ตอน
ปรับแต่ง
สารบัญ
ตอนนิยาย ()

ปรับแต่งการอ่าน

พื้นหลังการอ่าน
รูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ระยะห่างตัวอักษร

ปฐมบท

ปฐมบท

สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สายฝนเม็ดใหญ่โหมกระหน่ำ พร้อมๆ กับลมพัดแรงจนเสียงอื้ออึงคะนึง รถยนต์สามคันวิ่งฝ่าพายุฝนที่มืดฟ้ามัวดินมองแทบไม่เห็นเส้นทางตามกันมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนหยุดลงหน้าประตูไม้ รถจอด...คนที่นั่งรถคันแรกลงจากรถไปเปิดประตู

นายขจรยศ รุ่งเรืองทวีไพศาล วัยสามสิบห้าปี นั่งอยู่ตอนหลังของรถคันที่สอง งานวันนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี เขากำลังนึกถึงเงินก้อนใหญ่ที่นอนอุ่นๆ ในกระเป๋าบนตัก เงินที่ได้จากธุรกิจตัวใหม่ กำไรของมันมหาศาลมากกว่าการทำรีสอร์ตไม่รู้กี่เท่านัก แทบไม่ต้องคิดคำนวณให้ยุ่งยาก แค่มีสินค้า เงินก็มา ถึงจะอันตรายและเสี่ยงไปสักหน่อย ผลตอบแทนมันแสนจะคุ้มค่าจนไม่เสียใจที่ต้องเสี่ยง

ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์มองฝ่าสายฝนออกไปนอกหน้าต่างรถ ก่อนจะขมวดคิ้วเข้ม บางสิ่งบางอย่างที่วางอยู่ติดกำแพงนั่น เขาคิดว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อนแน่ๆ และบ้านหลังนี้อยู่ลึกเข้ามาในสวนยางพารา ยากแก่การที่จะมีผู้คนสัญจรไปมา

“เข้ม มึงลงไปดูสิว่านั่นอะไร”

นายเข้ม คือหนุ่มร่างใหญ่วัยฉกรรจ์ เขามองตามมือของผู้เป็นนาย ก่อนจะพยักหน้ารับและลงไป ปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวถูกจับมั่น งาน... ของพวกเขา ทำให้มันไม่กล้าพอจะเสี่ยง การมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อาจนำพามันไปสู่หายนะอันยิ่งใหญ่จากผู้ไม่ประสงค์ดี

ตะกร้าใบเก่าเปียกชื้น ด้านบนมีฝาเปิดแง้มไว้เล็กน้อย เสียงเบาๆ ดังเล็ดลอดออกมาพอให้ได้ยิน ทำให้นายเข้มขมวดคิ้ว ใครเอาลูกหมาหรือลูกแมวมาทิ้งแถวนี้ แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ชายหน้าเหี้ยมก็ค่อยๆ ใช้ไม้เขี่ยดันฝาตะกร้าให้เปิด หากพอมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ทำให้มันถึงกับเบิ่งตากว้าง ก่อนจะรีบคว้าตะกร้าใบนั้นกลับมาที่รถ พอเข้าไปนั่ง รถก็รีบเคลื่อนเข้าสู่ตัวบ้าน

มันไม่ใช่ลูกหมาหรือว่าลูกแมวอย่างที่เขาคิด แต่...

“เด็กครับนายหัว ตัวเขียวไปหมด สงสัยมันคงตากฝนอยู่นานแล้ว”

ขจรยศขมวดคิ้ว ยกกระเป๋าออกวางบนเบาะ ยื่นมือไปรับตะกร้าใบนั้นมาวางบนตัก เด็กทารกตัวเขียวช้ำนอนอยู่บนผ้าผืนหนา ส่งเสียงแผ่วเบา

“ใครมันเอาเด็กมาทิ้งหน้าบ้านกูวะ”

“คงเป็นพวกเด็กสาวใจแตกหรือเปล่านาย ดูแล้วเหมือนเพิ่งจะคลอดไม่กี่วันนะเนี่ย”

“ตัวเขียว เสียงจะร้องยังไม่มี”

