ทั้งอรัณและเพลิงถูกจับมัดแขนและปิดปากด้วยผ้าสกปรกๆคนละผืน อรัณคอยลอบมองเพลิงเป็นระยะๆ เธออดเป็นห่วงเพลิงไม่ได้เพราะดูท่าตอนนี้คือไม่มีสติเลย มีเพียงอรัณที่เอาแต่ขมวดคิ้วมองไม่ละสายตา
ระหว่างทางที่โดนลากมาไม่มีใครรู้หรือได้เห็นเส้นทาง เพราะฝ่ายโจรมันใช้ถุงมาคลุมหัวทั้งอรัณและเพลงเอาไว้ เมื่อโดนผลักให้นั่งลงถุงสีดำก็ถูกกระชากออก อรัณกวาดตามองไปรอบๆกาย มีเพียงไฟจากหลอดตะเกียบเพียงหลอดเดียวที่ให้ความสว่างแก่ห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะปนกันมั่วไปหมด
เพลงถดกายเข้าหาอรัณอย่างแนบชิด ชายสามคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากำลังให้ความสนใจกับกระเป๋าเงินของเขาและอรัณที่พวกมันฉวยไปได้ เพลิงอยากพูดกับอรัณแต่เพราะมีผ้าสกปรกที่ปิดปากแน่นจึงทำให้เอ่ยอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาหวาดๆไปให้อีกฝ่าย
"มึงดูกระเป๋าของพวกมันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง"
"ผมขอโทรศัพท์ไอ้ตุ๊ดนี่นะพี่" ชายหนุ่มร่างผอมแห้งผิวคล้ำชูโทรศัพท์ของเพลิงไปมาอย่างดีอกดีใจ
"งั้นส่วนแบ่งในกระเป๋าของมึงก็ต้องลดลง"
ชายร่างใหญ่ที่สุดในกลุ่มใช้สายตาและน้ำเสียงไม่พอใจกับอีกคนที่ดูจะอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม
"โห่ ก็ได้พี่"
"รวมๆกันได้เกือบสองหมื่นเลยว่ะไอ้เทิด"
"ไม่เสียแรงจริงๆ"
คนชื่อเทิดเดินไปรับเงินจากเพื่อนของมัน เงินในมือถูกนับอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เทิดแบ่งเงินลวกๆอย่างกะเอาไม่ได้นับส่งให้เพื่อนและลูกน้องอีกหนึ่งคน ดูก็รู้ว่าส่วนของใครมากที่สุด ส่วนคนที่เหลือต่อให้ไม่พอใจแล้วจะพูดอะไรได้
เมื่อจัดการกับสิ่งที่ต้องการเสร็จสรรพความสนใจก็ถูกเบี่ยงมายังเจ้าของเก่าทรัพย์สินที่ตอนนี้มีเจ้าของใหม่แล้ว ชายร่างใหญ่เลือกที่จะเดินไปหาอรัณเพลิงพยายามเอาตัวเบียดอรัณให้ได้มากที่สุด
"อีนี่มันน่าเอาชิบหายเลยว่ะ" มือใหญ่หยาบกร้านจับปลายคางหญิงสาวแล้วเชยใบหน้าขึ้นให้ต้องกับแสงไฟ
"เฮ้ย ไหนมึงบอกว่าจะเอาแค่เงินพวกมันไง" เพื่อนของเทิดที่ยืนมองอยู่ร้องเตือน
"โอกาสทองมาถึงทั้งที กูปล่อยมันแน่นอน แต่มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิวะไอ้เกียรติ แล้วมึงคิดว่ามันจะกล้าไปบอกใครเหรอวะว่าถูกโจรข่มขืน"
เพลิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้โจรใจชั่วมันคิดอยู่ ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจ ส่งผลให้ใจเริ่มเต้นแรงขึ้น
"ไอ้สิงห์ มึงใช้ไอ้โทรศัพท์นั้นถ่ายคลิปเป็นใช่ไหม"
