สองวันหลังจากเหตุการณ์นั้นจบลง...
"คุจัง...เป็นไงบ้าง?"
"อืม...เอาตามตรงผมล่ะตกใจจริงๆ ถึงหลังจากนั้นจะสัมผัสไม่ได้ แต่จากที่รวบรวมข้อมูลความรู้ทั้งหมดมาในที่สุดผมก็เข้าใจในศาสตร์นี้...อืม เป็นเวทย์สายสว่างซึ่งเธอสามารถทำได้ง่ายๆแต่กับผม...มันแตกต่างกันนิดหน่อยแฮะ"
ผมเอามือเท้าคางพลางพูดเรื่องของวิญญาณของทั้งสองคน เอวาและนิลล่าที่ตายไปและกลายเป็นว่าพวกเธอยังสถิตอยู่กับผม กับเอวานั้นเธอไม่สามารถกลับเป็นมนุษย์ได้ในเร็ววันและไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับร่างมนุษย์ได้เลยอีกด้วย...
และที่น่าแปลกกว่า คือนิลล่าที่น่าจะหายไปหรือวิญญาณถูกส่งไปเกิด ไม่ก็ตกนรกหรือขึ้นสวรรค์กลับถูกสาปอยู่ในสภาพที่เป็นภูติเทมวะซึ่งอยู่ในไอเทมชนิดนึง ทั้งๆที่เป็นไอเทมธรรมดาแต่ตอนนี้กลายเป็นไอเทมระดับพระเจ้าไปแล้ว...อะไรจะข้ามขั้นไปแบบนั้นกัน?
"จะสอนใช่ไหม?"
"แน่นอน แต่ว่ามันค่อนข้างจะซับซ้อนเพราะงั้นผมจะปรับแต่งวิธีใช้งานให้ ก่อนอื่นเลยเธอต้องตั้งสมาธิและรวบรวมมวลของมานาไปไว้ที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอซะ นั่นเป็นวิธีที่จะทำให้เธอมองเห็นวิญญาณภูติชั้นสูง และด้วยความเข้ากันได้กับธาตุแสงทำให้สิ่งที่ได้นั้นยอดเยี่ยมยิ่งเข้าไปอีก หากต้องการจะมองหาวิญญาณหรือภูติผียังได้อีกด้วย"
"แน่นอนว่าต้องขอปฏิเสธ! แค่ไว้มองดูพี่น้องของเราก็พอแล้ว!"
"อืม ถึงจะไม่ได้เห็นเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้าใช้พลังเวทย์ส่วนนึงของผมก็สามารถสร้างเป็นรูปร่างภูติจำลองได้อยู่หรอกนะ"
"เท่ากับว่าถ้าไม่ใช้พลังเวทย์ของเธอ เราก็จะมองไม่เห็นทั้งสองคนสินะ?"
"อืม แต่ว่าไม่ใช่เพราะผม ต้องบอกก่อนเลยว่าพวกนี้ก็สามารถทำอะไรด้วยตนเองได้ เป็นภูติที่มีจิตสำนึกนี่นะ? แต่จะว่าก็ว่าเหอะ...ตอนนี้ยัยเอวาน่ะเงียบไปน่าจะหลับ...ซึ่งมันทำให้ผมสงสัย ว่ากับภูติแล้วก็หลับได้ใช่รึเปล่า? ส่วนยัยนิลล่าก็ดึงพลังเวทย์ของผมไปแล้วก็แสดงตัวออกมาในสภาพที่...ละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน"
"เป็นแบบไหนอ่ะ!?"
ก็บอกอยู่ว่าให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เธอก็น่าจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร...และเจ้าตัวที่ใช้พลังเวทย์ของผมเล่นๆก็กำลังนอนคว่ำตีขาอยู่บนเตียงตรงข้างๆตัวของผม โดยที่มีแค่ผมเท่านั้นที่มองเห็น
หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง เมืองที่เสียหายไปมากกว่าครึ่งก็ปลอดภัย ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่แต่ว่าทางนั้นจะใช้ประตูเทเลพอรต์ก็ไม่ได้ ทำให้พวกลิลลี่ยังกลับมาไม่ถึงที่นี่...และผมคงจะสู้หน้าพวกเธอไม่ได้อีกด้วย
และแน่นอนว่าผมไม่ได้ออกจากห้องนี้หลังจากที่เรื่องนั้นจบ ไม่มีประโยชน์ที่ต้องไปไหน ฮินะก็เหมือนกัน เธอเอาแต่อ่านหนังสือและช่วยผมฝึกเวทย์มนต์ใหม่ แต่จะเรียกว่าเวทย์มนต์ก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นอะไรที่แตกต่างกว่ามาก
นอกจากจะใช้มองภูติได้แล้ว ยังรับรู้ได้อีกหลายๆอย่าง และยังพัฒนาได้อีก ต่างจากดวงตาปีศาจสุดๆ...และต้องมีความเข้ากันได้กับธาตุแสงหรือธาตุศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย...ที่แน่ๆคือไม่มีใครใช้มันได้ ยกเว้นผม...ก็แค่ในตอนนี้ล่ะนะ
"ดีล่ะ! เราจะฝึกให้ได้เลย!"
จากนั้นเธอก็นั่งขัดสมาธิและตั้งสมาธิทำตามที่เธอเคยบอกผม แต่วิธีที่ผมจะบอกเธอหลังจากนี้นั้นง่ายกว่าที่เธอคิดค้นขึ้นซะอีก
หรือก็คือ ทักษะนี้เป็นทักษะที่ฮินะคิดค้นขึ้นมาเอง
"ดีจังเลยนะ! ยังไงฉันก็ได้อยู่กับนายด้วย"
"แต่ด้วยร่างแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะนะ ต้องบอกว่าเป็นส่วนของความรู้สึกและจิตใจสินะ? ผมเองก็ดีใจเหมือนกัน"
"แหมๆ ซึนแตกงั้นเหรอ?"
