ตอน
ปรับแต่ง
สารบัญ
ตอนนิยาย ()

ปรับแต่งการอ่าน

พื้นหลังการอ่าน
รูปแบบตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ระยะห่างตัวอักษร

ตอนที่ 1 - กรงขัง

“ลวงรักสิเน่หา : รักฤๅเสน่หา 4”

- ติกาหลัง -


ตอนที่ 1 – กรงขัง

                คฤหาสน์หลังงามที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีน ไทย และยุโรป ด้วยตัวตึกสองชั้นครึ่งมีหน้าต่างบุกระจกหกช่องบ้าง แปดช่องบ้างตามขนาดห้อง และความเหมาะสมของห้องนั้นๆ และมีห้องริมอาคารทรงแปดเหลี่ยมหลังคาโดมแบบยุโรป มีลวดลายฉลุของช่องลมแบบจีน มีการจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับแบบไทย อาคารก่ออิฐถือปูนแข็งแรงบนพื้นที่ห้าไร่ริมหาดพัทยาเงียบสงบมานาน เพราะผู้เป็นประมุขของตระกูลดิเรกนุสรณ์โยกย้ายไปอาศัยที่คฤหาสน์อีกหลังย่านรังสิตตั้งแต่แต่งงาน

                ผู้ขึ้นเป็นใหญ่แทนบิดาตั้งแต่จบปริญญาโทได้เพียงปีเดียวอย่าง วสวัสดิ์ ดิเรกนุสรณ์ ตั้งแต่บิดาเริ่มเจ็บป่วยจากอาการทางใจที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และหลังเจ้าสัววัฒนาเสียชีวิตลง หนุ่มใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใดใน คฤหาสน์ฉายฉาน ที่ตั้งริมทะเลกินอาณาบริเวณหลายไร่และมีหาดทรายส่วนตัว เขาจะกลับมาพักที่พัทยาบ้างในช่วงมีงานประจำปีและประชุมใหญ่ของโรงแรม แม้ภายในคฤหาสน์แห่งนี้จะสวยงามเพียงใด แต่เขาก็ทำใจไม่ได้กับเรื่องราวในอดีต

                คฤหาสน์ฉายฉานแสนงามที่มีเรื่องราวแสนเศร้าของความรักอันโดดเดี่ยวมานานหลายสิบปี มีโอกาสได้ต้อนรับผู้คนและสมาชิกครอบครัวเพียงบางปี บางครั้งที่เจ้าสัวคนใหม่จัดงานเลี้ยงหรือต้อนรับคู่ค้านักธุรกิจให้มาพักยังบ้าน ที่จะเป็นการแสดงความเชื่อใจได้ดีกว่าให้พักที่โรงแรมในตัวเมืองพัทยา และในเวลาปกติแม้มีคนงานเฝ้าดูแลรักษา หากไม่มีผู้ใดจะย่างก้าวสู่ตัวคฤหาสน์นอกเวลาทำความสะอาดนัก เพราะทุกคนเกรงกลัวเรื่องเล่าขานที่คนรุ่นเก่าชอบบอกต่อกันว่า เจ้าสัววัฒนายังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ เพื่อรอคอยภรรยาคนแรกและคนรักสาวกลับมาหา

                วันเวลาที่ล่วงผ่านนับสิบๆ ปีไม่สามารถลบเลือนความหดหู่และหวาดกลัวของคนงานภายในอาณาเขตคฤหาสน์หลังนี้ได้ ยิ่งคนเก่าแก่ที่ยังภักดีปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมจะชราลง หากวสวัสดิ์ก็ยังให้การดูแล ทั้งยังเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขาเช่นเจ้านายผู้มั่งมีจะกระทำให้ได้อย่างดีเยี่ยม เจ้าสัวคนปัจจุบันของดิเรกนุสรณ์จึงไดรับความเคารพรักไม่ต่างจากยุคของบิดา แต่เขาอาจได้รับความเชื่อใจมากกว่านัก ด้วยเขาซื่อสัตย์ต่อความรักกับภรรยาสาวลูกครึ่งนามว่า รวิสรา เหลือเกิน

