ตอน
ปรับแต่ง
สารบัญ
ตอนนิยาย ()

ปรับแต่งการอ่าน

พื้นหลังการอ่าน
รูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ระยะห่างตัวอักษร

บทนำ

**บทนำ​ **

แสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบลงบนกระจกหลากสีของโบสถ์แบบคริสต์เป็นประกายวาววับน่ามอง บรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นไม้ทำให้สถานที่แห่งนี้ร่มรื่นและสดชื่นกว่าสถานที่อื่นๆ ทั่วไปในประเทศไทย

**แต่ถึงอย่างนั้น ซันหรืออาทิตย์ เดชพิพัฒน์ ชายผู้อยู่ในชุดสูทก็อดไม่ได้ที่จะขยับคอปกเสื้อเชิ้ตที่อยู่ใต้สูทอย่างเป็นทางการเพราะความร้อนที่กำลังทำให้เหงื่อไหลลงมาจากขมับด้านข้าง

ร้อนเป็นบ้า… บางทีเขาน่าจะเข้าไปข้างในอาคารที่มีเครื่องปรับอากาศติดอยู่ตามจุดต่างๆ แอนดรูว์ คิง เพื่อนสนิทที่มีเชื้อสายอเมริกาแต่สัญชาติไทยเต็มตัวก็คงกำลังเตรียมตัวอยู่ด้านในเหมือนกัน ป่านนี้คงกำลังจัดแจงเสื้อผ้า เซ็ตผมให้เรียบร้อย เช็กว่ารองเท้าหนังสีดำของตัวเองมันวาวพอรึเปล่า แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่จะต้องออกมาให้สมบูรณ์แบบ

ก็ทำไมจะไม่ล่ะ ในเมื่อวันนี้เป็นวันแต่งงานของเจ้าตัว… และเขาก็มาอยู่ที่นี่ในฐานะเพื่อนคนสนิทของเจ้าบ่าว ช่างน่าขำเสียนี่กระไร

“ซัน”

ซันหันกลับไปมองตามเสียงเรียก แอนดรูว์ที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวเตรียมพร้อมจะเข้าพิธีส่งยิ้มมาให้เขา รอยยิ้มนั่นขับให้นัยน์ตาสีเขียวเป็นประกายสว่างสดใส เส้นผมสีบลอนด์ทองที่ถูกจัดแต่งอย่างดีเปิดรับใบหน้ากระจ่างให้ฉายชัดมากขึ้น ความหล่อเหลาที่ไม่เคยลดลงไปของเจ้าตัวทำเอาคนมองถึงกับเผลอลืมหายไปชั่วขณะ จากนั้นความเจ็บปวดและความทรมานที่เขาพยายามดันมันลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจก็พุ่งทะยานออกมาอีกครั้ง

เพื่อนรักของเขากำลังจะแต่งงาน

ไม่สิ

คนรักของเขากำลังจะแต่งงาน… กับใครคนอื่น กับผู้หญิงคนอื่นที่เจ้าตัวพามาให้เขารู้จักแค่ไม่กี่ครั้ง และในระยะเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้นที่แอนดรูว์ได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ทำให้ความรักเป็นปีๆ ของพวกเขาสองคนพังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนแม้กระทั่งตอนนี้ซันก็ยังไม่เข้าใจว่ามีอะไรผิดพลาดตรงไหน ที่ผ่านมา ทุกอย่างมันช่างสวยงามและมั่นคง และไม่กี่เดือนหลังๆ คนรักของเขาก็ห่างออกไป กลับมาอีกทีพร้อมกับประกาศให้ซันรับรู้ว่าเจ้าตัวกำลังจะแต่งงานแล้ว

มันอาจจะเป็นขั้นตอนหนึ่งของชีวิตก็ได้ เพื่อให้มันสมบูรณ์แบบ… แต่งงาน มีลูกสืบสกุล อะไรทำนองนั้น แต่เขาแค่หวังว่าคนรักเก่าของเขาจะบอกเรื่องความต้องการนี้ให้เขารับรู้ล่วงหน้าก่อนสักห้าปี สิบปี… ไม่ใช่ว่าคอยดูแลเอาใจใส่เขา บอกว่ารักเขามาตลอดแล้ววันหนึ่งก็ทิ้งเขาไปเพื่อวิ่งเข้าหาความสมบูรณ์แบบที่ว่า