"ตลกแล้ว นั่นก็เพราะเธอรักผมมากถึงขนาดนี้ ผมก็ยินดีที่จะรักเธอ ให้ได้อย่างที่เธอรักผมล่ะนะ"
ผมพูดไปพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย ใช่ เธอใช้พลังของผมทำให้เกิดออกมาเป็นร่างกายที่จะมองได้ก็แค่ผู้ที่มีความสามารถในการมองวิญญาณเท่านั้น ต้องบอกว่ามันคือร่างวิญญาณล่ะนะ แต่เธอทั้งคู่ดันไม่มีมานามากพอที่จะสร้างร่างวิญญาณนี่สิ เธอจึงจำเป็นที่จะต้องใช้มานาของผมที่ตอนนี้เป็นร่างกายที่พวกเธอสิงสถิตอยู่
ในส่วนของเอวา เธอคือดาบที่เชื่อมต่อกับผมทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กับนิลล่านั้น เธอได้สิงสู่ที่อุปกรณ์ และอุปกรณ์นั้นก็ได้ร่ายคำสาปไว้กับผม...และดันเป็นอะไรที่แย่มากๆอีกด้วย
"จะว่าก็ว่าเถอะ ก่อนอื่นผมอยากถามเรื่องที่ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนั้นได้กันนะ?"
"อืม...ไม่รู้สิ ดูเหมือนว่าความทรงจำจะขาดหายไป แล้วก็ขอโทษนะ เพราะฉันทำให้นายใช้พลังที่มหาศาลของนายได้อย่างไม่เต็มที่ และยังจำกัดอะไรหลายๆอย่างอีกด้วย"
"ไม่เป็นไร ก็แค่คำสาปไร้สาระ ใช่ว่าร่างนั้นจะใช้ได้ง่ายๆซะทีเดียว...ก็แค่ต้องแข็งแกร่งให้มากพอที่เธอจะทำให้ผมไม่เป็นอะไรแม้ว่าจะเป็นอะไรที่อันตรายถึงแก่ชีวิตก็เถอะนะ"
"อือ"
ใบหน้าของร่างวิญญาณของนิลล่าที่เงยขึ้นมามองผมมีสีแดงเล็กน้อย
"ถึงตอนนี้ฉันก็รู้สึกเสียใจนะ ที่ตายไป...แบบนี้ฉันก็อดจูบกับนายเลยน่ะสิ"
"น่าเสียดายนะ แต่แค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้วนี่? หรือว่าเธอไม่พอใจผมงั้นเหรอ?"
" *ส่ายหน้า* เปล่าหรอก ฉันดีใจนะที่ได้อยู่กับนาย คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง จะไม่แยกจากนายอีกแล้วฉันสัญญา"
"สัญญานั่น ถ้าเธอทำผิดต่อผมเมื่อไรรับรอง ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเจอเธอและลงโทษเธออย่างหนักเลยล่ะนะ"
"ฮะฮะ ชักจะกลัวขึ้นมาซะแล้วสิ เพราะฉันรู้ ว่านายคงจะหาฉันเจออย่างแน่นอน"
"เป็นความเชื่อที่ผิดแปลกจริงๆเลยนะ"
*ฟุ่บ*
ผมเอนตัวลงนอนที่เตียง ถ้าจะให้พูดคือข้างๆนิลล่าและใบหน้าของเราก็ใกล้กันมากด้วย น่าเสียดายที่ทำได้แค่มองดูเท่านั้นน่ะนะ
"ผมเอง ก็ต้องพยายามมั่งแล้วสินะ?"
"เรื่องอะไรล่ะ?"
"หลายๆอย่าง ทั้งพลังที่ควบคุมยังไม่ได้ และความสามารถใหม่ๆเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ในระดับที่จะทำให้ทุกเรื่องราวจบลง และผมก็จะออกเดินทาง เพื่อช่วยเหลือพวกเธอ"
"ฉันดีใจที่นายเป็นห่วงและรักพวกเรานะ แต่จะดีเหรอ? จะปล่อยท่านผู้กล้าเอาไว้เธอคนนั้นก็คงไม่ยอม และจะพาไปด้วยนายก็คัดค้านแน่ๆ"
"ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำ ผมจะเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่เฉยๆเอง และผมจะต้องทำให้เรื่องมันจบอย่างรวดเร็วเพื่อที่ะพวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสักที"
"อืม ดีจังนะที่ท่านผู้กล้ามีสมาธิมากเกินไปจนไม่ได้ยินที่นายพูดน่ะ"
"นั่นสินะ...ดีแล้วล่ะ"
เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่นานผมก็ลุกขึ้นยืน ดูเหมือนว่านิลล่าจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยยกเลิกการใช้พลังเวทย์ของผมและกลับไปอยู่ใน...จะเรียกว่านิลล่าเหมือนที่บอกไปเมื่อตอนก่อนก็คงไม่ได้ เพราะเจ้าตัวยังอยู่เพราะงั้นจะเรียกอะไรเหมือนๆกันมีหวังได้ปวดหัวแน่ๆ แต่จากสภาพที่มันเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากที่คล้ายกับปลอกคอตอนนี้เหมือนวงแหวนศักดิ์สิทธิ์มากกว่าล่ะนะ
"อย่าลืมซื้อของหวานมาให้ฮินะล่ะ"
"จะไปลืมได้ยังไงกันล่ะ? ผมเองก้ชอบของหวานเหมือนกันนั่นแหละ"
แต่เงินตอนนี้ชักจะเหลือน้อยลงทุกทีแล้วสิ แต่ว่ามันก้ยังมากพอที่จะใช้จ่ายได้เป็นเดือนอยู่ล่ะนะ...เว้นแต่ว่าส่วนของหกวันผมเอาไปซื้อชุดใหม่มา ทั้งของผมและของฮินะเลย
ก็นะ ชุดของผมน่ะมันขาดไปแล้วน่ะสิ ส่วนฮินะนั้น...ก็แทบไม่ค่อยต่างกันเท่าไร เว้นแต่ว่าชุดของเธอที่เธอต้องการและต้องเปลี่ยนนั้น เป็นชุดชั้นในล่ะนะ...
"ชุดนี้ใส่แล้วดูเหมือนจอมมารเลยนะ!"