นายขจรยศแหวกๆ ผ้าอ้อมเปียกโชกที่พันรอบตัวเด็กตัวน้อยเพื่อสำรวจดูก็พบว่าเป็นเด็กผู้หญิง ใช่แต่เสียงร้อง ลมหายใจยังแผ่ว จนน่ากลัวว่าคงจะตายในไม่ช้า

รถวิ่งเข้ามาจอดตามกันที่หน้าบ้านไม้สองชั้น สองทุ่มแล้ว ลูกชายของเขาคงนอนหลับ ชายหนุ่มรีบลงจากรถ พาแม่หนูเก็บตกเข้าบ้าน โดยไม่ลืมสั่งลูกน้องเสียงห้าวเข้ม

“เงินนี่มึงเอาไปแบ่งให้ลูกน้องเท่าๆ กัน แล้วให้ใครไปตามหมอมาให้กูด่วนเลยนะไอ้เข้ม”

“นายจะให้มาดูเด็กนี่เหรอ”

“เออสิวะ เร็วๆ ล่ะ เดี๋ยวจะตายซะก่อน”

“ได้เลยนาย”

แม้เข้มจะไม่เข้าใจว่า เจ้านายจะสนใจเด็กทารกนั่นทำไม แต่ในเมื่อเป็นคำสั่ง ลูกน้องอย่างมันก็ต้องทำตาม อีกอย่าง มันกำลังนึกถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะได้ เงินที่เจ้านายให้เอามาแบ่งกันมากกว่า

“พ่อ กลับมาแล้วเหรอครับ”

“อ้าวฉัตร แกยังไม่นอนเหรอ พ่อนึกว่าหลับไปแล้ว”

นายหัวขจรยศทำหน้าแปลกใจแต่ก็ยิ้มให้ลูกชายวัยสิบขวบ ฉัตรา ลูกชายคนเดียวของเขาที่เกิดจากภรรยาผู้ล่วงลับไปหลายปี

“คุณฉัตรดื้อจะรอนายหัวให้ได้น่ะค่ะ อินพูดยังไงก็ไม่ฟัง แล้วนี่... ต๊าย นายหัวไปเอาเด็กมาจากไหนคะนี่” แม่บ้านอินคำอุทานตาโต เมื่อมองเห็นเด็กตัวซีดเซียว

“หน้าบ้าน ใครมันเอามาทิ้งไม่รู้ ยายอินรีบเอาไปทำให้ตัวอุ่นไป ฉันให้ไอ้เข้มมันไปตามหมอแล้ว”

“ค่ะๆ โถ น่าสงสารจริง”

สาวใช้รีบเข้ามาอุ้มเอาเด็กน้อยตรงไปยังห้องเล็กเพื่อเปลี่ยนผ้า หาผ้าที่แห้งและอุ่นพันตัวไว้เพื่อให้เด็กได้รับความอบอุ่น

เด็กชายฉัตราขมวดคิ้วเมื่อตามเข้ามา

“เด็กผู้หญิงด้วย น่าเกลียดน่าชังเชียวค่ะคุณฉัตร แต่คงตากฝนนาน”

“จะตายไหมยายอิน”

“ไม่หรอกค่ะ นายหัวให้ตามหมอแล้ว” อินคำไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเด็กจะรอดหรือไม่ แต่เธอสังเวชใจและสงสาร เด็กตัวนิดเดียว ใครกันช่างทิ้งได้ลงคอ

ไม่นานหมอก็มาถึงเพราะเข้มให้คนเอารถไปรับมาจากบ้าน นายหัวขจรยศจึงพามาดูอาการทันที

“ยังไงรีบพาไปโรงพยาบาลดีกว่านะครับนายหัว ผมไม่มีเครื่องมือมากนัก ตอนนี้เป็นไข้คงเพราะตากฝนแล้วก็ไม่ได้กินนม อยู่ใกล้หมอไว้จะปลอดภัยกว่า ว่าแต่นายหัวไปเอาเด็กมาจากไหน”

“ลูกของญาติน่ะ แม่มันตายไม่มีคนดูแลฉันเลยเอามาเลี้ยง ขามาพายุมันหนัก” ไม่รู้อะไรดลใจให้ขจรยศพูดไปแบบนั้น นายหัวหนุ่มตั้งใจว่า เขาจะเลี้ยงเด็กคนนี้เป็นลูกอีกคน

