21.00น.
กัญญานั่งอยู่ทางระเบียงหลังบ้านมุมโปรดที่เธอชอบมานั่ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้มานั่งขัดกระบอกปืนอย่างเก่า กัญญาเหม่อลอยออกไปนอกตัวบ้านเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอย่างไรกับความรู้สึกที่มีต่อสินีกันแน่ จะว่าเสียใจที่เห็นอีกฝ่ายสวีสหวานกับสามีก็ไม่สุด จะว่าเฉยๆกับสิ่งที่เห็นก็ยังไม่ใช่ เธอนั่งนึกอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยๆ ก่อนที่เสียงเล็กๆของใครบางคนที่คุ้นเคยจะดังขึ้น
“แน่ะ...วันนี้ไม่เอากระบอกปืนมาขัดละเหรอ...” มีนาเอ่ยแซวอีกฝ่ายที่นั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียว ก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวตรงข้ามกับกัญญาแล้วอมยิ้ม กัญญาฉีกยิ้มสดใสให้อีกฝ่ายในทันที ทุกครั้งที่เห็นหน้ามีนาเธอมักจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที
“แล้วคุณล่ะ..ยังไม่นอนอีกเหรอคะ...” กัญญาเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มๆ มีนาใช้มือสองข้างท้าวที่ข้างพรางจ้องมองที่ใบหน้าของกัญญาแล้วพูดว่า
“ยังค่ะ...เออใช่สิวันนี้ชั้นเจอยัยนั่นอีกแล้ว มันมาชอบเข้ามากวนประสาทชั้นอยู่เรื่อย แหม่งโครตเกลียดเลยอะ..” มีนาเอ่ยอย่างหัวเสียพรางพ่นลมร้อนออกจากปากจนแก้มป่อง กัญญาหัวเราะกับท่าทีของอีกฝ่ายเบาๆ
“ขำอะไรคะ..” มีนาเอ่ยถามเสียงแข็ง
“เปล่าๆ..หึๆๆ ขอบคุณนะที่ทำให้ชั้นยิ้มได้...” กัญญาเอ่ยในขณะที่ยังอมยิ้มอยู่ มีนาไม่พูดอะไรต่อทำเพียงจ้องมองใบหน้าสวยของอีกฝ่ายในขณะที่มือทั้งสองยังคงท้าวไว้ที่ค้าง ด้วยใบหน้าที่อมยิ้มเล็กๆ กัญญาค่อยๆหุบยิ้มลงช้าๆ เพราะความเก้อเขินที่อีกฝ่ายเอาแต่จ้องใบหน้าของเธอ
“มีอะไรรึเปล่าคะ..” กัญญาเอ่ยถามมีนาแบบมึนๆงงๆ มีนายังคงนิ่งเงียบก่อนที่สีหน้าจะกลับกล้ายเป็นจริงจัง ซึ่งรับรู้ได้จากแววตาที่แสดงออก
“คุณการต์..ชั้นกับคุณนะ..สรุปแล้วว่า..เราคบกันแล้วรึยังคะ..” จู่ๆมีนาก็ยิงคำถามที่แสนจะตอบยากเย็นใส่กัญญา กัญญานิ่งเงียบไปสักพักเธอก้มลงต่ำครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยตอบว่า
“ชั้นรักคุณนะคะคุณมีน...แล้วก็เป็นห่วงคุณมากๆด้วย เพราะฉะนั้นคำตอบจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ชั้นหรอกค่ะ มันขึ้นอยู่ที่คุณมีนนั้นแหละว่าคิดกับชั้นแบบไหน...” กัญญาเอ่ยบอกความรู้สึกกับอีกฝ่ายโดยที่เธอพยายามเลี่ยงคำตอบ เอาจริงๆแล้วแค่คิดก็ยังเดาไม่ออกเลยว่าทั้งคู่จะคบกันแบบเปิดเผยได้อย่างไร มีนารี่ตาลงเล็กน้อยครุ่นคิดตามคำพูดของกัญญาสักพักจึงลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงมาหยุดตรงหน้ากัญญา ก่อนที่จะเธอจะนั่งคล่อมลงไปบนตักของอีกฝ่ายช้าๆ สองมือยกขึ้นจับที่ใบหน้าของกัญญาพรางจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายแล้วพูดว่า
