02. กักขัง
แม้จะเป็นคำถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบธรรมดา แต่ก็ทำให้แผ่นหลังตั้งตรงและขนลุกซู่ได้ ลีนาประหม่าไม่น้อย ถึงเบ็นจะถามแค่ว่า ตื่นแล้วเหรอครับ แต่ลีนาก็ตอบกลับไปไม่ได้ ทำไมน่ะเหรอ ตอนนี้ทั้งตา ทั้งมือ และแม้แต่ขาของเขาล้วนขยับไม่ได้ มีเพียงปากเท่านั้นที่ยังคงเป็นอิสระ แต่ที่ลีนาก็ปิดปากเงียบ ก็เพราะว่า...
เขาสัมผัสถึงความเป็นจริงว่าเบ็นเป็นมาเฟียแล้ว
ถ้าหากให้สารภาพ มาเฟียสำหรับคนอเมริกันก็เป็นเหมือนกับสัตว์ในจินตนาการ จริงอยู่ที่ในอเมริกาก็มีมาเฟียเช่นเดียวกัน แต่เป็นเพียงสิ่งที่ค้นเจอได้จากช่องค้นหาในกูเกิ้ลหรือในภาพยนตร์ แทบจะไม่เจอในชีวิตจริง ลีนารู้สึกขอโทษกับพวกเขาที่เคยยิ่งใหญ่ในยุคหนึ่ง แต่ว่าในตอนนี้สิ่งที่เรียกว่ามาเฟียกลับกลายเป็นเพียงตัวตลกรับเชิญในหนังก็เท่านั้น
ดังนั้น นั่นจึงเป็นความหมายของมาเฟียสำหรับคนอเมริกันอย่างลีนา เมสัน
แต่หากเทียบแล้ว ถ้าจะบอกว่าซิซีเลียเป็นบ้านเกิดหรือพื้นที่ที่มีมาเฟีย ก็นับว่าสงบสุขมาตลอดหลายๆ ปี อาจเพราะไม่มีการปะทะกันที่รุนแรงจากคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่งอย่างซัลวาโตเร่และมาเทโอ จึงรักษาความมั่นคงมาได้แบบนี้
ถามว่าสองฝ่ายปรองดองกันน่ะเหรอ ไม่มีทาง การต่อสู้ของมาเฟียค่อยๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เหล่ามาเฟียของอิตาลีก็รักษาความสัมพันธ์ของการต่อสู้กันอยู่ ซึ่งการการล่มสลายก็เป็นไปตามกระแส พื้นที่ที่ตายลงไม่ได้เกิดจากการการทะเลาะวิวาท แต่ความจริงมันเกิดจากเรื่องผลประโยชน์ก็คือเป็นไปตามการผกผันของ ‘เงิน’ เพราะว่าเรื่องปากท้องก็เป็นปัญหาสำคัญของมาเฟียเช่นกัน
ก็แปลว่าเมื่อสามปีก่อน หลังจากลีนา เมสันทิ้งแผ่นดินนิวยอร์กมาที่นี่และได้รับการดูแลในฐานะเดียวกับมาเฟียอิตาลี ที่มีความยิ่งใหญ่ราวกับสัตว์ในจินตนาการ มันถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ
แต่ต่อให้มีเหตุผลอะไรก็ตาม
“อาจจะไม่สบายสักหน่อย แต่ก็ทนเอานะ”
ตอนนี้ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเขาตกอยู่ในสภาพที่เหมาะสม ลีนาถูกปิดกั้นการมองเห็นด้วยผ้าปิดตาสีดำ ข้อมือทั้งสองถูกมัดติดกับที่วางแขนของเก้าอี้ ส่วนขาก็ไม่สามารถขยับได้
ไม่ใช่แค่ไม่สบายเพียงนิดหน่อย ขาของลีนาเองก็ถูกพันไว้ด้วยเทป ดีที่เขาถูกปิดตาอยู่ ถ้าหากเขาได้เห็นสภาพนี้ด้วยตาของตัวเองก็อาจจะเป็นลมไปเลยก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ร่างกายเขาไม่มีอะไรปกปิดไว้เลย สิ่งที่ปกปิดร่างกายของลีนาไว้ มีเพียงแค่ผ้าปิดตา เชือก และเทปเพียงเท่านั้น
“ปล่อยผม... เถอะครับ”
ลีนาเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ปล่อยเถอะ... ตอนนี้มันอึดอัดเกินไป แม้ว่าการบ่นพึมพำของลีนามันเพียงพอที่จะทำให้เบ็นได้ยิน แต่หากคิดจะปล่อยตั้งแต่แรก อีกฝ่ายคงไม่ตั้งใจมัดเขาไว้ขนาดนี้
เบ็นมองลงมาที่ลีนา แล้วแอบยิ้มมุมปากเงียบๆ ก่อนจะกลับไปเรียบนิ่งดังเดิม ขณะเดียวกันดวงตาเย็นเฉียบที่แสดงให้รู้สึกถึงความโกรธไม่น้อย ลีนาเองก็มองไม่เห็นมัน
“ถ้าปล่อย...”