"ไม่น่าดีใจสักนิด แต่ไหนแต่ไรก็เป็นลูกชายของจอมมารอยู่แล้วนี่นะ"
ชุดที่ผมใส่คล้ายชุดของจักรพรรดิเล็กน้อย ชุดคลุมยาว แขนยาวขายาว สีดำลายขาวเงินและมีผ้าคลุมไหล่ขวาอยู่อีกด้วยº ที่ซื้อมาไม่ใช่อะไรหรอก เพราะความสามารถของชุดมันน่ะนะ
ซ่อมแซมตัวเองโดยใช้มานาจากผู้ใช้ ผูกมัดและสามารถเรียกใช้ตอนไหนหรือจะเก็บตอนไหนก็ได้อีกด้วย รู้สึกจะใช้วัสดุที่หายากในการทำ แต่บังเอิญว่าเจ้าของร้านนั้นไม่รู้และขายมาให้ ส่วนคนที่รู้ก็คือนิลล่าที่มีความรู้เยอะล่ะนะ
เพราะงั้นชุดที่ราคาถูกและค่อนข้างจะดูดีทำให้บุคลิกดูดีแม้จะเด่นและค่อนข้างจะส่อถึงความเป็นจูนิเบียวแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีความสามารถมากพอที่จะไม่ต้องเปลืองเงินไปอีกแทบจะตลอดชีวิต...หากแต่ยังต้องซักมันอยู่ดีล่ะนะ
ไม่ใช่ว่าผมไม่มีชุดสำรอง ผมมีเป็นกองเลยล่ะชุดแบบนั้นน่ะ แต่ว่าชุดนี้เหมาะสมต่อการออกไปสู้มากกว่า หรือก็คือชุดอื่นๆนั้นเป็นเพียงแค่ชุดที่ใช้ใส่ในยามอยู่ในเมืองหรืออยู่แบบปกติเท่านั้นแหละนะ
*เอี๊ยด...*
"หือ?"
"..."
อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นกัน? ผมเปิดประตูมาถึงก็เจอกับยัยโครวที่ออกมาจากห้องตรงกันข้าม ยัยนี่มองหน้าผมด้วยสายตาที่หรี่ลงครึ่งนึงและมันเป็นสายตาที่แหลมคมพร้อมจะทิ่มแทงผมให้ตายอยู่ตรงนี้เลยด้วย
"...จะมองข้าอีกนานไหม? ไอ้โลลิค่อนโรคจิต"
"ที่นี่เจ้าคิดเจ้าแค้นกว่าที่ผมคิดเอาไว้ซะอีกนะ แต่ก่อนอื่นเลยคือผมไม่ได้เป็นโลลิค่อน"
"จะยังไงก็ช่าง ข้าล่ะไม่อยากจะเจอแกที่สุด หากมิใช่เพราะท่านฮินะอยู่กับแกข้าก็คงฆ่าแกหรือไม่ก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วล่ะ"
"น่าเสียดายที่มันไม่เป็นแบบนั้นหรอก เพราะวาสนาของเธอจบแค่ผมเองล่ะนะ"
"คิดแล้วอยากจะอ้วก และอยากจะฆ่าพระเจ้าที่สร้างเส้นทางแห่งโชคชะตาให้ข้าได้มาบรรจบกับแกจริงๆ และน่าเสียดายที่เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับข้าแน่นอน"
"ก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วล่ะนะ เพราะอย่างเธอก็ไม่ได้จะน่าพิศวาสเลยแม้แต่น้อย หุ่นเด็กๆแบบนั้นคงไม่มีใครเหลียวแลหรอก เว้นแต่โลลิค่อนตัวจริงล่ะนะ"
"ข้าก็ไม่ได้อยากยุ่งกับผู้ชายใจทรามอย่างแกเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครหน้าไหนข้าก็ไม่สน ข้าไม่อยากจะคิดด้วยซ้ำว่าข้าต้องแต่งงานกับคนพรรณนั้น และข้าก็ไม่ได้ชอบผู้ชายซะด้วย"
"งั้นเหรอ? แต่น่าเสียดายที่คนที่เธอชอบเป็นของผมล่ะนะ"
"ข้าล่ะอยากฆ่าแกซะตั้งแต่ตรงนี้เลยจริงๆ"
ก็ทะเลาะกันมาตลอดเวลาเลยล่ะนะ ปกติแล้วคนที่จะมาห้ามพวกเราคือฮินะ แต่ไม่รู้เพราะอะไรต่อให้ฮินะไม่อยู่ผมกับยัยนี่ก็ตัวแทบจะติดกันบ่อยครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้พูดกันดีๆหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย อย่างตอนนี้ที่กำลังเดินลงบรรได พวกเราเดินจนตัวจะชนกันแล้วด้วยซ้ำ..
*แตะ*
"...ถอยไปเลยนะ ไอ้ผู้ชายสกปรก ข้าไม่อยากติดเชื้อโรคที่ร้ายแรงจากแก"
"ไม่ใช่ว่าเป็นเธอหรอกเหรอที่เดินเข้ามาชนตัวผม? ยังจะมีหน้ามาว่าผมอีกนะ แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ได้ขาวสะอาดอยู่แล้วด้วย จะเพิ่มโรคอะไรไปสักอย่างสองอย่างก็ไม่ทำให้เธอมัวหมองไปมากกว่านี้ได้หรอกน่า"
"แค่คิดว่าต้องรับอะไรบางอย่างมาจากแกทั้งจะดีหรือจะร้ายยังไงข้าก็ขยะแขยงว่ะ ยิ่งจะบอกว่าข้าเป็นคนเข้าหาแกนี่ยิ่งต้องขอปฏิเสธเลยล่ะ"
"หึ ทำเป็นพูดดี เธอมันปากไม่ตรงกับใจเลยนะ"
"หึ แกไม่ได้รู้อะไร ไม่ว่าปากข้าจะพูดสิ่งไหนออกมานั่นแหละคือความคิดของข้าและเป็นสิ่งที่หัวใจของข้าเรียกร้อง"
"เรียกร้องให้เข้ามาใกล้ผมน่ะเหรอ? ถ้างั้นก็ยินดีรับไว้อย่างยิ่ง"
"ขอปฏิเสธ ข้าไม่คิดจะเข้าหาแกหรอกนะ และมันก็ไม่ได้เรียกร้องที่จะเข้าใกล้แกอยู่แล้วด้วย"
"งั้นเหรอ?"
*ตึก ตึก ตึก ตึก*
พวกเราเดินลงมาจนถึงชั้นล่าง และเดินไปยังเคาน์เตอร์พร้อมกัน แบบว่าตัวแทบจะติดกันเหมือนเดิม เป็นความรู้สึกแปลกดีที่มีคนที่เกลียดตัวเองมายืนติดกันแบบนี้
"ไม่อยู่งั้นเหรอ?"
"ออกไปทำเควส? อะไรกันล่ะเนี่ย?"
