"หม่อม! ชายว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับ"
"ปีนี้ชายใหญ่ไม่มาหาหม่อม แล้วชายเล็กก็จะทิ้งให้หม่อมเหงาอยู่บ้านคนเดียวเหรอคะ"
"ก็พอชายจะพาหม่อมไปหาพี่หม่อมก็ไม่ยอม แล้วก็มาบ่นเหงา"
บทสนทนาตามประสาชาววังโต้ตอบกันไปมาระหว่างหม่อมแม่และลูกชายคนเล็กของตระกูลที่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะซุปเปอร์ที่มึนตึงมาเป็นเวลาสองวันได้ เขากำลังต่อต้านและอีกฝ่ายที่เขากำลังต่อต้านไม่ได้แยแสกับความมึนตึงของเขาเลยสักนิด
"แค่อยู่กับหม่อมทำไมชายเล็กต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงล่ะลูก"
"อรัณมันโกรธชายแล้ว"
“แต่ชายไม่ได้สนใจความรู้สึกหม่อมเลยใช่ไหม นี่แม่นะลูก”
เข็มร้อยมาลัยที่ประดับไปด้วยดอกพุดสีขาวสะอาดสลับกับกลีบกุหลาบสีสดถูกวางลงบนพานทองเบื้องหน้า ผู้หญิงวัยกลางคนมองลูกชายของเธออย่างตัดพ้อ กับแค่กักตัวไว้ให้อยู่ด้วยกันทำเหมือนอย่างกับคนเป็นแม่จะขังไว้เชือด ลูกชายตัวดีมันน่านัก
“หม่อมไม่ต้องมาเล่นลิเกใส่ชายเลย”
“เอ๊ะ! เจ้าลูกคนนี้นี่!”
หม่อมชื่นถึงกับลืมสำรวมกิริยาไปชั่วขณะเพราะคำพูดขวานผ่าซากของลูกชายเธอ ทั้งที่เธอพยายามแสดงบทบาทน้อยใจลูกชายหัวดื้ออย่างสุดความสามารถแล้วแทนที่จะสำนึกผิดแต่เจ้าตัวกลับประเมินว่าเป็นการแสดงลิเกตบตาไปได้
“นะหม่อมนะ ชายอยากไปเที่ยวกับเพื่อน”
"ชวนหนูรัณมาเที่ยวบ้านเราสิ"
"เหอะ ถ้ามันมาก็ไม่ใช่อรัณแล้วครับ หม่อมน่ะใจร้าย"
“ตาชายเล็ก!”
ชายหนุ่มท้อใจที่จะต่อร้อต่อเถียงกับผู้ให้กำเนิด เขาปลีกตัวออกไปหาที่คุยโทรศัพท์กับอรัณ สองวันมานี้ที่เขาไม่ได้ติดต่อหญิงสาวกลับไปเพราะเขาคิดว่าอรัณคงไม่ยอมคุยด้วยแน่ๆ ซุปเปอร์อยู่ไม่สุขตั้งแต่วันที่ฮ่องเต้โทรมาบอกอาการของอรัณหลังจากที่รู้ว่าทริปเที่ยวของพวกเขาในปีนี้ล่มไม่เป็นท่า ซึ่งเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันล่ม แม้จะพยายามไกล่เกลี่ยกับมารดาผู้ให้กำเนิดแล้วก็ตาม แต่มันดูจะไม่ได้ผลเลย
"อรัณ เป็นไงบ้าง"
//ยังไม่ตาย// ปลายสายตอบกลับเสียงเรียบ
"มึงโกรธกูไหม"
//ไม่นี่ ดีซะอีก กูเบื่อมึงจะตาย//
"แต่กูคิดถึงมึงจะแย่ เอางี้ มาค้างบ้านกูมั้ย ถ้าไม่ได้ไปไหน" ซุปเปอร์เสนอ
//ให้ไปอยู่บ้านมึงกูยอมขังตัวเองไว้ในบ้านดีกว่าว่ะชายเปอร์//