“…”
“ถ้าผมปล่อย คุณจะให้อะไรผมล่ะ”
คำถามของเบ็นทำให้ลีนารู้สึกประหม่าจนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ นอกจากขยับริมฝีปากพะงาบๆ เพียงเท่านั้น นั่นสินะ... เป็นคำถามที่ยากสำหรับคนธรรมดาที่ไม่เคยแลกเปลี่ยนอะไรกับมาเฟียมาก่อน แม้แต่ของที่พอจะแลกได้ก็ไม่มีติดตัวมาสักนิด ถึงเป็นเงินก็คงจะไม่มีความหมายอะไรกับเบ็นที่มีเงินใช้อย่างเหลือเฟือ และลีนาก็ไม่ใช่นักการเมือง หรือเป็นคนที่มีญาติเป็นนักการเมืองด้วยซ้ำ
เขาที่ไม่ใช่แม้แต่ลูกชายของประธานาธิบดีอเมริกา เป็นแทบจะเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแลกเปลี่ยนอะไรกับเบ็นในสถานการณ์แบบนี้
“…เบ็น”
ริมฝีปากอันแห้งผากเรียกชื่อเบ็นด้วยความกล้าหาญ แล้วนิ่งอยู่พักใหญ่ ใช้เสียงที่สงบนิ่งราวกับจะตัดขาดทุกอย่างลงในตอนนี้ จริงๆ แล้วลีนากำลังเหนื่อย แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร แต่การอยู่แบบไม่สบายตัวแบบนี้มันทำให้พลังงานของเขาลดลง การออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งกับเบ็นเกือบหนึ่งชั่วโมงในเกือบทุกๆ วันไม่มีประโยชน์อะไรกับตอนนี้เลย
“ปล่อย... ผมเถอะครับ มันไม่สบายตัว”
ลำคอที่แห้งผากทำให้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมา ลีนาพึมพำออกมาราวกับจะตายด้วยน้ำเสียงที่เบ็นก็คงฟังไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจฟังมันตั้งแต่แรก
“มันจะต้องไม่สบายตัวอยู่แล้วสิ ผมมัดไว้เพราะแบบนั้นไง”
“เบ็น...”
