สมัยกรุงศรีอยุธยา ก็มีคู่วายด้วยหรอเนี่ย???
(ภาพจากภาพยนตร์เรื่องยามาดะ ซามูไรอโยธยา : http://www.iseehistory.com/index)
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวธัญวลัยทุกคนค่ะ หลังจากที่ธัญวลัยได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับวายคู่แรกของโลกกันไปแล้วนั้น และตามสัญญาค่ะ คราวนี้เราจะมาต่อกันถึงตำนานคู่วายของไทยกันบ้าง
จริงหรือไม่ วายไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ?
(https://kengkie.wordpress.com/category/book-review)
คู่วายของไทยในสมัยอยุธยา ยังไม่ปรากฏตัวตนแน่ชัดนักค่ะ แต่หลักฐานจาก “กฏหมายตราสามดวง” ที่นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าตราขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น และมีการชำระมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์นั้น มีมาตรหนึ่งที่ระบุถึงคำว่า “กะเทย” หรือ “บัณเฑาะก์” บุคคลที่ชายก็ไม่ใช่ หญิงก็ไม่เชิง ห้ามเป็นพยานในชั้นศาล
นอกจากนั้นจากการบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1634 ได้บันทึกถึงเจ้าหน้าที่การค้าชาวฮอลันดา ที่ประจำอยู่กรุงศรีอยุธยา ชื่อนายโยส สเคาเต็น ถูกลงโทษประหารชีวิตโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ข้อหาเป็นพวกรักร่วมเพศ ซึ่งคุณสเคาเต็นเค้าก็รับสารภาพแต่โดยดีค่ะ และยังซัดทอดมาอีกว่าได้รับแบบอย่างดังกล่าวมาจากกรุงศรีอยุธยา!
แต่ที่หลักฐานยังไม่แน่ชัดนัก เป็นเพราะพฤติกรรมรักร่วมเพศเกิดขึ้นเฉพาะในรั้วราชสำนัก กลุ่มขุนน้ำขุนนาง มากกว่าที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านธรรมดา อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย น่ารังเกียจต่อวงศ์ตระกูลและสังคม คู่วายของไทยในช่วงนั้นจึงต้องแอบคบกันแบบหลบๆซ่อนๆไม่ใครรับรู้
เล่นสวาท คำติดเรทในสมัยรัตนโกสินทร์
คุณหลวงคนนั้นเล่นสวาทกับบ่าวในบ้าน
ถ้าสมมุติเพื่อนๆเกิดหลงยุคไปโผล่อยู่กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ธัญวลัยขอเตือนด้วยความหวังดีเลยนะคะว่า อย่าหลุดพูดคำคำนี้เด็ดขาด เพราะมันติดเรทมากๆ
มีบางคนยกมือค้าน ไม่เห็นจะติดเรทตรงไหนเลย ธัญวลัยเอาอะไรมาพูด!
เดี๋ยวค่ะ ฟังธัญวลัยก่อนแล้วค่อยตัดสิน
พฤติกรรมชายรักร่วมเพศ หรือที่เรียกว่า "เล่นสวาท” นั้น เป็นพฤติกรรมที่มีบทลงโทษหนักมาก ดังกรณีของหม่อมไกรสร พระราชโอรสในรัชกาลที่ 1 และเป็นพระสหายรักของรัชกาลที่ 3 นิสัยของหม่อมไกรสรนั้น เป็นคนตรงๆค่ะ ไม่เกรงกลัวใคร ไม่ชอบหน้าใครก็บอกไปตรงๆ ที่คนในสมัยนี้เรียกว่า “แรงงงง” ด้วยเหตุนี้ขุนนางจึงไม่ค่อยชอบท่านนัก คอยแต่จะหาเรื่องใส่ร้ายกลั่นแกล้งท่านอยู่เสมอ
และแล้ว โอกาสของพวกเขาก็มาถึง...
กลุ่มขุนนางร่วมกันกล่าวหาว่าท่านเป็นกบฎต่อแผ่นดิน และข้อหาที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ กล่าวว่าท่านทำการเล่นสวาทกับบรรดานักแสดงชายในคณะละครนอกของตน จนไม่ยอมกลับไปร่วมห้องหับกับหม่อมห้ามนางสนมในวังอีก ด้วยนิสัยของท่านที่เป็นคนตรงๆ มีรสนิยมอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น ไม่ได้ “แอบๆซ้อนๆ” จนเป็นที่รับรู้กันของชาวบ้านทั่วไป ที่เรียกคณะละครเหล่านั้นว่า “นายใน”
อุ๊ตะ! นายในคือใครเนี่ย เหมือนกับนางในหรือเปล่า?