หมอจึงไม่ซักถามอะไรอีก จ่ายยาสำหรับเด็กให้และแนะนำอีกหลายอย่างก่อนจะขอตัวกลับ

“พ่อจะเลี้ยงเจ้าตัวเล็กจริงๆ เหรอ” ฉัตรสงสัย

“ดีไหม แกจะได้มีน้องสาวไงเจ้าฉัตร”

“ดีครับพ่อ”

เพราะตัวคนเดียว เวลากลับจากโรงเรียนไม่มีเพื่อนเล่นฉัตราจึงยิ้มแฉ่งเมื่อจะได้น้องเพิ่มมาอีกคน

ขจรยศยิ้ม สั่งให้แม่บ้านรีบไปเตรียมตัวเพื่อจะพายัยหนูตัวน้อยไปโรงพยาบาล ดวงตาดุคมมองเด็กหญิงตัวเล็กแล้วให้นึกถึงตนเอง แต่เดิมเขาเป็นครอบครัวชาวประมง วันหนึ่งเมื่อตอนที่เขาอายุสิบห้าปี พ่อแม่ก็จากไปเพราะเรืออับปางกลางทะเล ชีวิตเขาไร้หลัก ต้องอยู่อย่างปากกัดตีนถีบ กระทั่งสามารถเผยอหน้าขึ้นมาในสังคมและเป็นนายหัวเจ้าของกิจการรีสอร์ต เพียงแค่เห็นหน้าเด็กน้อย เขาก็เกิดความผูกพัน บวกกับตนเองมีแต่บุตรชาย เลยอยากได้บุตรสาวมาเลี้ยง เขาตัดสินใจนาทีนั้นเองว่า จะเลี้ยงเด็กคนนี้เอาไว้

“เอ็งต้องรอดนะนังหนู พ่อแม่เอ็งไม่ต้องการ แต่ฉันจะเลี้ยงเอ็งเอง”

เสียงโหวกเหวกลั่นบ้าน เข้มรีบขึ้นมาหา ก่อนจะได้รับคำสั่งให้เอารถออกเพื่อจะไปโรงพยาบาลกันอีกครั้ง

“รีบไปเร็ว กูจะพาลูกสาวไปหาหมอ”

ลูกสมุนคนสนิทไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เมื่อเจ้านายเอ่ยปากแบบนั้น มันจึงต้องรีบลงไปสั่งลูกน้องให้เตรียมรถอย่างรีบเร่ง เพื่อให้ทันใจนายและทันการ เจ้าหนูเก็บตกบัดนี้ มีสถานะใหม่แล้ว เข้มไม่แปลกใจนักเพราะรู้ว่าเจ้านายอยากได้ลูกสาว ติดแต่ว่าเมียมาตายจากไป และนายหัวของมันก็ไม่ชอบพอใครถึงขั้นคิดจะยกย่องเป็นเมีย ได้เด็กมาเลี้ยงแบบนี้คงถูกใจเจ้านายแล้วล่ะ

“กูจะตั้งชื่อนังหนูนี่ว่า เพลงดาว มึงว่าเพราะไหมวะไอ้เข้ม”

“นายหัวว่าไงผมก็ว่างั้นแหละครับ”

“ฮ่าๆ ๆ ดีจริง มีลูกสาวเพิ่มมาอีกคน ไม่ต้องยุ่งยากหาเมีย รอท้องรอคลอด วันนี้มันวันดีจริงๆ พวกมึงขับรถเร็วๆ เดี๋ยวนังหนูลูกสาวคนใหม่ของกูจะแย่ก่อน”

“ครับๆ นายหัว”

ลูกสมุนรีบเพิ่มความเร็วรถกระบะวิ่งฝ่าสายฝนตรงเข้าเมืองซึ่งมีสถานพยาบาลที่พร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ เสียงฝนเสียงฟ้าน่ากลัว แต่หากว่ามันช้า ลูกปืนของนายหัวน่ากลัวมากกว่า...

ติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับนิยายของดากานดา/อัคนียา/ทิวลม ได้ที่นี่นะคะ

แสดงเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั้งหมด ()

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น