“งั้นชั้นจะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นเองค่ะ คุณการต์...” มีนาเอ่ยพรางเผย่อริมฝีปากยั่วยวนอีกฝ่าย กัญญามีใบหน้าที่เปลี่ยนสีในทันทีจากการจู่โจมของมีนา ก่อนที่ร่างเล็กจะมอบจูบดูดดื่มให้ผู้ที่โตกว่าในทันที มีนาใช้มือเรียวเล็กแกะกระดุมเสื้อเชิตของกัญญาในทันที ก่อนที่มือของกัญญาจะเอื้อมมาจับที่ข้อมือของมีนา มีนาชะงักหยุดการจู่โจมนั้น ก่อนผะริมฝีปากออกช้าๆจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ได้ค่ะ..คุณมีน...” กัญญาเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อไปจนถึงใบหู มีนามีแววตาที่ผิดหวังเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามอีกฝ่ายว่า
“ทำไมล่ะคะ” มีนาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่ได้ค่ะ..ชั้นหมายถึง ทำตรงนี้ไม่ได้..” กัญญาเอ่ยพรางอมยิ้มเบาๆ มีนาฉีกยิ้มหน้าบานให้กับมุขของอีกฝ่ายในทันที
---------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันต่อมา
วุฒิชัย สินี และมีนา นั่งทานข้าวเช้ากันตามประสาพ่อแม่ลูกเฉกเช่นทุกวัน ก่อนที่สินีจะรู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อยที่ลูกสาวคนสวยของเธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทั้งยังเอาแต่อมยิ้มและจ้องมองไปที่ใบหน้าของกัญญา ที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยเพราะเก็บอาการได้ดีกว่า อยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่มีนาเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกผู้เป็นแม่จ้องมองพฤติกรรมเธอจึงรีบหุบยิ้มในทันที ก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สักพักสินีจึงละความสนใจจากมีนาหันไปพูดกับวุฒิชัยว่า
“ครั้งนี้ไปกี่วันค่ะ...” สินีเอ่ย วุฒิชัยเอาผ้าขึ้นเซ็ดปากสักพักจึงตอบว่า
“เหมือนเดิมแหละ...3-4 วันมั้ง” วุฒิชัยเอ่ย ด้วยความที่เค้าเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่การที่จะต้องออกจากบ้านไปค้างประชุมครม.ที่อื่นจึงดูเป็นเรื่องปกติ สำหรับครอบครัวนี้ไปเสียแล้ว สิ้นสุดการสนทนาที่ตรงนั้น สินีไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อวุฒิชัย แต่เธอกับหันมาให้ความสนใจที่ลูกสาวคนสวยของเธอแทนพรางจ้องมองใบหน้าของมีนาอยู่อย่างนั้น
----------------------------------------------------------------------------------
โรงเรียนสตรี
มีนานั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว เธอกำลังนึกถึงใบหน้าอันอบอุ่นของกัญญาและสัมผัสที่แสนจะเร้าร้อน ก่อนที่เพื่อนคนหนึ่งของเธอจะเข้ามาทะลายฝันหวานนั่นด้วยเสียงอันดัง
“ฮั่นแน่!!!!! ยิ้มไรอยู่คนเดียวว่ะ..” เพื่อนคนนั่นเดินเข้ามาพรางตบที่ไหล่ของมีนาโดยแรง
“โอ๊ย!!!! ตกใจหมดพวกมึงนี้เนอะ...” มีนาเอ่ยตะคอกเพื่อน ก่อนที่เพื่อนอีกคนจะชี้ให้มีนาดูอะไรบางอย่าง
“มีน...มึงดูนั่นสิ ใช่คนชื่อแจนที่มึงเข้าไปจิกหัวตบวันนั้นเปล่าว่ะ ทำไมถึงชอบมาวนเวียนเดินอมยิ้มร่ำรี่ร่ำไรอยู่แต่กับมึงว่ะมีน รึว่ามันจะชอบมึง” เพื่อนสาวเอ่ยอย่างสงสัย มีนามองตามนิ้วมือของเพื่อนสาวออกไปก็เห็นแจนนั่งจ้องเธอพรางแสยะยิ้มให้อยู่ไกลๆ
“โอ๊ย!!! ไม่ใช่หรอก!!!.” มีนาเอ่ยบอกปัดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ พรางคิดไปว่าเมื่อไรยัยผู้หญิงคนนี้จะเลิกตามยี่ยวนกวนประสาทเธอสักที