“เรามีเซ็กซ์กันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ”
เซ็กซ์ มันไม่ใช่คำพิเศษอะไร แต่กลับเป็นคำที่ทำให้หัวใจลีนาร่วงลงไป เซ็กซ์ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นวันที่เกิดเรื่อง หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีเลยสักครั้ง ก็คงจะมากกว่าสิบวันแล้ว แน่นอนว่ามันเป็นเพราะลีนาหายไป ซึ่งการหายไปมีเบ็นเป็นหนึ่งในต้นเหตุ แต่อีกฝ่ายคงไม่มองแบบนั้น เพียงแค่มองความดื้อรั้นของลีนาก็รู้
สายตาของเบ็นจดจ้องไปยังลีนาอย่างไม่ปิดบัง ร่างกายเปลือยเปล่าที่มองไปตรงไหนก็น่าเห็นใจ และเพียงแค่มองร่างกายขาวสะอาดนั้นก็รู้สึกรุ่มร้อนราวกับไข้ขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ถูกใจ
เบ็นขมวดคิ้ว บนร่างกายของคนรักไม่มีร่องรอยของเขางั้นเหรอ
“ผมมองไม่ค่อยชัด ช่วยอ้าขาออกหน่อยได้ไหม”
“…อะไรนะครับ”
“ผมบอกให้อ้าขา จะได้เห็นมองระหว่างขาของคุณชัดๆ ไง”
ชั่วขณะที่ลีนาคิดว่าตัวเองฟังผิดไป ใบหน้าที่ก้มอยู่จึงเงยขึ้น บอกให้อ้าขางั้นเหรอ อะไรกัน แม้จะได้ยินอย่างชัดเจน แต่ลีนาก็กลืนน้ำลายลงอย่างไม่รู้ตัว ได้รับคำสั่งมาแล้วและเขาก็ไม่กล้าขัดขืน แน่นอนว่ามันเป็นการบังคับที่มากเกินไป แก้มที่เห่อแดงมากขึ้นของลีนาเป็นเครื่องยืนยันได้ดี
เพราะตื่นเต้นเหรอ ไม่สิ หรือเพราะกลัว น่าจะไปทางกลัวมากกว่า แต่เหตุผลจริงๆ นั้น...
ไม่ว่ายังไงหัวใจของเขาก็เต้นรัว ลีนาที่ก้มหน้าลงและยังคงกัดปากอย่างเป็นธรรมชาติ เขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ฆ่าเขาได้ด้วยการขยับปลายนิ้วเพียงครั้งเดียว ริมฝีปากที่เคยถูกกัดหุบลงและสั่นระรัว
“ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรงั้นเหรอ”
“อึก!”
“ทำแบบนี้ไง”
ลีนาไม่รู้สึกถึงมือที่สัมผัสลงบนเข่าทั้งสอง แต่นี่เขาอยู่ในท่านี้มานานแค่ไหนกันนะ ใต้สะโพกถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวแบบตอนนี้ รู้สึกถึงกล้ามเนื้อต้นขาทั้งสองข้างที่โดนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
แม้จะอยากหุบเข่าลง แต่ด้วยแรงของเบ็นที่จับไว้อยู่ ลีนาจึงไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด เหมือนเป็นการชักเย่อที่ไร้ความหมาย ไม่ว่าจะออกแรงจนขาสั่นแค่ไหน เบ็นก็ไม่ขยับเลยสักนิด แล้วถ้าเป็นแบบนั้น สายตาของเบ็นตอนนี้จะไปอยู่ที่ไหนกันนะ คำตอบมันก็แน่ชัดอยู่แล้ว สายตาของอีกฝ่ายวางอยู่ที่ขาของลีนา รวมถึงส่วนอ่อนไหวที่ยังอ่อนตัวอยู่นั้นด้วย
ขนตรงส่วนนั้นมีไม่มากมัก ทำให้รู้สึกถึงสายตาที่โลมเลียอย่างแจ่มแจ้ง
“ฮะ ฮึก...”
ถึงรู้สึกเหมือนจะกำลังจะร้องไห้ออกมา แต่ลีนาก็กลั้นไว้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นแม้กระทั่งน้ำตาตรงนี้ แต่ทว่า...
การมองไม่เห็นภาพข้างหน้ายิ่งกระตุ้นจินตนาการจนหยุดไม่ได้ และมีใบหน้าของเบ็นโผล่ขึ้นมา ในจินตนาการอีกฝ่ายไม่ยิ้มเลยสักนิด สายตาละโมบจ้องมองเข้าในทุกซอกทุกมุมของร่างกายเขา
เป็นเรื่องแปลกสินะ ในเวลาเดียวกับกับที่มีภาพแบบนั้นในหัว ส่วนนั้นของลีนาก็เริ่มมีปฏิกิริยาไปพร้อมๆ กัน