บทที่ ๖
-ตกค่ำ ณ คฤหาสน์ยุติธรรม
รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาใยคฤหาสน์หลังงาม แล้วจอดเทียบใต้ถุนบ้านในเวลาถัดมา ชายวัยกลางคนอายุไม่ตำ่กว่าหกสิบก้าวเท้าลงจากรถ เมื่อมีคนเปิดประตูรถให้ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางนิ่งขรึม โดยมีมือขวาคนสนิทกับคนใช้อีกสองคนถือกระเป๋าเดินทางกับถุงของฝากเต็มไม้เต็มมือตามเข้ามา
“คุณพ่อขา~” พอได้ยินเสียงแจ้วหวานหูของลูกสาวสุดที่รัก จากสีหน้าเคร่งเครียดนิ่งขรึมก็แปล่เปลี่ยนเป็นอ่อนลงทันตาเห็น
ภาคินีวิ่งดุกดิกๆลงมาจากบันไดวน โพล่เข้ากอด ‘ไพศาล’ ผู้เป็นบิดาทันทีที่ถึงตัวพร้อมกับกดฝังจมูกลงบนแก้มสากทั้งสองข้างฟอดใหญ่
ฟอดดดดด ฟอดดดดด
“คิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหมคะ”
“นิดหน่อยนะ แต่พอเห็นหน้าเราพ่อก็หายเป็นปลิดทิ้ง” ว่าพลางหยิกแก้มข้างหนึ่งของลูกสาวหยอกล้อเบาๆ
“แล้วไหนของฝากของภาคะ” เด็กสาวยิ้มร่าจนตายี ทั้งชะโงกหัวดูซ้ายดูขวา
“ฮา ฮา ฮา ที่วิ้งตูดบิดลงมาเนี่ย ไม่ใช่เพราะพ่อแต่เพราะของฝากหรอกเหรอ ฮึ” ไพศาลอดไม่ได้ที่จะขยี้หัวทุ้ยของลูกสาว
“เปล่าสักหน่อย ภาคิดถึงคุณพ่อต่างหาก แต่ที่ถามก็เพราะว่าคุณพ่อมักจะมีของฝากให้ภาตลอดไงค่ะ” เด็กสาวทำหน้ามุ่ย
“มาถึงแล้วเหรอค่ะคุณ เป็นยังไงบ้างค่ะเหนื่อยหรือเปล่า” เป็นเสียงของคุณหญิงเภตราที่ดัง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาหาสามีอย่างไพศาลกับภาคินีผู้เป็นลูกสาว ชายวัยกลางคนปลายตามองผู้เป็นภรรยาเพียงแค่เสี้ยว ก่อนจะ
แสมองไปทางอื่นแล้วเอ่ยตอบ
“นิดหน่อย”
“กลับมาเหนื่อยๆ หิวไหมค่ะฉันทำอาหารเย็นเสร็จพอดี ฉันว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ” ทว่าคุณหญิงเภตรากลับเลือกที่จะไม่สนใจกับท่าทีหมางเมินของสามี
“ไปทานข้าวกันค่ะคุณพ่อ ป่ะ” ภาคินีเห็นด้วยกับมารดาจึงโพล่กอดเข้าที่แขนข้างหนึ่งของบิดาพร้อมออกแรงดึงอย่างไม่แรงนักเป็นการเร่งเร้า แต่ร่างใหญ่กลับไม่ยอมไหวติงไปไหน พลางใช่สายตาสอดส่องหาใครบางคน
“แล้วตานุกับดาหลาล่ะ ยังไม่กลับเข้าบ้านกันอีกเหรอ” พอไม่มีวี่แววของบุคคลที่ควานหา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ตานุยังไม่กลับจากบริษัทค่ะ ส่วนอีกคนที่คุณถามหา...เห็นตานุบอกว่าจู่ๆก็หายตัวไปจากงานประมูลเพชรบริษัท CC-Plus เมื่อคืน” คุณหญิงเภตราตอบ
“หายตัวไป!” ไพศาลตะเบ็งเสียงดังลั่น เขาแทบยืนไม่ติดพื้นกับสิ่งที่ได้ฟัง แต่ก็ต้องข่มอาการเอาไว้
“ใช่ค่ะ แต่ฉันว่าคงอยากจะเรียกร้องความสนใจมากกว่า คุณอย่าเป็นห่วงไปเลยค่ะ แม่นั้นเองการเอาตัวรอดจะตาย หรือบางทีอาจจะติดพันผู้ชายอยู่ก็ได้นะคะ ก็อย่างว่า...เชื้อมันไม่ทิ้งแถว แม่มันเป็นยังลูกก็คงไม่ต่างกัน” คุณหญิงเภตราหัวเราะร่า โดยไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจของไพศาลเลยแม้แต่น้อย กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน เมื่อภรรยาเอ่ยถึงใครบางคนที่เขาไม่ปรารถนาที่จะได้ยิน ใครบางคนที่เขารักหมดหัวใจ
“ของฝากอยู่กับดิเรก ดูแลด้วย” ไพศาลปัดมือบางของลูกสาวที่เกาะกุมต้นแขนอยู่ออก ก่อนหันไปพูดกับ ‘ดิเรก’ มือขวาคนสนิทที่ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่สนใจเสียงเรียกตามหลังของใครทั้งสิ้น
“นี่คุณจะไปไหน ไม่ทานข้าวหรือค่ะ คุณ! คุณไพศาล!” มือบางกำเข้าหากันแน่น แววตาเกรี้ยวกราดด้วยความเคียดแค้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่เคยให้ความสนใจหรือแคร์ความรู้สึกของเธอเลยสินะ! ในหัวใจของเขามันมีเพียงผู้หญิงคนนั้น คนที่เธอเกลียด เกลียด! เกลียด! แล้วก็เกลียดจนเข้าใส้!
