ตอนที่ 16 ‘ริฮานน่า แคสเซียส’ (50%)
16
‘ริฮานน่า แคสเซียส’
“ใครว่าไม่มีล่ะครับ” ไมเคิลบอกก่อนจะยิ้มขำท่าทางอึ้งๆ ของนายน้อยที่อ้าปากกว้าง เบิกตาโต
“หมายความว่ามี” ซีโน่ถามอย่างไม่เชื่อหู มีแค่หัวหน้าออโต้บ็อทส์ ที่ยืนแยกเขี้ยวขู่อยู่ก็ปวดหัวจนยุ่ง ถ้ามีลูกสมุนมาเพิ่มคงอกแตกตายกันไปข้าง
“เดี๋ยวสายๆ ผมจะพาไปดูครับ” ไมเคิลบอกอย่างใจดี
“ขอบคุณฮะ” ซีโน่กล่าวขอบคุณความมีน้ำใจของคู่หูต่างวัยที่ผจญภัยมาด้วยกันหลายวัน ก่อนจะค่อยๆ ชี้ไปที่เจ้าหมายักษ์ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าไม่ยอมไปไหน แม้จะไม่ได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวแล้ว ทว่าไอ้ท่าทางแยกเขี้ยวใส่ไม่ยอมหุบปากก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเสียเท่าไร แล้วถามเสียงค่อย
“ว่าแต่ไอ้ตัวนี้มันไม่กัดจริงๆ ใช่ไหมฮะ”
“ฮ่าๆ ไม่ครับ” ไมเคิลบอกความจริง แต่ดูเหมือนว่าคนถามจะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แถมไอ้ตัวที่โดนพาดพิงก็ยังแสดงกิริยาท่าทางไม่ให้เชื่อด้วยการเดินตามเด็กหนุ่ม พร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ไปทุกที่ที่ซีโน่จะไป
นิคาโอเรียกลูกรักกลับมาจากรัสเชียกะทันหันแบบนี้ แน่นอนว่ามาเฟียหนุ่มต้องมีแผนการบางอย่างอยู่ในหัว ถ้าเดาไม่ผิดส่วนหนึ่งคงอยากแกล้งซีโน่ เพราะรู้ว่าเจ้าออพติมัสหวงตัวเองเสียยิ่งกว่าอะไร และที่สำคัญคงอยากให้เด็กหนุ่มยุ่งอยู่กับเจ้าไซบีเรียนฮัสกีจนลืมสนใจเขา และขณะนั้นเองนิคาโอจะใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้แม่กระต่ายน้อย โดยปราศจากมารขัดความสุข
“ไมเคิลไล่มันไปที ผมจะเข้าห้องน้ำ”
เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกมองความชุลมุนหน้าห้องน้ำ หนึ่งคนจะเข้าไปในห้องน้ำ ทว่าอีกหนึ่งตัวกลับเดินไปยืนขวางประตูไม่ให้เด็กหนุ่มปิดประตูได้
“เรื่องนี้ผมขอไม่ยุ่งนะครับ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป โดยได้แต่ยิ้มขำเสียงของหนุ่มลูกครึ่งที่ดังลอยตามหลังมา
“แกมันไม่ควรชื่อออพติมัส ไพร์ม อย่างแกมันเป็นพวกดีเซปติคอนส์ แกมันกัลวาทรอน ไม่สิ กัลวาทรอนมันดูดีเกินไปสำหรับแก...”