"คงต้องไปกินข้างนอกแล้วล่ะนะแบบนี้น่ะ ว่าไง? จะให้ผมเลี้ยงก็ได้นะ"
"ถึงจะอยากถลุงเงินแกจนให้หมดตัวก็เถอะ แต่คงต้องตอบว่าขอปฏิเสธล่ะนะ ไม่อยากกินข้าวที่ต้องใช้เงินจากคนสกปรกแบบแกซื้อมาหรอกนะ"
"ผมมั่นใจว่าอาบน้ำแล้วนะ"
"แกก็เข้าใจนะว่าข้าหมายความว่ายังไงน่ะ?"
"เหรอ? บางทีผมคงจะลืมมันล่ะมั้ง?"
"พวกเธอทั้งคู่เนี่ย สนิทกันจริงๆเลยนะ"
""จะเป็นไปได้นยังไงกันเล่า!""
"น...นั่นสินะ!"
ยังไงก็เถอะ ถึงจะไม่มีคนอยู่แต่การมานั่นอ่านข้อมูลเควสหรือข้อความเนี่ยทำไมถึงมานั่งอ่านที่นี่กัน? พวกนายกว่าครึ่งไม่ได้พักที่นี่ด้วยซ้ำ
คนที่ทักพวกเราคือหน่ึงในคนที่ว่า และพวกเราก็ตะคอกกลับไปพร้อมเพรียงกันซะดิบดีเลยด้วย แล้วพวกเราก็มองหน้ากันพร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า "กับคนแบบนี้เนี่ยนะ? ไม่มีทาง!"
"ไม่เห็นจะต้องตะคอกกลับแบบนั้นเลย สงสารเขาออกนา"
ช่างเขาเหอะน่า อย่าไปสนใจเลย
"จะไปร้านไหน? บอกก่อนเลยว่าถ้าเป็นร้านขยะล่ะก็ข้าจะฆ่าแกแน่"
"ร้านแบบนั้นคงไม่มีคนและคงขายไม่ออกหรอก มีร้านนึงที่ผมเคยไปมาก่อน แน่นอนว่ารสชาตินั้นสุดยอดมากเลยล่ะนะ"
"ขอให้มันได้อย่างที่โม้เอาไว้เหอะ"
"พนันกันไหมล่ะ? เอาเป็น...จู---"
"ถ้ามันเป็นอย่างที่นายพูดข้าจะยอมให้เจ้าแตะต้องตัวข้าได้ตลอดสองชั่วโมงเลยก็ย่อมได้ แต่เงื่อนไขมีแค่การแตะต้องร่างกายเท่านั้น ไม่อนุญาตเรื่องลามกและห้ามจูบ หรือก็คือได้แค่จับมือหรือลวนลามเท่านั้น"
"ถือว่าแพงพอตัวเลยไม่ใช่รึไง? ถ้าผมแพ้ล่ะ?"
"แล้วนายจะให้อะไรข้าล่ะ?"
"หึ..ทุกอย่าง ผมจะทำตามที่เธอบอกทุกอย่างหนึ่งครั้ง"
"หึ น่าสนใจจริงๆ งั้นจะมัวรออะไรอีกล่ะ? ไปได้แล้ว!"
•
•
•
"..."
"ว่าไง?"
"ชิส์...เออ! ข้าแพ้แล้ว! จะทำอะไรก็ทำ!"
"ค่อยกลับไปก็ได้นี่? เธอไม่ได้จำกัดเวลาเอาไว้นี่นะ?"
"หนอย...ไอ้สารเลว! ไอ้ผู้ชายชั่วช้า! ไอ้ผู้ชายเจ้าเล่ห์!"
"ขอบคุณที่ชม...ซะที่ไหนกัน ยังไงก็เถอะ ถ้าชอบนักก็กินเข้าสิ อย่ามัวแต่จ้องจะฆ่ากันแบบนั้น"
"ก็ไม่นึกว่าคนแบบแกจะมีรสนิยมดีๆเหมือนชาวบ้านปกติเขานี่หว่า!"
*ง่ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆ*
"เป็นเพื่อนที่ร่าเริงจังนะ"
"ที่น่าแปลกคือทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ต่างหาก...เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ขอน้ำผลไม้เพิ่ม"
"ค่าๆ!"
ร้านที่ผมมานี้คือร้านที่เคยมาเมื่อวานนี้ อาหารอร่อยมากและพนักงานก็สุภาพ...ไม่นับยัยคนเมื่อกี้ล่ะนะ
ร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามทางด้านหลังของกิลด์และมันค่อนข้างจะไกลเล็กน้อยจากที่นี่ อาหารอร่อย ไม่แพงและคนไม่เยอะมากนัก แบบว่ากำลังดีเลยล่ะนะตรงนี้น่ะ
และยัยนั่นที่ว่า คือยัยอเดลที่เคยเจอมาแล้วสองครั้ง อย่างกะหางานทำเลยนะยัยนี่น่ะ ร้านเสื้อผ้าเอย ร้านเครื่องประดับเวทย์เอย ยัยนี่เป้นพวกทำงานพาร์ทไทม์รึไงกันน่ะ?
*ง่ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ*
"เฮ้ย ไม่คิดว่ากินเยอะไปรึไง? แถมเธอเอาจานของผมไปด้วยแล้วนะนั่นน่ะ!"
" *อึก* เพราะแกไม่ยอมกินมันข้าเลยเสียดายที่อาหารดีๆแบบนี้กลับถูกสุนัขอย่างแกเมิน ก็ดีที่มันยังไม่ติดเชื้อจากแกข้าเลยยอมกินยังไงล่ะ"
"ที่กินช้าเพราะมีอะไรหลายๆอย่างให้คิด ต้องบอกว่าเธอนั่นแหละที่กินไวอย่างตะกละแบบนั้นน่ะ"
"ข้าจะกินยังไงมันก็เรื่องของข้านี่! เฮ้! ขอเบียร์เพิ่มอีก!"
"คิดจะเมาตั้งแต่หัววันเลยรึไง?"
"เพื่อที่จะไม่ได้สติตอนที่แกลวนลามข้าถึงสองชั่วโมงข้าจึงต้องมอมเหล้าเตียวเองยังไงล่ะ ข้าไม่อยากคิดว่าถูกผู้ชายสกปรกแบบแกแตะต้องตัวหรอกนะ!"
"แล้วจะเสนอข้อพนันแบบนี้มาทำไมกันน่ะ?"
"ก็จะได้มีโอกาสที่ทำตามที่แกบอก และจากความคิดของข้า โอกาสชนะของข้ามีสูงถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เลยเชียวนะ!"
"ก็ไอ้หนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เธอคิดมันอยู่ตรงหน้าตอนนี้และยังเป็นความจริงแล้วนี่ไง"
"นั่นแหละที่ไม่อยากเชื่อ!"
