“มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแล้วล่ะครับ ผมรู้แล้วว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้เชื่อใจผมเลย”
เสียงสัญญาณรอสายตัดไปแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีคำตอบอะไรกลับมา
“แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือ...”
แต่ก็ช่างมัน ยังไงคำตอบนั้นก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว
“ต่อจากนี้ผมคงจะเชื่ออะไรคุณไม่ได้อีกแล้วล่ะ ไอ้คนเลว”
โดนหลอกมาถึงสามปีและก็ยังคงโดนหลอกถึงตอนสุดท้าย นี่ไม่ใช่ลีนาที่สุภาพอ่อนโยนตามปกติ เขาเป็นแบบนี้ครั้งแรก เบ็นก็คงสับสน จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ด้านที่จะต้องปิดบังไว้ แต่มันยังไม่มีโอกาสที่จะเปิดเผยออกมาต่างหาก โดยเฉพาะกับชายผู้เป็นที่รักและแสนอ่อนโยน ทำไมเขาจะต้องรุนแรงด้วยล่ะ ที่บอกว่าไม่มีโอกาสนั้น ใช้คำว่าไม่จำเป็นน่าจะเหมาะสมกว่า
แต่ว่าไม่ใช่กับตอนนี้ ลีนาโกรธมาก โกรธขนาดนี้เป็นครั้งแรก
“ทำอะไรอยู่น่ะครับ”
ชายหนุ่มอีกคนที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดตั้งแต่เมื่อกี้ไม่สามารถควบคุมสีหน้าเป็นกังวลของตัวเองไว้ได้ แม้จะไม่รู้เรื่องแต่ก็รู้ได้ชัดเจนว่าเจ้านายเขาน่าจะโมโหมาก หากกลับไปแล้วฟันกรามของเขาคงจะกระเด็นจากหมัดของเบ็น ไม่ว่าจะเป็นเพราะลีนา หรือความสัมพันธ์ของลีนากับเบ็นก็ตาม
ลีนายื่นมือไปทางคนตรงหน้า โทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายดังขึ้นอีกครั้ง ต่อให้ไม่มองก็รู้ว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร แต่ว่าเขาจะไม่รับสายเด็ดขาด มองดีๆ แล้วก็รู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่เบ็นให้
“รับไว้สิครับ”
ลีนาวางโทรศัพท์ไว้บนมืออีกฝ่ายเฉยๆ แบบนั้น ชายคนนั้นคาดไม่ถึงและรับโทรศัพท์มาถือไว้และไม่สามารถเก็บสีหน้าที่มีความกังวลไว้ได้ ลีนาที่กำจัดโทรศัพท์ทิ้งไปได้ก็หันหลังเดินกลับบ้านอย่างไม่มีความลังเล ระหว่างการเดินก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา คนที่เขาเคยเต็มใจคิดจะอยู่ด้วยตลอดในอนาคต ซัลวาโตเร่ ดิโอ เวเนวาซีโอเน่
ไอ้คนเลว
หลังจากนี้ก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องเจอกันอีก ลีนารีบจัดการตัวเองและตัดสินใจว่าจะกลับไปยังบ้านเกิด เล่าเรื่องทั้งหมดให้อันเทอาฟังและทำทุกอย่างตามขั้นตอน ส่วนเปาโลนั้น แม้จะเศร้าแต่คงต้องบอกว่าไม่จำเป็นจะต้องมาส่งเขาถึงสนามบิน ที่นี่แม้จะสวยงามแต่ก็ไม่ใช่ประเทศของเขา เกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เกาะที่พระเจ้ารัก ซีซิเลีย... ฝันถึงความฝันที่ไม่มีในโลกเหมือนกับชื่อของมัน และตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นแล้ว
เขาคิดแบบนี้ ในที่สุดลีนาก็ถึงประตูหน้าบ้านและยื่นมือออกไป...
“ฮึก… อุ๊บ! อื้อ!”