อย่างที่เพื่อนๆรู้กัน นางใน ก็คือบรรดานางสนมที่อยู่ในรั้ววังหลวง ส่วนนายใน ว่ากันว่าทำหน้าที่ไม่ต่างจากนางในนัก ผิดกันแต่ว่านางในนั้นเป็นผู้หญิง แต่นายในนั้นเป็นชายล้วนค่ะ!
หม่อมไกรสรจึงได้รับข้อหาวายในทันที!
เรื่องนี้นักประวัติยืนยันได้จากบันทึกในหนังสือพิมพ์สยามประเภท ที่มีความว่า
“เอามือเจ้าละครและมือท่าน กำคุยหฐานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ให้สำเร็จภาวะธาตุเคลื่อนพร้อมกัน"
ให้ธัญวลัยแปลให้ตรงๆก็คือ การใช้มือสำเร็จความใคร่ให้กัน หรือใครจะจินตนาการกว่านั้นก็สุดแล้วแต่ค่ะ
(คณะละครนอก ที่เป็นนักแสดงชายล้วน : http://pantip.com/topic/31626484)
เมื่อถูกสอบสวนถึงข้อเท็จจริง หม่อมไกรสรจึงตอบไปตรงๆ อย่างไม่สะทกสะท้านว่า “การไม่อยู่กับลูกกับเมียนั้น ไม่เกี่ยวข้องต่อการแผ่นดิน” เป็นคำตอบที่ได้ใจชาววายไปเต็มๆเลยค่ะ
แต่เรื่องนี้ทำให้ร.3 ทรงขัดเคืองพระทัยมาก จึงสั่งให้ถอดจากกรมหลวง ลดยศเหลือเป็นแค่ "หม่อมไกรสร" แล้วให้ไปสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ที่วัดปทุมคงคา แต่บ้างก็ว่าหม่อมไกรสรถูกตัดสินประหารชีวิตจากเหตุผลทางการเมืองในข้อหากบฎมากกว่า
ไม่ว่าอย่างไร ธัญวลัยก็ต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญของท่าน ที่กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่คิดปิดบังเหมือนคนอื่นๆ แม้จะรู้ว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นหนทางไปสู่ความตายก็ตาม
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 เรื่องรักร่วมเพศเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น เริ่มมีการใช้คำว่า "Homosexual" ส่วนพฤติกรรมรักร่วมเพศของคนทั่วไป เริ่มเป็นที่รับรู้ในสมัยหลังประชาธิปไตย และในยุคหลังเริ่มมีสื่อของวายมากขึ้น เช่น ในภาพยนตร์ และนวนิยาย เช่น นิยายวายที่ชาวธัญวลัยรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ในสมัยนั้น เรื่องพวกนี้ถือเป็นของแปลก วิตถาร เป็นสิ่งที่สังคมไม่อาจยอมรับได้เลย
สำหรับธัญวลัยเชื่อว่า ความรักไม่ว่ารูปแบบใดก็งดงามเสมอ ถ้ารักนั้นเกิดจากความจริงใจของคนทั้งสอง ที่ซื่อสัตย์ เมตตา และหวังดีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่หญิงชาย หรือจะเพศเดียวกันก็ตาม ถ้ารักกันแล้ว สิ่งนั้นก็เรียกว่ารัก
Because love is love เพราะรักก็คือรัก
ไม่อาจแปรผันเป็นอย่างอื่นได้...
เพื่อนๆคิดเช่นนั้นหรือเปล่าคะ?
(ภาพจำลองการประหารด้วยท่อนจันทน์
:http://peachful-thaland.blogspot.com/2014/06/blog-post_1621.html)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
บทความ "ตำนานรักร่วมเพศ" ของ กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : http://blackrain.exteen.com/20080824/entry
ส่องสร้างสังคมไทย ประวัติศาสตร์ เกย์ ในสยามประเทศ : ที่มาของคำเรียกเกย์ กะเทย ในบริบทสังคมไทย : http://www.vcharkarn.com/blog/17988
บทความพิเศษ : รวี ตาวัน :http://www.madmenwriter.com/No20/bthkhwam_phises.html
แชร์เลย
17.7kอ่านประกาศ 2016-06-14T05:40:30.9970000+00:00ลงประกาศ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น