BOY TOXIN : INTRO
#ซัสดื่มจิน
INTRO
Gin (จิน,ยิน) = เป็นเหล้าสีขาว มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ทำมาจากการกลั่นข้าว และผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร ทุกวันนี้ประเทศอังกฤษเป็นชาติที่ผลิตเหล้าจินได้มากเป็นอันดับหนึ่ง และเหล้าจินของอังกฤษก็ได้รับความนิยม จากนักเลงสุราสูงสุด
ในที่สุด... ในที่สุด สอบปลายภาพในชีวิตรั้วมหาลัยปีสอง คณะบริหารธุรกิจของฉันก็จบลง กรีดร้องด้วยความดีใจหลังจากออกมาจากห้องสอบ คิดว่าตัวเองต้องทำได้ดีทุกวิชาโดยไม่ติดเอฟ นี่คือหัวสมองของฉันที่ควรจะคิดแบบนั้น และมันต้องได้สิวะ เจ้าของส่วนสูง 168 ซม. ความสูงที่คิดว่าเป็นมาตรฐานของหญิงไทย เธอมีใบหน้าที่น่ารัก ดวงตากลมโต ริมฝีปากบางเล็ก ผมสีดำน้ำตาลถูกก้าวขึ้นเป็นหางม้าไว้อย่างลวกๆ สวมชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างจะเรียบร้อย เดินอดอาลับตายยากมานั่งฟุบที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะตัวเอง
“เฮ้อ ชีวิตในรั้วมหาลัยปีสอง สิ้นสุดลงสักที สถานีต่อไปคือเที่ยว!” ในหัวสมองคิดแต่เรื่องเที่ยวโดยไม่คิดถึงคะแนนสอบที่จะเป็นผลพวงในภายภาคหน้า ‘จิน’ นามของฉันที่เป็นชื่อของเหล้าชนิดหนึ่ง แต่ใช่ว่าฉันจะรู้จักของพวกนี้ดีนะ มันไม่ใช่เลยสักนิด
“ทำไมเกิดมาชีวิตถึงได้รันทดแบบนี้นะ หัวสมองไม่ดีแถมยังไม่ไร้เสน่ห์อีกต่างหาก” ฉันบ่นพึมพำกับชีวิตที่แสนจะรันทดอดสู สอบเข้ามหาลัยได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ นอกจากจะเรียนไม่เก่ง ฉันยังดูไร้เสน่ห์จนเพื่อนในคลาสให้ฉายาว่า “ยัยแห้ง” เพราะรูปร่างผอมเพรียวแต่ไร้ส่วนโค้งเว้า แม้แต่หน้าอกของฉันมันยังเป็นแบนราบพอๆ กับแผ่นหลังเลย ท้อแท้กับชีวิตตัวเองชะมัด มีพี่ชายอยู่คนเดียวก็ไม่ค่อยจะกลับมาอยู่ที่บ้าน ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ดีนะที่บ้านไม่ต้องเช่าเพราะมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อกับแม่ให้ไว้ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ พวกท่านคงเห็นอนาคตสินะว่าสักวันฉันคงต้องพึ่งพี่ชายตัวเองไม่ได้
หลังจากสอบเสร็จฉันนั่งพักอยู่ในมหาลัยก่อนจะปิดเทอมลง ซึ่งมันคือสิ่งที่ฉันต้องการมากๆ เหตุผลที่ต้องมาสอบคนเดียวเพราะว่าเพื่อนรักของฉันสอบไปแล้ว ฉันเลยต้องมาสอบคนเดียวเนื่องจากวันนั้นฉันตื่นสายและป่วยทำให้มาสอบล่าช้ากว่าปกติ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันควรคิดโปรแกรมไปเที่ยวกับพี่ชายตัวเองดีกว่า ฉันเดินกอดอกไปตามทางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทะเล? น้ำตก? หรือไปตั้งแคมป์ดีนา
ปี้น!
“ว้าย...”
ตุ้บ
เอี๊ยด!