"เป็นสิพี่ ผมเคยเห็นเพื่อนเล่น"
"งั้นก็ดี"
เพลิงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอพร้อมกับพยายามเอาตัวเองเบียดบังอรัณไว้ให้มากที่สุด แต่ก็โดนมือใหญ่ๆหยาบกร้านผลักไหล่ของเขาไปอีกทางจนล้มฟุบไปกับพื้น
"เสียชาติเกิดจริงๆเลยมึง เกิดมาหล่อซะเปล่า" เทิดพูดอย่างดูถูก
"หล่ออย่างกับดารา" สิงห์เอ่ยปากชมเจ้าของใบหน้าหล่อ
"ช่างหัวมันเถอะ มึงดูนี่ซะก่อน"
ผ้าปิดปากของอรัณถูกกระชากออก เผยให้เห็นใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆ
"สวยชิบหายเลยว่ะพี่"
"กูแทบจะอยากฆ่าเมียกูทิ้ง"
ลิ้นในปากเริ่มอยู่มันสุขเมื่อเห็นเหยื่ออันโอชะข้างหน้ายั่วน้ำลายเหลือเกิน มือหยาบบีบสันกรามของหญิงสาวไม่หนักมือมาก มันบังคับให้อรัณเบนสายตานิ่งๆนั้นมาสบมองมัน
ทั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์บ้าๆแบบนี้ ทำไมยังนิ่งได้ถึงขนาดนี้ เหยื่อรายก่อนๆที่เจอมาแทบทุกรายต่างก็กลัวแทบเสียสติ แต่กับหญิงสาวคนนี้มันไม่มีความกลัวให้เห็นสักนิด
"อยากได้อะไรก็เอาไป" อรัณเปิดปากพูด
"ฮ่าๆๆๆ พวกมึงดูดิ ใจเด็ดชิบหาย กล้าๆแบบนี้ กูชอบ"
“....” อีกสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะตั้งแต่เป็นโจรมายังไม่เคยเห็นลูกพี่มันสนใจเหยื่อรายไหนสักคน ต่างคนต่างกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องราวเกินเลยขึ้น
"แล้วถ้าพี่อยากได้น้องเป็นเมียล่ะจ๊ะ คนสวย"
"ที่นี่ที่ไหน" อรัณเอ่ยปากถาม
"ถามทำไม จะหาทางหนีรึไง"
"...."
"งั้นจะบอกให้เอาบุญนะ ว่าโกดังร้างที่นี่ ไม่มีใครผ่านมาหรอกจะร้องยังไงก็ไม่มีใครได้ยิน ถ้าจะหนีประตูหลังก็ล็อค ออกได้ทางเดียวคือทางนั้น"
"ฉันตั้งใจแค่จะมาเที่ยวตลาดที่นี่ แต่ดันถูกจับมาอยู่ที่โกดังร้างเนี่ยนะ"
"มันเป็นโชคชะตาของเธอกับพวกเราไงคนสวย"
อรัณสะบัดหน้าหนีทันทีเมื่อคนตรงหน้ามันยื่นหน้าที่เต็มไปด้วยไรหนวดไรเคราเข้ามา ทำให้มันสูดดมได้แค่กลิ่นผมหอม เพลิงขยับกายเข้าหาอรัณอีกครั้ง
"ไม่น่าเกิดมาให้แม่เจ็บช่องคลอดเล่นเลยนะ" อรัณตั้งใจยั่วโมโหอีกฝ่าย
"ลามปามนะมึง!"
ผลั๊วะ
แรงสะบัดของมือใหญ่ไม่มีออมมือแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหันไปตามแรงตบของมือ กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วปาก สมองมึนเบลอไปชั่วขณะ กลุ่มเพื่อนโจรอีกสองคนเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลัก
"หึ นี่ถือว่าแค่สั่งสอน"
"อย่าสะเออะมาสอนคนอื่น คนดีมากมั้งมึง"
เทิดเงื้อมมือหมายจะสั่งสอนคนปากดีอีกครั้ง แต่คนชื่อเกียรติก็เข้ามาคว้ามือใหญ่ไว้ก่อน