ส่วนภาคินี เด็กสาวเลือกที่จะเมินการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งสอง และหันมาสนใจข้าวของ
แบรนด์เนมที่ผู้เป็นพ่อซื้อมาฝากจากต่างประเทศแทน ชินแล้วกับปัญหาเหล่านี้ของพ่อและแม่ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยเห็นพวกท่านพูดคุยกันดีๆเลยสักครั้ง
๐๐๐๐๐๐
-ในเวลาไล่เลี่ยกัน ณ คฤหาสน์กาย-
ดาหลายังคงอยู่ในห้องคุมขังสุดหรูหรา ที่เป็นถึงของเจ้าของบ้าน ตั้งแต่กลับเข้ามาหลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จเธอก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลยจนถึงตอนนี้ เมื่อสักครู่เธอได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาในคฤหาสน์ผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ เขาคงกลับมาแล้วสินะ ธาวินคงกลับมาจากที่ทำงานแล้ว และเธอก็คงไม่พ้นถูกเขาแค่นเอาคำตอบอีกเช่นเคย
แต่จะบอกให้ว่าถึงโดนทรมานจนตาย คนอย่างดาหลาก็ไม่มีวันปริปากบอกออกไป!
“เรียบร้อยดีไหม” ธาวินเอ่ยถามลูกน้องคนสนิททันทีที่เดินเข้ามาในตัวบ้าน
“เรียบร้อยดีครับนาย ว่าแต่นายจะรับมื้อค่ำไหมครับวันนี้” กิตติตอบและเอ่ยถามในประโยคเดียวกัน
“ไม่ละ ฉันท่านมาแล้ว แล้ว...”
“ยังครับ เห็นบอกว่ายังไม่หิว” ราวกับรู้ความคิดของเจ้านายจึงชิงตอบออกไปก่อนที่จะถูกถาม
“อืม” ธาวินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพูดต่อ “พรุ่งนี้ฉันคงไม่เข้าไปทำงานนะ ฝากนายกับไอ้เรียวดูแลด้วย อ้อ! อีกอย่างหนึ่งช่วยสรุปชัญชีรายรับรายจ่ายปีนี้ของคาสิโนมาให้หย่อย ข้อเร็วที่สุดนะ”
“ครับนาย” กิตติรับคำพร้อมทั้งก้มศรีษะทำความเคารพ ก่อนที่ผู้เป็นนายจะเดินเลี่ยงออกไป...
ร่างใหญ่เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตัวเองที่มีหญิงสาวถูกคุมขังอยู่อย่างฉับไว
“พวกนายไปพักกันได้ ที่เหลือฉันจักการเอง” เขาออกคำสั่งกับเหล่าลูกน้องเฝ้าหน้าห้องเสียงเรียบ ซึ่งพวกมันก็ทำตามอย่างว่าง่าย
แอดดดด
มือหนาค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออก ก่อนจะพาร่างกายกำยำของตัวเองเข้ามาภายในห้อง แล้วปิดประตูลงไว้เช่นเดิม
“ไง...เตรียมคำตอบที่ดีไว้หรือยัง” ว่าพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ๆหญิงสาว ที่นั่งทำตาขวางใส่เขาอยู่ตรงปลายเตียง
“...” ทว่าดาหลากลับเงียบและมองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“ไม่เป็นไร ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด” จบประโยคชายหนุ่มก็ลงมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว พล่านทำให้อีกคนรู้สึกวาดระแวงเขาขึ้นมาทันควัน
“นี่นายจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” การกระทำของเขาส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเป็นโรคหัวใจกำเริบ
“จะอาบนำ้ มีปัญหา?”
“เปล่า แต่ช่วยไปถอดเสื้อผ้าที่อื่นได้ไหม!”
“นี้มันห้องผม ผมจะทำอะไรตรงไหนก็ได้” ธาวินทำทีค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกอย่างเชื่องช้า ด้วยท่าทางสบายใจเฉิ่ม
“หน้ารังเกียจ ทุเรศ!” ดาหลาหลับตาปี๋ ไม่อยากเห็นภาพบาดตา กลัวจะเป็นตากุ้งยิงเข้า เมื่อชายหนุ่มลดมือหนาลงมารุดซิปกางเกงลำลอง
ธาวินยิ้มร่ากับภาพ เขาไม่ได้คิดจะทำจริงๆหรอก แค่อยากจะแกล้งใครบางคนให้หายเครียดก็เท่านั้น ชายหนุ่มรุดซิปกางเกงกลับ ก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อสูทกับเสื้อเชิ้ตบนพื้นแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
แกร่ง!
เสียงปิดประตูห้องนำ้ทำให้ดาหลาค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พลางถอนหายใจพรึดใหญ่
“อีตาบ้า!” กำปั้นบางทุบลงบนที่นอนอย่างแรง
........................................
หากมีคำผิดหรือคำคาดต้องขออภัยด้วยนะครัช ;)