เดือนดับที่ลับแล Eight nights Beyond the Moonlight

ดราม่า

เดือนดับที่ลับแล  Eight nights Beyond the Moonlight

เดือนดับที่ลับแล Eight nights Beyond the Moonlight

ดวงจำปา

ดราม่า

1
ตอน
1.99K
เข้าชม
48
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

 เดือนดับที่ลับแล  Eight nights Beyond the Moonlight

 

 

 

 

 

 

 

คำโปรย เขมะทัตได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เมืองจำลองภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวบ้านธรรมดา กลุ่มหนึ่งในตำบลบ้านเชียง

“เมืองจำลองเหล่านี้ ทำมาจากวัสดุที่ได้จากท้องถิ่น ทั้งนั้นเลยนะครับลุงเพิ่ม  น่าอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษา  เรือนไม้หลังเล็ก หลายหลัง หน้าจั่วเรือนไทยโบราณ ทำจากไม้ไผ่สานเป็นลวดลาย ทาสีไม้ ธรรมชาติ  ศิลปะ ปราณีตมาก”

เขมะทัตกล่าวกับลุงเพิ่ม อย่างชื่นชม ลุงเพิ่มยิ้มท่าทางใจดี

“ขอบคุณมากครับคุณเขม ที่ชอบพิพิธภัณฑ์ของเรา คุณเขมอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้เลยนะครับ”

“เอ่อ เรือนจำลองหลังเล็กเหล่านี้ มีที่มาที่ไปยังไงครับ หมู่บ้านอะไร มาจากไหน ดูสวยงามแปลกๆ แตกต่างจากแบบอื่น ดูการจัดวางต้นไม้หน้าบ้าน ส่วนมากที่เห็นน่าจะเป็นต้นโชนดนะครับ”

ลุงเพิ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้ามีพิรุธ ไม่กล้าบอกเรื่องเล่าที่เป็นตำนานมาหลายร้อยปี เพราะเขมะทัตเป็นคนสมัยใหม่ คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

“เมืองที่ว่านี้ เขาเรียกว่าเมืองบังบด หรือเมืองลับแล เมืองที่มนุษย์อย่างเรา ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  มีเรื่องเล่าต่อๆกันมา ว่าเมืองลับแล อยู่ในดินแดนอันลึกลับ ซับซ้อน บางคนก็ได้ไปแค่ในความฝัน  คนโบราณบางคน เคยหลงเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลากลับออกมาสู่โลกปัจจุบัน  ชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด ทนเห็น คนที่รัก และญาติๆ ล้มหายตายจากไปกันหมด เขายังเล่าต่อว่า เข้าไปอยู่เมืองลับแลช่วงคืนเดือนเพ็ญ พอ8วันผ่านไป  ถึงคืนข้างแรม เดือนดับ ก็กลับออกมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป 8วันที่ดินแดนลับแล เท่ากับ 108  ปีโลกมนุษย์”   เนื้อหาเดี๋ยวมาลงเพิ่มค่ะ

คำโปรย เขมะทัตได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เมืองจำลองภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวบ้านธรรมดา กลุ่มหนึ่งในตำบลบ้านเชียง

“เมืองจำลองเหล่านี้ ทำมาจากวัสดุที่ได้จากท้องถิ่น ทั้งนั้นเลยนะครับลุงเพิ่ม  น่าอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษา  เรือนไม้หลังเล็ก หลายหลัง หน้าจั่วเรือนไทยโบราณ ทำจากไม้ไผ่สานเป็นลวดลาย ทาสีไม้ ธรรมชาติ  ศิลปะ ปราณีตมาก”

เขมะทัตกล่าวกับลุงเพิ่ม อย่างชื่นชม ลุงเพิ่มยิ้มท่าทางใจดี

“ขอบคุณมากครับคุณเขม ที่ชอบพิพิธภัณฑ์ของเรา คุณเขมอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้เลยนะครับ”

“เอ่อ เรือนจำลองหลังเล็กเหล่านี้ มีที่มาที่ไปยังไงครับ หมู่บ้านอะไร มาจากไหน ดูสวยงามแปลกๆ แตกต่างจากแบบอื่น ดูการจัดวางต้นไม้หน้าบ้าน ส่วนมากที่เห็นน่าจะเป็นต้นโชนดนะครับ”

ลุงเพิ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้ามีพิรุธ ไม่กล้าบอกเรื่องเล่าที่เป็นตำนานมาหลายร้อยปี เพราะเขมะทัตเป็นคนสมัยใหม่ คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

“เมืองที่ว่านี้ เขาเรียกว่าเมืองบังบด หรือเมืองลับแล เมืองที่มนุษย์อย่างเรา ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  มีเรื่องเล่าต่อๆกันมา ว่าเมืองลับแล อยู่ในดินแดนอันลึกลับ ซับซ้อน บางคนก็ได้ไปแค่ในความฝัน  คนโบราณบางคน เคยหลงเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลากลับออกมาสู่โลกปัจจุบัน  ชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด ทนเห็น คนที่รัก และญาติๆ ล้มหายตายจากไปกันหมด เขายังเล่าต่อว่า เข้าไปอยู่เมืองลับแลช่วงคืนเดือนเพ็ญ พอ8วันผ่านไป  ถึงคืนข้างแรม เดือนดับ ก็กลับออกมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป 8วันที่ดินแดนลับแล เท่ากับ 108  ปีโลกมนุษย์”   เนื้อหาเดี๋ยวมาลงเพิ่มค่ะ

