ตอน
ปรับแต่ง
สารบัญ
ตอนนิยาย ()

ปรับแต่งการอ่าน

พื้นหลังการอ่าน
รูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ระยะห่างตัวอักษร

ป่วน 1-1

ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

เที่ยวบินจากประเทศอิตาลีเกิดปัญหาบางประการทำให้มาถึงที่หมายช้าร่วมชั่วโมง และทำให้เที่ยวบินนี้มาถึงสนามบิน หลังจากเที่ยวบินจากประเทศฝรั่งเศสบินลงสนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่นาน

ร่างสูงไล่เลี่ยกันของสองหนุ่มสาวเดินเคียงกันมาโดยไม่มีใครสนใจใคร หญิงสาวร่างอ้อนแอ้นด้วยความสูงถึง 176 เซนติเมตรซึ่งทำให้ดูโปร่งบอบบาง เธอเพิ่งมาจากประเทศฝรั่งเศสดินแดนแฟชั่น และอยู่ในชุดสวยเฉี่ยวสีสดนำสมัยสวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำ ส้นสูงที่เธอสวมใส่ทำให้เธอสูงเท่ากับชายหนุ่มที่เดินข้างกันมา หญิงสาวปรายตามองแว่บหนึ่งแล้วเร่งฝีเท้าเดินจากไปยังทิศทางที่ได้นัดกับคนทางบ้านไว้

ชายหนุ่มร่างสูงถึง 180 เซนติเมตร หุ่นสะโอดสะองที่ค่อนข้างผอมเพรียวซ่อนกล้ามเนื้อแต่พองามไว้ภายใต้อาภรณ์ที่สวมใส่ มองหญิงสาวที่เร่งเดินห่างเขาไป ด้วยความรู้สึกทึ่งในความสูงของเธอ ขนาดว่าเขาเป็นผู้ชายที่สูงมากคนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะมาเจอผู้หญิงที่สูงทัดเทียมกันกับตนเอง

มือเรียวแข็งแกร่งดึงแว่นตากันแดดสีดำออกจากใบหน้าแล้วเกี่ยวขาแว่นไว้ที่อกเสื้อ เผยให้เห็นใบหน้าเรียวดูเข้มแข็งจากสันกรามชัดเจนจนถึงโหนกแก้ม คิ้วเข้มที่พาดเฉียงเหนือดวงตาคมเฉี่ยว ซึ่งถูกล้อมกรอบด้วยขนตายาวเป็นแพจนสตรียังอาย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับ

เขาเข็นรถที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางไปยังทิศทางที่มีชายคนหนึ่งโบกไม้โบกมือ ดวงตาคมเฉี่ยวสีดำสนิทมองไปที่ศีรษะชายคนนั้นซึ่งสวมหมวกหนังติดโลโก้อู่ต่อเรือของบิดา ซึ่งมารดาได้โทรนัดแล้วว่าให้มองหมวกหนังสีส้มสลับขาวซึ่งเป็นแบรนด์ของครอบครัว

อีกฟากหนึ่ง

ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวก้าวมายืนตรงหน้าคนขับรถเก่าแก่ของครอบครัว เธอกะพริบโบกแพขนตาใส่หน้าชายวัยกลางคน เจ้าของใบหน้ารูปหัวใจล้อมกรอบด้วยเรือนผมนุ่มสลวยหยักศกเป็นลอนใหญ่สีน้ำตาลเอียงคอมอง คนที่ยืนพิงรถหลับ ริมฝีปากอวบอิ่มทาสีส้มอมยิ้มออกมา คิ้วเรียวดกดำขมวดเข้าหากัน ดวงตาสีน้ำตาลประดุจเมล็ดอัลมอนด์หรี่ลงข้างหนึ่ง เธอยกนิ้วขึ้นไปบีมจมูกโด่งเชิดรั้นของตนเองอย่างใช้ความคิด

แล้วเข็มแก้วก็ตัดสินใจตะโกนเรียกชายวัยกลางคน “ลุง!”

“เฮ้ย! อะไรกันวะ” ชายวัยกลางคนตาลีตาเหลือกลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ยืนหลับก็ได้ด้วยนะ ลุงเมฆเนี่ย แก้วน่ะเชื่อเลย...จริงๆ” หญิงสาวใส่เป็นชุด ทันทีที่เห็นคนขับรถเก่าแก่ของครอบครัวตื่น

“ชะอุ้ย คุณหนูมาเมื่อไหร่ครับ” ลุงเมฆทำหน้าปูเลี่ยนทำเป็นถามแก้เก้อ

“มาทันได้เห็นคนมีความสามารถพิเศษ ยืนหลับอยู่นานแล้วล่ะ” เข็มแก้วพูดพลางหัวเราะขำลุงเมฆ ซึ่งจำความได้เธอก็เห็นผู้สูงวัยขับรถให้บิดามาตลอด ตอนเด็กๆ ได้นั่งรถที่ลุงเมฆขับไม่กี่ครั้ง ก็ต้องบินไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส

“แหม ก็ลุงขับรถขึ้นมาจากใต้ตั้งแต่เมื่อคืน ง่วงจะแย่น่ะครับคุณหนู” พูดพลางยกกระเป๋าเดินทางของเจ้านายสาวไปไว้ที่กระโปรงหลังรถ

“คุณพ่อ คุณแม่ ทำไมต้องทรมานคนแก่ด้วยก็ไม่รู้ ให้แก้วต่อเครื่องบินลงใต้เลยก็หมดเรื่อง” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด ไม่เข้าใจบิดามารดาของตนเองสักนิด

