หืม... อ๋อ...ก็กลับไปบ้านแล้วไม่เห็นรถน่ะ… รถเป็นไง ถูกใจใช่ไหม]
“นี่ไม่ใช่ว่ามันแพงมากหรอกเหรอครับ แม่เอาเงินมาจากไหน...”
[ไหนๆ ก็จะให้เป็นของขวัญแล้วก็ต้องหาของขวัญที่เหมาะสมกับเจ้าของสิ ลูกมีสิทธิ์จะขับรถระดับนั่นแหละ ไม่ต้องพูดมากแล้ว...ขับรถระวังนะลูก ถ้าในอนาคตมีแฟน...]
“จู่ๆ ก็พูดเรื่องแฟนอะไร... ตั้งใจจะย้ายออกไปด้วยกันแท้ๆ กลับขนของไปก่อนเฉย... แต่งงานกับผู้ชายที่อายุห่างกับลูกชายสิบแปดปีนี่มันดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
[มันเป็นความโรแมนติกครั้งสุดท้ายที่เข้ามาในชีวิตแม่นี่หน่า จะพลาดได้ไง... แม่มีความสุขดี ตอนนี้หวังแค่ให้ลูกชายได้แต่งงานเท่านั้นแหละ ฟังคำขอสุดท้ายของแม่ทีนะ ได้โปรด~]
“ถ้าแม่แต่งงานครั้งนี้สำเร็จได้ ตอนนั้นค่อยคิดแล้วกันนะครับ ถ้าอยากให้ลูกชายแต่งงาน ครั้งนี้ก็ต้องอยู่อย่างมีความสุขจนถึงที่สุดอย่างไม่มีข้อแม้เลยนะครับ”
[แม่จะจดทะเบียนสมรสอยู่แล้ว ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็แต่งเถอะนะ อ้อ วันนี้เป็นวันจ่ายงวดสุดท้ายของบ้านที่จะย้ายไปด้วยใช่ไหม]
“เงินงวดสุดท้ายกับเอกสาร ผมจะไปติดต่ออสังหาฯ แล้วจัดการให้ ไม่ต้องห่วงครับ”
[เข้าใจแล้วจ้ะ คือ...ลูกชาย ถ้าแม่แต่งงานใหม่แล้ว คลายความบาดหมางกับพ่อ เรื่องจัดการทะเบียนบ้าน...]
“ผมมีพ่อที่ไหนกันล่ะครับ ทำไมชอบพูดเรื่องที่ผมไม่คิดจะพูดบ่อยๆ ... ถ้ายังพูดเรื่องนี้อีกแค่ครั้งเดียว ผมจะไม่ไปเจอแม่แล้วนะครับ วางนะครับ”
คิ้วของอูฮยอนขมวดเข้าหากันเต็มที่จนอธิบายความรู้สึกแทนได้ละเอียด ถ้าอูฮยอนโมโหเมื่อไหร่ก็มีสีหน้าแบบนี้ออกมา แล้วเขาก็เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทาง คำว่า ‘พ่อ’ สำหรับอูฮยอนแล้วเป็นคำที่อ่อนไหวจนกดสมอง… หากอูฮยอนเครียดมากเมื่อไหร่เลือดกำเดาก็จะเทออกมา อูฮยอนตกใจควานหากระดาษทิชชู่ในที่เก็บของแต่ก็ไม่เจอ
“เลือดกำเดาในรอบสามปีนี่นะ เฮ้อ...แถวนี้เหมือนจะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ร้านนึงหนิ...”
