THE LOST MEMORIES 🍁 Ep.1
รอฉันนะ..นิลลา
เคร้งงง~
อีกแล้วสินะ ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เสียงของใครบางคนดังขึ้นในหัวฉันซ้ำๆ และตามมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ น้ำเสียงที่แสนจะคุ้ยเคย ความรู้สึกบางอย่างที่ดูเลือนลางแต่ก็ชัดเจนจนอธิบายไม่ถูก
“นิล นิลลา เป็นไรรึเปล่าลูก” ฉันสลัดความคิดในหัวออกทันทีที่ถูกแม่เขย่าแขนเรียกสติ พอหันไปเห็นคิ้วสวยเริ่มขมวดเข้าหากันของแม่และช้อนที่กระจัดกระจายอยู่ในจานก็ทำให้ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาว่าคงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเหม่อลอยอีกแล้ว
“ปะ เปล่าค่ะแม่ นิลสายแล้วขอตัวก่อนนะคะ” ฉันทำท่าดูนาฬิกาแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ
“เดี๋ยวสินิล วันนี้ลูกดู..”
“รักแม่นะคะ” ฉันตัดบทด้วยการลุกจากโต๊ะกินข้าวไปหอมแม่ฟอดใหญ่แล้วรีบเดินออกจากคอนโดทันที ขืนอยู่ต่อก็คงไม่วายทำให้แม่เป็นกังวลอีก เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในวันที่ออกจากโรงเรียนประจำชีวิตของฉันมันค่อนข้างสับสนจากเดิมไปหมด
บางทีรู้สึกเหมือนติดค้างอะไรกับใครเอาไว้แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ฉันเองก็ไม่รู้ต้องทำยังไงเหมือนกัน แล้วถ้าแม่รู้ว่าผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมันยังไม่หายสนิทคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆพนันได้เลย
ใช่.. ฉันเคยเกิดอุบัติเหตุ รถตู้ของที่บ้านที่ไปรับฉันกลับจากโรงเรียนประจำเมื่อ 4 ปีก่อนถูกชนเข้าอย่างแรงด้วยรถทัวร์คันใหญ่ หัวของฉันกระแทกเข้ากับตัวรถจนสติดับวูบในทันที
พอฟื้นขึ้นมาอีกทีฉันก็พบว่าตัวเองหลับไปนานอาทิตย์นึงเต็มๆ ช่วงที่ฉันฟื้นบอกตามตรงว่าความทรงจำในโรงเรียนประจำของฉันมันเลือนลางมากจริงๆ จำได้ว่าเคยไปอยู่แต่ก็จำใครไม่ได้ทั้งหมด
แต่หลังจากพ่อกับแม่ขอความร่วมมือคุณครูที่ดูแลฉันให้ลองทดสอบความจำด้วยการชวนเพื่อนๆแวะเวียนเข้ามาเยี่ยม ฉันก็ค่อยๆจำทุกคนได้ตามลำดับแม้จะยังไม่สนิทใจเท่าไหร่ก็ตาม มันเหมือนรู้ว่าคนนี้เคยเป็นเพื่อนแต่รายละเอียดเชิงลึกไม่ชัดเจน ไม่รู้จะมีใครเข้าใจฉันไหม
แต่หลังจากที่การทดสอบความจำนั่นจบลง หมอก็ได้ข้อสรุปว่าฉันปกติ แต่แปลกที่ฉันก็กลับรู้สึกว่ามีเสียงนิรนามดังขึ้นในหัวอยู่เรื่อยๆ มันไม่ใช่ทุกวัน แต่ก็มีมาบ่อยครั้งตลอดช่วงเรียน ม.ปลาย โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงของใคร และนั่นมันชวนให้คิดได้ว่ามีบางอย่างที่อาจจะหายไปทั้งที่คิดว่าจำได้ทั้งหมดแล้วแท้ๆ