*อึกๆๆๆๆๆๆๆ*
"ฮาห์! ขอเพิ่มอีก!"
"ค...ค่ะ!"
ยัยนี่...น่าปวดหัวชะมัด เป็นคนที่คุยด้วยยากและยังจะคาดเดาได้ยากอีกด้วย...
"สั่งเยอะแบบนั้นจะดีเหรอเนี่ย?"
"แกจะเลี้ยงข้าไม่ใช่รึไง? หรือว่ากลับคำพูด?"
"เธอบอกว่าจะจ่ายเองไม่ใช่รึไงกัน?"
"สาวสวยปฏิเสธไปอย่างเป็นพิธี แกควรจะตั้งมั่นและพูดออกมาอย่างหนักแน่นว่ายืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด เพื่อให้สาวสวย 'คนนี้' คล้อยตามและหลงเชื่อสิ!"
"มั่นหน้ามากเลยนะ ที่พูดออกมาว่าตัวเองเป็นสาวสวยเนี่ย!"
"ดูพวกนายสนิทกันดีจริงๆเลยนะ"
""ตาบอดรึไงกัน? พวกชั้น/ข้าสนิทกันตรงไหนหา!?""
"ข...เข้าใจแล้ว!"
คนพวกนี้สายตาแย่ชะมัด ไม่นึกว่ายัยอเดลที่โดนพวกเราตะคอกเมื่อกี้จะคิดว่าผมกับยัยนี่สนิทกัน ดูยังไงก็ไม่...หรือว่าใช่กันนะ? ชักมไ่แน่ใจแล้วสิ
ถึงคำพูดอาจจะไม่เหมือนแต่ว่าการกระทำของพวกเรานี่เหมือนจะสนิทกันจริงๆเลยนะ ไหนลองดูหน่อยซิ...
"อ้ามสิ"
"ตลกรึไง? ใครจะอยากกินอาหารที่มาจากส้อมของคนสกปรกแบบแกกัน?"
"...นั่นสินะ"
*หงับ*
ก็ไม่คิดว่าจะลงรอยกับยัยนี่ได้จริงๆหรอกนะ...ทำไมถึงมากับยัยนี่กันล่ะเนี่ย เฮ้อ...ถ้าได้กินของพวกนี้กับนิลล่าและเอวาคงจะดีกว่านี้เยอะ...
"...เฮ้ย ข้าไม่ได้อยากจะบอกว่าให้หยุดทำหน้าเศร้า แต่ข้าไม่ชอบใจที่แกทำหน้าแบบนั้นเลยว่ะ แกเป็นคนที่แข็งแกร่งที่เจ้าเล่ห์ แกฉลาดและไร้เทียมทาน ข้าน่ะถึงจะไม่เชื่อใจแกและค่อนข้างจะขยะแขยง แต่แกน่ะสุดยอดแล้ว การที่แกเสียคนสำคัญไปไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบลงแล้วสักหน่อย ทั้งท่านฮินะ และคนอื่นๆอีกมากมาย มีคนสำคัญของแกที่คิดว่าแกสำคัญต่อตัวพวกเขาและรักแกมากถึงขั้นที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แกได้อยู่ด้วยกันกับพวกเขา ทำไมแกถึงไม่ลองมองย้อนกลับไปดูล่ะ? แกน่ะคิดอะไรมากเกินไปแล้ว เพราะงี้ถึงได้ขยะแขยงและไม่น่าไว้ใจไง"
"เห? เอาใจผิดคาดเลยนะ ถ้างั้นก็อ้า---"
"นั่นกับนี่มันคนละเรื่องกันย่ะ"
"...นั่นสินะ แต่ที่เศร้าไม่ใช่เพราะเศร้าที่สูญเสีย แต่เศร้าเพราะเสียดาย ที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากกว่านี้ ไม่ได้ใช้เวลาที่สนุกกันให้มากกว่านี้ต่างหากล่ะ...น่าเสียดายจริงๆ ความรักที่โหดร้ายแบบนี้เนี่ย ขอครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายทีเหอะ"
"งั้นแกก็ต้องพยายามล่ะนะ"
หึ ยัยนี่ซึนเดเระจริงๆนั่นแหละ ว่าแล้วเจ้าตัวก็ใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นสุดท้ายในจานสุดท้ายที่เธอกินในตอนนี้แล้วหันมาทางผมพร้อมกับยิ้มอ่อนหน่อยๆ
"งั้นก็อ้ามซะสิ"
"งั้นเหรอ? ซึนจริงๆเลยนะ"
*หงับ*
"อืม...อร่อยดีนะเนี่ย เจ้าสเต็กนี่น่---"
"ทีนี้ก็ไปกระโดดหอตายได้แล้ว เฮ้! ขอแบบเดิมเพิ่มอีก! แล้วก็ขอส้อมใหม่ด้วย!"
ขอถอนคำพูดที่จะคิดหลังจากที่เห็นรอยยิ้มยัยนี่ก็แล้วกัน ว่าจะคิดว่ายัยนี่น่ารักแล้วแท้ๆ น่าเสียใจที่มันไม่ใช่ ยัยนี่มัน...แย่ที่สุดเลยฟ่ะ
"เพราะงี้ผมถึงได้ไม่ถูกกับเธอล่ะนะ"
"เพราะนายข้าถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะนะ ปกติข้าสงบเสงี่ยมมากกว่านี้ซะอีก"
"อ๋อ เหรอ?"
"อย่ามาทำหน้าแบบนั้นน่ะเฟ้ย!"
"เบียร์ได้แล้วค่ะ! แล้วก็นี่ค่ะ! ซุปข้าวโพด มาสเตอร์บอกว่าพวกเธอดูสนิทกัน แม้จะไม่ใช่แต่ก็ดูเป็นแบบนั้น เพราะงั้นเลยอยากจะทำให้...แต่มีถ้วยเดียวเพราะงั้นแบ่งกั---"
"เสร็จข้าล่ะ!"
"ฝันไปเหอะ!"
ความเร็วของผมนั้นมีมากกว่า ต่อให้ยัยนี่จะออกตัวก่อนก็เถอะ แต่ผมน่ะยื่นมือไปถึงก่อนและแย่งชามซุปข้าวโพดมาพร้อมกับหยิบช้อนที่อยู่ในชามนี่พร้อมกับตักซุปที่มีสีเข้มและกลิ่นหอมนี่ขึ้นเพื่อที่จะกิน...แต่ว่า...