“อูย เจ็บง่ะขับรถบ้าอะไรแบบนี้วะ” ก้นของฉันกระแทกลงกับพื้นปูนอย่างแรงขณะที่รถต้นเหตุจอดลง แถมเป็นรถยี่ห้อหรูหราจนฉันกลืนน้ำลายลงอย่างลำบาก ประตูด้านคนขับเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมกำลังหรี่มองรถตัวเอง ริมฝีปากได้รูปแดงคล้ำกัดเข้าหากัน เขาเป็นคนที่สูงมากๆ มีผมสีดำแดงละต้นคอ มือหนาเสยผมตัวเองขึ้นไป ฉันมองเห็นรอยสักที่ลำคอแกร่งเป็นรูปใบไม้ ที่คุ้นตามากดูเหมือนจะคล้ายใบเมเปิ้ล ฝ่ามือขวาก็มีรอยสักเป็นรูปตัวการ์ตูนอะไรไม่รู้ เพราะไม่ได้สังเกตอะไรมากขนาดนั้น เขาหรี่สายตามามองฉันด้วยความหงุดหงิด
“เดินข้ามถนนทำไมไม่มองรถวะ”
“เออ...”
“ยัยแห้งเอ่ย ถ้ารถฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอโดนเรียกเงินหมดตัวแน่!” เขาเดินมาดูรถตัวเองโดยไม่สนใจฉันที่นั่งฟุบกับถนน ใบหน้าหล่อหันมามองฉันอีกครั้ง “จะนั่งอ่อยอีกนานมะ หลุมดำของเธอฉันไม่ได้อยากมองนะเว้ย”
“กะ กรี๊ด! อะ ไอ้บ้า ไอ้ลามก”
“ด่าอะไรช่วยดูด้วยนะยัยแห้ง มานั่งแหกให้ดูแบบนี้จะหาว่าฉันลามกหรือไง?”
“ที่ฉันต้องมานั่งฟุบแบบนี้ไม่ใช่เพราะนายขับรถมาเฉี่ยวเหรอไงเล่า” ฉันอารมณ์ขึ้นทันที สายตาของเขามองฉันที่ลุกขึ้นปัดกระโปรงนักศึกษา “มองทำไม?”
“เหอะ ใครกันแน่ที่ผิดวะ รถของฉันวิ่งมาตามทางปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเธอต่างหาก”
“กะ ก็นั่นแหละถึงยังไงนายก็เฉี่ยวฉันนะ รับผิดชอบหน่อยสิ!” เขาเอียงคอมองฉันด้วยสีหน้าที่โคตรจะดูถูก เอาความจริงฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกนะ แค่คำขอโทษก็ยังดีนี่นา “อ่อยหรือไงยัยแห้ง”
“วะ ว่าไงนะ?”
“ฉันถามว่าเธอคิดจะอ่อยฉันหรือไง” ฉันอ้าปากเหวอมองร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้ ก้มใบหน้าลงมากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างของฉันที่ถึงแม้มันจะไม่มีอะไร แต่ก็ต้องปกปิดไว้ “โรคจิต”
“หึ ฉันเจอมาเยอะนะพวกผู้หญิงที่ชอบมาอ่อยให้ฉันเคี้ยวเล่นน่ะ”
“นายหลงตัวเองมากไปหรือเปล่า? ฉันไม่รู้จักนายนะ แล้วฉันจะมาอ่อยนายทำซากอะไร”
“จริงอะ ไม่รู้จักแล้วทำไมถึง... อยากให้ฉันรับผิดชอบจังล่ะ”
“ที่ให้รับผิดชอบคือนายขับรถเฉี่ยวฉัน ไม่ได้หมายถึงให้รับผิดชอบอะไรแบบที่นายคิดนะ” ผู้ชายคนนี้ยังคงยิ้มเยาะ เขาถอนหายใจออกมา “นี่ยัยแห้งไร้เสน่ห์”
“อะ ห๊ะ!”
“เธอนั่นแหละยัยแห้งไร้เสน่ห์ เธอไม่ใช่สเปกฉันว่ะ และก็นะฉันไม่รับผิดชอบให้กับผู้หญิงที่คิดมาอ่อยหรอก”
“นะ นาย!”