"เบาๆมึงยังไงก็ผู้หญิง กู...กูไปดูต้นทางแล้วกัน"
คนชื่อเกียรติเริ่มเห็นท่าไม่ดีมันจึงขอปลีกตัวออกไปก่อน ทำให้ชายหนุ่มที่มีอายุน้อยสุดออกอาการละล้าละลัง ใจหนึ่งก็อยากจะตามคนชื่อเกียรติออกไป แต่มันก็ช้ากว่าเทิดที่เรียกชื่อมันไว้
"มานี่! ไอ้สิงห์ มึงเตรียมถ่ายคลิปได้เลย"
เหมือนไอ้หัวหน้าโจรจะโกรธจนหน้ามืดไปแล้ว มันพุ่งตัวมากระชากต้นแขนของอรัณที่นั่งพับอยู่ให้ลุกขึ้น ทำให้มันรู้ว่ามือทั้งคู่ที่มันเคยมันติดกันไว้ บัดนี้มันเป็นอิสระไปแล้ว นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่ร่วงหล่นจากมือของหญิงสาวมันคือโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอสว่างอยู่ มันไม่รอบคอบเองที่ไม่นึกเฉลียวใจค้นโทรศัพท์ของหญิงสาว
"มึง!!! ไอ้สิงห์มึงไปพังโทรศัพท์มันทิ้งเดี๋ยวนี้เลย”
"มันไม่ได้โทรหาตำรวจลูกพี่"
คนชื่อสิงห์รีบวิ่งไปดูโทรศัพท์ของอรัณ เมื่อเห็นเบอร์ที่ติดต่อไม่คุ้นสายตามันก็เบาใจว่าไม่ใช่เบอร์ตำรวจ บวกกับความเสียดายโทรศัพท์ที่ยังดูใหม่ๆจะพังก็เสียดาย
"แล้วไอ้คนที่มันโทรหาจะไม่โทรหาตำรวจรึไง ไอ้โง่"
ได้ยินที่คนเป็นใหญ่สั่งมันก็ต้องทำตาม แม้สายตาจะแสดงความเสียดายเพียงใด
"มึงทำอะไร!" มันหันไปพูดกับอรัณ
"หึ คิดว่าทำอะไรล่ะ พ่อคนฉลาด"
"อีนี่ เล่นง่ายๆไม่ชอบใช่ไหมมึง"
"อุก"
กำปั้นใหญ่ซัดหนักๆไปยังช่องท้องของอรัณอย่างแรง ทำให้ร่างโปร่งคู้ตัวลงกับพื้น เรือนผมยาวถูกขยุ้มด้วยมือใหญ่จิกแน่นบังคับให้ใบหน้าแหงนขึ้นอีกครั้ง มันตบลงไปอีกฉาดใหญ่จนคนถูกตบฟุบลงไปกับพื้น แรงตบครั้งนี้ส่งผลให้หัวของอรัณไปกระแทกกับกล่องไม้ที่วางอยู่ใกล้ๆจนมีเลือดสีสดใหลอาบข้างหมับ
"มานี่เลยมึง"
โจรมันก้มลงไปคว้าแขนเล็กของอรัณแล้วฉุดให้ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน อรัณสะบัดแขนอย่างแรงเมื่อรู้สึกว่ามือใหญ่มีจังหวะผ่อนแรง เมื่อกายเป็นอิสระการต่อสู้ขัดขืนก็เริ่มขึ้น อรัณไม่มีทักษะด้านการต่อสู้แม้แต่น้อย เธอไม่เคยให้ความสำคัญกับมัน จนมาตอนนี้นึกเสียดายที่ไม่ได้เรียนรู้มันไว้
"ไม่ยอมง่ายๆ มึงก็ตายอยู่ที่นี่ เลือกเอา"
สิ่งที่อยู่ในมือต้องกับความสว่างจากแสงไฟเป็นเงาวับ สองเท้าเริ่มถอยหลังทีละนิด ในมือของร่างผอมแห้งมีมีดพกเล่มไม่ใหญ่มาก แต่มันก็พอที่จะทำอันตรายกับอรัณได้ ยิ่งเธอตัวคนเดียวแต่พวกมันมีตั้งสองคน ร่างโปร่งหยุดเคลื่อนไหวเพราะมีอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังจ่ออยู่ข้างขมับเธอ
ไอ้หัวหน้าโจรแสยะยิ้มหยามมองเธออย่างสมเพช ไม่รอโอกาสให้คนถือมีดใกล้เข้ามามากกว่านี้ อรัณฟันมือลงยังข้อพับแขนของคนถือปืนข้างๆ ทำให้อาวุธในมือกระเด็นไปไกล มันทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันคืออรัณ
คนหนึ่งกระชากเรือนผมนุ่มเต็มมือ มันขยุ้มอย่างแรงจนใบหน้าสวยแหงนเชิด
"เพราะมึงทำให้มันเลวร้ายลงกว่าเดิม จำไว้"
"ไอ้สิงห์มึงเอามีดมา แล้วไปหาปืน" เทิดหันไปสั่งลูกน้อง สิงทำตามที่คนเป็นหัวหน้าสั่งมันตัวแข็งทื่อไม่ไม่เห็นร่างของเพลิงอยู่ในที่ๆควรจะอยู่
"พี่! ไอ้ตุ๊ดหายไปแล้ว"
คนที่ถูกละทิ้งความสนใจไปกำลังจะได้รับความสนใจอีกครั้ง อรัณมองหาเพลิงเช่นเดียวกับกลุ่มโจร ในใจเธอเริ่มกระวนกระวายหนักกว่าเก่า เพราะเธอก็ไม่เจอเพลิง
"มึงออกไปบอกไอ้เกียรติให้มาช่วยกันหามัน"
"ได้พี่"
ลูกน้องโจรได้ยินที่ลูกพี่มันสั่งก็กระวีกระวาดวิ่งออกไปหาอีกคนด้านนอก ส่วนลูกพี่ของมันก็หันกลับมาสนใจอรัณต่อ
" ส่วนมึงก็มาเป็นเมียกูในระหว่างรอมันหาไอ้ตุ๊ดเจอแล้วกัน"
"ถ้ามึงทำกูยิง"
น้ำเสียงนิ่งๆเอ่ยขึ้นจากเบื้อหลังของคนทั้งคู่ที่ยุดยื้อกันอยู่ ไอ้เทิดมันหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่เหลือเค้าความตุ้งติ้งอีกต่อไป ในมือหนาถือปืนขึ้นไกด์ที่พร้อมจะลั่นใส่มันได้ทุกเมื่อ
"เอาสิ ถ้ามึงคิดว่ามึงแม่นปืนขนาดที่จะยิงกูแล้วไม่โดนอีนี่"
วงแขนแข็งแรงดึงตัวอรัณมาล็อคคอไว้ด้านหน้าเหมือนเกราะกันกระสุนให้มัน มีดพกถูกนำมาใช้อีกครั้ง
"รัณ...." ดวงตาแข็งกร้าวกระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อสบมองกับอรัณก่อนจะเปลี่ยนเป็นดุดันตามเดิม
"....."
ปั่ก
"อ๊าก!!"
อรัณใช้วังหวะที่โจรเบี่ยงเบนความสนใจไปหาเพลิงเพียงไม่กี่ชั่ววินาที เธอเงยหน้าขึ้น ใช้หัวตัวเองโขกเข้ายังดั้งจมูกของอีกฝ่ายอย่างแรงจนมันหงายอรัณล้มลงไปพร้อมมันแล้วนั่งกุมจมูกตัวเอง
เพลิงเห็นชายคนนั้นกำลังจะคว้าขาของอรัณที่กำลังจะหนี เขาพร้อมจะยิง แน่นอนว่าระยะนี้เขาไม่มีพลาด อรัณเห็น เธอรู้ว่าเพลิงคิดจะทำอะไร
"เพลิงอย่า!!!!!!"
ปัง!
เสียงปืนจบลงพร้อมกับกลุ่มตำรวจที่กรูเข้ามา กระสุนนัดนั้นไม่ได้โดนใคร มันพลาดเป้าหมายของคนยิงเพราะอรัณ
เพลิงทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมจ้องมองอรัณไม่วางตา เหล่าตำรวจพากันมาจับกุมตัวคนร้ายที่หมดสติอยู่ข้างๆอรัณ ร่างโปร่งในสภาพสะบักสะบอมคลานเข้าไปหาเพลิงที่นั่งมองเธออย่างเหม่อลอย
"ไม่เป็นไรแล้ว"
คนตรงหน้าโผเข้ากอดอรัณ เธอรับรู้ได้ว่าร่างในอ้อมแขนกำลังสั่นเทาหนักแค่ไหนแต่ก็ทำได้เพียงแค่ลูบแผ่นหลังของเพลิงขึ้นลงเท่านั้น จนกระทั่งมีนายตำรวจหนึ่งเดินมาหาทั้งคู่และพูดคุยกัน
เมื่อหมอกับพยาบาลพ้นประตู้ห้องไปแล้วก็มีอีกร่างที่รีบพรวดพราดเข้ามาทันที
"รัณ...."