มันเจ็บนะ… มันทรมานเกินไป แต่เขาก็พูดไม่ออกเสียที

“ไง ดรูว์” ซันยกยิ้มขณะเอื้อมมือไปขยับโบกระต่ายที่คอปกเสื้อของเจ้าตัวให้มันตรง เขายังเผลอคิดว่าตัวเองเป็นคนรักของอีกฝ่ายทุกทีแม้ว่าแอนดรูว์กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ก็เถอะ “สภาพแบบนี้ ออกมาเดินข้างนอก ไม่ร้อนเหรอวะ ทำไมไม่เข้าไปรอข้างในดีๆ”

“ก็ตั้งใจออกมาตามนาย” ชายหนุ่มเชื้อสายอเมริกาพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงชัดเจนเนื่องจากอยู่ที่ประเทศนี้มาตั้งแต่ตอนเด็กๆ “นายเถอะ มายืนที่แบบนี้ ไม่ร้อนรึไง เหงื่อออกแล้วนั่น เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายสักหน่อยด้วย”

ซันเดินตามร่างสูงของอีกฝ่ายเข้าไปด้านในด้วยความหวังเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมา

บางทีดรูว์อาจจะพูดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขายังไม่เปลี่ยนไป บางทีดรูว์อาจจะบอกกับเขาว่าที่ต้องแต่งงานเพราะมีเหตุผลจำเป็น แต่เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนยังไม่จบ หรืออะไรแบบนั้น

แต่ความหวังเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมานั่นก็ต้องสลายไปอย่างรวดเร็วๆ พอกับตอนที่มันมาเมื่อคนผมบลอนด์ทองพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังหลังจากที่พาเขามาในพื้นที่เก็บของเล็กๆ ที่ลับสายตาผู้คน

“หลังจากวันนี้ไป ฉันอยากให้นายเลิกยุ่งกับฉัน”

ซันรู้สึกเหมือนแข้งขาอ่อนแรงลง อาจจะทรุดลงไปกับพื้นก็ได้ถ้าไม่ใช่เพราะยืนชิดผนังด้านหลังอยู่ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะตัดรอนเขารุนแรงขนาดนี้

“แต่… ทำไมล่ะ ดรูว์? เพราะว่านายกำลังจะแต่งงานงั้นเหรอ? เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้หรือไง”

“เราเคยเป็นเพื่อนกันด้วยเหรอวะ ซัน”

นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่แทบจะเถียงไม่ออก พวกเขาสองคนคบกันมาตั้งแต่สมัยม. ปลาย และก่อนหน้านั้นก็รู้จักกันมาในฐานะเพื่อนตั้งแต่ชั้นประถม… ใช่ อย่างน้อยตอนนั้นพวกเขาก็ยังเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นะ

“ก็… กลับไปเป็นเหมือนช่วงม.ต้น”

“นั่นมันผ่านมากี่ปีแล้วนั่น ยอมรับเถอะซัน เรากลับไปเป็นเหมือนตอนนั้นไม่ได้หรอก ถึงเวลาที่เราทั้งสองคนต้องเริ่มต้นใหม่แล้ว ฉันไปทางของฉัน นายไปทางของนาย”

...เจ็บชะมัด การที่หมอนี่พูดออกมาได้หน้าตาเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้… มันเจ็บชะมัด

“นายมันโหดร้าย แอนดรูว์” เขาตัดพ้อออกมาตรงๆ และมันได้ผล นัยน์ตาสีเขียวของคนตรงหน้าเขาไหววูบ ช่วงวินาทีหนึ่งที่เขาเห็นความเจ็บปวดของดรูว์ มันเหมือนกับความเจ็บที่อยู่ในตาของเขาไม่มีผิดเพี้ยน แม้มันจะหายวับอย่างรวดเร็วก็ตาม