ไม่นานฉันก็มาถึงมหาลัย ไม่รู้ทำไมหยุดคิดเรื่องเสียงนั่นไม่ได้เลย ฉันสะบัดหัวไปมาซ้ำๆอยู่ในรถจนมึนไปหมด ตั้งสติหน่อยนิลลานี่เพิ่งเปิดเทอมวันแรกเองนะฟุ้งซ่านแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเล่า
“นิลลาเพื่อนรักกกก~” ทันทีที่ฉันก้าวขาลงจากรถน้ำเสียงที่คุ้นเคยของเจด้าก็ดังขึ้นจนแสบแก้วหู แหงล่ะ ก็เล่นแหกปากลั่นจนคนแถวนี้หันมองเป็นตาเดียว
“คือถ้ามึงจะตะโกนขนาดนี้อ่ะนะ” ฉันหยิบกระเป๋าฟาดใส่มันเบาๆก่อนที่เราทั้งคู่จะขำออกมา
“ฮ่ะๆ เดี๋ยวสิยังใส่อยู่อีกหรอไอ้นี่น่ะ” เจด้าชี้มาที่สร้อยคอของฉันอย่างสงสัย สร้อยที่ดีไซน์ธรรมดาแต่โดดเด่นด้วยจี้เล็กๆสีฟ้า รูปทรงค่อนข้างแปลก เงาวิบวับเหมือนเพชร แต่จิ๋วๆแบบนี้ดูคล้ายเศษอัญมณีมากกว่าล่ะมั้ง
“ไม่รู้ดิ ก็ใส่แบบนี้ทุกวันไม่เคยถอด”
“หรือว่าจริงๆแล้วมึงเป็นทายาทธุรกิจเพชรพลอยเหมือนในซีรี่ย์ที่กูดู เผยตัวตนออกมาเดี๋ยวนี้!” อืมนะ..เรื่องแอคติ้งเล่นใหญ่ตะกายดาวไว้ใจยัยนี่ได้เลย
“เลอะเทอะมึงอ่ะไม่เชื่อไปถามแม่ อยู่ที่คอนโดนู่นอะ” ฉันบ่นเจด้าไปนิดหน่อย แต่ก็แอบขำท่าทางของมันอยู่เหมือนกัน จะว่าไปฉันได้สร้อยเส้นนี้มายังไงก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันแหะ
“อ้าว แม่มาเยี่ยมหรอ จะมาชวนไปงานประมูลเพชรรึเปล่านะรอบนี้”
“เลิกเพ้อ ไปเรียนได้แล้วไอ้บ้า” ฉันเขกหัวเจด้าเบาๆแล้วเดินหนี เรื่องติงต๊องขอให้บอกเถอะ
ลืมบอกไปเจด้ากับฉันสนิทกันตั้งแต่ช่วงเข้าเรียน ม.ปลาย เอาจริงๆทั้งชีวิตเพื่อนสนิทที่เหลืออยู่ก็มีแค่ยัยนี่คนเดียวแหละมั้ง ถึงจะรู้จักกันแค่สามปีแต่เหมือนอยู่ด้วยกันมาสิบปี รู้ไส้รู้พุงกันหมด เขาว่ากันว่าช่วง ม.ปลายเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดแล้วก็คงจะจริง
ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็อย่างที่บอกว่าฉันเคยอยู่โรงเรียนประจำ ฉันใช้ช่วงเวลาวัยเด็กจนถึง ม.ต้น อยู่ที่นั่นก็จริง แต่ความทรงจำมันก็เลือนลางมากพอกับจำนวนเพื่อนที่ค่อยๆแยกย้ายกันไปอยู่คนละทิศละทาง แต่เอาจริงๆมีเจด้าคนเดียวก็เหมือนมีเพื่อนสิบคน ถึงจะพูดมากไปหน่อยก็เถอะนะแต่โคตรสบายใจเวลาอยู่ด้วย หรือเพราะฉันเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วก็ไม่รู้สิ
“เออมึงกดไลค์เพจสุดฮ็อตกับ ig ร้อนฉ่าของเด็ก ม.เรารึยัง ไหนเอามือถือมาดู”
นั่นไง ฉันปลดล็อกมือถือแล้วส่งให้เจด้าอย่างว่าง่าย ยัยนี่มีความสามารถพิเศษจริงๆนะ ตาจ้องมือถือกดนั่นกดนี่ไปเรื่อยแต่ไม่สะดุดบันไดหัวทิ่มเลยสักขั้น แถมตั้งแต่มันได้มือถือไปหน้าฉันมันแทบไม่เงยมามองด้วยซ้ำแต่ปากน่ะก็ยังพูดอะไรงุ้งงิ้งคนเดียวไม่หยุด
“อันนี้เพจหลัก ม. นี่เพจคนหล่อบอกต่อยาวๆ แล้วก็นี่เพจสาวฮ็อตขวัญใจหนุ่มหล่อพ่อรวย แล้วก็..”