“โอ้โห**... นี่มันคลัง** ทรานส์ฟอร์เมอร์ส ชัดๆ” เด็กหนุ่มตาโตเมื่อเห็นคลังสะสมรถหรูของบิดา เนื่องจากบรรดารถหรูที่จอดเรียงรายอยู่ตรงหน้านี้มาจากเรื่องทรานส์ฟอร์เมอร์สแทบทุกคัน อาทิ Chevrolet Camaro ปี 2014 (บัมเบิ้ลบี), Chevrolet C7 Corvette Stingray ปี 2014 (ครอสแฮร์ส), Bugatti Veyron Grand Sport Vitesse ปี 2013 (ดริฟต์), Pagani Huayra (สติงเจอร์), Lamborghini Aventador LP 700-4 รุ่นปี 2013 (ล็อกดาวน์) แถมยังมีรถหรูอีกหลายคันที่จอดอยู่จนเต็มคลัง
“ขาดแค่รถพยาบาลกับรถเก็บขยะเท่านั้นแหละฮะ” ชายหนุ่มเอยแซ็วไปถึงผู้เป็นนายขณะพานายน้อยชมคลังรถของมาเฟียหนุ่ม หากมีรถพยาบาล Hummer H2 รุ่นปี 2004 กับรถบรรทุกขยะของบริษัท Waste Management ก็เกือบจะครบทีมคลัง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส
นิคาโอชื่นชอบการแข่งรถ จนบางครั้งก็เป็นนักแข่งเสียเอง ไม่แปลกที่ผู้เป็นนายจะชอบเก็บสะสมรถที่ถูกใจ แถมมาเฟียหนุ่มยังชื่นชอบหนังเรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส ทำให้ในคลังรถแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรดารถหรูที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว
“แค่นี้ก็โคตรเจ๋งแล้วฮะ”
ซีโน่เดินไปลูบตัวรถ Chevrolet Camaro 2014 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่บัมเบิ้ลบี ตัวละครที่เขาชอบมากใช้ หวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้ขับเจ้าบัมเบิ้ลบีคันนี้ไปสู้กับพวกดีเซปติคอนส์สักครั้ง แม้ความจริงจะมีเพียงในภาพยนตร์ แต่ก็อดคิดเล่นสนุกๆ ไม่ได้
“วันนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันดีครับนายน้อย” ไมเคิลถามคำถามเดิมเหมือนทุกๆ เช้า และคำตอบก็หนีไม่พ้นสนามแข่งรถ ทว่าวันนี้อีกฝ่ายกลับตอบแปลกไปกว่าทุกวัน
“ไปหานิคาโอ...”
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ” นิรดาถามเมื่อนิคาโอพาออกมาข้างนอกโดยไม่บอกกล่าวอะไร เพียงแค่บอกให้แต่งตัวมิดชิดที่สุด ซึ่งนั่นก็คือเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวของเธอที่มี
“ผมจะพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าไงที่รัก แม้ว่าผมจะชอบชุดที่คุณใส่อยู่ทุกวันมากกว่าก็ตาม” ชายหนุ่มหมายถึงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของตัวเองที่หญิงสาวสวมใส่แก้ขัดไปก่อน เพราะเขามองแล้วมันกระชุ่มกระชวยหัวใจ
“คุณต้องการอะไรจากฉันรึเปล่า”
นิรดาถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะคนอย่างนิคาโอก็ไม่เคยไว้ใจอะไรได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะท่าทางใจดีแบบแปลกๆ ของเขายิ่งไม่น่าไว้ใจ
“คุณไม่ไว้ใจผม?” ชายหนุ่มถามอย่างรู้ทัน
“คุณมันพวกไว้ใจไม่ได้”
นิคาโอจับมือเล็กมากุมไว้อย่างนุ่มนวลพร้อมกับบอกคนตัวเล็กอย่างจริงใจ “คุณไว้ใจผมได้ที่รัก”