"ไม่เป็นไรใช่ไหม"
อรัณเอ่ยปากถามเพลิงทั้งๆที่คนที่เป็นหนักที่สุดคือเธอ
"รัณนั่นแหละเป็น เจ็บมากไหม"
ยิ่งเห็นรอยแผลและรอยช้ำบนตัวอรัณ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้มันก็พาลไหลลงมาได้ง่ายๆ
"โถ่เมียรัก ไม่ต้องร้อง กูไม่เป็นไรแล้ว"
คำพูดหยอกล้อที่ไม่เคยได้ฟังจากปากอรัณ ไม่สามารถดึงความสนใจของเพลิงได้ อรัณพยายามปลอบใจเพลิง แต่ก็ดูเหมือนยิ่งปลอบอีกคนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า
"ถ้า..ถ้าพี่ไม่ชวนออกมา.."
"ชู่ว ไม่ต้องพูดแล้วน่า ไม่มีใครเป็นอะไรแล้วนี่ไง"
"เป็น...แผลพวกนี้ไง พี่กลัวแทบแย่"
"กลัวกูตายเหรอ"
อรัณมองคนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนดันว่าทำไมต้องถามออกไปแบบนั้น และทำไมตัวเองต้องคาดหวังกับคำตอบของเพลิง
".....พี่ไม่ยอมให้รัณตาย"
"ไม่ตายง่ายๆหรอก ถ้าตายจริงจะมาพามึงไปอยู่ด้วย"
"คนบ้า ถ้ารัณตายจริงพี่คงไม่รอให้รัณมาหาหรอก"
"ทำไม"
"จะตามไปทันทีเลย"
"แล้วถ้ากูตายแล้วฟื้น แต่มึงไม่ฟื้นล่ะ"
มันเป็นบทสนทนาที่เรื่อยเปื่อยที่สุดในชีวิตของอรัณเลยก็ว่าได้ เพราะเธอไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน และดูเหมือนเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว
"พี่จะไม่ยอมไปเกิด จะไม่ไปสู่สุขติ"
"บ้าไปแล๊วววว"
อรัณทำหน้าตาหยอกล้อเพลิงพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปด้วย ทำเอาอีกคนยิ่งหน้าบูดไปกันใหญ่ มือเรียวยืนมาทาบแก้มของอรัณไว้ ดวงตารีจ้องมองใบหน้าสวยที่แนบกับมือเขาอยู่
"อยากจะฆ่าพวกมันให้ตาย" น้ำเสียงจริงจังของเพลิงทำให้อรัณเลือกที่จะเงียบและจ้องมองอีกคนกลับ
"...."
"...."
อรัณปล่อยให้เพลิงสัมผัสและจ้องมองเธอจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ เธอกำลังสังเกตบางอย่างในแววตานั้น บางอย่างที่ตั้งแต่พบเจอกันเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน ในดวงตานิ่งๆนั้นก่อนหน้านี้มันมีแต่วามกรุ้มกริ่มหยอกล้อ ในบางคราก็อ่อนโยน แต่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามันต่างไปอย่างสิ้นเชิง
อรัณคุ้นกับแววตาร้ายกาจนั้น ราวกับเคยเห็นมาก่อน แต่เธอกับเพลิงพึ่งจะมาเจอกันไม่มีทางที่จะเคยเห็นจากเพลิงแน่ๆ แต่อาจจะเคยเห็นจากคนอื่นมาก็ได้ ความรู้สึกคุ้นเคยสั้นๆที่ผ่านเข้ามา แล้วก็หายไปมันชักจะมากวนใจอรัณบ่อยเข้าไปทุกที
"ทำไมถึงยิง" อรัณทำลายความเงียบระหว่างเธอกับเพลิงด้วยการเอ่ยถามประโยคที่ค้างคาใจออกไป และนั่นก็ทำให้เพลิงสะดุ้งน้อยๆ ชายหนุ่มชักมือที่ทาบแก้มออก
"พะ..พี่ ไม่รู้ตัว..."
"เหรอ..."
"ตอนนั้นพี่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ตัวมันชา มันกลัวไปหมด กลัวว่ามันจะทำอะไรรัณ"
ถ้าอรัณไม่ใช้เท้าถีบหน้าชายคนนั้นจนล้มหงาย กระสุนจากปืนที่เพลิงยิงมันคงเจาะเข้าไปฝังอยู่ในหัวของไอ้โจรชั่วเป็นแน่ ถ้าอรัณตัดสินใจช้ากว่านั้นเรื่องราวมันอาจจะเลวร้ายเกินกว่าเพลิงจะรับไหวก็ได้
"...."