"...ฮึก..."
"...เฮ้อ อ่ะ เอาไปสิ"
ยัยนี่ทำท่าจะร้องไห้อย่างกะเด็ก ยิ่งมีรูปร่างเหมือนกับเด็กด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลยล่ะนะ
"...หึ แกพลาดแล้ว!"
*หงับ*
จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ยัยนี่แสยะยิ้มออกกว้างพร้อมกับทำหน้าอย่างกะเด็กที่หลอกคนโง่ได้...และคนโง่ที่ว่าคงจะเป้นผมไม่ผิดแน่...
"อร่อย! แกผิดเองนะที่ถูกหลอกง่ายน่ะ!"
"ถ้าพอใจแล้วก็ส่งมาซะ"
"อย่าหวัง!"
"ถ้างั้นการสัมผัสสองชั่วโมงนี่คงต้องจัดหนักจัดเต็มล่ะนะ"
"อึ่ก...ข้าไม่กลัวคนโรคจิตอย่างแกหรอกน่า!...หรือว่ากลัวกันนะ? ไม่มีทาง!"
"อ๋อเหรอ? นี่ ขอแบบนี้เพิ่มอีกสิ แน่นอนว่าจะจ่ายให้น่ะนะ"
"เฮ้อ พวกนายนี่ทำให้ที่นี่มีสีสันนะเนี่ย แต่ฉันรำคาญฟ่ะ..."
"ไปทำงานไป!"
ยัยนี่ตั้งใจทำงานรึเปล่าเนี่ย? รู้สึกว่าจะไม่ใช่เลยแม้แต่น้อยเลยสักนิด แถมยัยโครวตอนนี้ก็กินในส่วนของผมไปจนไม่เหลือเลย ได้กินแค่นิดเดียวเท่านั้น ยังหิวอยู่เลย...
"...นี่"
"หือ?"
"ยัยปีศาจที่บอกว่าเป็นพวกของแกน่ะ ยัยนั่นอยู่ไหน?"
"จะรู้ได้ยังไงกัน? หายหัวไปตั้งแต่จบเรื่องแล้ว แต่ว่า...มีวี่แววว่าจะโผล่มาในเร็ววัน ดูเหมือนว่ายัยนั่นจะเศร้ากับที่ผมต้องเสียคนรักไปสองคนอยู่หรอกนะ แต่ว่า...ไม่รู้ทำไมไอ้สายตาที่ยัยนั่นมองมาทางผมก่อนที่จะหายตัวไปนั้นมันดู..."
"หื่นกระหาย เหมือนนายไม่มีผิด"
"ขอปฏิเสธอย่างหนักเลย ผมไม่เคยทำสายตาแบบนั้นสักหน่อย"
"เหรอ? กับยัยคนที่เป็นเพื่อนกับนิลล่าคนนั้นน่ะ มองซะตาเป็นมันเลยนะ"
"ตลกน่า ไม่ได้มองแบบนั้นสักหน่อย แต่ถ้าจะให้พูดยัยนั่นก็มีเสน่ห์ที่เธอไม่มีล่ะนะ"
"ถ้าผู้ชายมันสารเลวแบบนายทั้งหมดมี่หวังโลกได้พังทลายแน่ๆ สงสัยข้าต้องกำจัดผู้ชายพวกนั้นไปให้หมดโลกและเลี้ยงดูเด็กหนุ่มให้โตมาเป็นคนดีและทำให้เขากลายเป็นพ่อพันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ทุกเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่รอดต่อไปล่ะนะ"
"ที่เธอคิดจะทำมันเกิดกว่าคำว่าปีศาจแล้วนะยัยบ้านี่..."
"ก็นะ อาจจะมีสักส่วนนึงที่ไม่ได้เป็นแบบนาย ถ้าแบบนั้นก็คงจะดีกว่า"
"จะอันไหนมันก็แย่พอกันนั่นแหละน่า ว่าแต่ทำไมเอาผมเป็นมาตรฐานกันน่ะ? จะว่าก็ว่าเถอะ ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อยนะ"
"น่าเชื่อถือได้ที่ไหนกัน?"
"ค่าๆ เลิกทะเลาะกันแล้วกินต่อได้แล้ว! นี่! ซุปข้าวโพด!"
"ขอแบบที่สั่งไปก่อนหน้านี้ด้วยนะ อย่างละชุดเหมือนเดิม"
"ขอข้าด้วยอย่างละสอง"
"ค่าๆ จะปอกลอกให้หมดตัวเลยเจ้าพวกนี้..."
ด้วยอาหารราคาถูกนี่น่ะเหรอ? ฝันไปเหอะ! ต่อให้เหมาะทั้งร้านในส่วนของวันนี้ทั้งหมดผมยังมีจ่ายสำหรับพวกเราสอง...ไม่สิ ต่อให้พามากันหมดก็มีพออยู่แล้วล่ะ
ก่อนหน้านี้ผมมีเงินราวๆเจ็ดหมื่นสามพันสามร้อยโดระ และได้รับเงินเพิ่มจากเควสต์และการขายของทั้งหมดเบ็ดเสร็จอยู่ที่สามแสนสองหมื่นสี่พันโดระ คิดเป็นเลขรวมก็เท่ากับ 394,300 โดระ โดยที่ยังไม่ได้นับค่าใช้จ่ายไปเมื่อวันก่อนนี้ หากคิดเงินที่ใช้จ่ายไปก่อนหน้านี้ล่ะก็ ตอนนี้เหลือราวๆสามแสนล่ะนะ ไอ้ชุดนี่ก็ไม่ได้ถูกขนาดนั้นสักหน่อย
หืม? จากที่บอกไปคือผมไม่จำเป็นต้องใส่ชุดที่เวอร์วังอลังการแบบนี้หากไม่ต้องการ? ก็จริงอยู่หรอกที่ไม่ต้องการน่ะ และชุดอื่นก็ยังมีอยู่ด้วย แบบว่าใส่สบายกว่านี้เยอะน่ะนะ แต่ว่าผมขี้เกียจจะเปลี่ยนชุดเพราะคิดว่าจะไปเดินเล่นข้างนอกเมืองจริงๆน่ะสิ
แถมมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจจากยัยเอลฟ์สายยูริที่มองมาอีกด้วย ยัยนี่ค่อนข้างจะมองมาทางนี้บ่อยๆแต่ไม่ได้แสดงอะไรทางสีหน้า เอาเป็นว่าผมสงสัยเอามากๆเลยอยากจะถามเธอสุดๆไปเลยล่ะ ว่า..