“พี่ซัสคะ เสร็จยังคะหนูรอนานแล้วนะ” ฉันชะโงกหน้าไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่นหน้าแหลมๆ ออกมาจากรถ นั่นมันยัยก้อยเพื่อนคณะเดียวกับฉันที่เป็นดาวคณะนี่นา “อ้าวจิน เธอเองเหรอที่วิ่งตัดหน้ารถพี่ซัส?”
“จิน”
“ใช่คะพี่ซัส จินเป็นเพื่อนร่วมคลาสกับก้อยเอง” เขาคนนี้ที่ชื่อว่า ‘ซัส’ มองฉันด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ แถมบวกด้วยความกวนตีนที่ฉันอยากจะกระโจนไปกัดคอมันให้ขาด “อ่อชื่อจิน”
“เออแล้วจะทำไม?”
“เปล่า ฉันไม่มีเวลาว่างมาเคี้ยวเธอหรอกนะ ที่สำคัญเธอไม่เหมาะจะเป็นหมากฝรั่งให้ฉันเคี้ยวหรอก”
“ห๊า!” ฉันงงกับคำพูดของหมอนี่มากเลยนะ ตั้งแต่คิดว่าฉันอ่อยเขาแล้ว? บ้าหรือเปล่าเจอกันครั้งแรกนี่คิดว่าอ่อยเหรอ คิดได้ไงกัน
“ถ้าเจอกันอีก อย่าอ่อยฉันนะ บอกไว้ก่อนฉันไม่สนหุ่นแห้งๆ และก็ผู้หญิงไร้เสน่ห์... มันเคี้ยวไม่อร่อย”
“นะ นี่นาย!”
“ฉันไม่มีเวลามายืนให้เธออ่อยนะ ฉันจะต้องไปเคี้ยวเพื่อนเธอแล้ว โอเค?” เขายกยิ้มและเดินจากไป ก่อนที่รถหรูจะเคลื่อนผ่านจนฉันที่ยืนอึ้งอยู่ ยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
“มะ มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย! กรี๊ดดด”
มืดค่ำมาถึง หลังจากที่ยืนงงอยู่ในดงตีนก็เลยกลับมาถึงบ้านสองชั้นที่เงียบสงบ เพราะพี่ชายตัวแสบที่อายุห่างกับฉันสามปี หายหัวไปซุกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เหนื่อยมากบอกเลย! ไม่ได้เหนื่อยอะไรนะ เหนื่อยกับคนบ้าไง ไอ้บ้าซัส! เกือบจะเรียกเขาว่าสัตว์แล้วนะ แต่ก็เหมือนอะว่าจริงไหมล่ะ
พรึบ
“พะ พี่...” ไฟในบ้านสว่างขึ้น ฉันเห็นแผ่นหลังของผู้ชายที่สูงยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าครัว ก็วิ่งถลาไปกอดรัดร่างสูง ใช่เลยพี่ชายของฉันแน่นอน
“พี่ ‘รัม’ หนูคิดถึงจัง หายหัวไปไหนมาห๊ะ!” ฉันซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง สูดเอากลิ่นกายของพี่รัมที่คิดถึงเข้าปอดให้มากที่สุด แต่ทว่า...
กลิ่นหอมนี่มันไม่คุ้นจมูกเอาเลยแหะ แถมพี่รัมยังยืนนิ่งไม่ไหวติงเลยสักนิดที่น้องสาวแสนสวยกอดรัดอยู่ ฉันเพ่งสายตาที่สั้นของตัวเองมองไปที่ท้ายทอยก็เบิกตากว้าง เพราะ... พี่รัมไม่มีรอยสักรูปปีกนางฟ้าสีดำอยู่ที่ท้ายทอย ใบหูทั้งสองข้างที่ติดต่างหูสีดำอีกนับสิบ ไหนจะทรงผมสีดำสนิทที่ไถข้าง ฝ่ามือของฉันปล่อยออกจากเอวหนา ค่อยๆ มองร่างสูงที่หันมาสบตากับฉัน
“พะ พะ พี่ ‘เคียนติ’...” ใบหน้าหล่อนิ่งเฉย แถมส่งสายตาเย็นชามาให้ เขาคนนี้คือเพื่อนของพี่รัมที่ฉัน “แอบรัก” ใช่ ฉันแอบรักพี่เคียนติมาตั้งแต่สมัยที่พี่เขายังเรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกับพี่รัม กระทั่งมาถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่เรียนจบแล้ว ฉันก็ยังคงแอบรักเขาอยู่ และพี่เคียนติเองก็รู้มาตลอดว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา แต่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เคยแสดงออกว่ารู้สึกยังไง เขาเป็นบุคคลที่อ่านยากมากจนฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉันถอยหลังจนไปชนเข้ากับขอบโต๊ะและมันก็ซ้ำกับบริเวณก้นที่เพิ่งถูกไอ้บ้าซัสเฉี่ยวมา
“แขนไปโดนอะไรมา?”