แต่ก็ไม่สามารถจับมันไว้ได้ ปากของเขาถูกปิดด้วยผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นเหมือนแอลกอฮอล์ มันคืออะไรเขาก็ไม่กล้าจะคาดเดา
และลีนาก็หมดสติไปทั้งแบบนั้น
* * *
ตอนที่เจอกับเบ็นครั้งแรก ลีนาสับสนในตัวเองเอามากๆ
รู้สึกไม่ชินกับตัวเองที่รู้สึกสนใจผู้ชายคนอื่นภายในระยะเวลาสามเดือน ในสถานที่ที่มาเพื่อลืมคนรักเก่า แน่นอนว่ามันไม่มีปัญหาอะไร แต่ลีนาอยากจะรู้สึกเศร้า อึดอัดและว่างเปล่ามากกว่าเดิม เขาอยากจะให้โอกาสของการห่างกันไว้ เก็บความรู้สึกในวันที่นั่งเครื่องบินมาอิตาลีไว้ในใจ
แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ให้โอกาสเลย หากเขารู้สึกเศร้าเพียงแค่นิดเดียว โทรศัพท์ก็จะดังขึ้นและภาพเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ที่อีกคนบอกว่าจะพาไปดูวิวตอนกลางคืนที่สวยที่สุดในมอนเรอาเล และพาไปดูทะเลในตอนกลางคืน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่ลืม คืนที่พระจันทร์เป็นเหมือนโคมไฟของโลกใบนี้ ผิวน้ำอันมืดมิดที่ซัดสาดเข้ามา มันไม่ได้น่ากลัวสักนิด ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบของร่างกายเบ็นที่เป็นหนึ่งเดียวกับชุดว่ายน้ำหรอก แต่เป็นเรียวขาที่ราวกับใช้เกล็ดในการว่ายน้ำหากอาศัยอยู่ในทะเลต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลง
ลีนาอาจจะกำลังหลงใหลอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้ คิดถึง สงสัย และอยากรู้ว่าอีกคนกำลังทำอะไรอยู่ ความรู้สึกที่แน่นอนเลยคือลีนากำลังรู้สึกทรมาน เป็นการดิ้นรนเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาจะต้องไม่รักใครง่ายๆ แบบนั้น แต่กลับรักเบ็นไปอย่างเต็มตัวแล้ว
ซึ่งมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเพียงแค่ได้สบตากับเบ็น เขาก็รู้สึกเหมือนลอยอยู่เหนือพื้นดิน
‘ลีนา’
เขาและเบ็นถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่อยู่ริมทะเล ขณะนั้นเขารู้แล้วว่าหัวใจของพวกเขาทั้งสองรู้สึกไม่ต่างกัน รู้ซึ่งกันและกันว่าเป็นเกย์ และผู้ใหญ่สองคนที่เดทกันมากกว่าสิบครั้ง มีความหมายเพียงแค่สองอย่างคือ...
จะอยู่ในสถานะนี้ตลอดไป หรือจะคบกันตั้งแต่ตอนนี้เลย
‘ผมชอบคุณครับ’
‘ผมรู้ครับ’
เป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ทะเลในตอนกลางคืนยังคงเหมือนเดิม แต่คนทั้งสองคนกำลังเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน
‘นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะต้องพูดในตอนนี้หรอครับ ท่านประธาน’
‘ครับ’
เขาคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แต่เบ็นเป็นคนที่ซื่อตรงกับทุกเรื่องเสมอ อีกฝ่ายไม่รู้วิธีที่จะปิดบังหรือบิดเบือนคำพูด และจุดนั้นก็ถูกใจเขา เขาเบื่อที่จะเล่นกับหัวใจของกันและกันในความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะรักด้วยความชัดเจนและความสบายใจ