"มองจังเลยนะนั่นน่ะ ทำไม? คิดว่าชุดนี้เหมาะกับผมงั้นเหรอ?"
"เปลี่ยนโทนสีขาวที่เป็นลวดลายนั่นให้เป็นสีทองหรือสีแดงน่าจะโอเคกว่า และเติมแต่งอะไรอย่างเขาหรือจะเปลี่ยนให้แกเป็นปีศาจไปเลยคงจะเหมือนจอมมารไม่มีผิด ว่าแต่ได้มันมาจากไหนกัน? วิธีการทำคงจะยากน่าดูเลยนะนั่นน่ะ"
"เห? ชุดนี่น่ะเหรอ? ก็---"
"อ๊ะ!? นั่นมันชุดที่ฉันทำขึ้นแล้วเอาไปขายมั่วๆนี่นา! นายซื้อมันมาเหรอ!? เป็นไงบ้าง!? ใส่สบายไหม? ชอบรึเปล่า? นี่ๆบอกหน่อยสิ!"
ยัยนี่มัน...ใครกัน?
ในขณะที่พวกเรากำลังพูดถึงชุดของผม ก็มียัยคนประหลาดโผล่ออกมา เป็น...มนุษย์...มีเขาอยู่ตรงกลางหน้าผากโค้งขึ้นอย่างสวยงามสีแดงดำ ผมสีดำแซมสีแดงเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างนั้นมีสีต่างกันคือสีม่วงและสีแดง ซึ่งสีม่วงอยู่ด้านขวาและอีกข้างคือสีแดง ชุดที่ใส่เป็นชุดคล้ายกับกิโมโนสีทองลายคาดสีดำ ทำไมโทนออกไปสีดำตลอดเลยนะยัยนี่...แถมมีดาบคาตานะจำนวนสิบเล่มห้อยไว้ที่เอวทั้งสองข้างของเธอเท่าๆกันอีกด้วย และยังสะพายกระเป๋าสีดำขนาดใหญ่คล้ายกระเป๋าสีดำอีก...ดูเป็นตัวละครที่น่าสนใจดีนะเนี่ย
ตัวเล็กนิดหน่อย น่าจะสูงกว่ายัยลิลลี่ประมาณสองเซ็นติเมตร รูปร่างกำลังดี ต้องบอกว่าอวบหน่อยๆ อกตูมคัพค่อนข้างจะเทียบได้กับนิลล่าและใหญ่กว่าฮินะเล็กน้อย ที่ดีสุดคือสะโพก อย่างเยี่ยมเลยล่ะนะนั่นน่ะ และแววตา...กับริมฝีปากนั่น ดูดีกว่ายัยนี่เป็นไหนๆ
"เฮ้ย คิดอะไรที่เสียมารยาทกับข้าอยู่ใช่ไหมหา!?"
"...เปล่านี่"
รู้ด้วยรึไงว่าผมคิดอะไร? เป็นเอสเปอร์งั้นเหรอ? ตกลงว่าเธอยังเป็นมนุษย์...ไม่ได้เป็นมนุษย์นี่นะ ตกลงว่าเธอยังเป็นอมนุษย์อยู่รึเปล่าเนี่ย?
"เธอเป็นใคร?"
"อ๊ะ! โทษทีๆ พอดีว่ามันเป็นผลงานที่น่าคิดถึงน่ะ! ฉันเป็นนักดาบพเนจร และเป็นช่างตีเหล็๋กด้วย แน่นอนว่าฉันมีทักษะการเย็บผ้าฉันเลยสามารถเย็บชุดหลากหลายชุดขึ้นมาแล้วขายได้! ส่วนชื่อน่ะ...อูว...โทษทีนะ แต่เดิมฉันไม่มีชื่อหรอก ปกติมีแต่คนเรียกว่า 'ยัยปีศาจ' น่ะนะ...แต่ฉันเจอนี่ในกระเป๋าที่ขายไปตอนฉันตื่นขึ้นมาน่ะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงจะคุ้นเคยแต่ดันอ่านไม่ออกนี่สิ"
"ความจำเสื่อมงั้นเหรอ? ...นี่มัน..."
งั้นเหรอ? นี่มันชัดเจนเลยทีเดียวนะเนี่ย ถึงตัวตนของยัยคนแปลกๆนี่น่ะ
"นี่มัน...นายอ่านออกด้วยงั้นเหรอ?"
"อา ก่อนอื่นเลยสีผมและสีตาของเธอเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ?"
"ไม่หรอก ฉันน่ะมีผมสีดำและดวงตาสีดำ แต่ที่มีดวงตาสีแดงและเขี้ยวนี่เป็นเพราะถูกแวมไพร์กัดเข้าน่ะ ต่อจากนั้นก็โดนทำอะไรหลายๆอย่าง ...แต่ไม่ใช่เรื่องลามกหรอกนะ! อย่างโดนขายเป็นทาสน่ะ แต่หลังจากที่รอดมาได้ก็ไปกำจัดปีศาจที่จอมมารสร้างขึ้น เพื่อเป็นปีศาจลำดับที่แปดที่แข็งแกร่งกว่าที่จอมมารมีอยู่ซึ่งพอจัดการไปสีผมกับสีตาข้างขวาก็เปลี่ยนไปน่ะ แล้วก็ได้ดาบใหม่มาเยอะแต่เพราะว่าไม่รู้จะเก็บที่ไหนเลยห้อยเอาไว้ทั้งหมดเลยล่ะนะ"
"...มิยาโมโตะ มุซาชิ นั่นคือชื่อของเธอ แต่คนที่ตั้งคงจะเป็นคนที่คลั่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นน่าดูเลยนะ"
"มิยาโมโตะมุซาชิ? ยาวจัง"
ยัยนี่แยกชื่อและนามสกุลไม่เป็นงั้นเหรอ?
"มิยาโมโตะเป็นนามสกุล ส่วนชื่อคือมุซาชิ เธอเข้าใจไหม?"
"อือ ว่าแต่นายอ่านนั่นออกด้วยเหรอ?"
"อา มันคือบัตรประชาชน มาจากโลกของชั้น หรือก็คือไม่ใช่ของบนโลกใบนี้ และยัยนี่ก็ไม่ได้พูดภาษาญี่ปุ่นด้วย แสดงว่ายัยนี่ความจำเสื่อมจริงๆล่ะนะ"
"ยัยนี่ก็มาจากต่างโลกงั้นเหรอ?"