“อะ เออ... หนู” ฉันไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเขาด้วยซ้ำ นอกจากจะกลัวเขาแล้ว มันยังใจเต้นทุกครั้งที่สบตากับเขา แถมยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กอดเขา สูดกลิ่นกายของเขาเข้ามาในปอดและฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ให้กลิ่นของพี่เคียนติเล็ดลอดออกจากปอดผ่านโพรงจมูกออกมาแน่
“นะ หนูล้ม”
“ทำยังไงถึงได้ล้ม โตแล้วนะ”
“หนูเปล่าล้มเอง รถเฉี่ยวก็เลยล้ม” ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วย แต่จำต้องมองตาเขา พี่เคียนติถอนหายใจออกมา เขากวาดสายตามองไปรอบบ้านจนฉันมึนงง “ไปเก็บของ”
“อะไรนะ พี่เคียนติให้หนูทำอะไร?”
“เก็บของ เสื้อผ้าของเธอทั้งหมด แล้วไปอยู่กับพี่”
“!”
“ให้เวลายี่สิบนาที”
“ดะ เดี๋ยวสิพี่เคียนติ หนูไม่เข้าใจ” ฉันงงไปหมดที่จู่ๆ พี่เคียนติจะมาชวนไปอยู่ที่คอนโดด้วยกันแบบนี้ “ตอนนี้เธอไม่ปลอดภัย ไอ้รัมฝากเธอให้พี่ดูแล”
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่รัมเหรอพี่เคียนติ” เขาไม่พูดอะไร แต่เดินไปนั่งที่โซฟา และท่าทางแบบนี้มันทำให้ฉันก้มหน้าเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อเก็บของตัวเองลงกระเป๋า ท่าทางที่นิ่งเฉยแบบนั้นฉันไม่สามารถขัดใจเขาได้เลย ฉันเดินลงบันไดมาแบกกระเป๋าของตัวเอง กระทั่งพี่เคียนติเดินไปรอที่รถและสั่งอะไรไม่รู้กับคนของตัวเอง
“ขึ้นรถ” ฉันทำได้แค่ขึ้นรถไปตามคำสั่งของเขา ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขัดคำสั่งเพราะสำหรับฉันแล้วพี่เคียนติคือทุกอย่างของหัวใจ ฉันรักเขาจนแทบจะไม่เหลือที่ว่างให้ใคร หรือถ้าเหลือก็ไม่มีใครสนใจยัยแห้งไร้เสน่ห์อย่างฉันหรอก รถหรูมาจอดที่คอนโดหรูใจกลางเมือง ฉันเดินตามหลังพี่เคียนติขึ้นไปที่ชั้นบนของคอนโด เมื่อมาถึงห้องของพี่เคียนติก็ต้องเบิกตากว้างกับบรรยากาศภายในห้องที่มันทั้งกว้างและสวยมาก “ห้องเธออยู่ห้องนั่น ส่วนนั่นห้องพี่”
“พี่เคียนติ หนู...”
“รอก่อน เดี๋ยวพี่จะมาเล่าให้ฟัง” พี่เคียนติเดินเข้าห้องตัวเองไป ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่ที่โซฟากลางห้องที่กว้างขวาง มีเตาผิงด้วยนะ ที่สำคัญครัวของที่นี่มีเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ด้วย ฉันมองประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง ร่างสูงที่อ่อนวัย ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าฉันด้วยซ้ำ “เฮียเคียนติอยู่ไหน?”