“เอ้ย...ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย กูพูดเล่นเว้ย..” เพื่อนสาวเอ่ย ก่อนที่จะพูดจ่อไปว่า
“เออมีนวันนี้แหม่งไปเที่ยวกันป่ะว่ะ ไม่ได้ไปนานละนะเว้ย...ไม่ต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดไปที่คอนโดกูเลย ดีม่ะ” เพื่อนสาวเอ่ยเสนอ
“ใช่ๆๆ กูก็อยากไป ไม่ได้ไปนานแล้วอะ อีกอย่างช่วงนี้พ่อมึงไม่อยู่บ้านไม่ใช่เหรอว่ะ มึงโทรไปขอแม่มึงดิ ขอดีๆเค้าคงให้มึงไปแหละ..” เพื่อนอีกคนเอ่ย มีนานั่งทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนพยักหน้างึกๆเป็นอันตกลง
“โอเค..ดีมากมึง ใกล้เลิกเรียนล่ะ..เดียวไปคอนโดกูกันเลยนะ” เพื่อนสาวของมีนาเอ่ยด้วยความดีใจ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงเมโรดี้โทรศัพท์ดังขึ้น มือเรียวยาวของสินีเอื้อมไปหยิบแล้วกดรับในทันที
“ว่าไงยัยมีน...สามสี่ทุ่มแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน...” สินีเอ่ยบ่นกับปลายสายเล็กน้อย
“เออ..หนูอยู่ที่คอนโดเพื่อนค่ะ กำลังจะไปเที่ยว ถ้าแม่ไม่ว่าอะไรหนูขอไปนะคะ....” ปลายเสียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น มีนาเองก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าสินีอาจจะไม่ให้เธอไป สินีเงียบคิดอยู่สักครู่ สายตาหันไปมองร่างของกัญญาที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูตัวเดียวกำลังบีบนวดที่ต้นขาของเธออยู่ แล้วรี่ตาลงเล็กน้อย
“ก็แล้วแต่แกละกัน..ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” สินีเอ่ยกับปลายสายพรางแสยะยิ้มที่มุมปาก ในขนาดที่สายตายังคงจ้องที่เรือนร่างของกัญญา กัญญาเองก็ยิ้มกลับให้เธอเบาๆเหมือนกัน มีนาประหลาดใจอย่างผิดคาดที่แม่ของเธออนุญาตให้เธอไปเที่ยวได้โดยง่าย ก่อนที่เธอจะกดวางสายไป
สินีกดวางสายจากลูกสาวคนสวย ก่อนค่อยๆเลื่อนโทรศัพท์ลงช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยของกัญญา ก่อนพูดว่า
“ดีเหมือนกัน..จะได้ทำอะไรๆได้สะดวกขึ้นอีกสักหน่อย...” กัญญาอมยิ้มให้กลับคำพูดของสินีพรางคิดไปว่า คืนนี้เธอคงต้องเจอศึกหนักอีกแน่แล้ว จากความกลัดมันของสินีที่พักนี้ไม่ได้เคยร่วมหลับนอนกับเธอมานานพอสมควร
-----------------------------------------------------------------------------------------
ผับแห่งหนึ่ง
“อ้าวชน..แก้ว...” เพื่อนสาวของมีนาเอ่ยขึ้นพรางยกแก้วขึ้นชู มีนายกแก้วขึ้นไปชนกับเพื่อนของเธอ ก่อนที่ดื่มเครื่องดื่มในแก้วไปนิดหน่อย แท้จริงแล้วเธอไม่ได้อยากที่จะมาเที่ยวเลยสักนิด แต่ทนอาการเล้าหรือของเพื่อนสาวไม่ได้ มีนานั่งกอดอกเซงๆอยู่ที่โซฟา ก่อนที่จะก้มมองลงไปดูนาฬิกา นี่พึ่งจะห้าทุ่มเองเธอยังรู้สึกเบื่อหน่ายได้ขนาดนี้ เห็นทีว่าวันนี้คงจะไม่มีความสุขและสนุกกับการมาเที่ยวอย่างที่เธอคิดเสียแล้ว
“เอ้ย!!! เดี๋ยวกูกลับแล้วนะมึง แหม่งเบื่อว่ะ...” มีนาเอ่ยบอกเพื่อนสาว
“อ้าว ทำไมรีบกลับเพลงกำลังมันเลย เป็นไรไปว่ะ..” เพื่อนสาวคนหนึ่งของมีนาเอ่ยถาม