"พี่ไม่ใช่คนที่ปกป้องรัณได้"
"...."
"มันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกเลย"
"...."
อาการของเพลิงเหมือนคนที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ชายหนุ่มเอาแต่จ้องมองไปยังบริเวณแผลของอรัณที่มีผ้าสีขาวสะอาดปิดอยู่ ดวงตารีค่อยๆกวาดมองไปยังรอยฟกช้ำและรอยถลอกไปเรื่อยๆ อรัณสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เธอไม่ต้องการคนที่ต้องมาคอนดูแลเธออย่างเดียวแต่อรัณแค่ต้องการคนที่จะมาดูแลกันและกันต่างหาก
"ทำไมไม่ยยอมทำแผล"
ดวงตาคมต้องมองรอยแผลถลอกที่ข้อมือของเพลิงที่ยังไม่ได้รับการรักษา
"...."
"หลังจากนี้ก็ดูแลกูดีๆแล้วกัน มาช่วยพยุงหน่อย"
"จะ..จะไปไหนเหรอ"
"กลับที่พักไง จะนอนนี่รึไง"
"รัณนั่นแหละ ไม่นอนนี่รึไง รัณเป็นคนป่วยนะ"
"ไม่นอน แผลนิดเดียว อยากอาบน้ำด้วย"
"ไม่ได้นะ"
"บอกหมอแล้วน่า อย่าขัดใจคนป่วยดิ"
"ก็ได้..."
อรัณกลับมาถึงที่พัก ก็พบว่ามีซุปเปอร์และฮ่องเต้ที่มารอเธออยู่ เมื่อเห็นร่างสะบักสะบอมของอรัณเดินเข้ามาคนแรกที่วิ่งตรงไปเข้าหาหญิงสาวก็คือซุปเปอร์
"รัณ..."
" ขอบคุณนะ"
ชายหนุ่มโผเข้ากอดร่างตรงหน้าอย่างโล่งใจ
"มึงยังกลัวอยู่ไหม"
"ก่อนมึงจะรับโทรศัพท์กูกลัวแทบบ้าเลยล่ะ แต่พอมึงรับกูก็หายกลัวไปเลย เพราะคิดว่ามึงต้องช่วยกูได้แน่ๆ"
"แต่กูกลัวมาก กลัวแทบบ้า"
"ขอบคุณนะมึง"
"ขอบคุณเหมือนกันที่มึงปลอดภัย ถ้ามึงเป็นอะไรไปจริงๆกูคงต้องพลิกแผ่นดินฆ่าไอ้พวกชั่วนั่น"
"หึๆ"
มือบางยังคงลูบแผ่นหลังหนาขึ้นลงไม่หยุด อรัณรู้สึกได้ว่าใจที่เต้นโครมครามก่อนหน้านี่เริ่มเต้นเป็นจังหวะปกติแล้วเธอจึงคลายอ้อมกอดออก
"มันทำหน้ามึงเป็นแผล"
"ไม่เป็นไร"
"เจ็บไหม"
"อืม เจ็บ"
"พ่ออยากจะฆ่าแม่งให้ตาย"
"โถ่พ่อคนโหดของกู"
"กูตลกไม่ออกอรัณ มึงหยุดทำเหมือนมันเป็นเรื่องโจ๊กสักที"
ซุปเปอร์หัวเสียกว่าเก่าเพราะคนตรงหน้าพยามทำเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคลั่งแทบบ้า
"มันผ่านมาแล้วน่ามึง กูอยากขอร้องไม่ให้มึงบอกไอ้พี่กับโมจิ"
"อืม"
เหนือความว้าวุ่นใจของซุปเปอร์ยังมีอีกคนที่คลั่งไม่น้อยไปว่าใคร คนที่เหยียบคันเริ่งจนสุดฝีเท้าเพื่อมาหาอรัณที่นี่ไม่ใช่ใคร ฮ่องเต้รอจังหวะปลีกตัวเพลิงมาจากอรัณ เขาต้องพูดมันออกไป พูดให้เพลิงเข้าใจ
"คุณคงไม่เป็นไรมากใช่ไหม"
"อื้ม"
"รู้สึกยังไงบ้างเหรอ ตอนเห็นอรัณโดนทำร้าย"
"โกรธตัวเองที่ช่วยรัณไม่ได้"
ตอนนี้เพลิงไม่มีอารมณ์จะสนทนากับใครทั้งสิ้น เขาไม่อยากให้อรัณคลาดสายตาไปไหนเลย แต่ดูเหมือนว่าฮ่องเต้กำลังต้องการความสนใจจากเขาอยู่
"หึ"
"...."