อรัณพูดอย่างขยาด หลายครั้งต่อหลายครั้งเมื่อมีโอกาสได้เหยียบย่างเท้าเข้าบ้านของซุปเปอร์ไม่พ้นต้องเป็นกุลสตรีไทย เธอโดนจับเรียนทำขนมและร้อยมาลัย เพราะหม่อมชื่นผู้เป็นแม่ของซุปเปอร์นั้นรักในความเป็นไทยเข้าสายเลือด ด้วยความที่ตระกูลของซุปเปอร์เป็นเชื้อสายสาวชาววังมาก่อนด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างซุปเปอร์ที่แตกเหล่าแตกกอออกมา ไม่ได้มีความคุณชายได้พี่และแม่แม้แต่น้อย
"กูจะปกป้องมึงจากหม่อมชื่นเอง"
//มึงเคยต่อรองกับหม่อมได้ด้วยเหรอไอ้ชายเปอร์// อรัณหัวเราะ
"กูรู้สึกผิดแทบตายแล้วนะ"
//กูไม่ได้โกรธจริงๆ เป็นกูที่รู้สึกผิดเอง//
"ทำไมวะ เกิดอะไรขึ้น"
ชายหนุ่มถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นปกติอรัณก็คงโวยวายไปยกใหญ่ แต่ครั้งนี้มันผิดคาดที่หญิงสาวนิ่งเกินเหตุ
//ที่เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน กูคิดว่าเป็นเพราะป๊ากูว่ะ//
"ทำไมคิดแบบนั้น"
//แม่ของเพลิงจะให้กูไปเที่ยวกับลูกชายเขา แต่กูปฏิเสธไปบอกว่าต้องไปเที่ยวกับพวกมึง ป๊าก็อยู่ด้วย สาเหตุน่าจะมาจากนี่//
"ได้ยังไง! พวกเรานัดกันก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ ขี้โกงว่ะ งั้นก็หมายความป๊ามึงติดต่อมาหาหม่อมให้กักตัวกูไว้ใช่ไหม"
//ใจเย็นน่า แล้วมึงล่ะ ได้ข่าวทะเลาะกับหม่อม//
อรัณปรามคนใจร้อนที่พ่นคำพูดใส่เธอยาวเป็นขบวน หลายวันมานี้อรัณก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับใครเหมือนกัน ถึงชีวิตจะเงียบไปบ้างแต่ยังไงความวุ่นวายก็ยังคงวนเวียนอยู่ตลอดเมื่อเพลิงกลับมา ยังดีที่ช่วงนี้งานถ่ายแบบของเพลิงเข้ามาไม่ขาดสายจึงทำให้อรัณปวดหัวน้อยลงบ้าง และตอนนี้เธอก็ทำได้แค่รับฟังคำบ่นอุบอิบของเพื่อนแทนคำขอโทษ
"อะไรไม่รู้ ชอบตัดพ้อกูจังเลย คิดว่ากูดูไม่ออกรึไง แสดงไม่เนียนต้องไปเรียนมาใหม่"
//มึงก็ตามน้ำไปแล้วกัน ยังไงก็แม่มึง//
"แล้วมึงไปกี่วันล่ะ จะกลับมาเมื่อไหร่"
//กูไม่ได้รับปากว่าจะไป ยิ่งเขาทำแบบนี้กูยิ่งไม่อยากไป//
“รัณ อย่าใจร้ายกับพี่เขาไปนักเลย ยังไงพวกเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วมึงก็ไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้ จะได้ไม่เหงา” ซุปเปอร์พยายามโน้มน้าวใจอรัณ
//แค่นี้ถึงกับเป็นคนใจร้ายเลยเหรอ// อีกฝ่ายแย้งกลับมา
“กูเป็นพี่เขาก็คงเสียความรู้สึกแย่”