“อยู่ในห้อง”
“กระเป๋าเธอ” เขาพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ฉันทำได้เพียงแค่รอพี่เคียนติเท่านั้นสินะกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีอะไรกันแน่นะ เกิดอะไรขึ้นกับพี่รัมกันแน่ ฉันหยิบมือถือที่สามารถเล่นอะไรได้แต่ราคาไม่แพงหูฉีกมากดโทรหาพี่ชายตัวดี แต่ทว่าก็ไม่มีสัญญาณตอบรับเลย กระทั่งข้อความจากไลน์จะเด้งขึ้นมา
Irish : จิน วันนี้สอบเป็นยังไงบ้าง? ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไม่ได้ไป
ฉันยิ้มออกมาเมื่อ ‘ไอริช’ เพื่อนสาวแสนน่ารักแต่ขี้อายไลน์มาหา เพราะเธอไม่ได้มามหาลัยในวันนี้ ฉันถอนหายใจออกมา ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับเธอไป
Gin : ไม่เป็นไรริช ฉันโอเค... พรุ่งนี้เจอกันที่ร้านกาแฟหน้ามหาลัยได้ไหม? มีเรื่องแล้วล่ะ
Irish : เกิดอะไรขึ้นเหรอจิน?
Gin : เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันนะ ไม่อยากคุยในนี้สักเท่าไหร่
ประตูตรงข้ามเปิดขึ้น ฉันมองร่างสูงของพี่เคียนติที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวสีดำ กับผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ตรงลำคอ หัวใจของฉันเต้นโครมคราม เลือดลมสูบฉีดเมื่อได้เห็นเรือนร่างที่แข็งแรงและรอยสักที่แผงอก เอิ่ม หัวใจจะวายแล้วนะพี่เคียนติ
“เลือดไหล?”
“อะ เอ๋...”
“เลือดกำเดาไหล เป็นอะไรของเธอ” ฉันเบิกตากว้าง ยกมือแตะที่จมูกก็พบว่าเลือดกำเดาไหลออกมาจริงๆ ตายแล้ว! นี่เห็นแค่พี่เคียนติเปลือยท่อนบนยังเลือดกำเดาไหล ถ้าเห็นมากกว่านี้ไม่เลือดไหลตายหมดตัวหรือไงเนี่ยยัยจิน! มือของฉันคว้าเอาทิชชูมายัดในรูจมูกอย่างเขินอาย มองสบตากับพี่เคียนติที่นั่งลงตรงข้าม “โอเค?”
“อื้อ อู๋โอเอ (หนูโอเค)”
“เอาล่ะพี่จะบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องไอ้รัม ตอนนี้มันไปแล้ว”
“ไอไอ๋ (ไปไหน)” พี่เคียนติถอนหายใจ มือหนาหยิบบุหรี่ที่อยู่ตรงหน้าไปจุดสูบ “พี่ไม่รู้ แต่มันส่งข้อความมาบอกให้พี่พาเธอมาอยู่ด้วย เพราะกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย”
อะไรกัน? พี่รัมไปทำอะไรไว้เนี่ย ฉันเอาทิชชูออกจากจมูกคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน ถึงแม้จะขี้ขลาด เห็นแก่ตัว แต่พี่รัมไม่เคยทิ้งฉันไว้คนเดียวแบบนี้นะ แล้วแบบนี้...
“คงต้องรอให้มันติดต่อกลับมา แต่พี่พอจะรู้มานิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้รัมทำ”
“อะไรเหรอพี่เคียนติ?”
“มันอาจจะไปพัวพันเกี่ยวกับด้านมืด หรือไม่ก็ติดหนี้จนหนีไป” ฉันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ เหตุผลนี่หรือเปล่าที่พี่รัมไม่ให้ฉันออกไปทำงานหาเงินเรียน แต่ตัวของเขากลับส่งเสียให้ฉันเรียนแทน ความจริงฉันไม่อยากจะคิดร้ายกับพี่รัมนะว่าคนอย่างเขาจะทำงานอะไรได้ แต่ตอนนี้ฉันคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ เงินมากมายที่พี่รัมได้มามันต้องไม่ได้มาดีแน่
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียน พี่จะส่งเสียเธอเอง รวมถึงค่าใช้จ่าย”
“แต่หนูรบกวนพี่เคียนติ ช่วงนี้หนูปิดเทอมด้วย หนูจะหางานทำ”
“...”