ลีนานั่งอยู่บนก้อนหินแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเบ็น สิ่งเดียวที่ส่องสว่างในคืนวันนั้นก็คือใบหน้าด้านขวาของอีกคน สีซัฟไฟร์บลูที่หากเข้มอีกนิดก็เกือบจะกลายเป็นสีดำสนิทแล้ว เป็นสีที่น่าประหลาดและลีนาไม่สามารถละสายตาออกจากดวงตาของเบ็นได้
‘ไม่ตอบเหรอครับ’
‘…ต้องตอบตอนนี้ด้วยเหรอครับ’
‘ครับ ต้องตอบตอนนี้เลย’
จริงๆ แล้วในตอนนี้ลีนาอยากจะกดเจ้าของผมสีบลอนด์ลงไปในน้ำอีกครั้ง แต่เขาก็อดทนไว้อย่างสุดความสามารถ เขาอยากจะสนุกกับความร้อนใจของผู้ชายที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คคนนี้อีกสักนิด แม้จะบอกว่าล้อเล่น แต่หากไม่ใช่ในตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีช่วงเวลาแบบนี้อีกครั้งไหม เพียงแค่ลองคิดดู ในใจเขาก็เหมือนกับจะระเบิดออกมาแล้ว จริงๆ ในตอนนี้น่ะ
‘เพราะว่าในคืนนี้ผมจะมีอะไรกับคุณไงครับ’
อยากจูบ ความรู้สึกของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปไหมนะ แต่ก็ช่างเถอะ
ทั้งสองคนเห็นด้วยที่จะเริ่มต้นจากการจูบ ลีนาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป อาจจะแสดงสีหน้าชัดเจนว่าอยากจูบก็ได้ เขาไม่ถนัดที่จะเก็บสีหน้าเลยจริงๆ เป็นจูบที่เริ่มต้นจากการเห็นใบหน้าที่เคลื่อนเข้ามาและไม่ได้หลีกเลี่ยงอะไร
ทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เขารู้สึกราวกับจะละลายตั้งแต่ที่ที่ถูกสัมผัส เหมือนไร้สติ แม้จะขบขันกับเสี้ยวสติสุดท้ายของตัวเอง แต่มันก็ไม่มีสติมากพอ เขารู้สึกมัวเมาให้กับอีกฝ่ายแม้จะไม่ได้ดื่มเหล้าเลยสักอึกเดียว เรียวลิ้นที่ดูดดึงกันอย่างรุนแรงและเนิ่นนานจนทำให้มืออันเย็นเฉียบที่กอบกุมใบหน้าของเขากลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
ลีนารู้สึกปวดหนึบที่หว่างขา ส่วนที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นกลับมีปฎิกิริยาก่อนเป็นอย่างแรก เขาย่อเข่าลงเพื่อให้จูบนั้นค่อยๆ ใกล้และหนักหน่วงยิ่งขึ้น แต่คนตัวสูงกลับไม่ให้เป็นแบบนั้น เพียงครู่เดียวเบ็นก็ยกตัวลีนาขึ้น
อีกฝ่ายไม่พอใจในสถานที่ของเซ็กซ์ครั้งแรก เบ็นไม่ต้องการที่จะให้หินอันหยาบกระด้างและคลื่นที่สาดซัดเข้ามาทำให้ผิวของลีนาเสียหาย เบ็นจึงอุ้มเขาขึ้นมาด้วยแรงอันมากมายอย่างน่าตกใจ เพียงสักครู่เดียว ลีนาก็ก้มหัวลงไปเพื่อกดจูบเหนือริมฝีปากของเบ็นด้วยความชอบใจหลังจากจูบที่ผ่านมาไม่นาน เส้นทางที่ลื่นทำให้การเดินช้าลง ท้องน้อยและระหว่างขาที่ขยับไปมาเต้นรัว อื้ม เขากล้ำกลืนเสียงครางต่ำไว้อย่างยากลำบาก ดีมากๆ จริงๆ แล้วไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้พูดอะไรออกมาได้ ลีนาเกาะติดกับอีกฝ่ายอย่างแนบแน่น
เบ็นอุ้มลีนาตรงไปยังบ้านพักตากอากาศใกล้ๆ ของตัวเองราวกับไม่รู้สึกหนักอะไร บ้านพักตากอากาศที่กลายเป็นสถานที่ลับของเขาทั้งสองคนในอนาคต ลีนารู้สึกมหัศจรรย์กับทุกๆ ช่วงเวลา ราวกับเทพนิยายที่มีชายหนุ่มผู้ซึ่งสามารถอุ้มชายหนุ่มอีกคนที่สูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่มีอยู่จริง