"คุณน่ะ ปกป้องอรัณไม่ได้หรอก"
มันมากกว่าความสัมพันธ์ที่เพื่อนมีให้กัน สายตาของฮ่องเต้ที่มองเพลิงอยู่นั้น มันกำลังบอกเพลิงว่าเจ้าตัวเหนือกว่าเขาทุกอย่าง
"...."
"ซ้ำร้ายกว่านั้น อรัณต้องเป็นฝ่ายปกป้องคุณซะอีก"
"....." เขาจะเถียงอะไรได้ ในเมื่อมันคือเรื่องจริง
"ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอที่จะครอบครองอรัณ ทำไมไม่ปล่อยให้ยัยนั่นไปเจอคนที่ดีกว่าคุณล่ะ"
"......" เพลิงยอมเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ถ้าต้องปล่อยอรัณจากไปเขาก็ไม่รู้ว่าใจของเขาจะทนได้หรือเปล่า
"ถ้าคุณไปพูดเรื่องถอนหมั้นกับผู้ใหญ่ ผมว่าพวกท่านน่าจะเข้าใจ"
"ผมไม่ยอมถอนหมั้นหรอก ถึงแม้ตอนนี้อรัณจะไม่ได้เต็มใจที่จะผมในชีวิต แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ผลักไสผม และผมก็จะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสตัวเองหลุดไป"
"แต่คุณดูแลมันไม่ได้ วันนี้มันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคุณมันไม่คู่ควร ไปหาคนที่เหมาะกับคุณและปล่อยอรัณไปเจอคนที่เหมาะกับมันไม่ดีกว่าเหรอ"
"คุณงั้นเหรอที่เหมาะกับรัณ?"
"มันก็มากกว่าคุณแล้วกัน"
"ถ้าเป็นคุณตัวเลือกก็คงถูกเลือกไปนานแล้ว"
ประโยคนิ่งๆของเพลิงทำเอาฮ่องเต้เลือดขึ้นหน้า ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนตรงหน้าอย่าเอาเรื่อง
"กูให้โอกาสมึงพูดใหม่"
ฮ่องเต้พยายามข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านอยู่ภายใน
"ไอ้เต้..."
เสียงของอรัณเรียกสติของคนทั้งคู่ที่กำลังจะฆ่ากันด้วยสายตา ชายหนุ่มรีบปล่อยคอเสื้อของเพลิงก่อนจะหันกลับไปมองอรัณและซุปเปอร์ที่ยืนมองพวกเขาอยู่ในห้อง
"ไปพักสิวะ" ฮ่องเต้พูดกับอรัณ
"กำลังจะพัก"
"แล้วออกมาทำไมล่ะ"
"ก็มึงไม่เข้ามาหากู กูเลยต้องออกมา"
"มาแล้วนี่ไงครับ หายกลัวรึยัง ถ้าไม่คืนนี้จะได้นอนเป็นเพื่อน" มือหนายกขึ้นมายีผมคนตรงหน้าเล่น แม้จะพูดกับเขา แต่สายตาของอรัณเอาแต่จับจ้องไปที่อีกคน
"ไม่ต้อง เตียงกูไม่ใหญ่พอ" อรัณเดินไปหาเพลิงที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
"ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ออกเดินทางจะได้ไม่เพลีย"
"....."
