ความมืดกลืนกินทุกสิ่งรอบด้าน ยามนี้ที่หลังตึกศัลย์มีการเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆของคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเพิ่งออกมาจากตึกพร้อมกับกล่องเก็บความเย็นซึ่งภายในมีสินค้าที่ได้มาโดยมิชอบบรรจุอยู่
“เมื่อไหร่พวกนั้นจะมา” น้ำเสียงร้อนรนของบางคนดังราวกระซิบ
คนที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าเองก็ร้อนใจไม่น้อย เขายกข้อมือขึ้นมามองดูเข็มบอกเวลาตีห้าสี่สิบห้านาที บัดนี้เลยเวลานัดมาเกือบสิบห้านาทีแล้ว แต่คนรับสินค้าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะโผล่หัวมา
ชายฉกรรจ์สามคนหันซ้ายแลขวาอย่างไม่สบายใจ ก่อนที่จะต้องสะดุ้งสุดตัวกับเสียงของตกจากที่สูงซึ่งดังก้องสะท้านทั่วอาณาบริเวณ
ชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มทำท่าจะกระโดดหนีเข้าไปในโรงพยาบาลทว่ากลับถูกมือแกร่งของหัวหน้าดึงเอาไว้เสียก่อน
“มึงอยากตายนักรึไง!” เสียงคำรามดังลอดไรฟันออกมาอย่างเดือดดาล ขนาดไม่เห็นสีหน้ายังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้าเห็นสีหน้าในยามนี้คงไม่ต้องให้บรรยาย
ชายร่างเล็กจึงทำใจกล้ายืนนิ่งไม่ไหวติ่ง มองดูหัวหน้าเดินไปยังบริเวณที่มีของตกด้วยท่าทีระแวดระวัง
เป็นของบางอย่างที่ส่งกลิ่นอับออกมาได้น่าอาเจียนที่สุดเท่าที่ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาเคยได้กลิ่นมาในชีวิต ชายฉกรรจ์ทำใจกล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแฟรตส่องไฟไปยังของที่ตกลงมา
“เฮ้ย!” ชายร่างกำยำถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างอ่อนแรง ลมในท้องตีขึ้นชวนให้อาหารที่กินเมื่อตอนหัวค่ำสำรอกออกมา
คนที่อยู่ด้านหลังอีกสองคนพากันส่งเสียงกรีดร้องได้น่าอเน็จอนาจเสียยิ่งกว่าสตรี พวกเขาพากันวิ่งหนีเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างไม่เกรงกลัวต่อผู้เป็นหัวหน้าอีกต่อไป
ทว่าชายร่างสูงคนนั้นดันล้มลงไปเสียแล้วเมื่อได้เห็นร่างคนที่ถูกดัดแขนดัดขาจนร่างกายผิดรูปทั้งยังถูกผ่าท้องจนอวัยวะภายในไหลทะลักออกมาชวนให้สะอิดสะเอียน มิหนำซ้ำแววตาของคนผู้นั้นยังเป็นดวงตาของคนที่ตายตาไม่หลับ!
ความรู้สึกหวาดกลัวแล่นขึ้นสมองและส่งผลให้ขาไม่อาจขยับได้อีก ทว่ามือยังคงกำหูหิ้วของกล่องเก็บความเย็นเอาไว้แน่น
“รอบนี้เป็นอะไรละ” เสียงเย็นๆของใครคนหนึ่งดังมาในความมืด
ชายฉกรรจ์หันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดหวั่นก่อนจะรีบยันกายลุกขึ้น
ไม่มีอะไรต้องกลัว ในเมื่อคนคนนั้นคอยคุ้มหัวคุ้มตัวเขาอยู่
“แกเป็นใคร” เขาตะโกนกับอากาศสายตากวาดมองไปจนทั่วก็ยังหาต้นเสียงไม่พบ
“คนที่แกไม่อยากจะรู้จัก” น้ำเสียงนั้นดังก้องหลอกหลอนคนฟังจนแทบจะเสียสติ
“แน่จริงก็ออกมาสิวะ!” เขาสาดแสงแฟรตจากโทรศัพท์มือถือไปรอบตัวอย่างคนคลุ้มคลุ่ง ก่อนที่สายตาจะไปประสบกับแสงสีฟ้ากระจ่างใสสองดวงที่เด่นชัดอยู่ในความมืดนั้น ...คล้ายลูกตาของสัตว์ป่าไม่มีผิด
หัวใจของเขาสูบฉีดรัวแรงจนเขาเริ่มรู้สึกหน้ามืดตาลาย คล้ายกับว่าตอนนี้ความตายกำลังออกมาทักทายต่อหน้าต่อตาเขา
ทว่าจังหวะนั้นเองที่กลุ่มของพยาบาลและหมอสาวๆอีกหลายคนวิ่งกรูกันออกมาจากที่ซ่อน พวกเธอเห็นเพียงว่าคนที่ถือกล่องเก็บความเย็นเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องและคล้ายคนเสียสติจึงเขาไปจับกุมไว้ทันที