“จองที่ให้หน่อยนะกูไปห้องน้ำแป๊บ” ฉันหันไปบอกเจด้าก่อนจะเดินเลี่ยงตรงมาทางห้องน้ำเลย เจด้ามันก็พยักหน้าหงึกๆแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง จริงๆก็ไม่ได้ปวดมากหรอกแต่ทำธุระให้เสร็จๆไปก็ดีกว่าต้องเดินเข้าเดินออกตอนอาจารย์สอนแหละนะ มันเสียสมาธิ
ปิดปรับปรุงชั่วคราว
เอิ่ม ฉันมองป้ายตรงหน้าแบบเอือมๆ ปิดปรับปรุงห้องน้ำวันเปิดเทอมเนี่ยนะ เอาจริงดิใครคิดเนี่ย เค้ามีแต่ Facility ครบครันในวันเปิดเทอมแต่นี่ฉีกกฏด้วยประการทั้งปวงมหาลัยประหลาด -.-
‘อ๊ะ อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่’
‘อืมมม’
พั่บ พั่บ พั่บ~
‘อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่ รุ่นพี่พะ พายุคะ อ๊าาา’
พลั่กกก ตึงงง!
‘หุบปาก! กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉัน!’
‘คะ..คือฉัน คือ..’
‘ไสหัวไปซะ!’
‘ตะ..แต่’
‘บอกให้ออกไป!!!’
What?! อย่าบอกนะ.. น้ำเสียงหวาบหวามที่ดังออกมาจากในห้องนำ้หญิงทำให้ฉันหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำแทนที่จะหมุนตัวกลับไปเข้าเรียน ก็ไม่ได้อยากจะเผือกเรื่องของคนอื่นนักหรอก แต่การใช้ห้องน้ำมหาลัยทำเรื่องอย่างว่าแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้มันใช้ได้ซะที่ไหนกัน ถ้ามันไม่ไหวทำไมไม่ไปทำกันที่อื่นจะมาเรียนหาสวรรค์วิมานอะไรกันวะเนี่ย ?!
ฉันกำลังจะพุ่งเข้าไปฉะพวกคนไม่มีหัวคิดในห้องน้ำ แต่คนข้างในดันเปิดประตูออกมาซะก่อน ผู้หญิงหน้าตาจัดว่าดีแต่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยหัวกระเซิงคนหนึ่งกำลังหัวเสียและดูตกใจพอสมควรที่เจอฉัน ฟังจากเมื่อกี๊ก็พอจะเดาออกว่ายัยนี่คงอายไม่น้อยเลยแหละที่โดนไล่ออกมา
“ธะ..เธอ บ้าเอ๊ย!” พอผู้หญิงคนนั้นเห็นฉันก็ทำหน้าเลิ่กลั่กรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้ววิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองฉันสักนิด จะเรียกว่าใส่ตีนผีวิ่งหนีไปเลยก็ว่าได้
ฉันละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นและไม่ลังเลที่จะผลักประตูเข้าไปเพื่อฉะคนไม่รู้กาลเทศะอีกคน พอประตูเปิดออกก็เจอผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งยืนหันหน้าเข้ากับผนังด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรก็มีควันบุหรี่จางๆที่ลอยขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ฉันได้แต่ยืนอึ้งอย่างทำตัวไม่ถูก
ควันบุหรี่ลอยขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมอนี่สูบบุหรี่ในห้องน้ำที่ยังไม่เปิดหน้าต่างระบายอากาศงั้นหรอ สัญชาตญาณฉันสั่งถอยหลังหนีทันทีแบบไม่ต้องคิด แต่ไม่ทันที่ฉันจะก้าวขาออกจากห้องน้ำอาการแพ้ควันบุหรี่อย่างรุนแรงก็ทำให้ฉันสำลักออกมาทันที
“แค่กๆๆๆ ฮึกกก” มือฉันคว้าลูกบิดประตูได้แล้ว แต่ร่างกายฉันหมดแรงไปดื้อๆ มึนหัว อยากจะอาเจียน ยิ่งเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกฉันยิ่งรู้ดีว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก
“จิ๊ อะไรนักหนาวะ บอกให้ออกไป!” ผู้ชายคนนั้นตวาดออกมาดังลั่นเพราะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่มีซัมติงด้วยเมื่อกี๊ โธ่เอ๊ย ขืนเป็นแบบนี้ฉันตายแน่ ถ้าจะมีใครช่วยได้คงมีแต่หมอนี่คนเดียวแต่เขาไม่หันมาชายตามองฉันสักนิดเลยไง
“แค่กๆๆ นะ..นาย ช่วย..ด้วย”
พรึ่บบบบบบบ~
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น