“แต่การกระทำของคุณ...” นิรดาพูดยังไม่ทันจบประโยคดี คนที่เธอไม่ไว้ใจก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ผมเป็นคนที่คุณสามารถไว้ใจได้มากกว่าใครในโลกนี้” นิคาโอยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจัง โดยไม่มีแววล้อเล่นใดๆ ทั้งสิ้น
“ขี้โม้” หญิงสาวแขวะ ไม่รู้ทำไมจึงเชื่อคำพูดของคนตรงหน้าอย่างง่ายดาย ทั้งที่ผู้ชายคนนี้เคยทำลายความไว้ใจที่มีต่อบุรุษทุกคนจนหมดสิ้น
“ถ้าอยากรู้ว่าโม้หรือไม่ก็ลองมาคบกันดูสิครับ” นิคาโอหยอด แต่อีกฝ่ายกลับไม่เขินอย่างที่หวัง
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้วซินญอร์” นิรดาปราม พยายามเก็บอาการแปลกๆ ยามได้ฟังประโยคชวนเลี่ยนของอีกฝ่าย ดีที่เธอเป็นคนเก็บอาการเก่ง จึงไม่แสดงความน่าอายให้คนตัวโตเห็น
“ทำไมเรียกซะห่างเหินกันเหลือเกินล่ะที่รัก” ชายหนุ่มถามด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“มันก็ไม่แปลก” นิรดาไม่คิดเห็นใจหรือสงสาร
“ตอนนี้ผมอยู่ในสถานะจีบคุณอยู่นะ”
คนถูกเมินเรียกร้องสิทธิ์ ทว่าอีกฝ่ายกลับลอยหน้าลอยตาแสดงความไม่สนใจชัดเจน ถ้าบนรถคันนี้ไม่มีไมลีย์เป็นสารถีอยู่ละก็...ต้องมีใครบางคนปากบวมปากเจ่อจากการถูกจับจูบแน่
“ฉันไม่มีเงินชอปปิงหรอกนะ เพราะอะไรคุณก็น่าจะรู้” หญิงสาวบอก ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะแขวะอีกฝ่าย เพราะเขาเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่าง
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงที่รัก แฟนคุณรวยจะตายชักไป” คนโมเมบอกอย่างภาคภูมิใจกับความมีอันเหลือกินเหลือใช้ของตัวเอง
“ฉันไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีแฟน” พูดจบก็หันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง โดยไม่สนใจฟังคำพูดของอีกฝ่าย เป็นการตัดบทสนทนาไปโดยปริยาย ทว่าคนถูกตัดจากสารบบยังไม่รู้ตัว
“ผมก็บอกคุณอยู่นี่ไง” นิคาโอยิ้มขำท่าทางของอีกฝ่าย ทำไมจะไม่รู้ว่าหญิงสาวไม่อยากเสวนาด้วย แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมล่ะ เธอไม่อยากคุย แต่เขาอยากคุยนี่
“นี่ของคุณครับ” นิคาโอยื่นกระเป๋าแอร์เมสสีหวานส่งคืนเจ้าของ
“คุณไปเอามาจากไหน” เจ้าของกระเป๋าถาม ทว่าก็ยังไม่ยื่นมือไปรับจากอีกฝ่าย ไม่รู้เขาเอาขึ้นรถมาตั้งแต่ตอนไหน เพราะตั้งแต่โดยสารมาด้วยกัน เธอก็ยังไม่เห็นกระเป๋าของตัวเองเลย
“ผมไม่ได้ไปเอามาจากไหนหรอก แต่เป็นลูกน้องผมต่างหาก” ชายหนุ่มบอกอย่างไม่ปิดบัง แม้จะอยากทำคะแนนมากเท่าไร แต่เขาก็ไม่คิดโกหก...ถ้าเรื่องนั้นไม่จำเป็นจริงๆ ก่อนจะพูดต่อ “ส่วนโทรศัพท์มือถือผมขอยึดไว้ก่อนนะ เพราะต้องซ่อมอีกเยอะเลย”
หลังจากที่เขาโยนสิ่งของของนิรดาลงจากรถ ลูกน้องที่ขับรถตามมาก็ไม่ลืมหน้าที่ที่จะนำสิ่งนั้นกลับมาด้วย แต่เขายังไม่คิดคืนเจ้าของ ไม่เช่นนั้นเธอคงมีหนทางหนีเพิ่มมากขึ้น
“คุณมันคนเจ้าเล่ห์”
หญิงสาวต่อว่าเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะกระชากกระเป๋าของตัวเองกลับคืนมาอย่างไม่รักษามารยาทอีกต่อไป ส่วนเรื่องโทรศัพท์มือถือที่ส่งซ่อม เธอรู้ว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างของคนเจ้าเล่ห์