ที่พูดออกไปนั้นเป็นเรื่องจริง ถ้าหากเปรียบให้เขาเป็นเพลิงที่โดนอรัณเย็นชาใส่ขนาดนี้เขาก็คงน้อยใจแย่ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เพลิงรู้เหลือเกินว่าการได้ครองหัวใจอรัณนั้นมันคุ้มกับค่าเหนื่อยแน่นอน แต่การจะได้มาซึ่งหัวใจของอรัณมันไม่ง่ายเลย แต่ทำไมซุปเปอร์ถึงมั่นใจว่าเพลิงจะทำได้ก็ไม่รู้
//....//
“มึงไปเที่ยวกับพี่เพลิงได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นกูไม่ยอมแน่"
//ทำไมเป็นเพลิงถึงยอม// อรัณถามอย่างข้องใจ
"ก็...ก็เขาเป็นคู่หมั้นมึง"
//มึงชอบเพลิงเหรอ//
ซุปเปอร์ถึงกับผงะเมื่อได้ยินสิ่งที่อรัณพูดออกมา ถ้าไม่คิดก็คงไม่พูดนั่นมันหมายถึงอรัณกำลังคิดไปไกลเกินความจริงเขาจึงต้องรีบแก้ความเข้าใจของอรัณใหม่
"เห้ย! บ้ารึเปล่า กูก็แค่รู้สึกโอเคกับพี่เขา แบบว่ามันรู้สึกได้ว่าเขาจริงใจกับมึง"
//คิดไปเอง//
"จริงๆนะรัณ มึงลองเปิดใจบ้างก็ได้ มึงก็ลืมเตยหอมได้แล้วนี่"
//.....//
อรัณถึงกับไปไม่ถูกเมื่อเพื่อนขุดเอาชื่อของคนรักในอดีตขึ้นมาพ่นใส่เธออีกครั้ง
"ตอนนี้ไม่รักเพราะมึงไม่ยอมเปิดใจ แต่ถ้ามึงได้ลองกูเชื่อว่าติดใจแน่นอน"
//มึงไม่ว่ามันแปลกเหรอ//
"ไม่นี่ ก็แค่คนสองคนรักกัน"
อรัณตั้งใจจะกลับบ้านไปหาป้าอิ่ม เพราะเธอทนกับความน่าเบื่อไม่ไหวเมื่อเพลิงต้องออกไปทำงาน แต่เมื่อถึงโรงจอดรถของโรงแรมก็ต้องชะงักเท้าให้หยุดเดิน เมื่อเธอเห็นเพลิงกำลังถูกคนที่ครองสถานะแฟนเก่าพยายามยื้อแขนเรียวไว้ อรัณเห็นและเข้าใจว่าเพลิงขัดขืนไม่สมยอม แต่อีกคนที่เป็นฝ่ายยื้อก็ไม่ยอมท่าเดียว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะดึงร่างของเพลิงเข้ากอดก็ทำให้อรัณอยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
“คนเขาไม่เต็มใจก็ยังจะฝืนเนอะคนเรา”
“รัณ! มันไม่ใช่อย่างที่รัณคิดนะ” เพลิง
น้ำเสียงคุ้นหูเรียกให้คนทั้งคู่ที่กำลังยื้อยุดกันอยู่หันไปสนใจ ยิ่งเห็นว่าอรัณกำลังมองมาทางพวกเขาทั้งสองคนเพลิงยิ่งร้อนรนออกแรงสะบัดตัวให้พ้นจากการพันธนาการของบอส
ทุกครั้งที่บอสและอรัณมาเผชิญหน้ากันโดยมีเขาเป็นตัวกลางมันน่าอึดอัดใจและรู้สึกแย่สิ้นดี ถ้าเขารู้มาก่อนหน้านี้ว่าบอสจะมาดักรอเขาคงจะลากฮันเตอร์มาส่งแน่ๆ อ้อมกอดอุ่นยอมคลายออกแต่โดยดีแต่เปลี่ยนไปเป็นการคว้าข้อมือเขาไว้แทน
“บอสปล่อยพี่”
“แต่เรายังคุยกันไม่จบ”
“พี่ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ปล่อยเถอะนะ”