แต่เมื่อสายตามองไปยังซากมนุษย์ที่นอนตายอย่างน่าอนาจอยู่ไม่ไกลก็ส่งเสียงกรีดร้องกันยกใหญ่
เกลเองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เธอวิงเวียนนิดหน่อยที่ได้เห็นอวัยวะภายในไหลลงมากองอยู่ที่พื้นแต่ก็ไม่ได้ตกใจเหมือนอย่างคนอื่นๆ
โชคยังดีที่พวกเธอรวมกลุ่มกันหลายคนและรอบวางกำลังจับตาดูอวัยวะสำหรับผ่าตัดในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ จึงได้พบว่ามีคนเล่นตลกแอบเข้ามาเอาอวัยวะที่เตรียมไว้หน้าตาเฉย
ทว่าพอตามออกมาจากตึกก็พบว่าชายคนนี้กำลังคลุ้มคลั่งซ้ำยังพูดคนเดียวคล้ายคนเสียสติ พวกเธอจึงรีบเข้ามารวบตัวเอาไว้และยึดเอาอวัยวะกลับมาได้สำเร็จ
“เป็นบุรุษพยาบาลที่ลาออกไปเมื่อปีที่แล้ว” จีจี้ตอบพร้อมกับจิบนมอุ่นๆที่บาร์ตี้นำมาให้
“ต้องมีคนในเป็นหนอน ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าวันไหนที่มีการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ” บาร์ตี้เสริมก่อนจะหย่อนก้นลงไปนั่งบนโซฟา ยกขาขึ้นมาไขว้ห้างอย่างสบายๆ
“อีกสองคนก็พูดจาไม่รู้เรื่อง ประสาทหลอนกันไปหมด” จีจี้ว่าพลางยกมือขึ้นมานวดขมับตนเอง
“ทีนี้คงจบเรื่องสักที อวัยวะหายเป็นว่าเล่นพยาบาลอย่างเราก็พลอยวุ่นวายกันไปหมด” เจนนี่ถอนลมหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปมองเกล
เกลสายหัวน้อยๆอย่างไม่เห็นด้วยกับเจนนี่ เธอไม่คิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆอย่างนี้แน่ ถึงแม้ว่าคนรับสินค้าจะถูกฆ่าตายด้วยฝีมือใครก็สุดรู้ และสภาพของคนส่งสินค้าที่ดูคล้ายคนเสียสติไปแล้วก็ตาม ทว่าคนที่คอยชักใยพวกเขาเหล่านั้นยังคงลอยนวล
“หมอเกล... หมอเกล” จีจี้เรียกเกลถึงสองหนกว่าเธอจะได้สติแล้วหันไปถาม
“วันนี้ทำโอทีเหรอคะ จะหกโมงเช้าแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำประตูห้องพักพยาบาลก็ถูกเปิดออกมาอย่างกระทันหัน
ร่างสูงราวกำแพงของหมอวินเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นกายหอมสะอาดของเขาที่ชวนให้คนที่อยู่รอบข้างพลันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายลอยละล่องมาในอากาศ
เขามองเกลด้วยแววตาตำหนิก่อนจะหันไปทักทายคนอื่นๆ
“หมอเกล คุณช่วยทำรายงานเคสคนไข้ที่ผมต้องผ่าตัดในอาทิตย์นี้ให้หน่อยสิ” เขาบอกก่อนจะเดินเข้ามากำรอบข้อมือเธอและลากพากันออกไปจากห้องโดยไม่สนใจสายตาคนอื่นแม้แต่น้อย
บาร์ตี้กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก
“คุณว่า...” บาร์ตี้พูดอึกอักอย่างไม่เชื่อสายตา
“ฉันก็ว่า” เจนนี่มองประตูที่ถูกมือหนาปิดเมื่อครู่อย่างเหม่อลอย
“ไปทำงาน!” เป็นจีจี้ที่ตวาดปลุกทุกคนให้ตื่นจากการละเมอเพ้อพก เธอรู้เรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้วจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก
แน่นอนว่าหมอวินเป็นที่หมายตาของผู้หญิงโสดทุกคนในฝ่ายศัลย์ ทว่าความแปรปรวนทางอารมณ์ของเขาที่เปลี่ยนแปลงง่ายและลึกลับซับซ้อนเสียยิ่งกกว่าคลื่นลมในมหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่มีใครกล้าพอจะขายขนมจีบให้เขา
แต่มาวันนี้... เหมือนเขากำลังพยายามจะยัดขนมจีบให้หมอเกลทั้งเข่ง
***********************************************************************************************************