ตอนที่ 1 ผู้บุกรุก(Rewrite)
ผู้บุกรุก
@@@@@@
ยามจื่อ(23.00-24.59น.)
เมืองเฉิงฟาน เมืองหลวงแคว้นเกา
เมืองเฉิงฟาง คือชื่อของเมืองหลวงแคว้นเกา หนึ่งในสี่แคว้นใหญ่ทางเหนือที่มีองค์หวงตี้เป็นผู้ปกครองสูงสุด เมืองหลวงแห่งนี้ขึ้นชื่อทั้งด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจและที่สำคัญเฉิงฟางคือแหล่งศึกษาหาความรู้ทางการแพทย์ที่ใหญ่และได้รับการยกย่องมากที่สุด
แต่ละปีมีผู้คนทั้งในและนอกแคว้นมากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าศึกษายังสำนักศึกษาเสินหนงและสำนักศึกษาแพทย์อื่นๆอีกสองแห่ง ว่ากันว่าหมอที่จบการศึกษาจากเมืองเฉิงฟางจะมีเกียรติและได้รับการยกย่องมากกว่าหมอที่จบการศึกษาจากเมืองอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมืองนี้จะเจริญรุดหน้ามากกว่าเมืองหลวงของแคว้นอื่นอีกสามแคว้น
เมืองเฉิงฟางอยู่ไม่ไกลจากชายแดนแคว้นเหลียงเท่าใดนัก ดังนั้นแม้จะมีอากาศหนาวเย็นกว่าแคว้นอื่นอยู่บ้างหากแต่ก็มิได้ถึงขั้นเย็นจัดกลับกันเมืองหลวงแห่งนี้กลับมีอากาศเย็นสบายทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้คนในเมืองนี้คึกคักหนาตาเพราะการค้าขายระหว่างแคว้นค่อนข้างเปิดกว้าง แต่กระนั้นเมืองหลวงแห่งนี้กลับปราศจากโจรผู้ร้ายเฉกเช่นเมืองสำคัญเมืองอื่น นั่นเป็นเพราะเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองทัพตระกูลหยาง
ตระกูลหยาง คือตระกูลแม่ทัพใหญ่ที่ทำหน้าที่ปกป้องแคว้นเกามาหลายชั่วอายุ กองทัพตระกูลหยางคือกองทัพที่แข็งแกร่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ ว่ากันว่าเพียงนายทหารชั้นประทวนนายเดียวก็สามารถจัดการข้าศึกได้มากกว่าสิบคน ดังนั้น พวกโจรทั้งหลายต่างหวาดกลัวจนไม่มีผู้ใดหรือกลุ่มใดหาญกล้าก่อความไม่สงบหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับเมืองเฉิงฟางทั้งในยามกลางวันหรือในยามราตรี หากแต่คืนนี้กลับแตกต่างออกไป
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เสียงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่บนหลังคาบ้านเรือนหลบหลีกเวรยามของตระกูลหยางได้อย่างคล่องแคล่ว หากมิใช่ผู้มีวรยุทธแข็งแกร่งแล้วก็แสดงว่าบุคคลผู้นี้รู้การเคลื่อนไหวของเวรยามที่ถูกส่งมาจากกองทัพตระกูลหยางเป็นอย่างดี
ฟิ้ว!
เงาร่างปราดเปรียวที่สวมชุดสีดำสนิทตรงเข้าไปยังหลังคาจวนใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จวบจนดวงตาที่ไม่ถูกผ้าสีดำปิดเอาไว้แลเห็นป้ายจวนพระราชทานขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางจวนอื่นๆ ‘จวนตระกูลตงฟาง’
ฟิ้ว! ฟุบ!