                รวิสรางดงามราวนางฟ้ายามเคียงข้างสามีที่กลายเป็นเทพบุตรอารักขาหญิงสาว เธอทำหน้าที่ภรรยา มารดา และนายหญิงได้อย่างดี แม้สุขภาพร่างกายจะไม่ได้แข็งแรงนัก จากเคยประสบปัญหาการแท้งบุตรไป แต่ก็สู้ดิ้นรนจน มีบุตรชายมอบให้สามีและตระกูลถึงสองคน เธอจึงได้รับความรักและการทะนุถนอมจากสามีอย่างดีเยี่ยมทำให้เป็นที่กล่าวขวัญในวงสังคมว่าเป็นคุณนายตระกูลดังที่น่าอิจฉา

                หญิงสาวออกงานสังคมอยู่เป็นระยะตามวาระที่เธอคิดว่าสมควรไปร่วมงาน ทุกงานเธอแทบไม่ได้ออกงานคนเดียว ด้วยสามีแสนน่ารักจะติดตามไปด้วยอย่างห่วงใยในความปลอดภัยและสุขภาพของเธอ ในยามที่วสวัสดิ์ถูกเชื้อเชิญออกงาน เธอเองจึงยินดีจะเคียงคู่ไปกับเขาเสมอ แม้บางงานเธออาจไม่รู้สึกสนุกกับการพูดคุยตามประสาบุรุษที่สนใจกีฬา รถแข่ง หรืออาวุธน่ากลัว หากเพราะเธอคือภรรยาของเขา และเขาก็รักเธออย่างไม่ต้องสรรหาคำอธิบาย เธอจึงไม่คิดว่าลำบากที่ต้องไปงานร่วมกัน เพราะเขายังยินยอมจะไปออกงานทางสายของเธอได้เลย

                ครอบครัวเล็กๆ ของเธอที่มี พ่อ แม่ ลูกชายสองคนวัยไล่เลี่ยกันนั้น แม้เป็นครอบครัวขนาดเล็ก แต่เพราะนามสกุลของเธอเองกับนามสกุลของสามีสะสมบารมีกันมาเนินนาน รวิสราจึงเหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ มาตั้งแต่เกิด จนแต่งงานกับวสวัสดิ์เธอก็อยู่ในฐานะดุจนางพญาเคียงข้างประมุขของตระกูลอย่างเขา ธุรกิจของทั้งสองฝั่งจึงได้การเกื้อหนุนกันในวงธุรกิจทำให้แข็งแกร่งและมีอำนาจต่อรองสูงกว่าใคร จนถึงรุ่นลูกๆ ของเธอกับเขา...

                สายลมทะเลโชยพัดนำกลิ่นไอน้ำเค็มเข้ามาสู่ห้องนอนทางทิศเหนือ ร่างสูงใหญ่ผิวขาวจัดเดินช้าๆ ออกไปยังระเบียงกว้าง เขาสวมเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวอวดท่อนขายาวที่แข็งแกร่ง แขนบึกบึนกอดอกเปลือยเปล่าที่แน่นด้วยกล้ามเนื้อกำยำ อวดหน้าท้องที่มีลอนกล้ามซิกแพคสวยงาม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยาวรีตามเชื้อสายจีนไทยและคงมียุโรปผสมหรี่ลงกว่าปกติยามทอดมองท้องทะเลกว้างใหญ่ที่มีแสงแดดยามเช้าตรู่สาดกระทบจากเส้นขอบฟ้า จนเขาอยากมองให้ออกว่าดวงไฟสีส้มตรงนั้นจะเคลื่อนขึ้นมาแล้วยิ่งใหญ่เพียงใด

                เสียงร้องเพลงที่ดังแว่วขึ้นมาถึงระเบียงห้องนอนตามสายลมพัดทำให้ ชายหนุ่มขยับก้าวเท้าออกไปยืนเกาะขอบระเบียง จึงแลเห็นขบวนบอดี้การ์ดเกือบสิบชีวิตวิ่งเป็นแถวลงบันไดไปยังหาดทรายยามเช้า เพื่อออกกำลังกายในช่วงเวลาว่างของวันหยุดที่ได้รับ เขาตัดสินใจหันหลังกลับเข้าห้องนอนเพื่อทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำลงไปด้านล่างคฤหาสน์หลังงามริมทะเลแห่งนี้

                ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีเทาสวมทับกับกางเกงยีนส์สีเข้มก้าวลงจากบันไดโถงด้านหน้าเลี้ยวสู่ทิศทางไปยังทิศตะวันออกเข้าสู่ห้องอาหารแปดเหลี่ยมที่จัดไว้สำหรับครอบครัวไม่ต้อนรับแขก เนื่องด้วยโต๊ะอาหารรองรับเก้าอี้ที่นั่งได้เพียงแปดตัวเท่านั้น จะจัดให้ชิดกันหน่อยก็ไม่เกินสิบสองตัว ซึ่งทุกครั้งที่เขามาพักอาศัยยังคฤหาสน์ฉายฉานเขามักใช้ห้องอาหารแปดเหลี่ยมเป็นประจำ

                แม่บ้านวัยกลางคนผิวคล้ำตามฉบับคนพื้นที่ริมทะเลนำหน้าสาวใช้สองคนมาเสิร์ฟอาหารเช้าแบบอเมริกันและจัดการรินกาแฟดำหอมกรุ่นให้ชายหนุ่มเงียบๆ และถอยไปยืนสงบที่มุมห้อง ก่อนคนที่นั่งหัวโต๊ะจะเหลียวใบหน้าไปเหลือบมองชายหนุ่มในเชิ้ตแขนยาวและกางเกงสีดำที่ก้าวเข้ามายืนประสานมือไว้หลังก้มศีรษะให้

                ผู้มาใหม่รูปร่างกำยำไม่แพ้บุรุษผู้เป็นเจ้านายที่นั่งนิ่งราวรูปปั้น ขยับกายแสนเชื่องช้าหากแผ่รังสีน่าเกรงขามอย่างชัดเจน ยิ่งดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่สามารถอ่อนลงได้ยามโมโหเขาก็แทบไม่อยากหาเรื่องหรือนำเรื่องใดมาเล่าให้คนเป็นเจ้านายฟังนัก เขาจะจัดการเองให้เรียบร้อยเสียก่อน

                “เจนิสอยู่ไหน กรณ์” น้ำเสียงห้าวที่แฝงไปด้วยอำนาจแม้ไม่ต้องตะเบ็งออกมาดังขึ้นเรียบราบ ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบไปอึกใหญ่

                “คุณหนูอาบน้ำให้เจ้าเดวิลกับพลอยอยู่หลังบ้านครับ เธอบอกว่าวันนี้แดดดี” เสียงรายงานของชายหนุ่มเรียบร้อย หากก็ต้องสูดหายใจลึกเมื่อคนถามหันขวับมามอง

                “เขากินมื้อเช้าหรือยัง ป้าใจ” คำถามนี้ที่เหลือบสายตาไปหาแม่บ้านสาวใหญ่

                สายใจเม้มปากและสูดหายใจลึกพอกับชายหนุ่มอีกคนที่รายงานไปก่อนหน้าถึงคนที่ถูกเอ่ยถาม ลูกสาวที่ยืนข้างกันก็ได้แต่กำมือที่ประสานกันไว้ด้านหน้าแน่นด้วยความหวั่นใจ

                “ยะ...ยังค่ะ เสียใหญ่” คำตอบของสายใจทำให้ร่างสูงลุกพรวดจากเก้าอี้ จนทั้งสามสะดุ้งเฮือก และไม่ต้องบอกกล่าวทุกคนก็ได้แต่ก้าวเท้าติดตามคนใจร้อนไปหลังบ้านทันที

                สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี แท้ตัวโตขนสีขาวดำวิ่งสะบัดตัวไปมาเพื่อไล่หยาดน้ำตามขน ความที่ตัวใหญ่และขนหนาของมันทำให้หยดน้ำกระจายถูกหญิงสาวร่างเล็กบอบบางผิวขาวใสอมชมพู ที่เพิ่งลุกขึ้นจากบริเวณกะละมังทรงรีขนาดใหญ่ จนเธอส่งเสียงกรีดร้องตกใจก่อนจะหัวเราะร่าเริงเมื่อเจ้าตัวโตวิ่งมาหาและพยายามกระโดดกอดด้วยแรงที่โถมใส่ทำให้เธอเซถลาไปเบื้องหลัง คนกำลังจะล้มลงกับพื้นร้องตกใจอีกครั้ง จนเกิดเสียงอุทานจากหญิงสาวอีกคนที่รูปร่างสูงท่าทางปราดเปรียวผิวสีแทนที่รีบก้าวมาหมายจะฉุดดึงคนกำลังจะล้มไว้

                “อ่ะ!”

                ร่างบางที่ถูกสุนัขกระโดดใส่จนหงายหลังถูกอ้อมแขนแกร่งโอบประคองไว้ได้ทันจนเธออุทานออกมา พร้อมแหงนหน้าขึ้นมองคนตัวสูงใหญ่ที่รับเธอไว้ หากเจ้าหมาวัยซนก็ยังโถมแรงมาหาเพราะคิดว่าเจ้านายกำลังเล่นด้วย จนชายหนุ่มก็เสียหลักล้มลงกับพื้นสนามโดยมีคนตัวเล็กติดตามมาบนร่างด้วย

                “ว้าย!”

                เสียงร้องดังรอบด้านจากสาวๆ ที่เหลือ หากคนที่ล้มไปกับพื้นและมีร่างบางติดตามมาได้แต่นิ่วหน้าด้วยความจุกและปวดแปลบที่หน้าท้องและบั้นเอว หากก็ทำอะไรไม่ได้ไปกว่าเม้มปากและขมวดคิ้วนิ่วหน้าเงียบงัน ระหว่างหญิงสาวก็รีบขยับกายออกจากตัวเขาไปนั่งกับพื้น และต้องกอดรัดบังคับเจ้าหมาตัวใหญ่ให้นิ่งๆ แต่ก็ไม่เห็นจะดุมันสักนิด

                “หยุดสักที เดวิล!” เสียงห้าวตวาดลั่นอย่างนึกหงุดหงิดทำให้ทั้งหมาและคนสะดุ้งและนิ่งงันตามกันไป ยิ่งความเจ็บปวดที่ระบมขึ้นจากแรงกระแทกยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดนักกับความไม่รู้จักอยู่ รู้จักสำรวมของหมาหน้าตาเจ้าเล่ห์ที่นิสัยไร้สติสิ้นดี “ฉันจะทำโทษจับแกขังกรงหกชั่วโมง”

                “ไม่นะคะ” เสียงใสร้องสวนขึ้นพร้อมขยับกายไปกอดร่างนุ่มด้วยขนหนาของมันไว้แน่น ซบหน้ากับบริเวณลำคอของมันและส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนน่ากลัว ซึ่งเดวิลเองก็ครางหงิงๆ ในลำคอและขยับกายไปอยู่เบื้องหลังเธออย่างหาที่กำบัง

                “หึ! มันเป็นหมาพี่ ไม่ใช่หมาเธอ เจนิส” เขากดเสียงต่ำ หรี่ตามองทั้งคนทั้งหมาที่ดูรักกันดีเหลือเกินนิ่งดุ

                เธอส่ายหน้าไปมาจนเส้นผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มที่ถูกรวบไว้ด้วยยางมัดผมหลุดลงมาคลอเคลียดวงแก้มนวลที่แดงก่ำจากอากาศและความตกใจที่เขาจะทำโทษหมาน่ารักตัวนี้

                “หนูขอโทษแทนเดวิลก็ได้ พี่อาร์ตอย่าขังมันนะ มันกำลังโต เดี๋ยวมันเป็นหมามีปัญหานะคะ” เธอบอกเสียงอ่อย กอดรัดร่างเจ้าขนฟูไว้แน่น สบประสานดวงตากับเขาอย่างอ้อนวานจนเห็นเขาหัวเราะในลำคอและยกมุมปากขึ้นด้านหนึ่ง

