บทที่ ๒
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เจอกันหลังเวที” ว่าแล้วก็ปล่อยมือดาหลาให้เป็นอิสระ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเข้าห้องน้ำ
๐๐๐๐๐
ตอก~ ตอก~ ตอก~
แกร็ก!
ตึก!
“โอ๊ย!!” เพราะรีบไปหน่อยเลยหยุดไม่ทันตอนที่ประตูห้องน้ำหญิงเปิดออก เรียวจึงโดนบานประตูฟาดหน้าเข้าเต็มๆ 😂
“โอ๊! ขะ ขอโทษค่ะฉันไม่ได้ตั้งใจ” เอ็มมาที่เป็นคนผลักประตูออกมาเอ่ยขอโทษขอโพย
“ขอโทษแล้วฉันหายเจ็บไหม! จะเปิดประตูทำไมไม่หัดดูก่อนว่ามีคนเดินผ่านไปผ่านมาหรือเปล่า!” เรียวตะเบ็งเสียงใส่คนตรงหน้าด้วยความโมโห โดยไม่คิดเลยว่าตัวเองต่างที่ผิด ส่วนคนถูกกล่าวหาได้แต่ยืนทำปากพะงาบพะงาบ มองเรียวอย่างเอาเรื่อง ตกลงเธอผิดงั้นหรอ?
“นี้ไอ้แก่! นายต่างหากที่ต้องหัดดูตาไม้ตาเลือไม่ใช่ฉัน แก่แล้วยังสมองเลอะเลือนอีกนะ” พอตั้งสติได้ คนอย่างเอ็มมาก็ไม่รอช้าที่จะชี้หน้าสาดคำด่ากลับสิจ๊ะรอไร
“นี้เธอ!...” เรียวตะโกนลั่นราวกับคนเสียสติ หน็อยแน่ยัยเด็กเมื่อวานซืน(?)กล้าว่าเขาแก่หรอ😡
“ทำไม? หรือว่ามันไม่จริง ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆแต่กับโทษคนอื่น!” เอ็มมาตะเบ็งเสียงกลับ ประสานตากับอีกคนอย่างเอาเรื่อง
“เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร อยากเจอดีใช่ไหม?” ชายหนุ่มกล่าวโอ้อวดพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ เอ็มมาแค่นหัวเราะในลำคอปลายตามองเรียวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเย้ยหยัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นบอดี้การ์ดของมาเฟียคนใดคนหนึ่งในงาน
“ก็แค่บอดี้การ์ดมาเฟียกระจอกๆ คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง?” รู้สึกราวกับโดนฟาดด้วยไม้หน้าสาม เมื่อเจอคำว่า ‘บอดี้การ์ดมาเฟียกระจอก’ สาดกระแทกหน้าเต็มๆ เรียวขบกรามแน่น พลางปลายตามองหญิงสาวในชุดเดรสยาวแหวกข้างสีแดงและมีเครื่องเพชรเม็ดปานกลางประดับอยู่บนเนื้อตัวอย่างเย้ยหยันเช่นกัน และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเป็นนางแบบที่ทางบริษัทจ้างมา (?)
“ปากดีไม่เบาหนิ...ฉันขอลองชิมดูหน่อยเถอะว่าจะหวานด้วยหรือเปล่า”
“นายจะทำ...อือ!!!!” ยังไม่ทันที่เอ็มมาจะกล่าวจบเรียวก็กระชากตัวอีกคนเข้ามาประกบปากทันที
“อือ~” เรียวครางอือในลำคออย่างพึ่งพอใจ มันไม่ใช่จูบที่หอมหวานแต่มันเป็นจูบที่หลาบโลนที่สุด ยิ่งอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะขัดขืนเขาก็ยิ่งได้ใจที่จะบดขยี้จูบอย่างหนักหน่วง
“อือ!!!” เอ็มมาได้แต่เบิกตาโพลงยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
พรึ่บ!
“ไง? ยังจะกล้าปากดีอีกไหม?” ต่อมาไม่นานเรียวก็ผละตัวออกห่าง เอ็มมาไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว นอกจากยกมือขึ้นถูปากตัวเองไปมาท่าทางรังเกียจ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยความอาย เพราะสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องมาที่เขาและเธออย่างให้ความสนอกสนใจ
“เหอะ! นึกว่าจะแน่” เรียวบ่นอุบทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นเช่นกัน
๐๐๐๐๐
-หลังเวทีเดินแบบ-
“ทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจัง แล้วปากไปโดนอะไรมาทำไมถึงยับเยินขนาดนั้น” ดาหลาถามไถ่เพื่อนสาว ทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามาหลังเวทีด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“เปล่าไม่มีอะไร เอ่อพี่คะช่วยแก้ไขเมคอัพให้หน่อยค่ะ” ประโยคแรกเอ่ยกับเพื่อนรัก ประโยคหลังเอ่ยกับช่างแต่งหน้าที่เดินผ่านมาพอดี ซึ่งเขาหรือเธอ(?)ก็ทำตามอย่างไม่ขัดข้อง
ส่วนดาหลาเองก็ต้องเช็คความพร้อมของตัวเองเหมือนกันเลยไม่ได้เซ้าซี้เพื่อนสาวเอาคำตอบใดๆ...