แม้สายตาที่ใช้มองคนทั้งคู่จะเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับเริ่มร้อนระอุ มือหนาที่พันธนาการข้อมือของเพลิงนั้นมันกำลังปั่นอารมณ์ร้อนของอรัณให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเจ้าของข้อมือพยายามบิดข้อมือตัวเองจากอีกคนมันยิ่งทำให้ผิวขาวขึ้นรอยแดงเป็นปื้น
อรัณเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่โดยไม่พูดอะไร เธอหยุดอยู่เบื้องหน้าเพลิง ฝ่ามือเรียวหงายขึ้นและยื่นไปหาเพลิง ไม่ต้องพูดอะไรออกมาชายหนุ่มก็รู้ความโดยทันที มืออีกข้างที่เป็นอิสระเอื้อมมาจับมืออรัณไว้อย่างไม่ลังเล สายตาของทั้งคู่ประสานกันไม่วางตา
ความเงียบเข้าปกคลุมรอบบริเวณ หากใครได้ผ่านมาเห็นคงข้องใจกันเหตุการณ์นี้ไม่น้อย คนสามคนกำลังยืนจับมือต่อกันเป็นทอดๆโดยมีเพลิงเป็นคนกลางเหมือนกำลังเล่นเกมส์กันอยู่
“ไปกินข้าวที่บ้านกัน”
“อื้ม”
อรัณไม่ได้ออกแรงยื้อเพลิงมาจากบอส เธอแค่จับมือของคู่หมั้นไว้แล้วพาเดินออกมา นับว่าบอสฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรรั้งเพลิงไว้อีกต่อไป มือเขาต้องปล่อยทั้งที่ใจไม่ยอมปล่อย ที่ไม่รั้งเพราะรู้ว่าเพลิงเต็มใจที่จะเดินไปกับอรัณไม่ได้ขัดขืนเหมือนที่เขาต้องยื้อไว้ เขาได้แต่มองคนทั้งคู่จับมือกันแล้วเดินจากไปอย่างเจ็บปวด โดยที่คนทั้งสองไม่ได้หันกลับมาสนใจเขาอีกเลย
"ผมไม่ยอมปล่อยพี่ไปง่ายๆหรอก...เพลิง"
ตั้งแต่เดินจับมือคู่อรัณมาจนขึ้นมานั่งในรถก็ยังไม่มีใครเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมา
"พี่ไม่ได้มากับบอสนะรัณ"
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่"
"พี่กลัวรัณเข้าใจผิด"
"ทำไมมันยังตามรังควานไม่เลิก"
น้ำเสียงเรียบๆโทนเดิมถามอย่างไม่ใส่ใจ ต่างจากเพลิงที่ตอบอย่างร้อนรนราวกับคนมีชนักติดหลัง ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดมา แต่เพราะเขาไม่รู้ใจของอรัณว่ากำลังคิดอะไรอยู่และถ้าหากไม่รีบแก้ต่างให้ตัวเองแล้วปล่อยให้อรัณคิดไปเองมันก็เท่ากับว่าเขากำลังทำลายโอกาสของตัวเองไปอย่างไม่รู้ตัว
"ไม่รู้...แต่พี่ไม่ได้อะไรกับเขาแล้วนะ"
"ข้อมือเป็นไงบ้าง"
"แดงนิดหน่อยแต่ไม่เจ็บ"
"น่าเบื่อจริง"
เพลิงก้มหน้างุด ดวงตาสะท้อนความอ่อนไหวออกมา ชายหนุ่มเข้าใจไปว่าอรัณกำลังหมายถึงเพลิงทำตัวน่าเบื่อ แต่ในความหมายของคนที่พูดมันออกมานั้น ความน่าเบื่อก็คือแฟนเก่าของเพลิงที่คอยมากวนใจไม่เลิก ถ้าหากว่าเพลิงคลายความกังวลของตัวเองลงสักนิด เขาอาจจะรู้ว่าคำพูดของอรัณมันเริ่มมีความใส่ใจในตัวเองเขามากขึ้นแล้ว