เงาร่างสีดำพลิ้วกายหลบเวรยามที่วางไว้บางตา ก่อนจะหายเข้าไปในห้องใหญ่ห้องหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางจวนแห่งนี้
“แฮกๆๆ”
เสียงหอบหายใจถี่ที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ ตงฟางฮุ่ยเปียว ที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด
“แฮกๆๆ”
สตรี! เสียงนี้คือสตรีไม่ผิดแน่! ร่างสูงคิดในใจก่อนจะพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดมิด เขาจ้องไปยังผู้บุกรุกที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสองชุ่น(นิ้ว) พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้น
ปึก!
ทันใดนั้น! มือเล็กบางจากสตรีปริศนาก็เอื้อมมาปิดตาทั้งสองข้างของเขา ก่อนจะใช้มืออีกข้างสกัดจุดเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ เมื่อถูกสกัดจุดความรู้สึกชาและไร้เรี่ยวแรงก็ตรงเข้าจู่โจมร่างกายในทันที
นางมีวรยุทธ!
“ขอ...ขออภัยท่านด้วย ข้ามีความจำเป็น แฮก! จริงๆ”
เสียงแหบพร่าที่ดังออกมาจากปากสตรีปริศนาพร้อมกับผ้าผืนเล็กที่เลื่อนมาผูกดวงตาทั้งสองข้างของตงฟางฮุ่ยเปียวเอาไว้ ร่างสมส่วนในชุดสีดำเลื่อนตัวเองขึ้นมานั่งคร่อมร่างสูงก่อนที่สองมือจะกระชากอาภรณ์ตัวบางของเขาให้แบกออก
พรึบ!
ดวงตาภายใต้ผืนผ้าจะเบิกกว้างเมื่อสตรีผู้นั้นทำในสิ่งที่เขามิได้คาดคิด
“เจ้า! เจ้าต้องการอะไร?” ร่างสูงตวาดถามด้วยโทสะระคนแปลกใจเมื่อสองมือที่สั่นระริกค่อยลากเลื่อนไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่นของเขา แม้จะรู้สึกวาบหวามเพราะสัมผัสรุกเร้าหากแต่เขาก็ข่มใจตัวเองไว้ก่อนจะตวาดออกไปอีกครั้ง
“เจ้าต้องการอะไร! เหตุใดจึงต้องสกัดจุดข้า หึ! หากอยากฆ่าให้ก็เชิญเถิด ลูกผู้ชายอย่างข้าย่อมไม่เกรงกลัวต่อความตาย”
เขาตงฟางฮุ่ยเปียว เสนาธิการกองทัพใหญ่แห่งแคว้น บุรุษที่ได้รับการยกย่องว่าเปี่ยมไปด้วยปัญญาและความสามารถ เป็นกุนซือคู่ใจแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบหนาว วรยุทธของเขาเองก็มิใช่ชั่วสามารถพูดได้ว่านอกจากนายกองมากฝีมือหรือระดับแม่ทัพและรองแม่ทัพแล้ว คงเหลือคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะสามารถประมือกับเขาได้ แล้วสตรีน่าตายผู้มีวรยุทธสูงส่งนี้เป็นผู้ใดกันแน่!
“ข้า แฮกๆ หาได้ต้องการชีวิตท่าน สิ่ง แฮกๆ ที่ข้าต้องการคือ...”
“เจ้าต้องการสิ่งใด...เฮือก!”
ถามยังไม่ทันจบดี สตรีน่าตายผู้นี้ก็ใช้มือเล็กเลื่อนลงมากอบกุมความเป็นชายของเขาเอาไว้เสียก่อน นางบีบขยำด้วยความรุนแรงโดยไม่ปิดบังความต้องการ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งก็กอบกุมทรวงอกแกร่งข้างหนึ่งของเขาเอาไว้เช่นกัน
“อา...เจ้า! สตรีไร้ยางอาย เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”
ร่างบางรู้สึกหงุดหงิดกับเสียงต่อต้านจึงเลื่อนใบหน้าของตนขึ้นก่อนจะประกบริมฝีปากของตนลงกับริมฝีปากบางของเขา
“หยุด! อา...หยุดเดี๋ยว...อื้อ”
ร่างบางที่กำลังเอ่ยคำถูกบังคับให้รับจุมพิตดุดันพร้อมบดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างหนักเสียก่อน
“อื้ม ข้าขอ...ขอโทษ ข้าคง...คงต้องล่วงเกินท่านเสียแล้ว…” สตรีแปลกหน้าพึมพำแผ่วเบาในลำคอ
น่าตาย! ใครสั่งใครสอนนางให้เอ่ยวาจาในขณะที่จุมพิตกันเล่า! น่าตายยิ่งนัก!
แม้จะนึกตำหนิในใจหากแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าสัมผัสที่ไร้ประสบการณ์ของนางกระตุ้นความต้องการของเขาได้มากนัก แม้จุมพิตจะรุนแรง หนักหน่วงหากแต่มันช่าง...อ่อนหัด!
สตรีน่าตาย! หากไม่ติดว่าร่างนี้โดนนางสกัดจุดแล้วล่ะก้อ เขาจะพลิกร่างนางลงกับเตียงแล้วสั่งสอนให้รู้รสชาติของการแลกจูบระหว่างชายหญิงเสียเดี๋ยวนี้เผื่อนางจะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง!
ริอาจจะเป็นโจรปล้นสวาท แต่กลับไม่มีประสบการณ์ ช่างน่าตายจริงเชียว!
แม้ในใจเขาจะนึกตำหนิสัมผัสเงอะงะงุ่นง่านของนางครั้งแล้วครั้งเล่าแต่อย่างไรเขาก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นรุกเร้าโดยเพศตรงข้ามอย่างจึงอย่างยิ่งที่จะระงับอารมณ์ไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับนาง...
“อา อื้ม...” ร่างสูงส่งเสียงครางต่ำปนแหบพร่า เมื่อสตรีนางนั้นเลื่อนริมฝีปากลงมาขมเม้มที่ริมใบหู ลิ้นเล็กลากเรื่อยลงมาที่ลำคอของเขาในขณะที่สองมือยังบีบขยำอกแกร่งไม่หยุดหย่อน
“ข้า...ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าต้องทำเช่นไร ต้องปลดปล่อยเช่นไร แฮกๆ ข้าทรมาน...ทรมานเหลือเกิน”
ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกใจอีกครั้ง
“นี่เจ้าจะบอกว่า เจ้าไม่เคยทำเรื่องแบบนี้อย่างนั้นรึ?” นางบุกมาถึงห้องนอนของเขาทั้งๆที่นางไม่เคย จะเป็นไปได้อย่างไร!
“ไม่เคยแล้วอย่างไรเล่า! เจ้า...อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร ว่าข้า ฮึก!...ข้าต้องเจอกับอะไรบ้าง ฮึก!” สตรีแปลกหน้าตวาดออกมาปนเสียงสะอื้น ก่อนจะเอ่ยขอร้องเขาอีกครั้ง
“ได้โปรด ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าสักครั้ง ฮึก!” นางกล่าวออกมาอย่างอัดอั้นปนเสียงสะอื้น ใครเล่าอยากทำอย่างนี้! ใครเล่าอยากหลับนอนกับบุรุษที่มิใช่สามี ใครอยากหลับนอนกับบุรุษที่ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผูกสมัครรักใคร่ ใครอยากกระทำตนเยี่ยงโจรเด็ดบุบผา!
แต่นางเลือกไม่ได้ แต่นางจำเป็นต้องทำ! นางยังไม่อยากตาย!
หยดน้ำตาหลั่งรินลงมาผ่านสองแก้ม แม้ตงฟางฮุ่ยเปียวจะมองไม่เห็นแต่เขาสามารถรับรู้ได้จากหยดน้ำที่ไหลผ่านลงมาที่หน้าท้องของเขา
“คลายจุดให้ข้าเถิด...ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
-จบตอน-
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น