พวกเขาสองคนเงียบกันไปครู่หนึ่ง และในที่สุดซันก็ทำลายความเงียบน่าอึดอัดลง

“นายต้องเลือกทางนี้จริงๆ เหรอ ดรูว์ นี่คือทางที่นายตั้งใจเลือกแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

“ใช่ ฉันเลือกแล้ว”

“ฉันถามได้ไหมว่าเพื่ออะไร นายรักผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ หรือว่านายแค่อยากจะแต่งงาน เพื่อเติมเต็ม… อะไรก็ตามที่สังคมคิดว่าต้องมี”

“มันไม่สำคัญหรอก”

“นายอย่าเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นนะ”

“ฟังนะ ซัน” เจ้าตัวเอื้อมมือมาบีบมือเขาแน่น ถ่ายทอดความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนผ่านสัมผัสนั้นมาอย่างชัดเจน มันเต็มไปด้วยความหวังดี ความห่วงใย… ความอุ่นซ่านนั่นทำให้ซันรู้สึกสับสน เขาเดาไม่ถูกเลยว่าอีกฝ่ายยังรักเขาอยู่หรือว่ายังไงกันแน่ “เลิกติดต่อฉันซะ เลิกยุ่งกับฉัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เราจะแยกย้ายกันไป ฉันจะย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่กับภรรยาของฉัน ฉันขอร้องนายแค่อย่างเดียว ปล่อยฉันไปซะ”

ไอ้บ้าเอ๊ย… พูดเอาแต่ได้นี่หว่า แล้วคิดว่าเขาต้องรับบทเป็นนางเอกผู้เสียสละ ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายหรือไง

“แล้วทำไมฉันจะต้องทำตามที่นายขอด้วย?” พูดพลางเชิดหน้าขึ้นนิดๆ แม้หางตาจะเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาก็ตาม

“นายว่าไงนะ?”

“นายเป็นคนทิ้งฉันนะเว้ย แอนดรูว์ นายทำลายความรักของฉัน ความรู้สึกดีๆ ที่ฉันมีให้นาย… นายพังมันลงไปไม่มีชิ้นดี แล้วยังมีหน้ามาเรียกร้องขอนู่นนี่กับฉันอีกเหรอ”

“นี่เป็นคำขอร้องสุดท้ายฉันแล้ว” ดรูว์บีบมือเขาแน่นขึ้นและมันยิ่งทำให้ซันอยากจะร้องไห้ “ได้โปรด อย่ายุ่งกับฉัน ปล่อยฉันไปซะ แล้วไปตามทางของนาย สัญญากับฉันสิ”

“ไม่”

“ได้โปรดเถอะ”

“จูบฉัน”

คำพูดสั้นๆ นั่นทำให้คนฟังเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นายว่าไงนะ?”

“จูบฉันสิ” ซันเชยคางขึ้นอีกครั้งอย่างถือดี เขารู้ดีว่าว่าที่เจ้าบ่าวคงไม่อยากจูบกับผู้ชายมั่วซั่วก่อนเข้าพิธีวิวาห์แน่ “ถ้าทำแบบนั้น ฉันจะยอมทำตามคำพูดของนาย”

“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ซัน”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของคนตัวเล็กกว่าจ้องเขาเขม็ง แอนดรูว์กระอึกกระอักขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะพูดเสียงอ่อยลง

“นายไม่อยากทำแบบนี้หรอก”

“ใช่สิ ก็เหมือนกับที่ฉันไม่อยากทำตามที่นายขอนั่นแหละ เอาล่ะ ถ้านายหมดเรื่องที่จะพูดแล้วก็ไปเตรียม---”