                “งั้นเธอก็เข้าไปในกรงมันแทนมัน เจนิส” เขาเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นระหว่างที่เห็นเธอตกใจนิ่งงันไป จึงหันไปมองกรณ์ที่มีท่าทางตกใจไม่ต่างกับสาวๆ ที่ได้ยิน “พายายเด็กนี้ไปขังในกรง”

                “เสี่ยใหญ่ครับ...คือคุณหนูไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” กรณ์ละลำละลักเสียงสั่น มองเจ้านายหนุ่มสลับกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางผิวใสราวหิมะที่นั่งตัวสั่น น้ำตาคลอดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนหวาน อ้อมแขนเรียวเสลากอดหมาตัวโตไว้แน่น

                “มึงไม่ได้ยินที่คุณหนูมึงบอกรึไง?” คนเป็นเจ้านายเอ่ยเยือกเย็น หยัดกายยืนเต็มความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรหลังปัดฝุ่นผงตามตัวออกไปแล้ว โดยหันหลังให้กับหญิงสาวและหมาของตน

                “ถ้ากูรู้ว่ามึงไม่พาเจนิสไปขังกรงเดวิล กูจะตัดนิ้วหัวแม่มือมึงให้จระเข้กินแก้เหงาปาก” เขาขู่ลูกน้องคนสนิท ซึ่งทุกคนทราบกันดีว่าเขาทำได้จริง เพราะเขาเคยทำกับคนทรยศมาแล้ว ก่อนเดินกลับเข้าสู่ด้านในทันที

                “ไม่ร้องนะคะคุณหนู ไม่ร้องนะ” เสียงของพลอยดาราดังขึ้นมาให้เขาได้ยิน หากเขาก็เดินมุ่งหน้ากลับห้องอาหารอย่างไม่ใส่ใจ

                ผยองดีนัก...

                “เสี่ยเจ็บมากหรือเปล่าคะ ป้าใจจะเอายาให้” สายใจเดินตามมาเพียงคนเดียว ทำให้คนที่นั่งจิบกาแฟอยู่บนเก้าอี้หัวโต๊ะเหลือบสายตามองนิดเดียว

                “ขอบใจ” เขาตอบไปเท่านั้นก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์และจิบกาแฟต่อจนหมดถ้วยดีแล้วจึงหันมาลงมือรับประทานอาหารเช้าเงียบๆ

                สายใจได้แต่เดินถอนหายใจเบาๆ ออกไปจัดยาทานวดอาการบวมช้ำและยาแก้ปวดให้เจ้านายหนุ่ม ใจก็พะวงห่วงใยคุณหนูแสนดีที่เข้าไปนั่งในกรงหมากับเจ้าเดวิล ที่พอเห็นว่านายสาวเข้าไปนั่งกอดเข่าที่มุมกรงของตัวเองก็เดินตามไปนั่งด้วย แม้กรงเดวิลจะใหญ่โตไม่คับแคบหากก็คือกรงของสัตว์เลี้ยง มันไม่ใช่ที่ๆ หญิงสาวแสนสวยและมีฐานะทางสังคมทัดเทียมกับชายหนุ่มสมควรได้รับโทษแบบนั้นเลย แต่จะให้เธอแย้งอะไรได้ ขนาดกรณ์ที่สนิทชิดใกล้เป็นมือขวาเขายังจะถูกตัดนิ้ว...

                วัชรินทร์นั่งเซ็นเอกสารและทำงานอยู่ภายในห้องสีครามซึ่งตั้งอยู่ด้านในทางทิศตะวันออกชั้นล่างของคฤหาสน์ฉายฉาน หน้าต่างบุกระจกแปดช่องนำแสงสว่างผ่านเข้ามาให้เขาได้อย่างพอดี ผ้าม่านขาวบางถูกคลี่บดบังแสงแดดชั้นเดียวขณะผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มลวดลายก้านไม้ถูกรวบไว้ที่ขอบหน้าต่างทั้งสองด้าน ด้วยเขาต้องการแสงสว่างตามธรรมชาติ