“คุณท่านทั้งสองมีนัดสำคัญแล้วก็...เอ่อ...กลัวคุณหนูจะเหนื่อยน่ะครับ” ลุงเมฆเกือบหลุดปากไปแล้ว เขารีบเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นนั่งเบาะหลัง

 “นัดอะไรลุง แก้วได้ยินนะ” เข็มแก้วถามเสียงเข้ม ขณะที่ลุงเมฆขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณหนู อย่าถือคนง่วงนอนเลย” ชายผู้ทำหน้าที่ขับรถตอบเลี่ยงไปอีกเรื่อง แล้วสตาร์ทรถออกจากสนามบินเพื่อไปยังจุดหมายทันที

ครั้นออกรถพ้นสนามบินมาได้สักพัก เข็มแก้วเห็นว่าเส้นทางที่กำลังไปเป็นทางเข้าเมือง จึงร้องถามขึ้นอีกครั้ง “อ้าว! ลุงเมฆไม่ตีรถลงใต้ล่ะ”

“คุณท่านทั้งสองรออยู่ที่ทาวน์เลิฟน่ะครับ” ผู้สูงวัยตอบตามที่ได้รับคำสั่งมา

คิ้วเรียวเข้มขมวดหากันอีกครั้ง ด้วยความสงสัย พร้อมรำพึงออกมายืดยาว “เอ๊ะ มีลับลมคมในอะไรกัน แล้วทาวน์เลิฟอะไรที่ลุงว่าน่ะอยู่ที่ไหน ทำไมต้องพาแก้วไปที่นั่นด้วย ไปบ้านใคร หรือว่ามีนัดกับเจ้าของบ้านที่จะไป” แต่ชายวัยกลางคนไม่โต้ตอบ ยังคงทำหน้าที่ขับรถต่อไป

เข็มแก้ว สุวรรณวรานนท์ ค่อนข้างแปลกใจที่บิดามารดารออยู่ในบ้านที่เธอไม่รู้จัก พลางคิดว่าถ้ามีธุระต้องพักกรุงเทพ ทำไมไม่ไปพักที่คฤหาสน์สุวรรณวรานนท์

ในที่สุดหญิงสาวก็เลิกคิด แล้วมองทิวทัศน์เมืองหลวงไปเรื่อยๆ การจราจรบางช่วงค่อนข้างติดขัด เธอรู้สึกว่ากรุงเทพมีตึกผุดขึ้นมากมาย นับจากวันที่เธอจากไปร่ำเรียนที่ฝรั่งเศส ร่างสูงโปร่งนั่งขยับไปมาอยู่ที่เบาะ ด้วยความรู้สึกเมื่อย เพราะติดอยู่บนถนนเกือบสองชั่วโมงแล้ว

รถแล่นไปอีกสักพักลุงเมฆจึงจะเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านทาวน์เลิฟ เขาขับรถผ่านตึกแถวด้านหน้าหมู่บ้านเป็นสิบคูหา ตรงไปด้านหลังตึกแถวซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว

“ทำไมเข้ามาที่นี่ล่ะลุง บ้านใครกันแน่” เข็มแก้วถามย้ำขึ้นมาอีกด้วยความสงสัย รู้สึกไม่คุ้นตา จึงมองสำรวจทั้งชื่อหมู่บ้านและสิ่งแวดล้อมตามเส้นทางที่คนขับรถกำลังพาไป

“บ้านของคุณท่านไงครับ” นายเมฆตอบสั้นๆ เพราะคิดว่าเรื่องทั้งหมดหญิงสาวควรได้รับรู้จากปากของบิดามารดามากกว่า

“บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยลุงเมฆ บ้านของเราอยู่หมู่บ้านเดียวกับเพื่อนของคุณพ่อแก้วจำได้ แล้วบ้านเราจะมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้ยังไง” เสียงคุณหนูของนายเมฆคาดคั้น จนชายสูงวัยต้องตัดสินใจเล่าให้เธอได้รับรู้

“คือหยั่งงี้ครับคุณหนู คุณท่านทั้งสองเห็นโครงการของหมู่บ้านทาวน์เลิฟตอนที่ขึ้นจากใต้มาประชุมผู้ถือหุ้น พอมีการเปิดให้จองคุณท่านก็เลยจอง แล้วก็ซื้อรอคุณหนูกลับจากฝรั่งเศส ท่านซื้อไว้สองปีแล้วครับ” คนขับรถพยายามเล่าอย่างสรุปที่สุด เหตุผลที่มากกว่านั้นให้เจ้านายบอกกับบุตรสาวของท่านเองดีกว่า

“แล้วบ้านหลังที่อยู่ติดกับคุณลุงพัฒน์ล่ะ ตอนเล็กๆ แก้วขอให้พามากรุงเทพไปพักที่บ้านหลังนั้น ไม่เห็นอยากจะให้มา” เข็มแก้วยังไม่หมดความสงสัย

“ก็ยังอยู่เหมือนเดิมครับ” นายเมฆไม่ยอมขยายความ แล้วชายสูงวัยก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาเลี้ยวรถเข้ามาภายในรั้วบ้านหลังใหญ่บนเนื้อที่สามไร่

พูดคุยทักทายกันได้ที่แฟนเพจนะคะ สิริกร walaikorn นามปากกา

สำหรับนิยายของวไลกร หลายเรื่องได้เปิดให้อ่านจนจบเรื่องจึงติดเหรียญ

หลายเรื่องที่เปิดให้อ่าน 30-50% จึงติดเหรียญ

บางเรื่องมีอีบุ๊กในธัญวลัยแล้ว

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

ขอบคุณมากมายที่ช่วยอุดหนุนในทุกช่องทาง

https://cdn-th.tunwalai.net/files/emotions/Cartoon00027.gif

วไลกร

แสดงเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั้งหมด ()

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น