"ปกติแต่งตัวแบบนี้รึไง"
"ไม่สวยเหรอ"
สายตาคมไล่มองตั้งแต่ส่วนเนื้อของขาอ่อนที่กางเกงยีนส์แฟชั่นขาดเป็นริ้วๆบางจุดไม่ได้ปกปิด และสายตามักจะหยุดมองผิวเนื้อที่ไม่ได้ถูกเนื้อผ้าปิดนานกว่าส่วนอื่นๆและไล่มองไปถึงไหปลาร้าที่คอเสื้อกว้างๆเผยโชว์สายตา เพลิงเริ่มร้อนวูบวาบที่ใบหน้าเพราะสายตาของอรัณ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองเพื่อหาคำตอบให้คำถามของเขาหรือมองเพราะจุดประสงค์อะไร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีต่อใจเขาไม่น้อย
"ไม่สวย"
พูดจบอรัณก็ดับเครื่องยนต์รถแล้วลงจากรถเดินนำเข้าบ้านไปทันที แม้จะไม่ได้รับคำชมที่น่าพอใจและเขาก็ไม่ได้หวังอยู่แล้ว แต่จากสายตาของหญิงสาวเมื่อครู่ก็พอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าอรัณพอใจกับสิ่งที่มองไม่น้อย
การกลับมากินข้าวที่บ้านในวันนี้ผิดความคาดหมายไปเล็กน้อยเมื่อคนที่บ้านแจ้งมาว่าตุลการณ์ติดธุระและคงจะกลับดึก สุดท้ายก็กลายเป็นว่ามีแค่เพลิงกับอรัณที่ร่วมกินข้าวกันสองคน พอกินอิ่มเพลิงก็หายเงียบไปไหนไม่รู้แต่อรัณก็ไม่ได้สนใจ เธอนั่งดูโทรทัศน์รอผู้เป็นพ่อกลับมา เพราะเธอมีเรื่องที่ต้องการจะคุยด้วย
แต่จนแล้วจนรอดตุลการณ์ก็ยังไม่กลับมาและเพลิงก็หายเงียบไปนาน อรัณละความสนใจจากทีวีจอยักษ์ที่มีแต่รายการน่าเบื่อแล้วเดินตรงไปยังบันไดของบ้าน เมื่อประตูห้องนอนของตัวเองเปิดออกอุณหภูมิเย็นฉ่ำปะทะผิวกายก็ทำเอาอรัณขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่ามันเป็นฝีมือใคร จากที่ตั้งใจจะปะทะฝีปากกับคนที่ทำตัวเป็นเจ้าของห้องเธอก็ต้องพับเก็บไป เมื่อเห็นเพลิงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนสีเข้มของเธอ
อรัณยืนมองร่างของเพลิงที่หลับอยู่บนเตียงเงียบๆ เธอไม่ต้องการปลุกคนที่กำลังหลับสบายขึ้นมาเพราะเข้าใจว่าช่วงนี้เพลิงดูเพลียกับงานมากเกินไป ร่างโปร่งหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศขึ้นมาปรับอุณหภูมิห้องให้เป็นปกติ เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้เพลิงลวกๆแล้วเดินออกจากห้องไป
“ได้ข่าวว่ามารอเจอป๊า”
ร่างสูงอยู่ในชุดภูมิฐานนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้เอ่ยทักลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“งานหนักเหรอคะ