                หน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเปิดหน้าของกล้องวงจรปิด และขยายภาพบริเวณกรงสุนัขด้านหลังคฤหาสน์เป็นหน้าหลัก เขามองดูคนตัวเล็กที่ชอบผยองใส่เขานั่งลูบไล้ขนของหมาตัวโตไปมา มีพลอยดารากับจิตตรีคอยอยู่ไม่ห่างกรง ช่วงแรกที่เข้าไปเธอเป่าขนให้เจ้าเดวิลอยู่นานเกือบชั่วโมง ด้วยขนของไซบีเรียน ฮัสกี หนาและมีสามชั้น เมื่อเรียบร้อยเธอก็นั่งเล่นกับมันเงียบๆ เขาเหลือบมองดูอยู่ตลอดในการทำงาน และได้แต่นิ่วหน้าที่เห็นเธอปฏิเสธอาหารเช้าที่จิตตรีจัดไปให้

                กรงด้านนอกของเดวิลแม้จะใหญ่โตโปร่งสบายหากก็ไม่สูงจนคนจะยืนขึ้นได้ กรงหลังนั้นมีแสงแดดส่องถึง เพราะเป็นกรงขังเฉพาะเวลามีแขกเท่านั้น ซึ่งมีประตูเปิดเข้าสู่ตัวบ้านหมาหลังน้อยที่มีเครื่องปรับอากาศเครื่องเล็กไว้ให้ยามอากาศร้อนจัด เขาไม่ได้ใจร้ายกับมันอย่างที่เธอชอบต่อว่า หากเขาพยายามจะสอนให้มันมีวินัยและรู้จักว่ามันคือหมา ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่มีคนโอ๋

                มือใหญ่เซ็นเอกสารไปเรื่อยๆ พลางเหลือบสายตามองหญิงสาวในกรงหมาไปด้วย ระยะเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงงานของเขาก็ยังไม่หมดลง แฟ้มล่าสุดตรงหน้าที่เขาอ่านด้วยความรอบคอบทำให้ดวงตายาวรีไม่ได้แลไปหาภาพของกล้องวงจรปิด จนเมื่อเสียงเคาะประตูดังอย่างไร้มารยาทจะดังขึ้นหลายครั้ง

                “เข้ามา!” เสียงห้าวตะโกนออกไปอย่างหัวเสีย เงยหน้ามองประตูที่เปิดพรวดออกและเป็นกรณ์กับพลอยดาราที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เขาจึงหันไปมองที่จอคอมพิวเตอร์ก่อนทั้งสองจะรายงาน

                ร่างบางนอนสลบกับพื้นกระเบื้องในกรงหมา มีเจ้าเดวิลเดินกระวนกระวายรอบกายแสนบางนั้น ภาพที่เห็นทำให้เขาหัวใจกระตุกวูบถลันกายสูงใหญ่จากเก้าอี้และเดินผ่านหน้าบอดี้การ์ดทั้งสองไปก่อนจะได้ฟังคำรายงานทันที

                “คุณหนูไม่ยอมกินอะไรเลยค่ะเสี่ยใหญ่”

                “หยิ่งดีนัก! สม!” เขาสบถอย่างหัวเสีย หากในใจก็อดห่วงเธอไม่ได้สักนิด ไม่เช่นนั้นจะเร่งก้าวมาหลังคฤหาสน์ทำไม

                “เจนิส...เจนิส...” เสียงห้าวเอ่ยเรียกคนเป็นลมนอนนิ่งในกรงหมา เขาคลานเข่าและพยายามก้มกายให้ต่ำเพราะส่วนสูงที่เกือบเข้าประตูด้านหน้ากรงไม่ได้

                เสียงถอนหายใจของทุกคนทำให้เขานึกรำคาญใจ หากตนเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกันระหว่างค่อยๆ โอบอุ้มร่างบอบบางของคนดื้อรั้นและรักหมากว่าใครไว้ในอ้อมแขน ค่อยๆ คลานถอยหลังไปยังประตูกรง แต่เจ้าตัวดีก็เดินวนเวียนไม่ห่างจนเขาหมั่นไส้