* * *
รถยนต์ของจีฮุนหยุดลงหน้าร้านสะดวกซื้อ
“มีคนรู้จักที่รักเยอะกว่านี่หน่า ให้ผมไปไม่ดีกว่าเหรอ”
“คนเขาคงไม่คิดหรอกว่าจะมาเห็นฉันเดินเตร็ดเตร่ในสภาพยุ่งเหยิงแบบนี้”
“แล้ว... ตรงประตูร้านก็มีโปสเตอร์โฆษณาของที่รักติดอยู่ด้วย จะไม่เป็นอะไรเหรอ”
“ตอนนี้ฉันต่างจากภาพลักษณ์ของฉันไปมาก แปบเดียว อ้อใช่ ที่รัก ฉันมีแค่หมื่นวอนเองอะ ผู้จัดการเอากระเป๋าตังฉันไปด้วย…”
“มีแค่หมื่นวอนเหรอ เชื่อใจผู้จัดการแล้วไปฝากกระเป๋าตังไว้แบบนั้นได้ยังไง อย่าทำอีกนะ”
“ทำงานร่วมกันก็ต้องเชื่อกันสิ ฮยอนซูทำงานกับฉันมาสามปีแล้วนะ เป็นคนดีมาก เดี๋ยวมานะ”
พอยูจองลงรถจากรถไป ใบหน้าของจีฮุนก็เต็มไปด้วยความสมเพช
“กระเป๋าตังอยู่ในมือผู้จัดการ ทรัพย์สินกับบริษัทอยู่ในมือคังแชกยอง...ใส่ซื่อหรือโง่กันแน่เนี่ย งั้นยัยนี่ก็อยู่ในมือฉันด้วยล่ะสิ วางท่าแบบนั้นแต่ก็ยังไม่ซื้อรถสักคัน… ถ่ายโฆษณาแค่ครั้งเดียวก็ซื้อได้แล้วแท้ๆ…”
ตอนนั้นรถตำรวจจราจรที่ผ่านมาก็เห็นรถของจีฮุน จึงใช้โทรโข่งพูดให้นำรถออก
[ทะเบียนหนึ่งสองเคเอ สามสี่ห้าหก จอดรถในที่ห้ามจอดครับ กรุณานำรถออกด้วย]
จีฮุนจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีนะ... เขาสอดส่องภายในร้านสักครู่ แต่เมื่อรถตำรวจเข้ามาใกล้ๆ ก็เลยต้องเคลื่อนรถทันที จีฮุนขับรถออกไป และรถตำรวจก็ผ่านไปด้วย
* * *
“อะไรอะ ยุนยูจองเข้าไปในร้าน แล้วชเวจีฮุนก็ไปคนเดียวเฉยเลยเหรอ”
“ผู้จัดการยุนยูจองจะมารับหรือเปล่า’
มินอากับนักข่าวนัมที่ตามยูจองกับจีฮุนมา ก็หยุดชะงักพร้อมกันแล้ววางกล้องจ้องสองคนนั้น งุนงงว่านี่มันเป็นสถานการณ์อะไร
“หืม... ชเวจีฮุนกลับมาอีกแล้วครับ รุ่นพี่ขอดูกล้องหน่อยนะครับ รถคนนั้นเป็นรถของชเวจีฮุน แต่คนที่รถจากรถมาเป็นคนอื่นหนิครับ”
มินอารับกล้องจากนักข่าวนัมมาส่องดูบ้าง
“ไหนคนอื่น ไม่เห็นมีใครเลย เข้าไปในร้านแล้วเหรอ”“
“เหมือนจะเข้าไปรับยุนยูจองในร้านนะครับ ไม่ใช่ผู้จัดการยุนยูจองด้วย... หรือผู้จัดการชเวจีฮุนเหรอ หน้าตาคุ้นๆ…”
นักข่าวนัมมัวแต่นึกแล้วเอียงคอไปมา ส่องมินอาดูในกล้อง ตั้งใจจะมองให้ชัดกว่านี้อีกหน่อยจึงขยับนู้นนี่ไปมา
* * *
ในร้านสะดวกซื้อ
ยูจองกดหมวกที่ใส่ให้มิดชิดขึ้นและกำลังยืนมองตู้แช่เย็นของร้าน หลังจากเข้าวงการมา เธอไม่เคยมาซื้อของที่มินิมาร์ทหรือร้านสะดวกซื้อคนเดียวเลย ดังนั้นอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เธอก็ไม่รู้ทั้งนั้น แต่หากใจร้อนก็คงยิ่งหาไม่เจอ… สุดท้ายยูจองก็เปลี่ยนน้ำเสียงของตัวเองแล้วถามพนักงาน
“คุณลุงค่ะ! มีโซดาจากฝรั่งเศสไหมคะ แล้วก็อยากได้โยเกิร์ตที่ไม่มีน้ำตาลด้วย…”
ยูจองถือของที่พนักงานหามาให้แล้วจะเดินไปชำระเงินที่แคชเชียร์ ส่วนอูฮยอนเดินเฉียดยูจองเข้ามาในร้าน