“กินข้าวรึยังครับ”
“หน้าตาดูเพลียๆนะคะ”
คำถามและคำตอบที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างพ่อลูกเป็นไปอย่างไม่มีใครยอมใคร และแน่นอนว่าไม่ใครได้คำตอบให้กับคำถามของตัวเอง ทุกทีที่เกมนี้เริ่มขึ้นมาผู้แพ้มักจะเป็นตุลการณ์อยู่ร่ำไป
“หึๆป๊ายอมก็ได้ แล้วไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วเหรอครับ" ใบหน้าหล่อหันไปเลิกคิ้วเข้มใส่อีกคน
"ป๊ารู้ดีแล้วแล้วจะถามทำไม"
"จะมาโวยวายรึเปล่าเนี่ย"
ตุลการณ์ยิ้มกว้างพร้อมยกมือหนาขึ้นมายีผมนุ่มของอรัณอย่างหยอกล้อ
"ไม่ล่ะ ปลงมาแล้ว"
"กับพี่เพลิงเป็นยังไงบ้างลูก" ตุลการณ์เอ่ยปากถาม
"ก็เฉยๆนะ ไม่มีอะไรนี่"
"ถึงตอนนี้จะไม่รัก แต่ยังไงก็อย่าลืมให้เกียรติพี่เขานะลูก ถึงใจรัณจะยังไม่ได้มีเขา แต่ลูกก็ยังมีพันธะอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายอยู่นะครับ"
"ป๊าพูดเหมือนรัณร้าย"
"หรือไม่จริงล่ะครับ ป๊ารู้ว่ารัณมีคนเข้าหามากหน้าหลายตา แต่ลูกก็ต้องนึกถึงใจพี่เพลิงเขาบ้างนะ"
"เพลิงจะไปคิดอะไรล่ะ"
"ลูกจะไปรู้ใจเขาดีกว่าเจ้าตัวเขาได้ยังไง"
"ไม่รู้ล่ะ ไปหาป้าอิ่มดีกว่า หวังว่าคุณหญิงจะพอใจ"
ตุลการณ์มองตามแผ่นหลังบางที่ออกห่างไปเรื่อยๆ เขายิ้มบางๆให้กับเจ้าของแผ่นหลังนั้นอย่างมีความนัย อรัณไม่ได้ไปหาป้าอิ่มตามที่พูด เธอเพียงออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าน ปล่อยให้สายลมเย็นพัดพาความคิดวุ่นวายออกไปจากหัว
และเช้านี้ก็เป็นอีกครั้งที่อรัณคลาดเวลากับตุลการณ์ ไม่รู้ว่าช่วงนี้งานจะยุ่งอะไรนักหนาจนไม่มีเวลาให้คนเป็นลูกอย่างเธอบ้างเลย แค่กินข้าวด้วยกันยังไม่มีเวลา ระหว่างนั่งรอมื้อเช้า อรัณก็ได้บอกให้แม่บ้านขึ้นไปปลุกเพลิงบนห้องนอนแล้ว และก็อย่างที่เห็นคือเพลิงในสภาพหัวฟูยุ่งเหยิงวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาเธอ
"รัณ ขอโทษนะเมื่อคืนพี่เผลอหลับไปบนเตียงรัณ"
"อืม"
"แล้ว...เมื่อคืนรัณไม่ได้มานอนที่ห้องเหรอ"
"นอนสิ แต่เห็นมึงนอนแผ่อยู่บนเตียงกูก็เลยนอนพื้น"
อรัณโกหก เธอได้นอนแต่ไม่ใช่ที่พื้น อรัณไม่ได้ตั้งใจจะปลุกเพลิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เธอตัดสินใจเปิดห้องนอนของผู้เป็นแม่อีกครั้งแล้วยึดครองห้องนั้นเป็นที่ซุกหัวนอน ที่บอกเพลิงไปแบบนั้นก็เพราะเห็นหน้าตื่นๆของอีกคนแล้วมันน่าแกล้งเหลือเกิน
"จริงเหรอ!!!"