“หนูรู้ว่าสภาพอย่างหนูไปสมัครงานคงไม่มีใครรับ แต่หนูไม่อยากรบกวนพี่เคียนตินี่นา” สายตาของพี่เคียนติทำให้ฉันรู้เลยว่าเขาคิดยังไง นอกจากฉันจะตัวเล็กผอมแห้งแล้ว ฉันยังสายตาสั้นด้วยแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ถึงได้บอกไงว่าฉันน่ะมันเป็นยัยแห้งไร้เสน่ห์อย่างที่เพื่อนในคณะตั้งฉายาจริงๆ
“พี่ดูแลเธอได้จิน”
“พี่เคียนติ”
“แต่ถ้าเธอจะทำมันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ พี่ห้ามไม่ได้ เพราะนี่มันชีวิตของเธอ... พี่แค่ทำตามที่ไอ้รัมขอร้องเท่านั้น เพราะงั้นเธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่ขอให้บอกกันก่อนก็แล้วกัน” ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าห้องไป แต่เป็นฉันมากกว่าที่นั่งโหวงใจอยู่นิดๆ ถ้าไม่ติดว่าพี่รัมขอร้องไว้ พี่เคียนติคงไม่รับฉันมาอยู่แบบนี้สินะ แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอถึงแม้จะไม่ได้หัวใจ แต่ได้อยู่ใกล้ ได้มองหน้า ก็เกินพอแล้วนี่นา
“หนูรักพี่นะ พี่เคียนติ”
รุ่งขึ้นฉันเลยขออนุญาตพี่เคียนติมาที่มหาลัย บอกตามตรงเลยเมื่อคืนนอนไม่หลับ แค่คิดว่าพี่เคียนตินอนอยู่ห้องตรงข้าม มันก็พาให้ใจสั่นตลอด สำคัญคือแพลนเที่ยวของฉันกับพี่รัมเป็นอันต้องพับเก็บไว้ในซอกลึกของใจ ฮึกๆ เสียใจที่ไม่ได้ไปเที่ยว และเสียใจที่ไอ้พี่บ้าทิ้งให้ฉันโดดเดี่ยวแล้วตัวเองก็หนีไปไหนไม่รู้เนี่ย
“แค่กๆ จริงเหรอจิน ที่ว่าไปอยู่กับพี่เคียนติ”
“อือ”
“แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ได้อยู่ใกล้ชิดกันเข้าทางเลย” ไอริชส่งยิ้มหวานให้กับฉัน เพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่มีใบหน้าน่ารัก แตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง ถึงจะตัวเตี้ยกว่าฉันเพราะสูงแค่ 165 ซม. แต่รูปร่างสมส่วน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ผมสีดำม่วงปะบ่า โอ๊ย! น่ารักไปหมดทุกอย่าง แถมยังขี้อาย เนี่ยล่ะสเปกของผู้ชายซึ่งไม่ใช่ฉันไง
“ริชก็รู้ว่าพี่เคียนติเป็นคนยังไงนะ”
“รู้ เย็นชา นิ่งเฉย... ไม่รู้ด้วยว่าคิดอะไรอยู่”
“นั่นไง เห็นปะล่ะถึงอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันนักหรอก” ฉันเขี่ยเค้กในจานอย่างเสียใจพ่นลมออกมาอย่างเบื่อหน่ายในชีวิตสุดๆ “อยากหางานทำด้วย”
“แต่จินไม่ค่อยดีนะ”
“รู้แล้ว ร่างกายมันไม่โอเคกับการทำงาน ไหนจะสายตาสั้นย่ำแย่ หัวก็ไม่ดี ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง!”