“นี่ไง...ผมกำลังแสดงความจริงใจต่อคุณอยู่นะที่รัก” ชายหนุ่มแก้ตัว
“แต่ฉันไม่ได้ต้องการ” เธอปฏิเสธอย่างไม่รักษาน้ำใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีสลดลงเลย
“ถึงคุณไม่ต้องการผมก็จะยัดเยียดให้” ชายหนุ่มเองก็ยังดื้อแพ่งไม่ต่างกัน ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ใช่แค่ความไว้ใจเท่านั้น แต่รวมถึงความเป็นสามีของคุณด้วย”
“คุณมันเป็นผู้ชายแบบไหนกันนะ”
เมื่อหมดคำจะโต้แย้งก็ได้แต่ต่อว่าคนหน้ามึน แถมคนถูกแขวะถูกด่ายังไม่สะทกสะท้าน ทว่ายังคงส่งยิ้มหวานมาให้อยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เธออดนึกถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่อยู่ไกลถึงอีกประเทศไม่ได้ ตอนนี้คงกำลังสนุกอยู่กับเพื่อนๆ ในคลาสเรียน
‘พ่อลูกนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด’
“เป็นผู้ชายที่อยากได้คุณมาเป็นเมียไง ที่รัก” นิคาโอยิ้มหวานตอบ
“คุณนี่มัน...ฝันไปเถอะ” เมื่อไม่รู้จะสรรหาคำใดมาแย้ง จึงหันไปให้ความสนใจกับของในกระเป๋าของตัวเองที่เพิ่งได้มา
“ฮ่าๆ คนอย่างผมต้องการอะไรแล้วก็ต้องได้ ที่รัก ไม่เว้นแม้แต่ตัวคุณ”
คนเป็นฝ่ายชนะหัวเราะออกมาอย่างไม่รักษามารยาท พร้อมกับบอกความต้องการของตัวเองอย่างไม่คิดปิดบัง ก่อนจะหันไปคุยกับคนหน้างอเมื่อถึงที่หมาย
“เราไปกันเถอะที่รัก”
ทันทีที่เขาพูดจบ คนหน้างอก็เปิดประตูรถลงไปโดยไม่รอความช่วยเหลือจากเขา ทว่านั่นยิ่งทำให้นิคาโอเอ็นดูเข้าไปใหญ่
“ไม่ขึ้นไปด้วยกันรึไมลีย์” ชายหนุ่มหันไปถามมือขวาของตัวเองเพราะเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งอยู่
“ไม่ดีกว่าครับ” ไมลีย์ปฏิเสธ
“ตามใจ” พูดจบนิคาโอก็เปิดประตูตรงไปหาคนหน้าหวานที่ยังไม่เลิกทำหน้างออย่างรวดเร็ว
คล้อยหลังที่นิคาโอลงไป เสียงโทรศัพท์ของไมลีย์ก็ดังขึ้น
“ว่ายังไงครับนายน้อย”
“ไมลีย์ แด๊ดอยู่ไหน ผมมาหาที่คิงส์ตันก็ไม่เจอ” คนโทร. มาถามขึ้นโดยไม่ยอมให้เสียเวลา
คนถูกถามกำลังชั่งใจว่าจะตอบดีหรือไม่ หากแม่ลูกได้เจอกันโดยมิได้คาดหมายจะเกิดอะไรขึ้น ทว่าสุดท้ายอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“อยู่ที่ห้าง...ครับ”
“เดี๋ยวเจอกันฮะ” พูดจบเด็กหนุ่มก็ตัดสายไปทันที เมื่อได้คำตอบที่อยากรู้แล้ว
“ผมเอาใจช่วยนะครับนายน้อย ที่ผมยอมบอกเพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในข้อสัญญาที่เราตกลงกันไว้”
ไมลีย์พูดกับตัวเอง เนื่องจากเคยรับปากว่าจะไม่บอกความจริงใดๆ กับนิคาโอเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม ทว่าเรื่องนี้คนละประเด็นกัน หากพ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากัน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครจะช็อกกว่าเพื่อน ถ้าไม่ใช่เจ้าพ่อแห่งท้องทะเล เจ้านายของเขาเอง
=============================================
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น