ผมพยักหน้าให้กับโครวที่ถามออกมาแบบนั้น แต่ยัยนี่ยังสงสัยอยู่แฮะ
โชคดีที่คนน้อยรอบๆเลยไม่ค่อยมีคนแถมพวกเรายังพูดด้วยเสียงที่เบาลงทำให้ถ้าไม่มีสกิลดักฟังคงจะได้ยินอยู่บ้าง แต่ถ้ายัยนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วล่ะก็...การที่ยัยนี่อยู่บนโลกใบนี้คงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะผิดพลาดแน่ๆ
"เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
"ก็ฉันน่ะนะ หลังจากที่เกิดเรื่องทุกอย่างก็เดินทางมาตลอด~เลยล่ะ เย็บชุดหลายชุดขายเพื่อเอาตัวรอดบ้างล่ะ ขายอาวุธที่ทำไปบ้างล่ะ บางทีก็ขายบริการ ถึงจะไม่มีคนมาซื้อก็เถอะนะ~ สุดท้ายก็ไปเป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งน่ะนะ~"
ถึงกับเอาตัวเข้าแลก คงเดือดร้อนเรื่องเงินมากเลยสินะ? แต่ไม่มีใครซื้อเนี่ย...เหตุผลมาจากดวงตากับสีผมและเขี้ยวนี่สินะ? ต่อให้เป็นปีศาจที่สวยงามแค่ไหนผู้คนก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี แค่ไปนั่งดริ๊งกับเขาได้ก็พอแล้วล่ะนะ
"เรื่องของเธอชั้นไม่รู้หรอกนะ แต่รู้ชื่อก็พอแล้วนี่? ใช่ไหมมุซาชิ?"
"? อืม ก็ดีกว่าไม่มีชื่อเรียกล่ะนะ!"
"งั้นข้าขอแนะนำเธอเพื่อให้เธอหาเงินได้ด้วยความสามารถของตัวเธอเอง โดยการใช้ความสามารถของเธอในการทำเควสเพื่อหาเงินได้อย่างง่ายดาย ยังไงซะก็ดีกว่าเดินทางไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย และยอมขายร่างกายเพื่อหาเงินล่ะนะ"
"? ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปสมัครนะ งานอะไรล่ะ?"
"นักผจญภัยไงล่ะ"
"? งั้นเหรอ? เป็นงานที่น่าสนใจอยู่นะ แต่ฉันพึ่งจะมาที่เมืองนี้นี่สิ ฉันไม่รู้ทางไปและก็กำลังหิวด้วย"
*จ๊อก~*
เสียงชัดเจนจริงๆเลยแฮะ
"งั้นมากินข้าวกันก่อนสิ ถ้าไม่มีเงินจะให้เลี้ยงก่อนครั้งนึงก็ได้ เพราะชุดนี้ที่เธอทำเนี่ยมันโคตรจะใส่สบายเลยล่ะนะ"
"เย่! งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ~"
"เฮ้อ ใจป๋าจังเลยนะ นี่มุซาชิเอ๋ย จะปอกลอกมันให้หมดตัวเลยก็ได้นะ ข้าไม่ได้ว่าอะไรหรอก"
"เอ๊ะ? ได้เหรอ?"
หวังว่าเธอคงไม่ได้คิดจะทำจริงๆหรอกนะ? โครวอ่ะไม่แน่ แต่ยัยนี่ก็ไม่ชัวร์เหมือนกัน
•
•
•
...ไม่มีอะไรจะคุย กับเธอว์~...นอกจากไล่ให้ไปอ่านท้ายบทล่ะนะ!
ปล.นี่คือชุดที่คุโระใส่ล่ะนะ
ชอบคนนี้มาก เผลอไปเจอแล้วตามดูไปจนจบซีรี่ย์ไรเดอร์ บอกเลยนอกจากโชทาโร่แล้วเขาคนนี้แหละที่ชอบ! หล่อมากกกกกก!!! เท่ดี! อิย๊า!
กำๆ ไปอ่านบทส่งท้ายได้แล้ว!
•
•
•
"หุหุหุ ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง!!!"
"แล้วพี่จะมาแอบบ้าอะไรตรงนี้? แถมยัยเด็กคนนั้นมันเด็กที่พี่เคยส่งมาที่โลกใบนี้เมื่อหกปีก่อนไม่ใช่เหรอ?"
"อืม ยัยนี่...ดวงซวยสุดๆไปเลยล่ะ มาวันแรกก็ตกหน้าผาหัวแตกสลบไป โชคดีที่พรที่ได้ไปทำให้ไม่ตายแต่ก็ทำให้ความจำเสื่อม หลังจากนั้นก็ไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนึงจนถูกสังเวยและนับแต่นั้นก็ถูกเรียกว่าปีศาจ วันเวลาผ่านไปก็ถูกวางกับดักและจับเป็นทาสขายสู่ท้องตลาด แต่ถึงจะสวยแต่ไม่มีใครทำเรื่องลามกกับยัยนั่นลงเลย คงเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่มนุษย์และไม่ใช่อมนุษย์ที่พวกมนุษย์พวกนั้นยอมรับเลยยังคงความเป็นพรหมจรรย์มาจนถึงปัจจุบัน แต่โชคก็ยังเข้าข้างอีกที่เจ้านายของเธอตายทำให้สัญญาทาสถูกยกเลิกและเธอก็หลบหนีออกมา หลังจากนั้นเธอก็ออกเดินทาง หาวัตถุดิบเพื่อทำชุดให้ตนเองและทำอาวุธให้ตนเอง กำราบปีศาจจนเป็นปีศาจที่แท้จริง และจากวันนั้นข้าก็ไม่ได้เฝ้ามองนางอีกเลย น่าเสียดายที่ข้ารู้แค่นี้"
"เรื่องนั้นน่ะช่างเหอะ แต่ว่าพี่น่ะรีบออกไปหาได้แล้ว! อยากเจอมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? รักแรกของพี่น่ะ?"
"...ปากมากจริงๆเลยนะ เออๆ เดี๋ยวก็ไปแล้ว ขอเวลาทำใจอีกแปปนึงเหอะ!"
"เฮ้อ...เมื่อกี้ก็พูดแบบนี้ แถมพูดมาหกรอบแล้วด้วย ขอให้ไปหาได้สักทีเถอะจะได้หมดเวรหมดกรรมกันสักที"
"หา? ว่าไงนะ?"
"เปล๊าาาาา"