เพลิงไม่ตอบ เขาเอาแต่จ้องหน้าอรัณไม่วางตา และที่สายตาจ้องมองเป็นพิเศษก็คือมุมปากเล็กที่แดงช้ำเพราะผ่านการถูกตบ
คำพูดของฮ่องเต้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวทำให้รู้สึกแย่ไปหมด เพลิงรู้ตัวว่าขอบตาตัวเองเริ่มร้อนผ่าวและน้ำตากำลังรื้นขึ้นมา การที่เขารักอรัณนั้นมันคือการเห็นแก่ตัวงั้นหรือ เขายังไม่ได้พยายามอยู่รึไง ฮ่องเต้เป็นใครมาพูดดูถูกความพยายามของเขาขนาดนี้
อรัณฉวยมือเพลิงมากุมไว้แล้วพาเดินเข้ามาในห้องผ่านคนทั้งคู่ที่ยืนอยู่
"จะนอนห้องนี้ก็นอน ถ้าไม่สะดวกก็ไปเปิดห้องใหม่ กูเพลียแล้วขอนอนก่อนนะ"
"อืม พักผ่อนเยอะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาปลุก" ซุปเปอร์
"อืม ฝันดีนะพวกมึง"
"ฝันดีครับ"
อรัณจับมือเพลิงเดินเข้ามาในห้องนอนโดยมีสายตาของฮ่องเต้มองตามหลังไม่ละ
"จะร้องไห้อีกแล้วเหรอ"
"....." เพลิงได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอรัณแม้แต่น้อย เพราะถ้าได้เห็นสายตาและบาดแผลบนตัวอรัณน้ำตาที่กลั้นไว้มันคงได้ไหลลงมาอาบหน้าอีกรอบเป็นแน่
"ไอ้เต้พูดอะไรเหรอ"
"....."
เพลิงส่ายหน้าแทนคำตอบ ไม่ใช่ไม่อยากพูดแต่ตอนนี้เหมือนมีก้อนแข็งๆมาจุกอยู่ที่ลำคอจนทำให้พูดไม่ออก ขืนพูดอะไรออกมามันก็คงไม่รวมเป็นคำพูดที่สามารถทำให้คนฟังเข้าใจได้
"งั้นนอนเถอะ อย่าคิดมากเลย"
ร่างโปร่งเอนกายลงนอนก่อน แล้วจึงเขย่าแขนอีกคนเบาๆเป็นเชิงบอกล้มตัวนอน ซึ่งเพลิงก็เข้าใจในสิ่งที่อรัณต้องการ
"ฝันดี"
"....ฝันดี"
ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอของคนข้างกาย มันบอกได้ว่าอรัณหลับไปแล้ว เพลิงพลิกกายนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาอรัณ เขาจ้องมองใบหน้าสวยยามหลับใหลอย่างเหม่อลอยและปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาเงียบๆคนเดียว
“ว่าไงเตย"
/...../
"เราเห็นเตยแล้ว อยู่นั่นแหละเดี๋ยวเดินไปหา"
พี่โบกมือไปมาเพื่อให้คนที่กำลังกวาดสายตามองหาเขา รอยยิ้มกว้างไม่มีท่าทีว่าจะเลือนหายจากใบหน้าหล่อได้ง่ายๆ
ร่างบางในชุดโอเวอร์โค้ดเข้ารูปเป็นที่สะดุดตาของคนที่อยู่แถวนั้น ผมสั้นเคลียใบหน้าสวย ใบหน้าที่เขาจดจำได้ไม่ลืมเลือนแม้จะไม่เจอมาเป็นเวลาสองปี
"โทษทีนะที่มาช้า"
"ไม่เป็นไร แต่รัณยังไม่รู้ใช่ไหม"
รอยยิ้มกว้างแห่งความสุขค่อยๆเปลี่ยนเป็นยิ้มบ้างๆแทนเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายถามกลับมามันตอกย้ำความจริง เขาควรจะบอกเตยหอมไปว่าอรัณไปเที่ยวกับคู่หมั้นของเธอ แต่เขาไม่ใจแข็งพอที่จะพูดมันออกไป
"ยังไม่รู้น่า มาถึงก็ถามหามันเป็นคนแรกเลยนะ"
"ก็คิดถึงน่ะ"
เตยหอมพูดไปพร้อมหัวเราะน้อยๆ เธอทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจเมื่อนึกถึงใบหน้าของอีกคนที่ไม่ได้เจอกันมาตลอดเวลา 2 ปี เธอคิดไม่ออกเลยว่าอรัณจพช็อคแค่ไหนถ้าเจอเธอ
รอยยิ้มสวยบนใบหน้าได้รูปมันสะกดสายตาคนมองได้ไม่ยาก ไม่เพียงแค่พี่ที่โดนยิ้มนั้นสะกดแม้แต่บางคนรอบๆยังมันแอบมอง ซึ่งมันก็ขัดใจพี่ไม่น้อย
"ไปกันเถอะ จะได้นอนพัก"
"รบกวนหน่อยนะพี่"
...................................................................
น้อมรับคำด่าจ่ะ ขอประทานอภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะเพคะ
ตัดสินใจมาอัพต่อเพราะคอมเมนท์จริงๆนะเหวยยยย