“ฉันไม่ได้จะว่าจินแบบนั้นนะ แต่เป็นห่วงนี่นา” ไอริชทำหน้าเศร้าจนฉันส่ายหน้าไปมา “เข้าใจว่าเธอห่วงฉัน แต่ถ้าจะให้พึ่งพาพี่เคียนติแบบนี้ต่อไปโดยไม่รู้ว่าพี่รัมจะมาตอนไหน ฉันคงไม่เอาหรอก”
“งั้นเดี๋ยวฉันลองหางานให้เอาไหม พี่ไอซ์น่าจะรู้จักคนเยอะ เดี๋ยวจะหางานเบาเงินดีให้”
“ขอบใจนะริช” ฉันจับมือของเพื่อนสาวที่ยิ้มให้อย่างเข้าใจ สายตาของฉันมองไปที่ประตูร้านที่เปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงของใครบางคนซึ่งคุ้นตามาก หมอนั่นที่ฉันไม่มีวันลืม
นายซัส!
เขาควงมากับผู้หญิงใหม่ที่ไม่ใช่ยัยก้อย และเขาก็หันมองสบตากับฉันยกยิ้มให้อย่างกวนตีน แต่ฉันก็เบือนหน้าหนี ชิ ใครเขาจะอยากจะไปมองไอ้โรคจิตที่คิดว่าฉันอ่อยเขากันล่ะ
“เฮ้ ยัยแห้ง”
“เอ๋? ระ รู้จักกับจินด้วยเหรอคะ” จู่ๆ เขาก็ทักฉัน แถมยังมองไอริชด้วยสีหน้าตกใจ มองด้วยสายตาแบบกินได้คงกินไอริชไปแล้ว “ชื่ออะไรครับ?”
“เออ ฉันเหรอคะ”
“ไม่ต้องตอบนะ!”
“จะหวงก้างฉันหรือไง ยัยแห้ง บอกแล้วไงฉันไม่เคี้ยวเธอหรอก” ฉันลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขาที่ยักไหล่ “ใครหวงนายไม่ทราบ และฉันก็ไม่ให้เพื่อนฉันรู้จักกับคนอย่างนายหรอก ไอ้โรคจิต!”
“จะ จิน...”
“เดี๋ยวสิ! ฉันจะจีบเพื่อนนะยัยแห้ง นี่!” ซัสคว้าต้นแขนฉันไว้ แต่ฉันกลับบิดออกแต่ทว่าแขนของฉันมันอยู่ในกำมือของเขาน่ะสิ เกลียดตัวเองที่ผอมแห้งจังงะ
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า”
“บอกชื่อเพื่อนเธอมาก่อนสิ”
“บอกเพื่ออะไร? ผู้หญิงของนายยืนอยู่ข้างหลัง ยังจะมาหลีเพื่อนฉันอีกเหรอ ไอ้เจ้าชู้!” ฉันตีแขนเขาเพื่อให้ปล่อย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสนุกกับการที่ฉันทำร้ายเขา ไอ้บ้านี่ตีแล้วนะ
“ทำอะไรของเธอ นี่ตีแล้วเหรอ เบาชะมัด”
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บแขน!”
“เออช่วยปล่อยจินเถอะนะคะ ฉันชื่อไอริชค่ะ”
“ริช! ไปบอกเขาทำไม” จู่ๆ ไอ้บ้านี่ก็ปล่อยแขน ฉันมองต้นแขนขาวที่แดงเถือกเป็นรอยมือ “ไอริช ชื่อน่ารักดี ไว้เจอกันนะครับ ไปนะยัยแห้ง”
“ไปตายซะ!” เขายักไหล่และโอบเอวสาวเดินจากไป ไอริชมองต้นแขนฉันที่เป็นรอยแดงเพราะน้ำมือของเขา “เจ็บไหมอะ?”
“ซวยจริง อย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้โรคจิต!”
ถ้าเจออีก... คราวหน้าจะตบให้รู้สึกเลย คอยดูสิ
ความสนุกกำลังเริ่มต้นขึ้น ผู้ชายสายเคี้ยว กับ ยัยแห้งไร้เสน่ห์
ใครจะกลืนคำพูดตัวเองก่อนกัน ภารกิจที่จินต้องมาพัวพันกับเซซัสคืออะไร? ติดตามให้ดี
ใครรอ #ผู้ชายสายเคี้ยว รีบเร่เข้ามาให้เขาเคี้ยวซะดีๆ เมนต์มา ถูกใจมา!
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น