* * *
ยูจองเปิดประตูร้านออกมาแล้วขึ้นไปนั่งบนรถทันที แต่ไม่เห็นจีฮุนที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับ
“ไปไหนนะ ไปห้องน้ำเหรอ”
ยูจองเปิดดื่มเครื่องดื่มที่ซื้อมาจากร้าน หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วจะโทรไปหาจีฮุน แต่ก็มีผู้ชายแปลกหน้าจะเปิดประตูมานั่งฝั่งคนขับ เธอตกใจจึงกดล็อกประตูรถแล้วทำโทรศัพท์ร่วง มือเธอสั่นจนหยิบมันไม่ได้
“สตอล์กเกอร์อีกแล้วเหรอ รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ตามไปจนถึงบ้านคุณจีฮุนเลยเหรอ ทำไงดี… ฮือ กลัว… คุณจีฮุนไปไหนของเขาเนี้ย~~”
* * *
อูฮยอนใช้ทิชชู่ที่ซื้อมาจากร้านปิดจมูก แล้วก็มัวแต่แหงนหน้ากดเลือดที่ไหล ตอนเดินออกมาจึงไม่เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับ แต่พอจะขึ้นรถ ใครบางคนที่อยู่ข้างในรถก็กดล็อกประตูเสียอย่างนั้น เมื่อมองเข้าไปภายในรถ ก็เห็นผู้หญิงแปลกๆ กำลังนั่งอยู่
“ผู้หญิงคนนั้น อะไรเนี่ย ทำไมมาขึ้นรถคนอื่นแล้วยังล็อกประตูอีก เดี๋ยวนะ… ตอนนี้ฉันกำลังโดนผู้หญิงคนนั้นขโมยรถเหรอ”
อูฮยอนจับหลังคออย่างไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาเพิ่งได้รถยนต์คันแรกในชีวิตของตัวเอง แต่กลับมีโจรขโมยรถโผล่มาในตอนรุ่งเช้า ‘บนโลกก็เป็นเช่นนี้’ จริงๆ ก่อนอื่นขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อน อูฮยอนเดินไปที่ฝั่งข้างคนขับ แล้วใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปยูจองไปหลายช็อต
“ใส่ยันหน้ากากปิดตาปิดหน้า นี่มันโจรขโมนรถไม่มีผิดเพี้ยนเลย กะไม่ให้เห็นอะไรเลยสินะ นี่รู้ว่าเป็นรถใหม่แล้วไล่ตามมาตั้งแต่บ้านเลยงั้นเหรอ”
อูฮยอนถ่ายรูปยูจองด้วยโทรศัพท์มือถือ ส่วนยูจองใช้แขนปิดหน้าและก้มหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
“สตอล์กเกอร์นี่ยังจะอยากถ่ายรูปฉันในสถานการณ์นี้อีกเหรอ… ทำไมทำกับฉันแบบนี้คะ จริงๆ เลย~”
อูฮยอนกระชากประตูฝั่งคนนั่งแล้วกวักมือให้เธอลงมาเร็วๆ
“นี่ โจรขโมยรถ! ลงมาจากรถฉันเดี๋ยวนี้ ที่เธอตั้งใจจะขโมยรถน่ะมันถูกถ่ายไว้ในกล้องวงจรปิดตรงประตูร้านกับโทรศัพท์ฉันหมดแล้ว จะให้โอกาสนะ ลงมามอบตัวซะดีๆ”
ใครเป็นโจรขโมยรถนะ ใครกันนะ ฉันเหรอ ยุนยูจอง นักแสดงแห่งชาติเนี่ยนะ
ยูจองอึ้งจนพูดไม่ออกกับคำพูดของอูฮยอน เธอเงยหน้ามามองนอกหน้าต่าง ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้ยกร่มหน้าร้านมาทุบกระจกหรอกใช่ไหม เธอกลัวมากจนหวีดร้องออกมา
“อ๊า! สตอล์กเกอร์~! แม่จ๋า! ช่วยหนูด้วย~”
อูฮยอนหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงของยูจอง
สตอล์กเกอร์?! ใคร ฉันเหรอ