                “หลบสิว่ะ ไอ้เดวิล!” ตะคอกหมาจนมันทำเสียงหงิงๆ และรีบวิ่งไปหากรณ์ที่เรียกทันที เขาจึงค่อยๆ โอบประคองคนตัวเล็กบางออกมาให้พ้นกรงได้

                ชายหนุ่มนิ่วหน้าหรี่ตามองดวงหน้าเนียนของหญิงสาวลูกครึ่งที่ผิวแสนบอบบางแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของไอแดดและริมฝีปากที่ซีดจนเขียวด้วยไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ แล้วก็ได้แต่หงุดหงิดใจระหว่างอุ้มเธอขึ้นสู่บันไดชั้นบนตรงไปยังห้องนอนทันที

                “ไปเอาอาหารขึ้นมา” เขาหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่ติดตามมาทั้งสาม ก่อนก้มลงไปจ้องเจ้าหมาที่วิสาสะวิ่งมานั่งที่ปลายเตียงดุๆ หากก็ไม่ว่ากล่าวอะไร เขาใช้เท้าผลักปิดบานประตูทันที

                เมื่อเจนนิสาถูกวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาก็ผละไปหาผ้าและโถใส่น้ำเย็นออกมาจากห้องน้ำ เห็นเดวิลนั่งเฝ้าเจ้านายสาวชิดขอบเตียงจนเขาก็นึกหมั่นไส้ ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงและเริ่มลงมือปลดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่เธอสวมออกจากกาย ลงมือชุบผ้าขนหนูกับน้ำเย็นเช็ดผิวขาวที่แดงเป็นจ้ำๆ จากอากาศร้อนจนทั่ว ก่อนเข้าไปหยิบชุดนอนผ้าฝ้ายของเธอมาสวมให้เรียบร้อย พร้อมจัดท่าทางให้นอนหนุนหมอนอย่างดี

                วัชรินทร์ไม่เคยเข้าใจบิดาที่ชอบหยอกเย้ามารดาว่าท่านมีภรรยาตัวน้อยเป็นเด็กสาวแสนงอนเสมอไม่เคยเปลี่ยนแม้เวลาจะผ่านมาเนินนานแค่ไหน จนวันนี้ที่เขาพยายามทุกวิถีทางให้ได้ตัวหญิงสาวลูกครึ่งคนนี้มาเคียงกาย

                ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาจนวันนี้ไม่มีสักวันที่เขาไม่รู้สึกเช่นคำบิดาเลย เธอน่ารัก บอบบาง น่าทะนุถนอมราวตุ๊กตากระเบื้องจากฝรั่งเศสที่หายาก หากเธอก็แสนรั้น ดื้อเงียบ และน่าหนักใจที่สุดคือเธอชอบเก็บกดความรู้สึกตนเอง จนบางครั้งเขาก็ไม่อาจมองออกว่าเธอคิดสิ่งใดอยู่ ถึงจะรับรู้ได้อย่างดีว่าเธออาจมองว่าเขาใจร้ายและโหดเหี้ยม หากในส่วนลึกของใจเขานั้น เขาต้องการแค่เธอมาอยู่เคียงกายจนแก่เฒ่า และถ้าเขาไม่ใช้วิธีสกปรกก็คงไม่มีวันได้เธอมาครอบครองแบบนี้...


....................



อัพเสียหน่อย เอาฤกษ์ค่ะ

แล้วจะหายไปอีกกี่วันไม่รู้ ฮ่าาาาาา...

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง เม้นบอกด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^^

 

ชื่อเล่น นิหน่า เรียก นิ ดีกว่าเรียก หน่า !!! 

ปัจจุบันล่องลอยตามอารมณ์ 

 

 

 

 

อ่านมากกว่าเขียน 

แต่ก็จะไม่หยุดเขียน 

เพราะบางครั้งการเขียน ก็ทำให้เรารู้ว่า กำลังคิดสิ่งใดอยู่... 

 

มีเพจแล้วนะคะ ^___^ 

ติกาหลัง 

https://www.facebook.com/Tikalung/ 

 

แสดงเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั้งหมด ()

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น