"เสียงดัง" อรัณดุเบาๆ
"ปวดหลังมั้ย ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ ขอโทษนะ"
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดมองอรัณไม่วางตา จนป้าอิ่มเดินถือถาดข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยเข้ามา ทำเอาคนทั้งคู่หันไปให้ความในใจ
“คุณหนูก็ไปแกล้งคุณเพลิงเธอ ดูสิเดี๋ยวก็ได้ร้องห่มร้องไห้กันพอดี” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยดุอรัณเบาๆ
"เชื่อเหรอ" อรัณยกมุมปากให้เพลิง
"อ่าว หลอกพี่เหรอ"
หญิงสาวไม่ได้ตอบ เธออมยิ้มขำกับตัวเองไม่ให้เพลิงได้รู้แล้วรีบซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งดังเดิม
"เดี๋ยวกินข้าวแล้วไปเก็บของที่คอนโด"
"เก็บทำไมเหรอ"
"ไปเที่ยว"
อรัณพูดอยู่กับเพลิงก็จริง เธอดูเหมือนเธอจะให้ความสนใจกับข้าวต้มในถ้วยมากกว่าคู่สนทนาซะอีก มีแต่เพลิงที่สนใจทุกๆการกระทำของอรัณ
"หมายถึง..ให้พี่เก็บของให้รัณเหรอ"
"คิดว่ามึงจะไปด้วยซะอีก"
"คือ...เราสองคนไปเที่ยวกันเหรอ"
ริมฝีปากหนาเม้มแน่นเพื่อไม่ให้รอยยิ้มกว้างหลุดออกมา ป้าอิ่มและแม่บ้านอีกสองคนอมยิ้มมองคนทั้งคู่คุยกันอย่างระวัง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคุณหนูที่เลี้ยงมาตั้งแต่มือเท้าแดงเป็นคนยังไง และยามเขินอายมีอาการยังไง แน่นอนว่าอรัณกำลังตกอยู่ในอาการนั้น
"ไม่ใช่มั้ง"
"เก็บของก่อนน๊า~"
อรัณไม่ตอบ เธอเพียงเดินไปนั่งโซฟาแล้วเปิดทีวีดู เพลิงเดินฮัมเพลิงเข้าไปในห้องนอนเพื่อเตรียมของต่างๆที่สำคัญอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่อรัณบอกว่าจะไปเที่ยวด้วยกันจนถึงตอนนี้ริมฝีปากก็ยังระบายยิ้มไม่จาง และหัวใจในอกก็ยังพองโตไม่เลิก เพลิงละมือจากการเลือกแว่นกันแดดในกล่องไปคว้าโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาผู้จัดการหนุ่ม เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ยังเหลืองงานถ่ายแบบอยู่อีกหนึ่งชุด
"ฮันฮันจ๋า พรุ่งนี้น้องเพลิงไม่ไปถ่ายงานแล้วนะ cancel ไปเลย"
//เห้ย แบบนี้ก็โดนด่าเละเลยดิ// ปลายสายตะโกนตอบกลับมาอย่างไม่ต้องคิด
"เดี๋ยวน้องโอนเงินไปชดใช้ให้เอง จัดการให้ด้วยนะ"
//มีอะไรรึเปล่า ทำไมพูดจากระแดะ//
เพลิงกลอกตาขึ้นมองบนเมื่อคำบรรยายของคนเป็นเพื่อนมันรุนแรงกับใจเกินไป กับแค่คนอารมณ์ดีแล้วพูดเพราะมันมีอะไรน่าแปลกใจนักหนา
"ลำไย พรุ่งนี้น้องจะไปฮันนีมูนกับผัว จะไปมีความสุขและขึ้นสวรรค์กับอรัณ"
//พูดเหมือนจะไปเสียตัว//
"สาธุ"
//ไม่หรอก อรัณไม่น่าจะเอามึงทำเมีย// ฮันเตอร์พูดดักมโนเพลิง
"เกลียดหล่อนจริงๆเลย ไม่พูดด้วยเล่า จัดการให้ด้วยแล้วกัน"
//รับทราบแล้วครับคุณเพลิง//
"ย่ะ!"