“เบื่อๆเซงๆไงไม่รู้อะ กูกลับก่อนล่ะ แหม่งง่วงนอนด้วยว่ะ” มีนาเอ่ยอย่างเซงๆด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“เออๆๆ แล้วแต่มึง กลับบ้านดีๆละ พรุ่งนี้เจอกันเว้ย..” เพื่อนสาวอีกคนเอ่ยบอก
“อืมๆๆ งั้นกูกลับก่อนนะ...” มีนาเอ่ยบอกลาเพื่อน ก่อนที่จะลุกออกโซฟาไปในทันที
----------------------------------------------------------------------------------
มีนาเดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย หลังจากที่สาวใช้มาเปิดประตูให้เธอ ทุกคนก็กลับห้องนอนของตัวเองกันหมด ทำให้บ้านดูเงียบสงัดผิดหูผิดตา เธอยืนอยู่ที่ห้องโถงชั้นล่างอยู่สักพัก พรางมองขึ้นไปบนบันไดเป้าหมายที่จะนำไปสู่ห้องของเธอ แต่เธอกลับไม่ได้เดินตรงขึ้นบันไดไป มีนาเดินเลาะไปตามทางเดินที่คุ้นเคยเธออมยิ้มเบาๆให้กลับตัวเอง เธอกำลังตรงไปหาคนหนึ่งที่พักนี้เธอเอาแต่คิดถึงตลอดเวลา มีนาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของกัญญา ด้วยความเงียบสงัดจากผู้คนที่หลับใหลกันไปหมด กลับมีเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากบานประตู รอยยิ้มที่มีค่อยๆลบเลือนหายไป มีนาหายใจหอบหัวใจเต้นแรงจนผิดจังหวะ ไม่ใช่ใช่ไหม เธอได้คิดปลอบใจตัวเอง
“อ้า...ซีดดดด โอ๊ยย ซีดด โอ๊ยยยย อ้า อือ อ้า ซีดดด เสียวมากเลยการต์...” เสียงร้องครางจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอจำได้ดีว่าคือใคร ดังลอดออกมาเบาๆจากประตูห้องของกัญญา คนที่เธอต้องใจจะมาหาแต่ถูกกลับอีกฝ่ายซึ่งเป็นแม่ของเธอแย่งชิงออมกอดนั่นไปเสียแล้ว มีนาค่อยๆทรุดตัวลงข้างๆประตู ใบหน้าและดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอใช้กำปั้นทุบที่หน้าอกของตัวเอง มันอึดอัด มันแน่นในหัวใจ จนพูดและเปร่งเสียงอะไรออกไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธเคืองคนทั้งคู่ แต่สุดท้ายแล้วใครจะยอมรับทำใจได้กับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ตรงหน้านี่เล่า
“ชั้นรักเธอ...การต์ อ้า ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงสินีพร่ำบอกรักกัญญาดังลอดออกมาในขนาดที่เธอกำลังครวณคราง น้ำตาเม็ดใสๆจากดวงตาของมีนาสุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ มันไหลออกมาโดยที่เธอไม่อยากจะให้ไหล เธอไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลย เธอไม่ชอบเอามากๆ
“ชั้นก็รักคุณนะ คุณการต์...” มีนาเปล่งเสียงออกมาเบาๆ พรางสะอึกสะอื้นอยู่ในลำคอ จะทำอย่างไงดี ในเมื่อบอกให้ขามันก้าวออกไปจากตรงนี้ ให้พ้นไปซะ แต่ร่างกายกลับไม่รับรู้คำสั่งจากสมองเอาเสียเลย เออดี ให้มันเจ็บอยู่ตรงนี้นั้นแหละ เจ็บมันให้ตายไปเลย เธอได้บ่นตัดพ้อตัวเองอยู่ในใจ
------------------------------------------------------------------------------------
ไม่นะใครจะทน ถามจริ๊งจริ๊ง ร้องครวณครางซะขนาดนั้น ใครๆก็รู้ว่าคุณการต์น่ะ อภิมหาความแซ่บขนาดไหน แค่จินตนาการว่าอีกฝ่ายไปโจ๊ะพรึมๆกับคนอื่น ก็เห็นภาพบาดตาบาดใจซะลึกซึ้งเชียวล่ะ โอ๊ย...บีบหัวใจค่ะ อกอีแป้นจะแตก ฮืออๆๆๆ
แต่งเองก็เพ้อเองกันไป...