มือแกร่งกดลงบนบ่าของเขา จากนั้นเจ้าตัวก็เบียดริมฝีปากลงจูบปากเขาอย่างอ่อนหวาน โหยหา อาวรณ์ มันเป็นไปด้วยความรู้สึกแบบที่ซันยังจำได้ดี รุนแรงกว่าด้วยซ้ำ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก เขาตวัดลิ้นรับสัมผัสอุ่นซ่านนั่นอย่างกระหาย ราวกับมีหยดน้ำเล็กๆ ร่วงรินลงบนทะเลทรายที่แห้งผากในจิตใจของเขา

ดรูว์ยังรักเขา แต่หมอนี่ก็กำลังจะแต่งงานด้วย

ทุกอย่างนี้มันบ้าบอสิ้นดี ทำไมหมอนี่ถึงไม่เคยพูด ไม่เคยบอกอะไรกับเขาเลยว่าต้องการอะไร แต่กลับเลือกวิธีที่จะป่นหัวใจเขาให้เป็นผุยผงด้วยการไปเข้าพิธีวิวาห์กับคนอื่น จากนั้นก็มาจูบอย่างอาลัยกับเขาแบบนี้เนี่ยนะ? ถึงเขาจะเป็นคนท้าให้อีกฝ่ายจูบเองก็เถอะ…

“เอาล่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากผละริมฝีปากออก ซันหอบหายใจนิดๆ ใบหน้าแดงระเรื่อจนแทบจะเลยไปถึงหู “ฉันทำตามที่นายขอแล้ว ถึงตานายที่ต้องทำตามที่ฉันขอบ้าง”

“ไม่ยุติธรรมเลย” ซันคราง นึกเสียใจกับจูบเมื่อครู่ตามที่อีกฝ่ายเตือนจริงๆ เพราะมันไม่ช่วยอะไรนอกจากถลำความรู้สึกรักนี่ให้ลึกลงไป แอนดรูว์แสดงความเสียใจออกมาผ่านสีหน้าครู่หนึ่ง

“ฉันขอโทษ ซัน”

เขาเม้มริมฝีปากแน่นขึ้น เขาเบื่อคำขอโทษของคนตรงหน้าเต็มทนแล้ว

“แต่ฉันขอร้องนายจริงๆ”

เจ็บ…

“ปล่อยฉันไปเถอะนะ”

เจ็บชะมัด…

แต่เขาไม่มีทางอื่นให้เลือกมากไปกว่านั้นมาตั้งแต่แรก

เขาหวังว่าสิ่งที่เพื่อนของเขาเลือกจะคุ้มค่ากับความเสียใจของเขา

ซันยืนอยู่ข้างกายอีกฝ่ายในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว พวกเขาถ่ายรูปด้วยกัน หัวเราะพูดคุยอย่างร่าเริงปะปนไปกับแขกคนอื่นๆ ในงานราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าให้ทุกคนในที่นี้รู้ก็แล้วกันว่าเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างเขาเคยนอนกับเจ้าบ่าวมาก่อน… เป็นปีๆ เลยด้วย เพราะถ้าใครสักคนรู้เขาอาจโดนถอดออกจากตำแหน่งนี้ก็เป็นได้

เขารู้ดีว่าที่ตรงนี้มันทำให้ตัวเองเจ็บ แต่เขาก็อยากยืนเคียงข้างเพื่อนสนิทคนนี้ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

ซันรู้สึกราวกับหัวใจถูกกระชากออกตอนที่ส่งแหวนแต่งงานให้ดรูว์ เพื่อให้เขานำมันไปมอบให้กับว่าที่ภรรยาของเขา

เขาส่งอีกฝ่ายขึ้นรถสำหรับคู่บ่าวสาวใหม่ มองดูรถคันนั้นขับหายไปจนลับสายตา

จากนั้นมาเขาก็ไม่เคยได้ข่าวคราวใดๆ แอนดรูว์ คิงอีกเลย





--------------------------------------------

เปิดไหใหม่มากองๆ ไว้ในพิพิธภัณฑ์ค่ะ (?) จะพยายามไม่โผล่หน้ามานะ เพราะควรจะไปเคลียร์เรื่องเก่าๆ ให้จบก่อน 5555555//วิ่งหนี**

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั้งหมด ()

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น