๐๐๐๐๐
-หน้าเวทีเดินแบบ-
“ไปไหนมาวะ แล้วทำไมปากแกแดงแปร๊ดเชียว” เมื่อเห็นเพื่อนรักหายหัวไปนานพอสมควร แถมกลับพร้อมสีปากสีใหม่ กิตติเลยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ไปเข้าห้องน้ำมา โชคไม่ดีเจอเด็กปากเสียหาว่าฉันเป็นบอดี้การ์ดมาเฟียกระจอก..เลยจูบสั่งสอนให้มันรู้ไปว่าใครเป็นใคร” เรียวบ่นอุบให้เพื่อนรักฟัง ซึ่งคนฟังได้แต่ทำปากพะงาบๆ
“จูบเลยหรอวะ?” แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
๐๐๐๐๐
-หลังเวทีเดินแบบ-
“คุณเอ็มมากับคุณดาหลาพร้อมนะคะ?” สักครู่ใหญ่ๆพนักงานเช็คคิวนางแบบก็เดินเข้ามาถามสองสาว เพราะใกล้จะถึงคิวของพวกเธอแล้ว
“พร้อมค่ะ” เป็นเอ็มมาที่ตอบออกไป
“งั้นก็เชิญค่ะ” พนักงานสาวว่าพร้อมผายมือเบิกทางให้ทั้งสองเดินนำหน้าไป
๐๐๐๐๐
-หน้าเวทีเดินแบบ-
“และแล้วเราก็เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายก่อนที่เราจะเริ่มการประมูลสำหรับค่ำคืนนี้...” พิธีกรหญิงคนหนึ่งบนเวทีประกาศ “...ขอเชิญพบกับเครื่องเพชรสองชุดสุดท้ายของเราค่า!!” พิธีกรหญิงคนเดิมยังคงประกาศต่อ ก่อนที่นางแบบสาวสวยสองคนจะเดินออกมาจากหลังซุ่มท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกเหรื่อในงานประมูล ซึ่งสองนางแบบสุดสวยนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นดาหลาและเอ็มมานั้นเอง
“ขอเสียงปรบมือให้กับนางแบบของเราอีกครั้งค่า!!” พิธีกรสาวประกาศขึ้นอีกครั้งเมื่อดาหลาและเอ็มมาเดินวนบนเวทีเสร็จสรรพแล้วหยุดโพสต์ท่าอยู่กลางเวที...
อันที่จริงธาวินไม่ได้อยากจะมางานแบบนี้นัก ถ้าไม่ติดตรงที่เจ้าของงานคือ ทรงริท ญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ เขาเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะมา แต่ตอนนี้เหมือนว่ามาเฟียหนุ่มจะไม่ได้คิดเช่นนั้นซะแล้วสิ
“ไง? ธามหลานรัก สนใจเครื่องเพชรสักชุดไหม?” ทรงริทหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆหลังจากเงียบไปนาน
“น่าสนครับ แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อไปให้ใครใส่” ธาวินตอบ โดยไม่ได้หันมาสบตากับเจ้าของคำถาม เพราะตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องไปยังนางแบบสาวในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินแหวกข้างเพียงเท่านั้น และนางแบบสาวเองก็จับจ้องมายังเขาเช่นกัน
“ก็ซื้อไว้เผื่อวันหนึ่งหลานพบผู้หญิงที่ถูกใจ อีกอย่างหลานก็สามสิบแล้วน้า ไม่คิดจะหาใครสักคนมาอยู่เคียงข้างบางหรือ?” พอพูดถึงเรื่องนี้ ทรงริทก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามหลานรักไปแบบนั้น เพราะเห็นว่าชายหนุ่มอายุสามสิบแล้ว แต่ยังไม่มีครอบครัวเป็นของตัวเองสักที
“...” ทว่าธาวินกลับเลือกทีจะเงียบไม่ได้สนใจคำถามของคนข้างๆเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทรงริทเองก็เข้าใจว่าทำไม...
กลังจากที่ประสานสายตากันอยู่นานพอสมควร ดาหลานางแบบสาวคนดังกล่าวเลยเป็นคนเบี่ยงหน้าหนี ต่างจากอีกคนที่ยังคงจับจ้องเธออยู่อย่างนั้น เพราะเขารู้สึกคุ้นเคยกับแววตาคู่สวยของเธออย่างบอกไม่ถูก
‘หึ บอกแล้วไงสาวน้อยว่าเราต้องได้เจอกันอีก’ ธาวินกล่าวในใจ เมื่อมั่นใจว่าหญิงสาวบนเวทีคือมัจจุราชสาวเมื่อตอนกลางวัน
..................................................
คำผิดแก้ทีหลังนะคะ