คำโปรย เขมะทัตได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เมืองจำลองภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวบ้านธรรมดา กลุ่มหนึ่งในตำบลบ้านเชียง

“เมืองจำลองเหล่านี้ ทำมาจากวัสดุที่ได้จากท้องถิ่น ทั้งนั้นเลยนะครับลุงเพิ่ม  น่าอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษา  เรือนไม้หลังเล็ก หลายหลัง หน้าจั่วเรือนไทยโบราณ ทำจากไม้ไผ่สานเป็นลวดลาย ทาสีไม้ ธรรมชาติ  ศิลปะ ปราณีตมาก”

เขมะทัตกล่าวกับลุงเพิ่ม อย่างชื่นชม ลุงเพิ่มยิ้มท่าทางใจดี

“ขอบคุณมากครับคุณเขม ที่ชอบพิพิธภัณฑ์ของเรา คุณเขมอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้เลยนะครับ”

“เอ่อ เรือนจำลองหลังเล็กเหล่านี้ มีที่มาที่ไปยังไงครับ หมู่บ้านอะไร มาจากไหน ดูสวยงามแปลกๆ แตกต่างจากแบบอื่น ดูการจัดวางต้นไม้หน้าบ้าน ส่วนมากที่เห็นน่าจะเป็นต้นโชนดนะครับ”

ลุงเพิ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้ามีพิรุธ ไม่กล้าบอกเรื่องเล่าที่เป็นตำนานมาหลายร้อยปี เพราะเขมะทัตเป็นคนสมัยใหม่ คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

“เมืองที่ว่านี้ เขาเรียกว่าเมืองบังบด หรือเมืองลับแล เมืองที่มนุษย์อย่างเรา ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  มีเรื่องเล่าต่อๆกันมา ว่าเมืองลับแล อยู่ในดินแดนอันลึกลับ ซับซ้อน บางคนก็ได้ไปแค่ในความฝัน  คนโบราณบางคน เคยหลงเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลากลับออกมาสู่โลกปัจจุบัน  ชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด ทนเห็น คนที่รัก และญาติๆ ล้มหายตายจากไปกันหมด เขายังเล่าต่อว่า เข้าไปอยู่เมืองลับแลช่วงคืนเดือนเพ็ญ พอ8วันผ่านไป  ถึงคืนข้างแรม เดือนดับ ก็กลับออกมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป 8วันที่ดินแดนลับแล เท่ากับ 108  ปีโลกมนุษย์”   เนื้อหาเดี๋ยวมาลงเพิ่มค่ะ

คำโปรย

เขมะทัตได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เมืองจำลองภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวบ้านธรรมดา กลุ่มหนึ่งในตำบลบ้านเชียง

“เมืองจำลองเหล่านี้ ทำมาจากวัสดุที่ได้จากท้องถิ่น ทั้งนั้นเลยนะครับลุงเพิ่ม  น่าอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษา  เรือนไม้หลังเล็ก หลายหลัง หน้าจั่วเรือนไทยโบราณ ทำจากไม้ไผ่สานเป็นลวดลาย ทาสีไม้ ธรรมชาติ  ศิลปะ ปราณีตมาก”

เขมะทัตกล่าวกับลุงเพิ่ม อย่างชื่นชม ลุงเพิ่มยิ้มท่าทางใจดี

“ขอบคุณมากครับคุณเขม ที่ชอบพิพิธภัณฑ์ของเรา คุณเขมอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ถามได้เลยนะครับ”

“เอ่อ เรือนจำลองหลังเล็กเหล่านี้ มีที่มาที่ไปยังไงครับ หมู่บ้านอะไร มาจากไหน ดูสวยงามแปลกๆ แตกต่างจากแบบอื่น ดูการจัดวางต้นไม้หน้าบ้าน ส่วนมากที่เห็นน่าจะเป็นต้นโชนดนะครับ”

ลุงเพิ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้ามีพิรุธ ไม่กล้าบอกเรื่องเล่าที่เป็นตำนานมาหลายร้อยปี เพราะเขมะทัตเป็นคนสมัยใหม่ คงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

“เมืองที่ว่านี้ เขาเรียกว่าเมืองบังบด หรือเมืองลับแล เมืองที่มนุษย์อย่างเรา ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  มีเรื่องเล่าต่อๆกันมา ว่าเมืองลับแล อยู่ในดินแดนอันลึกลับ ซับซ้อน บางคนก็ได้ไปแค่ในความฝัน  คนโบราณบางคน เคยหลงเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลากลับออกมาสู่โลกปัจจุบัน  ชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด ทนเห็น คนที่รัก และญาติๆ ล้มหายตายจากไปกันหมด เขายังเล่าต่อว่า เข้าไปอยู่เมืองลับแลช่วงคืนเดือนเพ็ญ พอ8วันผ่านไป  ถึงคืนข้างแรม เดือนดับ ก็กลับออกมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป 8วันที่ดินแดนลับแล เท่ากับ 108  ปีโลกมนุษย์”

 

เนื้อหาเดี๋ยวมาลงเพิ่มค่ะ

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว