ความแน่วแน่ของลีนาและแผนที่วางไว้นั้น ล้มเหลวตั้งแต่ต้น
ในตอนที่ตื่นขึ้นมา น้ำหนักข้างๆ ตัวที่เขารู้สึกได้ก็คือเบ็น ลีนาไม่ลังเลเลยว่าน้ำหนักนี้เป็นของใคร มันชัดเจนว่าเป็นเบ็น หลักฐานนั้นแม้ลีนาที่ยังไม่ลืมตาก็รู้ได้ว่าไม่ใช่หนึ่งในลูกน้อง หรือลุงพุงพลุ้ย หรือคนเมา มันแน่นอนมากว่าเป็นเบ็น
ถ้าไม่แน่ใจก็ลองเช็กดูหน่อยดีไหมนะ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและคนข้างๆ ก็คือเบ็นอย่างที่คิดไว้ แม้ว่าใบหน้าด้านข้างของเบ็นที่เริ่มใส่แว่นกรอบพลาสติกตั้งแต่เมื่อสองเดือนที่แล้วจะยังไม่คุ้นตา แต่ตำแหน่งที่ใส่แว่น หากให้อธิบายก็คงเพราะจมูกสูงโด่งจึงทำให้มีระยะห่างจากแก้มมาก จนทำให้สามารถมองเห็นดวงตาสีซัฟไฟร์บลูได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากที่คมชัดก็ทำให้จำได้ว่าคนข้างๆ คือเบ็น
อีกฝ่ายกำลังอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ ลีนาถูกหลอกอีกครั้งด้วยภาพลักษณ์นี้ หากเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝันจริงๆ เขาก็อยากจะย้อนกลับไป ถึงตอนที่เขาตื่นขึ้นมากลางดึแล้วไม่มีอีกคนอยู่ข้างๆ และแอบลงไปอยู่ที่มุมบันไดจนรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนรัก ลีนาหวังอย่างโง่ๆ ว่าอยากให้ตั้งแต่ช่วงเวลากลางดึกวันนั้นคือฝันไป และในตอนนี้คือเช้าอีกวัน
ไม่ได้สินะ ลีนากลับมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เบ็นในอดีตและปัจจุบันไม่ต่างกัน อีกคนกำลังพลิกหน้าหนังสือพลางนั่งพิงหัวเตียงอย่างสบายๆ ไม่ต่างจากเมื่อก่อน และเมื่อเห็นลีนาตื่นนอนก็ยิ้มออกมา
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อื้อ...”
แม้ว่าจะยังคงระแวงอยู่ แต่ลีนาก็ยืดแขนไปทางเบ็น และเมื่อทำแบบนั้น คนรักก็วางหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ลงในทันที ก่อนจะเข้ามากอดเขาไว้แนบอก แผ่นอกกว้างและหนา อีกทั้งยังอบอุ่น ลีนาซุกหน้าลงและสูดดมกลิ่นของเบ็นที่เขาหลงใหล ชอบ ชอบมากๆ ตั้งแต่กลิ่นจนถึงอุณหภูมิ ตั้งแต่ร่างกายจนถึงอ้อมกอด ทุกๆ ส่วนของผู้ชายที่เขารัก
“เบ็น...”
ลีนาเรียกอีกคนด้วยเสียงอันลุ่มหลง เป็นน้ำเสียงที่ลุ่มหลงอย่างเต็มเปี่ยม
“…จูบผม”
ทำให้แบบที่ไม่จำเป็นต้องร้องขอ
เบ็นทำให้คำขอของลีนาเป็นจริงในทันที ทั้งสองแลกจูบกันอย่างราบเรียบในอ้อมกกอดแน่น การไม่แลกลิ้นกันในมอร์นิ่งคิสนั้น เป็นกฎของคู่พวกเขาเมื่อนานมาแล้ว หากไม่อย่างนั้นก็คงนอนเกลือกกลิ้งกันตั้งแต่เช้า ลีนาบิดสะโพกตามการขบกัดริมฝีปากล่างและการไล่จูบบริเวณรอบๆ ริมฝีปากของเบ็น ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากการปลุกเร้าเลยสักนิด
ไม่ว่าจะเป็นฝันหรือไม่ก็ตาม แต่ช่วยยืดเวลาในตอนนี้ออกไปอีกจะได้ไหมนะ ในตอนที่สะลึมสะลือนั้นง่ายที่จะหาข้อตกลงร่วมกัน ใครๆ ก็ไม่อยากจะเจอเรื่องเจ็บปวดหรือเรื่องแย่ๆ กันทั้งนั้น ถ้าหากเรื่องทั้งหมดเป็นความฝันไม่ได้ ก็ขอให้ตอนนี้เป็นฝันก็พอแล้ว ลีนาภาวนาด้วยใจจริง เขาโอบกอดรอบคอเบ็นแล้วหลับตาลง เขาดีใจที่ได้เจอกับความฝันอันแสนสุขแม้เพียงแค่วินาทีเดียวก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเวลาแค่สิบวินาที แต่เขาก็สามารถทำให้สิบวินาทีนั้นยาวนานราวกับสิบปีได้
“ลูเซ่”
เบ็นกระซิบที่ข้างหูลีนาที่กำลังมัวเมาอย่างเต็มเปี่ยม ชื่อเรียกที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ชื่อที่ในตอนนี้ก็ยังมีเพียงแค่เบ็นคนเดียวเท่านั้นที่จะเรียกได้
“ผมมีเรื่องที่จะต้องไปโรมสองสามวันนะครับ ไม่ต้องกังวลนะ ไม่ใช่เป็นเรื่องพิเศษอะไร ผมจะกลับมาทันทีที่งานเสร็จครับ”
“…โรมเหรอครับ”
“ครับ มีเรื่องที่จะต้องจัดการที่วอนโต้นิดหน่อย”
เบ็นกดจูบลงบนขมับของลีนาหลังจากพูดจบ ลีนาถูไถแก้มกับอกเบ็น แล้วสูดกลิ่นของคนรักเข้าไปเต็มปอดอีกครั้ง
“อยากกินอะไรก็บอกนะครับ จะเตรียมไว้ให้ทุกอย่างเลย”
“อืมม...”
“ถ้ามีอะไรจะบอกก็โทรมาได้ตลอดเลย ผมเตรียมโทรศัพท์ใหม่ไว้ให้แล้วครับ”
โอเค เตรียมโทรศัพท์ใหม่ไว้ให้...
ว่ายังไงนะ
คีย์เวิร์ดที่ทำให้เขาตื่นจากความฝันกลับมาสู่ความจริงไม่มีอะไรมากเลย แค่คำพูดที่บอกว่าจะเตรียมโทรศัพท์ใหม่ไว้ให้ก็ทำให้ลีนาลืมตาขึ้น ที่เขารู้คือโทรศัพท์เขาไปอยู่ที่คนอื่นสักพักแล้ว และหลังจากนั้นเขาก็อยู่โดยไม่มีโทรศัพท์มาตลอด เพราะไม่มีเรื่องราวอะไรที่จะต้องใช้มัน
“…เบ็น”
“อ่า แล้วก็”
ยิ่งกว่าความสับสนของลีนาคือความรวดเร็วในการแสดงความเป็นเจ้าของของอีกคน เบ็นจ้องมองลีนาและยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มอันสมบูรณ์แบบของชายที่ราวกับประติมากรรม ไม่มีร่องรอยความผิดพลาดหรือรอยด่างพร้อยใดๆ
ยิ่งไปกว่านั้นคือความสามารถที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเผลอไผลอย่างลืมตัว
“อย่าคิดที่จะหนีล่ะครับ”
แล้วก็ล็อกกุญแจมือที่ข้อมือของลีนาไว้
ถูกหลอกแล้ว แต่เมื่อคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว เบ็นลุกขึ้นในทันที ที่ว่างบนเตียงค่อยๆ เย็นลง ลีนาเหม่อลอย นี่มันอะไรกันนะ เขาถูกหลอกในชั่วพริบตาเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วอีกฝ่ายเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่ก่อนเขาจะหลับไปด้วยซ้ำ
ลีนาพลาดท่าให้ภายในเสี้ยววิ ข้อมือของเขาถูกใส่กุญแจมือไว้ โซ่ระหว่างสองมือของเขานั้นยาวประมาณสามสิบเซ็นติเมตร และยังถูกเชื่อมไว้กับเสาเตียงอีก อย่างน้อยยังดีที่ความยาวของโซ่น่าจะประมาณสามเมตร แปลว่าแม้จะใส่กุญแจมือก็ยังสามารถเดินไปทั่วห้องได้ แต่ก็ไม่สามารถออกไปจากห้องนอนได้อยู่ดี ลีนาได้รับอิสระแค่เพียงในห้องนอน แค่ที่นั่นเท่านั้น
นี่มันเป็น ‘เบ็น’ เอามากๆ ลีนาฝืนหัวเราะออกมา
เบ็นหายไปจากสายตาของลีนานานแล้วหลังจากคำบอกลาสุดท้าย ในที่สุดก็เหลือลีนาเพียงคนเดียว จนถึงตอนนั้นลีนาก็ยังคงไม่ได้คิดอะไร ถ้าให้พูดจริงๆ คือเขาคิดอะไรไม่ออกเลย เขาพยายามที่จะหนีไป... แล้ว เมื่อกลับมานึกถึงความจริง มันมีอุปสรรคเยอะเกินไป
อย่างแรกคือกุญแจมือ ถ้าปลดออกก็คงจะสามารถไปที่ไหนก็ได้ แม้ว่าจะเขาไม่ได้คิดว่าจะเป็นเหมือนครั้งก่อน แต่หากวิ่งไปทั้งกุญแจมือมันก็เป็นการสร้างเรื่องน่าตกใจซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อน
อย่างที่สอง บอดี้การ์ดที่มากกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า มองจากหน้าประตูที่แง้มออกก็รู้ได้ว่ามีพวกมาเฟียอยู่อย่างมากมาย
อย่างสุดท้ายคือหน้าต่างที่ถูกปิดแน่น ที่ไม่ว่าจะพยายามจะเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด หากมองดีๆ จะเห็นซิลีโคนเชื่อมอยู่ในช่องว่างทั้งหมด แน่นอนว่าหากทุบกระจกออกไปคนอื่นก็จะแห่เข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง
พังหมดแล้ว
สิ่งที่ดีกว่าครั้งที่แล้วก็คงมีเพียงเขาได้ใส่เสื้อผ้าอย่างเรียบร้อย ลีนากำลังใส่ชุดนอนของเบ็นอยู่ ชุดนอนผ้าไหมสีขาว เป็นของขวัญที่เขาเลือกเองในวันเกิดของเบ็น หรือนี่จะเป็นการตำหนิเขาที่ใส่ชุดนอนของเปาโลกันนะ คิดแบบนั้นแล้วก็ขำนิดหน่อยและขนลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ผู้ชายที่เขาคิดว่าจะไม่รู้จักการหึงหวงนั้น ทำเกินกว่าที่เขาคิดไปมาก
อย่างแรกเขาต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ก่อน ลีนาเปิดประตู มันไม่ได้ล็อกไว้แปลว่าเปิดได้สินะ อะไรดีนะ มาทำเรื่องให้แย่ลงดีกว่า ลีนารู้สึกใจกล้าขึ้นมา เขาอาจจะบ้าหรืออาจจะเป็นวิธีที่ทำให้เป็นบ้าไปก็ได้ แต่ว่าแล้วไงล่ะ เขาอาจจะโดนฆ่าก็ได้นี่ หรือไม่อีกฝ่ายก็อาจจะไปตามรังควาญพ่อแม่เขาที่อยู่อีกฟากของทะเลก็เป็นไปได้
เขาจะคิดถูกไหมนะ เพียงแค่ลีนาเปิดประตูออกไป บรรดามาเฟียที่อยู่บริเวณทางเดินก็หันมาจ้องมองเขาราวกับนัดหมายกันมา เป็นการกระทำที่ทำให้ลีนารู้สึกอายขึ้นมา
แต่เขายิ้มออกมา เบ็นที่เป็นบอสของพวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัว ดังนั้น มันก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาต้องกลัวพวกลูกน้องของเบ็นด้วยล่ะ