"เสร็จรึยัง เดี๋ยวจะจัดต่อบ้าง"
เป็นพอดีกับที่วางสายฮันเตอร์ไป อรัณเดินหน้ามึนเข้ามาในห้องนอนแล้วมองข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆตัวเพลิง
"เหลืออีกนิดหน่อย ให้พี่ช่วยรัณจัดไหม"
"ไม่ต้อง ไปอาบน้ำเลย อาบช้าเดี๋ยวได้นอนดึก พรุ่งนี้จะออกเดินทางเข้า"
"รับทราบค่ะ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ"
อรัณมองตามหลังเพลิงที่เดินอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป เธอจึงหันมาจัดการกับตัวเองบ้าง ข้างๆกระเป๋าของเพลิงมีกระเป๋าเดินทางเปล่าที่เปิดอ้าอยู่ อรัณพอใจกับความใส่ใจนี้แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย
จัดของไปจนเกือบเสร็จ อรัณก็ได้ยินเสียงปาข้าวของตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแสบหูของเพลิงดังออกมาจากในห้องน้ำ ทำเอาอรัณสะดุ้งโหยง เมื่อคั้ตั้งสติได้ร่างของเธอก็ดีดตัวลุกและพุ่งไปยังประตูห้องน้ำทันที
"ออกไปนะ!!!"
การกระทำไวกว่าความคิด มือเรียวคว้าหมับที่เปิดประตู และเพราะความเคยชินของเพลิงคือไม่ล็อคประตูไว้จึงทำให้คนข้างนอกเปิดเข้าไปได้ง่ายดาย
"ไปตายซะ"
แมลงสาปตัวอ้วนถูกแรงดันน้ำในชักโครกกดลงไปแล้ว เพราะเจ้าแมลงโง่ๆร่วมโลกดันเข้ามาผิดเวลาเอง ดีที่เขาอาบน้ำเสร็จแล้ว ความเงียบกลับมาอีกครั้ง เพลิงหันหลังกลับเพื่อจะเอาไปชุดคลุมอาบน้ำ เขาก็ได้รู้ว่ามีอรัณยืนมองร่างเปลือยที่ยืนอยู่กลางห้องน้ำกว้างไม่วางตา
"....."
".....อะ....รัณ"
ปัง!!
ไม่รู้ว่าอรัณยืนดูเขาด้วยสายตาแบบนั้นนานแค่ไหน แต่ที่รู้แน่ๆก็คืออรัณเห็นทุกอย่างหมดแล้ว ทุกอย่างที่เป็นร่างกายของเขา ร่างกายที่ไร้อาภรณ์ทั้งร่าง เป็นอีกครั้งที่หัวใจต้องทำงานหนัก
"เห็นหมดแล้ว ฮือออ อีแมลงสาปบ้า"
สองมือยกขึ้นมากุมใบหน้าร้อนฉ่าไม่ปล่อย
"รู้สึกเหมือนเสียซิงแปลกๆ"
ทางด้านอรัณที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนตั้งที่เธอกระชากประตูปิดตามเดิม
"ขาวจังวะ"
มือเรียวยกขึ้นมาแตะๆใต้จมูกโด่งเพื่อตรวจดูว่าไม่มีของเหลวสีแดงไหลออกมาเหมือนในละครที่เคยดูผ่านๆ ลำคอแห้งผากรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาสองขาจึงพาตัวเองไปยังห้องครัวอย่างล่องลอย
.............................................................................
อืดเด้อ มาช้าดีกว่าไม่มาเน้อะ555555
ตอนนี้เราหาอิมเมจตุลการณ์เจอแล้วนะคะ ถ้าสนใจก็ตามไปส่องในเพจได้เลย